ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / นิยายวาย / ทวิลีลาวดี (พีเรียดวาย)
ทวิลีลาวดี (พีเรียดวาย)

ทวิลีลาวดี (พีเรียดวาย)

4.9
51 บท
90.3K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

รักข้ามภพ พันธนาการเหนือกาลเวลา "ดอกลั่นทม... สัญลักษณ์แห่งการรอคอย... รอรักแท้ หรือ รอคอยใครสักคนมาคลายปมใจ?" เมื่อชายหนุ่มผู้รักความสงบ ดันย้อนเวลากลับไปสู่ยุครัชกาลที่ 5 พบกับชายหนุ่มรูปงาม เสียงเพลงไทยโบราณ และความวุ่นวายอลหม่าน รักแท้ที่ผลิบาน ท่ามกลางกลิ่นอายของอดีต แต่แล้ว... ความจริงอันโหดร้ายก็ปรากฏ เขาไม่ใช่คนของโลกนี้! ดอกลั่นทมจะเป็นกุญแจไขความลับ นำทางเขากลับสู่โลกเดิม หรือ... ทิ้งทุกสิ่งเพื่อรักแท้ที่รอคอยมายาวนาน ร่วมค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน #ทวิลีลาวดี นิยายโรแมนติกคอมเมดี้พีเรียด ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่โลกอดีต เต็มไปด้วยความอบอุ่น ลุ้นระทึก ขำกลิ้ง และความประทับใจ

บทที่ 1 ปฐมบท

ห้องขนาดหนึ่งคูณหนึ่งไม่กว้างมาก พนังสีฟ้าอ่อน เตียงขนาดห้าฟุตชิดกำแพง แสงแดดกับเสียงนกร้องที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานเกล็ดหัวเตียงทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้น มือบางควานเข้าไปใต้หมอนหยิบโทรศัพท์สีดำขึ้นมาเปิดดูเวลา

[07.00]

ผมลุกขึ้นนั่งสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแรงๆ ยกยิ้มให้กับการเริ่มต้นใหม่เหมือนทุกวัน ก่อนลุกหนีออกจากผ้าห่มสีน้ำเงินแสนสบายที่มีรอยขาดเล็กน้อย ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว

ทุกอย่างเรียบร้อยภายในสิบนาที ผมสะพายเป้สีเหลืองสดใสที่สายขาดข้างหนึ่งขึ้นบ่าขวา หยิบกุญแจปิดประตูออกไปขึ้นรถเมล์

ปริ้นๆ

“พี่ยอดหล่อมากเลยอะแก ถ้าฉันรู้ก่อนนะจะยอมซ้ำชั้นเลย ซ้ำชั้นสักปีแลกกับได้มีเพื่อนผู้ชายหล่อๆแบบนี้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม” หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่นั่งด้านหน้าผมสองคนคุยกันเสียงดัง

“เดี๋ยว...ช้าๆ ค่อยๆพูด ไหน เอามาดูสิ” เสียงเงียบไปชั่วอึดใจ “นี่รุ่นน้องภาคเราหรือ ทำไมฉันไม่เห็นรู้ ว่าเรามีรุ่นหน้าเบ้าหน้าเทพบุตรแบบนี้”

“ถ้าเป็นรุ่นน้องก็ดีสิแก เนี่ยพี่ยอดปีสองโบราณคดี”

“ก็เป็นน้องสิ แบบนี้แกยอมซ้ำชั้นสิบปีก็เปล่าประโยชน์”

“อย่าหาทำ ใครมองหน้าพี่ยอดแล้วเรียกน้องได้ กูก้มกราบเลยเอ้า งานดีขนาดนี้”

ผมหูผึ่งฟังสองสาวด้านหน้าคุยอย่างออกรสออกชาติ ดูเหมือนพวกเธอจะเป็นนักศึกษามหาลัยเดียวกัน นี่ถ้าไม่อยากเสียมารยาทผมคงตะโกนใส่หูสองคนนั้นด้วยความภูมิใจว่า

ผมนี่แหละที่นอกจากไม่เรียกไอ้ยอดว่าพี่แล้ว เดี๋ยวจะควงแขนไปเที่ยวให้ดูเลย!

“ป้ายหน้ามหาวิทยาลัยเป็ดสวรรค์” กระเป๋ารถเมล์ตะโกนเสียงดัง

ผมกระชับสายเป้สีเหลืองลุกขึ้นยืนเตรียมตัวลงจากรถ ไม่ลืมหันไปมองสองสาวแล้วยิ้มให้อย่างนึกขำในใจ พวกเธอคงเป็นแฟนคลับหน้าใหม่ หารู้ไม่ว่าคนที่เธอชื่นชอบ ความจริงแล้ว...เป็นแค่ คนไม่เอาไหน

แกร๊ก....แกร๊ก...แกร๊ก

“ไม่มา ยังไม่มา”

ผมบ่นพึมพำอยู่หน้าประตูห้องเรียนหลังจากยืนรากงอกมาไม่ต่ำกว่าสิบนาทีแล้ว นักศึกษาทยอยกันเข้าห้องเรียนกันหมด ยกเว้น...ผม

หงุดหงิดอะ อยากเข้าไปในห้องก็ทำไม่ได้ ยืนต่อไป อย่างน้อยก็ยังสายไม่ถึงสิบนาที ไม่งั้นเข้าก่อนได้โดนเจ้านั่นบ่นแน่

“ฮ่าๆๆ มารอคนหล่อหรือครับน้อง”

หลงตัวเองไม่เปลี่ยน

ผู้ชายผิวขาวตาสีน้ำตาลผมสีน้ำตาล มองผ่านๆเหมือนพวกเกย์รับด้วยหุ่นทรงนายแบบและดูสำอาง แต่ยังดีที่การแต่งตัวและท่าทางดูแมนเต็มร้อย สาวๆในมหาลัยเลยต่างพากันตั้งฉายาให้ว่า ‘ยอดสายลมแห่งความเจ้าชู้’

ผมยักใหล่เหวี่ยงเป้ให้มาข้างหน้า มือล้วงหยิบสมุดเล็กเชอร์ที่มีตรามหาวิทยาลัยสองเล่มให้อีกคนที่มัวแต่กดโทรศัพท์

“ยอดสมชื่อจริงๆ มาสายไม่พอยังมัวแต่ตอบแชทสาว เอาสมุดคืนไปเลย”

“ฮ่าๆ น้ำเพื่อนรักวันนี้เลิกเรียนเดี๋ยวกูฝากเหมือนเดิมนะ มึงก็รู้ว่ากูไม่มีเป้ มาเรียนก็เจอมึงอยู่ดี ฝากเก็บหน่อยนะเพื่อน”

ผมเป็นเด็กเรียน หน้าตาไม่จัดว่าดีมากแต่อย่างน้อยก็ไร้สิวดูสะอาดไร้หนวดเครา จริงๆเป็นกรรมพันธุ์พ่อผมก็ไม่มีหนวดเครา

ผมพยักหน้าตัดรำคาญ รีบพาตัวเองเข้าห้องเรียน

“เดี๋ยวก่อน”

ผมหันไปมอง มือยังค้างที่ลูกบิดประตู

“มึงไม่ปิดกระเป๋าอีกแล้วนะ เมื่อกี้ตอนยืนรอก็เปิดอ้าซ่า”

“มันมีของสำคัญที่ไหน สงสัยลืมปิดตั้งแต่ตอนควักเงินซื้อตั๋วรถเมล์” ผมฉีกยิ้มให้ “ขอบใจที่เตือน”

.......

ออด!

พรึ่บพรั่บ ฉึบๆ เอี๊ยด

พอเสียงสัญญาณดังบอกเวลานักศึกษาก็พากันลุกขึ้นเก็บข้าวของรีบออกจากห้องไม่เว้นแม้แต่คนข้างๆผมที่นั่งเรียนไปตอบแชทสาวไป

“มึง กูกลับก่อนนะ รีบ อะนี่สมุด อย่าลืมเก็บดีๆปิดกระเป๋าด้วย” คนตัวโตปาดผมหนึ่งทีก่อนจะวางสมุดสองเล่มที่โต๊ะผม

“เฮ้อ เอาเถอะ พรุ่งนี้เจอกันแปดโมง คงไม่สายนะ”

“หา! พรุ่งนี้คนหล่ออย่างกูมีนัดโว้ย”

“ไม่ได้ พรุ่งนี้เราสองคนต้องไปสำรวจโบราณสถานบ้านเรือนไทยมาเขียนรายงาน เทอมนี้มึงก็รู้ว่าใครสอน กูไม่อยากหลุดทุน”

“ฮ่าๆ เด็กเรียนอย่างมึงๆไม่หลุดทุนหรอกน่า ไว้วันหลังนะ พรุ่งนี้กูนัดสาวไว้ ไปช้าสักก็ได้”

“ไม่ได้ อย่ามาต่อรอง”

“งั้นมึงไปหาซื้อเสื้อใหม่ไหม อย่าใช้แต่ของมือสอง เสื้อมึงเนี่ยเหลืองจนจะเน่าอยู่แล้ว กูไม่กล้าเดินด้วย เดี๋ยวสาวหนี”

เฮ้อ....มันยังใส่ได้จะซื้อทำไม

ผมลุกขึ้นยืนเมินคนที่ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด ไม่ได้โกรธอะไรนะครับ แต่เพราะเป็นเพื่อนกันไงเลยรู้ว่าถ้าคุยต่อต้องลงท้ายด้วยการเทนัดผมแน่ๆ

.......

“ที่นี่ดู...ไม่เหมือนบ้านเรือนไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 เลยนะ ปูพวกนนี้มันมาจากไหน ไม่ใช่ว่าถูกบูรณะก่อนขึ้นทะเบียนหรอกนะ”

บ้านเรียนไทยสองชั้นทรงตัวที่ด้านหน้าเป็นบันไดสองข้างเทลงตรงกลางใต้บันไดปีกซ้ายเป็นซุ้นประตูเข้าไปยังห้องด้านใน ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านทรงตะวันตกที่ทำจากไม้เสียมากกว่า ผมพยายามชะเง้อคอมองเข้าไปในตัวบ้าน โดยเฉพาะห้องชั้น 1 เสียดายที่ข้างในมันมืด แถมยังมีรั้วกั้นเขตสงวนห้ามเข้าอีก

ดั้นด้นมายี่สิบกิโล สงสัยจะไม่คุ้ม

“ฮ่าๆๆ มาน้อง เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง”

ผมละสายตาจากบ้านหลังโตตั้งตระหง่านมามองคนข้างๆ ทำหน้าเชิดดูภูมิอกภูมิใจมเสียเหลือเกิน เฮ้อ..เกินเยียวยา

“สมัยรัชกาลที่ 5 รับอิทธิพลหลายอย่างมาจากทางยุโรป ไม่ใช่แค่ปูนนะ จะอิฐ คอนกรีตหรือเสริมเหล็กทำหลังคารูปโดมก็ไม่แปลกหรอก”

“...”

นี่ผมหูฝาดไปไหมเนี่ย เพื่อนผมรู้เรื่องอื่นนอกจากเรื่องหญิงด้วยหรือ เหลือเชื่อจริงๆ สงสัยผมต้องมองเขาใหม่เสียแล้ว

“ทำไมมองกูงั้น? หึ หลงในความหล่อของกูแล้วล่ะสิ ฮ่าๆๆๆ”

“ก่อนหน้านี้ใครๆก็บอกว่ามึงเรียนผิดคณะ กูเองยังเห็นด้วย...เอ่อ นิดหนึ่ง ก็เห็นเข้ายิมน่าจะเหมาะไปเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬามากกว่า”

ปึก

ยอดเข้ามาตบไหล่ผมฉาดหนึ่ง หัวเราะจนไหล่สั่น

“ฮ่าๆ หลงเสน่ห์ในมัดกล้ามของกูสินะ”

“เอ่อ คือว่า...เริ่มสำรวจกันดีกว่า เดี๋ยวจะเที่ยง”

“ฮ่าๆๆ ดีๆ เผื่อเสร็จไว กูจะได้ไปหาสาวไวขึ้น”

เฮ้อ ผมก็อยากไปว่ายน้ำเล่นที่สระว่ายน้ำมหาลัยเหมือนกัน

ผมเดินสำรวจรวบตัวอาคารอยู่พักใหญ่ บริเวณรอบตัวบ้านบางส่วนถูกกั้นและติดป้ายห้ามถ่ายรูปเนื่องจากบ้านหลังนี้มีอายุมากกว่า160ปี ด้านล่างมีความเป็นปูน เสียดายที่เข้าไปสำรวจห้องชั้นล่างไม่ได้เลยไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไร หลังสำรวจรอบตัวบ้านเรียบร้อย ผมก็เดินขึ้นชั้นสองที่เป็นโซนไม้เรือนไทย ด้านบนนี้ยังมีสถาปัตย์กรรมและร่องรอยการตกแต่งแบบไทยเดิม

“ทำไมเย็นดีจัง อากาศแบบนี้ มีขนมไทยตั้งโต๊ะสักชุดคงเข้ากับบรรยากาศ แต่เห็นฝุ่นแล้วก็...ฮ่าๆๆ เอ๊ะ ห้องนั้นห้ามเข้า” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆห้องทางปีกขวาของเรือน ประตูเปิดอ้าอยู่ ด้านในเหมือนจะเป็นห้องพระเก่า เพราะยังมีพวกโต๊ะหมู่บูชาผุๆตั้งให้เห็นที่ปลายหางตา วินาทีนั้นผมได้ยินเสียงตึ้งมาจากในห้อง เกือบจะก้าวเท้าไปดูแต่ยั้งตัวเองทัน

“สงสัยเป็นพวกหนูละมั้ง”

ฟิ้ว

“กลิ่นอะไรหอมจัง”

สายลมเย็นเตะกลิ่นหอมๆโชยเข้าจมูก ผมเดินตามกลิ่นลงมาถึงชั้นล่าง ด้านหลังเรือนพบต้นลีลาวดีต้นหนึ่งแผ่กิ่งก้านสาขาและผลิดอกส่งกลิ่นรัญจวน กลิ่นของมันบวกอากาศยามเย็นที่นี่ทำให้ผมวางเป้สีเหลืองโปรดลงข้างๆเอนหลังพิงอย่างช่วยไม่ได้ เปลือกตาหนักๆเริ่มปิดลง ในเสี้ยววินาทีนั้น ก่อนที่สติจะดับวูบ ผมได้ยินเสียงคนผู้หนึ่งพูดอะไรบางอย่าง

“มาสิ”

เสียงทุ้มๆเย็นๆของชายปริศนาดังระยะใกล้เสียดายที่กำลังงุนงงจนไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร

…….โปรดติดตามตอนต่อไป…….

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 51 บทพิเศษ    เมื่อวาน22:38
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY