รู้ว่าเป็นรักต้องห้าม แต่ก็ไม่อาจห้ามใจ รู้ว่าเป็นเพื่อนพ่อ แต่ก็อยากขอลองรัก
การมาของ ฉัตรชน ฉัตรอินทร ทำให้คนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างสบายอารมณ์ถึงหน้ามุ่ยและรีบลุกจากโซฟาหนานุ่มเดินดุ่มๆ ขึ้นห้องไปยังชั้นสองทันที ยามนี้ปรางแก้วชังน้ำหน้าฉัตรชนมากที่สุดด้วยเพราะหล่อนเพิ่งเห็นข่าวว่าเขาควงเน็ตไอดอลสาวคนดังไปงานเปิดตัวร้านเพชรสาขาใหม่ด้วยกัน เขาเปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเปลี่ยนผ้าเช็ดเท้า พอเบื่อก็เขี่ยทิ้งลงถังขยะทั้งที่เขาก็รู้ว่าหล่อนเกลียดพฤติกรรมแบบนั้นของเขามากแค่ไหน
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละฉัตรชนจะมาแคร์ความรู้สึกของหล่อนทำไมกัน ในเมื่อในสายตาเขาหล่อนมันก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมดี เรียนจบปริญญาตรีมาด้วยเกรดแบบพอถูไถ หนำซ้ำพอจบมาก็ยังหางานหาการทำไม่ได้ ถึงตอนนี้ก็ยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ ในขณะที่เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในระดับพันล้านตั้งแต่อายุสามสิบต้นๆ เริ่มต้นด้วยการซื้อที่ดินมาแบ่งล็อกปลูกบ้านขายครั้งละหนึ่งหลังสองหลัง กระทั่งตอนนี้เป็นเจ้าของโครงบ้านหมู่บ้านจัดสรรหลายสิบแห่งและกำลังจับธุรกิจอัญมณีอย่างจริงจัง โดยเฉพาะร้านเพชรที่ขยายสาขาเป็นว่าเล่น
ฉัตรชนเป็นเพื่อนรุ่นน้องของพ่อหล่อน อายุห่างกับพ่อห้าปี เคยเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมที่เดียวกัน ตอนนั้นฉัตรชนเพิ่งเข้าม.1 แต่ด้วยความที่ไม่ยอมคน ไม่ยอมให้ใครข่มขู่ จึงถูกรุ่นพี่ดักรุมทำร้ายปางตาย โชคดีได้พ่อของหล่อนเป็นคนช่วยไว้เลยรอดมาได้ ทั้งสองจึงนับถือกันเป็นพี่น้องมาตลอดนับตั้งแต่นั้น
“ยัยปรางไปไหนเสียล่ะแม่” พิทักษ์ถามขึ้นหลังจากผู้เป็นภรรยาจัดโต๊ะอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ปกติปรางแก้วมักจะมาช่วยแม่อยู่เสมอ ทำให้คนเป็นพ่ออดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่เห็นลูกสาวคนโตมาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ
“เมื่อกี้แม่ให้ตาภูมิขึ้นไปดูที่ห้อง เห็นบ่นว่าปวดหัวอยากนอนพัก”
“แต่ภูมิว่าพี่ปรางปวดหัวการเมืองมากกว่าครับ ตอนบ่ายภูมิยังเห็นพี่ปรางใส่หูฟังแหกปากร้องปรางเสียงดังอยู่เลย” ภูมิพัฒน์ในวัยสิบแปดพูดโพล่งขึ้นตามประสาวัยรุ่นที่อยู่ในวัยเลือดร้อน
“ยัยปรางนี่ยังไงนะ ฉัตรอุตส่าห์มาบ้านทั้งที” พิทักษ์ว่าพลางหันไปทางเพื่อนรุ่นน้องอย่างขอลุแก่โทษที่ลูกสาวตัวเองทำตัวเหมือนเสียมารยาทกับแขก
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่พิทักษ์ ถ้าพี่พิทักษ์ไม่ว่าอะไร ผมขอขึ้นไปดูอาการหลานหน่อยนะครับ”
“เอาสิฉัตรเชิญเลยๆ ตามสบาย”
เมื่อเจ้าของบ้านไฟเขียวซึ่งก็ไฟเขียวเสมอสำหรับฉัตรชน ชายหนุ่มจึงพาตัวเองตรงขึ้นไปยังห้องนอนของปรางแก้วโดยไม่ต้องให้ใครพาไป เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้าหาหล่อนถึงห้อง
เตียงนอนที่ยุบยวบยามลงตามน้ำหนักของคนนั่ง ทำให้ร่างบางที่นอนหันหลังให้ประตูต้องหันขวับมามอง คราแรกคิดว่าเป็นแม่หรือพ่อตัวเอง ทว่าพอเห็นหน้าคนที่เข้ามาใหม่ทำให้หล่อนต้องรีบพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้นมือใหญ่ก็ยื่นมาอังบนหน้าผากของหล่อน ปรางแก้วจึงทำได้แค่เบี่ยงหน้าหนีและบัดมือใหญ่นั้นออกราวกับเจอของร้อน
หล่อนไม่แปลกใจหรอกที่พ่อยอมให้เขาเข้ามาห้องของลูกสาว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้ามา อีกทั้งหล่อนก็เชื่อว่าคงไม่มีพ่อหรือแม่คนไหนจะไม่ยินดีที่จะเปิดทางให้ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างฉัตรชน ตรงกันข้ามคงจะยิ่งทั้งผลักทั้งดัน แม้กระทั่งพ่อและแม่ของหล่อนก็ไม่มีข้อยกเว้น หากกระนั้นต่อให้ใครคาดหวังยังไงแต่ทุกครั้งที่ฉัตรชนเข้ามาหรือได้อยู่ในที่รโหฐานกับหล่อนตามลำพัง เขาก็ไม่เคยทำอะไรมากไปกว่าแตะต้องตัวเล็กๆ น้อยๆ แบบที่ผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กทำเท่านั้น
“เห็นพี่สุบอกว่าเราไม่สบายอาเลยขึ้นมาดู แต่ดูแล้วเราก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ตัวก็ไม่ได้ร้อน หรือว่าแค่ปวดหัว”
“ค่ะ ปรางไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ได้ตัวร้อนและก็ไม่ได้ปวดหัว”
“อ้อ...แค่อยากหลบหน้าอาว่างั้นเถอะ” ฉัตรชนดักคออย่างรู้ทัน ทำไมเขาจะอ่านไม่ออกว่าเด็กสาวคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“ก็ในเมื่ออารู้แล้วว่าปรางไม่อยากเห็นหน้า อาขึ้นมาหาปรางทำไมละคะ”
“อาแค่อยากรู้ว่าทำไมเราต้องหลบหน้าอา อาทำอะไรให้โกรธ”
เสียงทุ้มดุที่เป็นน้ำเสียงแบบผู้ใหญ่คุยกับเด็กทำให้ปรางแก้วแอบเคืองมากกว่าเดิม เขาถามเหมือนแคร์เสียเหลือเกิน แต่ถ้าเขาแคร์จริงๆ เขาคงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก
“เปล่านี่คะ”
“พักหลังๆ มานี่อารู้สึกว่าเราเกลียดขี้หน้าอานะ แต่ก็เอาเถอะถ้าเราไม่ชอบหน้าอา ต่อไปอาก็จะไม่มาที่นี่ให้เราต้องเหนื่อยกับการหลบหน้าอาอีก”
ปรางแก้วได้ยินเช่นนั้นก็เผลอกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงเพื่อสกัดกลั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ในอก มันน่าจะดีอย่างที่เขาว่าที่หล่อนไม่ต้องเหนื่อยกับการคอยหลบหน้าเขา แต่ทำไมในหัวใจมันปวดหนึบๆ แบบนี้
“ทุกวันนี้อาก็มาที่นี่แบบฝืนใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ทั้งที่รังเกียจปรางจะแย่แต่ก็ต้องฝืนใจมาเพราะเกรงใจพ่อของปราง”
“อาไม่เคยทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปกว่าอา” ฉัตรชนทำเสียงดุใส่ในประโยคหลังแต่มันก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับปรางแก้วมากไปกว่าที่หล่อนกำลังรู้สึกอยู่หรอก
“เหมือนที่อาไม่อาจจะฝืนใจชอบเด็กกะโปโลอย่างปรางใช่มั้ยคะ”
“ใช่...เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อาจะมารักมาชอบกับลูกสาวของเพื่อนได้ยังไง และเราเองก็ไม่ควรจะรู้สึกแบบนั้นกับอา”
“แล้วอาจะให้ปรางทำยังไงล่ะ ก็คนมันรู้สึกไปแล้ว”
“ก็หาแฟนสิ หาแฟนที่เหมาะสมกับวัยตัวเอง ไม่ใช่มาชอบผู้ชายแก่คราวพ่ออย่างอา”
ปรางแก้วอ้าปากค้าง ตอนถูกเขาปฏิเสธรักว่าเจ็บแล้ว แต่พอได้ยินเต็มสองหูว่าให้หล่อนหาแฟนเพื่อที่หล่อนจะได้ไม่ต้องรักเขา นั่นยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเป็นหลายเท่า
“อ้อ...โอเคค่ะ งั้นปรางจะเริ่มออกไปหาตั้งแต่คืนนี้เลย”
“นี่เรากำลังประชดอาเหรอ”
“เปล่านี่คะปรางพูดจริงต่างหาก ขอบคุณที่แนะนำนะคะ อาออกไปได้แล้ว ปรางจะแต่งตัวออกไปเที่ยวกับเพื่อนจะได้หาแฟนได้เร็วๆ”
เธอ...รักอย่างภักดีและเจียมใจ เขา...จ้องแต่จะทำลาย เลยทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้รัก สุดท้าย...สิ่งที่เธอได้รับการตอบแทน จากรักที่แสนภักดีก็คือคำว่า ง่าย ที่เขาตะโกนใส่หน้าอย่างไม่คิดแม้แต่จะสงสาร
ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลภูวเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ… รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”
ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ได้มาจากการทรยศ ความรู้สึกเดียวที่เธอจะได้รับจากเขาก็มีแค่ ความชัง เท่านั้น อย่างหวังว่า เขาจะเลิกชัง อย่าหวังว่า เขาเหลียวแล อย่าหวังว่า จะได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขา นภัทรบอกตัวเองเช่นนั้น อย่างหนักแน่นอยู่เสมอ แต่ความเกลียดชังโกรธแค้นของเขามันน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ ซื่อๆ ของเด็กคนนั้น ที่มันค่อยๆ เขย่าความเย็นชาในหัวใจเขา ให้กลายเป็นความรู้สึกอื่น
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่