“นิดหน่อยค่ะแม่” หมอสาวตอบออกไปพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ
"แม่มีธุระสำคัญจะคุยกับหมอสะดวกไหม”
"ตาลพอมีเวลาอีกประมาณสามสิบนาทีค่ะ แม่มีอะไรก็ว่ามาได้เลยค่ะ" หมอสาวพูดพร้อมกับหยิบผลไม้ที่แม่เตรียมมาให้เข้าปาก
“ถ้าแม่จะขออะไรจากหมอเรื่องหนึ่งจะได้ไหม” ผู้เป็นแม่พูดอย่างหยั่งเชิงลูกสาวเพราะสิ่งที่จะให้หมอพุฒตาลทำนั้นสำหรับแม่แล้วก็ลำบากใจอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่มีทางอื่นให้เลือก
“อะไรหรอคะแม่ว่ามาเลยค่ะ"หมอสาวพูดทั้งที่ปากก็ยังเคี้ยวผลไม้ตุ้ย ๆ อยู่เต็มปาก
“แม่จะขอให้หมอแต่งงานกับลูกชายเพื่อนแม่จะได้ไหม”
“ฮ๋า! แม่ว่าอะไรนะคะ” หมอสาวตกใจจนวางผลไม้ในมือลง อยู่ ๆ แม่จะให้แต่งงานมันเป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในหัวเธอเลย
“พ่อเสียที่บ้านเราก็มีปัญหาเรื่องการเงิน แม่เลยไปหยิบยืมเขามาจ่ายค่าบ้าน แล้วก็ส่งเสียให้หมอเรียน ทั้งต้นทั้งดอกตอนนี้ก็เกือบยี่สิบล้านแล้ว”
“ฮ๋าา!... เขาคิดดอกรายวันเหรอคะแม่ ถึงได้เยอะแยะขนาดนั้น”เงินเกือบยี่สิบล้านเธอจะมีปัญญาไปหามาจากไหน งานก็เพิ่งทำได้เพียง lสองปี
“แม่กู้เขามาเกือบสิบปีแล้วนะ ถ้าเป็นคนอื่นดอกเบี้ยคงบานกว่านี้ นี่ถือว่าเป็นเพื่อนกัน” ผู้เป็นมารดาชี้แจงออกไป ให้ลูกสาวฟังถึงสาเหตุของการเป็นหนี้ก้อนโต
“แม่เป็นคนเสนอเงื่อนไขนี้ให้กับเขา หรือว่าทางโน้นเขาเสนอมาคะแม่” หมอสาวถามออกไปด้วยความสงสัย เธอจะทำยังไง หากการแต่งงานครั้งนี้ มันกระทบงานของเธอ แน่นอนหมอพุฒตาลรักอาชีพหมอมาก เธอสามารถอุทิศตนให้อาชีพนี้ได้ แล้วคนในครอบครัวของเขา ผู้ชายคนนั้น ที่ชื่อว่าสามี เขาจะเข้าใจเธอไหม หากเธอกลับบ้านไม่ตรงเวลา งานที่มีกะเช้ากะเย็นไหนจะเข้าเวรดึกๆ อีก
“เพื่อนของแม่เขาเป็นคนเสนอมา ตอนเล็ก ๆ แม่เคยเจอเตชิน เพราะแม่เขาพามาเล่นที่บ้านเราประจำ เขามีพี่ชายชื่อเตชิตตอนนั้นหนูยังไม่เกิดก็เลยไม่เจอกัน” ผู้เป็นมารดาอธิบายให้ลูกสาวฟัง เพราะเตชินน่าจะอายุห่างจากเธอประมาณปีสองปีได้
“เขามีเงื่อนไขอะไรหรือเปล่าคะแม่” ในโลกใบนี้คงจะไม่มีผู้หญิงคนไหน ใจเย็นเท่าหมอพุฒตาลอีกแล้ว นั่นคือเหตุผลที่มารดาของเตชินต้องการได้เธอไปเป็นลูกสะใภ้ เพื่อกำราบนิสัยของเตชิน ความใจเย็นของหมอพุฒตาลจะทำให้คนใจร้อนขวางโลกอย่างเตชินนั้น สงบลงได้ในความคิดของผู้เป็นมารดา
“หนี้สินทั้งหมดจะกลายเป็นศูนย์ หากลูกแต่งงานกับเตชิน”
“แล้วถ้าตาลไม่แต่งล่ะคะแม่” หมอสาวลุ้นคำตอบจากผู้เป็นมารดา ถ้าเธอไม่แต่งแล้วเขายืดระยะเวลาชำระหนี้ได้ เธอก็ยินดีจะหาเงินมาให้เขา ไม่ว่าจะต้องทำงานหนักแค่ไหนก็ตาม
“บ้านที่เราอยู่ก็จะถูกยึดไปทันที แม่ก็จะไม่มีแม้กระทั่งที่ซุกหัวนอน หนี้ทั้งหมดเขาจะฟ้องเรา และจะต้องไปขึ้นศาล เพื่อไกล่เกลี่ย ซึ่งแม่ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาสู้คดี เพราะสู้ยังไงก็แพ้เขาอยู่ดี”
คำพูดของผู้เป็นมารดาชั่งเป็นทางเลือกที่ดีให้เธอเหลือเกิน เพราะนั่นหมายถึงมันมีทางเดียว คือเธอต้องแต่งงานกับเขา ไม่อย่างนั้นมารดาของเธอก็ต้องย้ายบ้าน หาที่อยู่ใหม่ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งเธอก็อยากรักษาสมบัติชิ้นเดียว ที่บิดามีไว้ให้กับความผูกพัน ของคำว่าครอบครัว ที่อยู่ในบ้านหลังนั้นตั้งแต่เล็กจนโตเอาไว้
“ตกลงค่ะแม่ ตาลจะแต่งงานกับเขา”
“จริงหรอลูก ขอบใจมากนะ ขอบใจที่ช่วยแม่” ผู้เป็นมารดาโอบลูกเข้าไปในอ้อมกอด นางจะรู้ไหมว่าหมอพุฒตาล ต้องฝืนความรู้สึกตัวเองแค่ไหน กับการแต่งงานครั้งนี้
เมื่อผู้เป็นมารดาออกจากห้องไป หมอพุฒตาลเอนหลังลงกับโซฟาอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆ นึกถึงเหตุการณ์ในอนาคต ที่กำลังจะเกิดขึ้น กับอิสรภาพที่เคยมีกำลังจะจบสิ้นลง
ขณะที่เตชินกำลังจะออกจากบ้าน ก็เจอกับผู้เป็นมารดาที่ดักรออยู่ก่อนหน้าแล้ว วันนี้ฤกษ์ไม่ดีแน่ ถ้ามารดาดักรอแบบนี้ แต่เขาก็เดินเข้าไปหาผู้เป็นมารดาแล้วนั่งลงไปโอบกอดอย่างออดอ้อนเหมือนเด็กๆ วันนี้เตชินได้นัดกับเพื่อนๆ เอาไว้มีปาร์ตี้ที่ริมสระครบเครื่องด้วยสุราและนารี มันคือสิ่งที่เขาหลงรักเป็นชีวิตจิตใจ จนลืมไปว่าเขามีพี่ชายที่ต้องแบกรับภาระทุกอย่างเอาไว้เพียงผู้เดียว หลังจากที่พ่อเสียไป
“แกจะออกไปไหนค่ำมืดป่านนี้ อยู่ติดบ้านติดเรือนบ้างจะเป็นไร งานการก็ไม่ทำ อะไรก็ไม่สนใจ เที่ยวเตร่ไปวันๆ ฉันขอถามแกจริงๆ เถอะแกจะไม่ช่วยแบ่งเบาภาระของพี่ชายเลยใช่ไหมเตชิน” คำบ่นของผู้เป็นมารดายาวเป็นหางว่าว ถามว่าเขาสะทกสะท้านไหม ก็ขอตอบเลยว่าไม่ เตชินไม่เคยยินดียินร้ายกับคำพูดเหล่านั้นเลยสักนิดเขายังคงทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ไม่สนใจการงานเหมือนดั่งเคย
“วันนี้ฉันจะขอยื่นคำขาดกับแก ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นแม่ก็หยุดอยู่บ้านแล้วฟัง” คำพูดที่ดูจริงจังของมารดาวันนี้ ทำให้เขาถึงกับหน้าเสียไปนิดหนึ่ง
“แม่มีอะไรจะบ่นผมอีกครับว่ามาเลย ผมนัดกับเพื่อนเอาไว้วันนี้ยังไงก็ต้องออกจากบ้าน”
“ได้! แกเตรียมตัวแต่งงานได้แล้ว มันหมดเวลาที่แกจะมาเที่ยวเตร่ไปวันๆ ถึงเวลาที่แกจะสร้างครอบครัวได้แล้วเตชิน”
เขายังตลกกับคำพูดของผู้เป็นมารดาอยู่ๆ จะให้แต่งงานกับใครไม่มีทาง เขาไม่มีวันจะแต่ง เมื่อชีวิตโสดแบบนี้มันคุ้มค่ามากกว่าการมีพันธะกับใครสักคน แล้วต้องยึดติดกับคำว่าความถูกต้อง ซึ่งเขาไม่ชอบเอาเสียเลย