เมื่อเธอตกหลุมรักเพื่อนพี่ชายเข้าอย่างจังตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่ทว่า เขานั้นมีคนในใจอยู่แล้วซึ่งก็คือเพื่อนสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม แต่คนอย่างเธอนะเหรอจะสน ในเมื่อคนที่เขาชอบไม่ได้ชอบเขา นั่นก็หมายความว่าเธอก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้เขามารับรักเธอ "ถึงเขาไม่รักพี่แต่ควีนรักพี่นะ"
Kyle & Queen - 1
ขอไปด้วยน้าา~
“พี่!” ฉันเปิดประตูแล้วเรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนจะขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายที่กำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกแต่มันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าชุดที่แต่งในตอนสามทุ่มนี้มันคือชุดนอนไม่ใช่ชุดออกไปเที่ยว!
“ยังไม่นอนอีก” พี่คิงส์หันมาพูดกับฉันก่อนจะหยิบน้ำหอมราคาแพงขึ้นมาฉีดทั่วตัวพร้อมกับเช็กดูความเรียบร้อยของตัวเอง อะไรกันฉันนอนไม่หลับเลยจะมาชวนลงไปกินไอติมด้วยกันข้างล่างแต่ไหงพี่ชายตัวดีคนนี้กำลังจะทิ้งน้องสาวเพียงคนเดียวให้อยู่บ้านแล้วออกไปเที่ยว
“พี่จะไปไหน” ฉันเอ่ยถามแม้จะรู้คำตอบในใจอยู่แล้วว่าสถานที่นั้นคือผับเพราะพี่ชายของฉันไปผับแทบจะทุกวันยังไงละ!
“ไปหาเพื่อน..รีบ ๆ ไปนอนได้แล้ว ไหนบอกว่าต้องนอนก่อนสามทุ่มหน้าจะได้ไม่แก่ไง” พี่คิงส์พูดแซวฉันก่อนจะคว้ากุญแจรถและเดินออกมาหาฉันที่อยู่ตรงหน้าประตู ใบหน้าหล่อที่มีความคล้ายฉันมองฉันเล็กน้อยก่อนที่มือหนาจะยกขึ้นยีผมฉันเบา ๆ
“เดี๋ยว!” ฉันคว้าท่อนแขนแกร่งไว้ทันที พี่คิงส์หันกลับมาก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“น้องขอไปด้วยได้ไหม?”
“ไม่!” และนั่นคือคำตอบที่เปล่งออกมาแทบจะทันที ฉันเบะปากคว่ำด้วยความผิดหวังแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือพี่ชายให้จากไปง่าย ๆ ขอลองใช้ลูกอ้อนหน่อยแล้วกัน
“ขอไปด้วย นะ นะ น้าา” ฉันถูใบหน้าเข้ากับแขนของพี่คิงส์อย่างออดอ้อน ความอยากกินไอติมหายไปปลิดทิ้งเพราะตอนนี้ฉันมีสิ่งที่อยากทำใหม่แล้ว
“ไม่” เอ่ยเสียงดุกับฉันพร้อมใบหน้าหล่อที่แสดงถึงความไม่พอใจแต่ฉันก็ยังดื้อด้านเดินเข้าไปอ้อนพี่คิงส์ต่อเพราะนี่มันคือเวลาและโอกาสที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
“แค่ขอไปด้วยเองน้องไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว..” ฉันทำเสียงเศร้าก่อนจะเขย่าแขนของพี่คิงส์เป็นการเสริมสร้างความเศร้าที่มี พี่คิงส์ถอนหายใจเสียงดังแล้วแกะมือของฉันออกจากแขนตัวเองทันที
“ไว้แกโตกว่านี้ก่อนค่อยไป” พี่คิงส์พูดขึ้น เขาตบไหล่ฉันเบา ๆ ก่อนจะเดินลงบันไดไป ฉันกำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ พี่คิงส์มักจะทำกับฉันเหมือนเป็นเด็ก เสมอทั้ง ๆ ที่เราสองคนอายุห่างกันแค่2ปี ในตอนที่ฉันเป็นเด็กก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่มีพี่ชายที่ตามใจและคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดแต่ตอนนี้พี่คิงส์แคร์ฉันมากไปแล้ว
ตอนมัธยมก็ไม่ให้ไปไหนกับเพื่อนหลังเลิกเรียนเพราะกลัวพากันไปทำเรื่องไม่ดี พอขึ้นมหาวิทยาลัยก็ไม่ให้ฉันลงประกวดดาวคณะเพราะกลัวมีผู้ชายไม่ดีเข้าหาแถมยังคอยควบคุมการแต่งตัวของฉันอีก กระโปรงห้ามสั้น ทรงเอใส่ได้แต่ต้องคลุมเข่างี้ เสื้อก็ห้ามตัวเล็กรัดรูป ฉันทำตามคำสั่งของพี่คิงส์มาตลอดแต่วันนี้ฉันเหลือจะอดแล้ว
ฉันรีบวิ่งลงบันไดไป ดักข้างหน้าพร้อมกางแขนทั้งสองข้างของตัวเองออกกว้าง
“อะไร?” พี่คิงส์เอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจการกระทำของฉัน
“น้องจะไปด้วย!” ฉันเอ่ยขึ้นอย่างมุ่งมั่น พี่คิงส์ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะตอบมาคำเดิม
“ก็บอกว่าไม่ให้ไปไง” ฉันกัดริมฝีปากเบา ๆ อย่างคิดไม่ตก ภายในหัวพยายามคิดว่าจะพูดยังไงดีให้อีกฝ่ายยอมใจอ่อนจนกระทั่งมีเรื่องหนึ่งที่ฉันเก็บเป็นความลับมาโดยตลอดและฉันจะใช้เรื่องนั้นมาเป็นข้อตกลงระหว่างฉันกับพี่คิงส์
“ถ้าไม่ให้ไปงั้นน้องจะฟ้องป๊ากับม้าว่าพี่แอบพาผู้หญิงมานอนค้างที่บ้านทุกครั้งเวลาป๊ากับม้าไม่อยู่!” คำพูดของฉันทำเอาพี่คิงส์อ้าปากค้างทันที ก็แน่ละสิเพราะพี่คิงส์คงคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องนี้เลยแต่ความจริงแล้วฉันเป็นคนที่ตื่นง่ายมากและรถของพี่คิงส์เวลาขับเข้ามาก็เสียงดังพอควร ฉันมักจะเปิดกล้องดูตลอด ตอนแรกก็ตกใจแหละที่เห็นพี่ชายหิ้วปีกผู้หญิงเข้าบ้านมาแต่นาน ๆ ไปก็เริ่มชินและเริ่มจับสังเกตได้ว่าพี่คิงส์จะพาผู้หญิงมาเฉพาะวันที่ป๊ากับม้าไม่อยู่เท่านั้น
“ยัยตัวแสบ!” พี่คิงส์พูดพร้อมชี้นิ้วมาที่ฉันดูจากสีหน้าก็รู้ว่าเขาโกรธฉันมากแค่ไหน
“จะเอาไงจะให้น้องไปด้วยหรือจะให้น้องโทรไปฟ้องป๊ากับม้า..” ฉันเอ่ยอย่างกวน ๆ พี่คิงส์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เออ ๆ ให้ไปด้วยก็ได้ รีบไปแต่งตัวซะพี่จะรออยู่ข้างล่าง” ฉันฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจทันทีเพราะนี่จะเป็นการออกจากบ้านครั้งแรกโดยไม่มีป๊ากับม้าไปด้วยแถมยังได้ไปผับครั้งแรกอีก กรี๊ด ๆ
“ฮันแน่ คิดว่าน้องสาวคนนี้ซื่อบื้อเหรอคะคุณพี่ ไปเลยขึ้นห้องไปกับน้องนี่แหละ” ฉันเดินไปคว้ามือหนาก่อนจะลากให้ขึ้นห้องไปด้วยกัน ใครจะบื้อปล่อยให้นั่งรอข้างล่างกัน ฉันรู้หรอกว่าพี่คิงส์จะแอบหนีไปแน่ ๆ ฉันเลยมัดมือชกด้วยการพาพี่คิงส์ขึ้นมาที่ห้องของฉัน ดีนะที่ฉันอาบน้ำแล้ว
“อย่าหันมานะ” ฉันเอ่ยเสียงดุ มองพี่ชายที่นั่งหันหน้าเข้าหากำแพง
“เออ ๆ รีบ ๆ แต่งซะน่ารำคาญจริง ๆ” พี่คิงส์บ่นเสียงอุบอิบก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ส่วนฉันก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความดีใจและเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดเกาะอกสีแดงเพลิงออกมา ชุดนี้เป็นชุดที่ฉันซื้อไว้นานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ใส่เพราะกลัวโดนพี่ชายบ่นแต่ครั้งนี้จะไปผับทั้งทีก็ต้องแต่งตัววับ ๆ แวม ๆ โชว์ของดีบนร่างกายหน่อยใช่ไหมล่ะก็เผื่อจะตกหนุ่มหล่อ ๆ ได้บ้างไง คิก ๆ
“ห้ามสั้น ห้ามโชว์ผิวหนัง ห้ามรัดรูป”
ฉันแยกเขี้ยวใส่พี่ชายตัวเองทันที ห้ามเยอะขนาดนี้ให้ฉันใส่ชุดแม่ชีเข้าผับเลยไหมแต่ก็ห้ามไปเถอะเพราะฉันจะแหกทุกข้อห้ามยังไงล่ะ ฮะฮ่าฮ่า
*****
ฝากน้องควีน + พี่ไคล์
ไว่ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
1 คอมเม้นท์ = 1 กำลังใจ
ถ้าชอบกดให้กำลังใจได้นะคะ❣️
เมื่อคนที่เพิ่งจะวันไนต์กันเมื่อคืน! ดันเป็นศัตรูทางธุรกิจของตัวเอง ลลิน - ลลินา เตชะศิรัล หญิงสาว นั่งธุรกิจ Start Up หน้าใหม่ไฟแรง เธอมีค่ำคืนสุดพิเศษ กับชายหนุ่มสุดหล่อในคืนวันเลี้ยงฉลองที่ผับ เธอปิ๊งเขา-เขาปิ๊งเธอ จนตกเป็นคืนวันไนต์ที่แสนหวาน ทว่า!! หลายวันต่อมา ฝันที่แสนหวานของเธอ กลับกลายเป็นฝันร้าย เพราะบริษัทของเธอกำลังถูกคนหยามธุรกิจ Start Up หน้าใหม่ของเธอ ด้วยการขอเทคโอเวอร์ แถมคนที่จะมาขอเทคโอเวอร์บริษัทของเธอ ดันเป็นผู้ชายที่เธอมีอะไรด้วยในคืนก่อน ไทม์ - แทนไท ภาคเวคินทร์ ประธานหนุ่มสุดหล่อที่เพิ่งจะผ่านคืนอันเร่าร้อนที่แสนจะลงตัวกับลลิน เธอกับเขาดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีไปหยก ๆ แต่ไหงวันต่อมา เขาดันกลายเป็นพวกฉวยโอกาสทางธุรกิจไปได้เสียนี้ ในทางธุรกิจ หญิงสาวเกลียดพวกฉวยโอกาสอย่างที่เขาทำอยู่เข้าไส้ ทว่าในทางลีลารักบนเตียง เธอกับเขาดันเข้ากันได้ดีมาก เห็นทีคราวนี้เธอจะต้องแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน แล้วเธอจะทำได้ไหมนะ! เมื่อศัตรูทางธุรกิจ กับ คนที่หัวใจต้องการเป็นคนเดียวกัน!!
ไซเรน เสียงสัญญาณเตือนของความอันตรายผู้ชายดิบเถื่อนแต่ทว่ากับมีใบหน้าหล่อเหลาดั่งพระเจ้าปั้น แม้ใบหน้าจะหล่อแต่นิสัยของเขาก็ไม่ได้ดีตามหน้าตาเลยสักนิด แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้ปฏิญาณตนว่าไซเรนผู้โหดดิบเถื่อนคนนี้จะเป็นเด็กดีของน้องเทียร์แต่เพียงผู้เดียว ไซเรน อายุ29ปี มาเฟียผู้ดิบเถื่อนโหดให้กับคนทั้งโลกแต่ใจดีให้กับเธอผู้เดียว “ขอบคุณนะครับที่ช่วยชีวิตผม ไม่ทราบว่าผมขอตอบแทนเป็นการให้ผมได้เป็นสามีคุณจะได้ไหมครับ” เทียร์ อายุ23ปี เด็กสาวที่กำลังจะเรียนจบได้เข้าไปช่วยชีวิตผู้ชายคนหนึ่งไว้หลังจากนั้นชีวิตของเธอก็ไม่มีความสงบสุขอีกเลย “ไหนลองคลานมาอ้อนหน่อยสิคะ” “ถ้าอยากให้รักก็ช่วยทำตัวเป็นปกติได้ไหมคะ?” “แล้วตอนนี้พี่ไม่ปกติตรงไหน” “ทุกตรง!!” “เทียร์ครับอยากเลีย” “เลียอะไรคะ?” “พูดได้หรือครับ”
"ภากร" พี่ชายของ"เมนิลา" โกงเงินบริษัทของ รามิล จนเสียหายมหาศาล แถมยังสร้างตราบาปให้กับ "ไลลา" น้องสาวของ "รามิล" เจ้าของและประธานบริษัทรถหรู ความแค้นจึงเกิดขึ้น เมื่อเขาเจอเมนิลาที่กลับมาจากเปิดเทอมช่วงซัมเมอร์ รามิล จึงเอาตัวเธอเป็นตัวประกันเพื่อให้พี่ชายของเธอหาเงินมาชดใช้ แต่ด้วยความรักพี่ชายและครอบครัว เมนิลา จึงยอมไปเป็นตัวประกัน 3 เดือน เพื่อให้พี่ชายหาเงินมาใช้หนี้ทุกบาททุกสตางค์ เธอจึงต้องชดใช้ทุกอย่างแทนพี่ชายของตัวเอง รามิล ประธานบริษัทรถนำเข้าหรู อายุ 32 ปี เขาคือ ผู้ชายที่หล่อ เย็นชา แถมปากร้าย เมนิลา อายุ 23 ปี เธอเป็นสาวสวย นักเรียนนอก เชื่อมันในตัวเองสูง และไม่เคยยอมใคร
คีย์ - คณะวิศวะคอมปี 1 พริมโรส - คณะบริหารปี 1 พริมโรสมีเพื่อนสนิทรวมก๊วน คือมะตูมและไผ่หลิว นทีเป็นเพื่อนของคีย์ เมื่อนทีจีบไผ่หลิว ทำให้กลุ่มเพื่อนของเขาและเธอสนิทกัน ทุกครั้งที่พริมโรสโดนรุ่นพี่แกล้ง คีย์ก็จะมาปกป้องคอยช่วยเหลือเธอเสมอ ความรักเลยค่อยๆ พัฒนาจากความเป็นเพื่อนเลื่อนเป็นแฟน
เมื่อณาลัลน์สาวยูทูปเปอร์ชื่อดังรับคำท้าจากเพื่อนสาว ให้จีบคุณหมอเมธัสสุดหล่อที่เย็นชาขึ้นชื่อ เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าที่เขาเย็นชาเพราะไม่สนสาว ๆ หรือเพราะว่าเขาเป็นเกย์กันแน่นะ!
"ไหนบอกไม่ชอบผู้หญิงไงคะทำไมรู้ทุกจุดเลยล่ะ" "อย่าพูดมากแล้วอ้าขาให้พี่สิครับเด็กดี"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
แรกเริ่มเขา 'ซื้อ' เธอมาเพื่อบำบัดความใคร่ เมียชั่วคราวที่มีไว้แก้เหงา แต่สุดท้ายแล้ว...เมียชั่วคราวนั่นแหละ ที่อยากได้เป็นเมียจริงๆ ผู้หญิงสู้ชีวิตอย่างนับดาว...ไม่ยอมแพ้โชคชะตาที่นำพาตนเองไปรับบทน่าอดสู เธอถูกหลอกจากคนที่ไว้ใจที่สุด!! กับการ 'ขายตัว' เขาเหยียดหยามสารพัด ดุถูกจนเธอเจ็บช้ำเจียนตาย เธอเลือกทางหนี เพื่อจบปัญหาน่าปวดหัวครั้งนี้.... ขอเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตแบบใหม่ แต่ทำไมล่ะ?...ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยเธอ ในเมื่อเขาชิงชังเธอนักหนานี่นา?????
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ