แนวยูริสายโหด เลขาสาวหมวยกับบอสสาวหน้าอินเตอร์ บอสสาวทำทุกอย่างเพื่อจะให้ได้นางเอกมาครอบครอง
แนวยูริสายโหด เลขาสาวหมวยกับบอสสาวหน้าอินเตอร์ บอสสาวทำทุกอย่างเพื่อจะให้ได้นางเอกมาครอบครอง
พ่ายรักบอสสาวร้ายมารยา
ตอน ตบเจ้าของบริษัท
ยามเช้าตรู่ในเมืองหลวงที่ผู้คนพลุกพล่าน หนุ่มสาววัยทำงานกำลังเดินและวิ่งอยู่บนฟุตบาทอย่างรีบร้อน
ท่ามกลางหลายพันชีวิตที่กำลังดิ้นรน สาวหน้าใสคนหนึ่งกำลังยืนนิ่ง เงยมองท้องฟ้าและยิ้มอย่างมีความหวัง เธอสวมแว่นสายตาอันใหญ่ดูน่ารักแบบอาหมวย
"วันนี้หนูจะสัมภาษณ์งาน ขอให้ผ่านด้วยเถิด"
ซ่า!
หมวยอฐิษฐานจบฝนก็ลงเม็ดพลันใด ผู้คนต่างแตกกระเจิงหาที่หลบ สาววัยยี่สิบสองกลับเดินยิ้มเข้ามาหน้าตึกใหญ่ ที่ทำการบริษัทอสังหาแนวหน้าของประเทศ
เสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวและกระโปรงแหวกข้างสีดำเปียกชุ่ม เรือนร่างเพรียวขาวและส่วนสูง168ซม.มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูกระจกทางเข้าตึกสูงระฟ้า
"มาสัมภาษณ์งานค่ะ" หมวยเอ่ยและยื่นใบนัดจากฝ่ายบุคคลให้หนุ่มร่างใหญ่
"ตำแหน่งอะไรครับ" รปภ.ที่ยืนคุมประตูถาม
"เลขานุการผู้บริหารค่ะ" หมวยตอบและจับแว่นสายตากระชับให้เข้าที่
"เชิญครับ เอ่อ ผมแนะนำให้เช็ดเสื้อผ้าและจัดผมให้เข้าที่ก่อนนะครับ'
"ห๊ะ ยังไม่ดีหรือคะ" หมวยถามและยืนเขย่งเท้าส่องเงาตัวเองในประตูกระจก
"คือคุณเอสเทอร์ค่อนข้างเนี๊ยบเลยน่ะครับ" หนุ่มร่างใหญ่กำยำตอบ
"อ้อค่ะ เดี๋ยวไปจัดการข้างในนะคะ" หมวยเอ่ยแล้วก้มลอดแขนรปภ.วิ่งเข้ามาในตึก เหลือบมองนาฬิกาข้อมือก็เกือบจะถึงเวลานัดหวุดหวิด เธอรีบวิ่งมากลิฟท์แล้วเข้ามายืนส่องกระจกในลิฟท์ ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับผมและเสื้อไปพลางๆจนลืมกดชั้นที่จะขึ้น
"ตาย แป้งหลุด เห็นรอยช้ำเลย" หมวยเอ่ยขณะเอียงใบหน้ารูปไข่หน้ากระจก เห็นรอยแผลฟกช้ำที่แก้มจางๆ เป็นรอยที่เธอโดนแฟนตบตอนทะเลาะกันเมื่อวันก่อน
มือน้อยล้วงแป้งพับในกระเป๋าสะพายข้างออกมา
จู่ๆประตูลิฟท์ก็เปิดออก อุ๊ย! หมวยตกใจหมุนตัวมากดชั้น99
"ชั้นไหนคะ" เธอถามสาวสวยในชุดสูทกระโปรงหนังแหวกข้างสีดำ พอเจ้าของเรือนร่างที่สูงราวๆ170ไม่ตอบเธอก็หันมามองและอ้าปากค้าง
ผู้หญิงที่เธอถามกำลังยืนกอดอก ใบหน้าสวยคมอินเตอร์แบบสาวลูกครึ่ง อายุอานามก็ราวๆยี่สิบต้นๆ
ผมยาวสลวยสีน้ำตาลแดง ผิวพรรณเนียนขาว สัดส่วนเพรียวสง่า หาตำหนิใดไม่เจอเลย
"คุณ จะไปชั้นไหนคะ" หมวยถามย้ำ.
"มาสัมภาษณ์งานเหรอ" สาวสวยถามกลับ
"ค่ะ"
"งั้นไปชั้นเดียวกันกับเธอแหละ" สาวสวยตอบโดยไม่หันมอง
ชิ! หมวยเบ้ปากก่อนจะหันข้างมาส่องกระจกแล้วเติมแป้งปิดรอยช้ำที่แก้มขวา จู่ๆสาวสวยก็แอบมองด้วยความสงสัย
หล่อนเพิ่งสังเกตุเห็นว่าเด็กสาวคนข้างๆเป็นสาวไทยเชื้อสายจีนที่ขาวสวยหน้าใสวัยพอๆกัน
"หืม แก้มไปโดนอะไรมา" สาวสวยเอ่ยแล้วเดินเข้าโอบเอว แขนอีกข้างพาดบ่าหมวยและเอามือยกจับแก้มขวาอันนิ่มนุ่มในสภาพมองกระจกไปพร้อมๆกัน
"ไม่มีอะไรค่ะ" หมวยตอบและปัดมืออันเรียวสวยออกจากแก้มตัวเอง
อุ๊ย! จู่ๆเธอกลับโดนหล่อนจับหมุนตัวไปยืนมองหน้าแบบหายใจรดกัน
มือข้างขวาของหล่อนยกจับคางหมวยให้เงยขึ้น นิ้วโป้งลูบริมฝีปากสีชมพูอันนุ่มนิ่มอิ่มเอิบของหมวยแบบปาดจากขวามาซ้าย
หลังมืออีกข้างลูบแก้มขวาที่เป็นรอยฟกช้ำบางๆ
"ความสวยของเธอไม่ควรต้องโดนใครทำร้ายเลยนะ"
"อย่ารักคนอื่นจนโง่"
สาวสวยพ่นลมปากใส่หน้าหมวย ขณะที่เธอยืนตัวแข็งทื่อ
หล่อนค่อยๆก้มลงมาช้าๆจนปลายจมูกโด่งพุ่งจิ้มจมูกน้อยของหมวยจนบู้บี้สีแดง
จุ๊บ! ริมฝีปากสีแดงอันเรียวบางบดเม้มริมฝีปากชมพูอันนุ่มนิ่มของหมวยอย่างโหยหา
นี่คุณ! หมวยเพิ่งได้สติ เธอผงะถอยแล้วง้างแขนขึ้นสูง ฟาดมือน้อยลงบนใบหน้าอันคมสวยจนสะบัดหัน
เพี๊ยะ!
ฮิ! ๆ สาวสวยกลับแสยะยิ้มโดยไม่มีเสียงร้องซักแอะ
ติ๊ง! ลิฟท์เปิดตรงหน้าชั้น99พอดิบพอดี
แก๊ก! ๆ ๆ หมวยรีบวิ่งออกมาด้วยอาการสับสน ทั้งโมโหและอับอาย แววตาของผู้หญิงคนเมื่อคู่ช่างน่ากลัว เหมือนกับว่าหล่อนสามารถรู้ความลับอะไรก็ตามของเราได้ทั้งหมด
แฮ่ก! ๆ ๆ สาวแว่นมายืนหอบหายใจอยู่หน้าห้องผู้บริหาร เลขาหน้าห้องเห็นเข้าก็ลุกเดินดุ่มๆมาหาด้วยความร้อนรน
"คุณหมวยมาแล้วเหรอคะ รีบเข้าไปรอข้างในเลยค่ะ"
"ค่ะ" หมวยตอบเลขาสาวแล้วเดินเข้ามายืนในห้องผู้บริหาร เธออ้าปากค้างเมื่อเห็นห้องทำงานส่วนตัวที่กว้างขวาง
เดินไปรอบๆห้องเห็นโต๊ะทำงาน โต๊ะรับแขก ทีวีจอใหญ่และมีแม้กระทั่งเตียง วิวข้างนอกมองเห็นในมุมมอง180องศา เห็นแม่น้ำ ท่าเรือ และเมืองแทบทั้งหมด
แก๊ก! ๆ ๆ สาวสวยในชุดสูทและกระโปรงหนังแหวกข้างเพิ่ฝเดินตามเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูง
โครม! ประตูห้องทำงานปิดลงด้วยเสียงดังจนสาวแว่นหันกลับมา
"คุณ" หมวยอ้ำอึ้งขณะมองหน้าสาวสวยที่แก้มแดงเป็นรอยมือ
"นั่งสิ" หล่อนเอ่ยและผายมือไปทางโซฟารับแขกหน้าทีวีจอยักษ์
"คุณคือ"
"คุณเอสเทอร์เหรอคะ" หมวยเอ่ย
"ใช่ นั่งสิ" บอสสาวตอบ
"เมื่อกี๊หนูขอโทษนะคะ คือหนูขอสละสิทธิ์สัมภาษณ์ค่ะ" หมวยยกมือไหว้แล้ววิ่งผ่านหน้าบอสสาวไปดื้อๆ
ทว่าพอมาจับประตูห้องกลับเปิดไม่ออก มันแน่นและหนักอึ้งอย่างผิดปกติ
"มันล็อคจากข้างนอกน่ะ เธอออกไปไหนไม่ได้หรอก"
"จนกว่าฉันจะสัมภาษณ์เสร็จ"
คุณเอสเทอร์เอ่ยขณะลงมานั่งไขว่ห้างรอบนโซฟาหรู
แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p
นิยายอีโรติก แนวเรื่องจริง นอกใจ มีชู้ เผลอใจ ไม่ตั้งใจ nc 18+ รวมเรื่องสั้นแนวนอกใจ นอกกาย สายบาป เป็นเรื่องแต่งเสริมเรื่องจริง สั้นๆจบในตอน มีหลายแนว หลายเหตุการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ อายุ18ปีขึ้นไป
นิยายผู้ใหญ่ แนวฮาเร็มชาย นางเอกเป็นคุณหนูวัย18ปี เธอชอบยั่วคนสวน คนขับรถ ใจแตก มั่วสวาท nc 18+
ในยุคก่อนสงครามโลก ยังมีการค้าทาส ในดินแดนแถบเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและสถานที่ตั้ง มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ริมหน้าผาบนเขาสูง เจ้าปราสาทคือสามีนางเอก เขาเป็นขุนนางชั้นสูง เขาชอบซื้อทาสชายหลากเชื้อชาติมาเลี้ยง ใช้งานพวกเขาหนัก และมักจะให้นางเอกมีอะไรกับคนแปลกหน้าพวกนั้นเพื่อให้เขานั่งดูอย่างมีอารมณ์
นางเอกแต่งงานกับสามีแก่ เขาเป็นเสี่ยเจ้าของร้านทองที่รวยมาก ทว่านกเขากลับไม่ขันและอ่อนปวกเปียก นานๆจะมีเซ็กกับเมียรัก เดือนละครั้งสองครั้ง นางเอกทนความอยากไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากมีชู้ ไม่อยากนอกใจสามี เธอจึงแอบมีอะไรกับเจ้าแสนรักที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY