เมื่อคนที่เพิ่งจะวันไนต์กันเมื่อคืน! ดันเป็นศัตรูทางธุรกิจของตัวเอง ลลิน - ลลินา เตชะศิรัล หญิงสาว นั่งธุรกิจ Start Up หน้าใหม่ไฟแรง เธอมีค่ำคืนสุดพิเศษ กับชายหนุ่มสุดหล่อในคืนวันเลี้ยงฉลองที่ผับ เธอปิ๊งเขา-เขาปิ๊งเธอ จนตกเป็นคืนวันไนต์ที่แสนหวาน ทว่า!! หลายวันต่อมา ฝันที่แสนหวานของเธอ กลับกลายเป็นฝันร้าย เพราะบริษัทของเธอกำลังถูกคนหยามธุรกิจ Start Up หน้าใหม่ของเธอ ด้วยการขอเทคโอเวอร์ แถมคนที่จะมาขอเทคโอเวอร์บริษัทของเธอ ดันเป็นผู้ชายที่เธอมีอะไรด้วยในคืนก่อน ไทม์ - แทนไท ภาคเวคินทร์ ประธานหนุ่มสุดหล่อที่เพิ่งจะผ่านคืนอันเร่าร้อนที่แสนจะลงตัวกับลลิน เธอกับเขาดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีไปหยก ๆ แต่ไหงวันต่อมา เขาดันกลายเป็นพวกฉวยโอกาสทางธุรกิจไปได้เสียนี้ ในทางธุรกิจ หญิงสาวเกลียดพวกฉวยโอกาสอย่างที่เขาทำอยู่เข้าไส้ ทว่าในทางลีลารักบนเตียง เธอกับเขาดันเข้ากันได้ดีมาก เห็นทีคราวนี้เธอจะต้องแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน แล้วเธอจะทำได้ไหมนะ! เมื่อศัตรูทางธุรกิจ กับ คนที่หัวใจต้องการเป็นคนเดียวกัน!!
“พี่ลลินทางนี้ค่ะ”
ท่ามกลางแสงสีเสียงที่ดังกระหึ่มของสถานบันเทิงชื่อดัง สายตาหวานสาดส่องเพ่งมองหาที่มาของเสียง
ใบหน้าหวานด้วยเครื่องหน้าที่สมบูรณ์ จมูกรั้นเชิดปากอวบอิ่มตาหวานที่ยิ้มที่เป็นรูปสระอิ ยิ้มร่าออกมาเมื่อในที่สุดเธอก็พบกับมือเล็กของเลขาสาวที่กำลังโบกไม้โบกมือเรียกท่ามกลางแสงไฟที่คอยเปลี่ยนสีชวนมึนหัว เมื่อเห็นจุดหมายขาเรียวยาวบนรองเท้าส้นสูงสามนิ้วก็รีบมุ่งเดินไปยังโต๊ะจุดหมาย
หญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปอวดทรวดทรงบั้นท้ายงามงอน เชื้อเชิญสายตาหนุ่ม ๆ ในผับให้ได้จ้องมองตามร่างอรชรที่เดินผ่านอย่างโดนสะกด ผิวขาวผ่องตัดกับชุดสีดำขลับผิวได้เป็นอย่างดี แม้จะตัวเล็กด้วยความสูงเพียงมาตรฐานหญิงไทยร้อยหกสิบต้น ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็แอบเซ็กซี่ด้วยชุดที่เปิดหลังโชว์ผิวเนื้อเนียน ผมดำยาวตรงสลวยพลิ้วไหลไปตามจังหวะที่ก้าวเดิน ที่ใครได้มองได้เห็นก็ถึงกับต้องมนต์สะกดไปตาม ๆ กัน
“มาช้าแปบเดียว นี่สั่งกันเต็มโต๊ะแล้วเหรอเนี้ย” เสียงหวานเอ่ยแซวลูกน้องสี่คนที่นั่งดื่มกันไปก่อนไปก่อนแล้ว เมื่อเธอเดินเข้ามาเห็นเครื่องดื่มวางจัดเต็มอยู่อย่างพร้อม
“ฉลองให้กับบริษัทเราทั้งทีต้องยิ่งใหญ่สิคะ” เลขาสาวเอ่ยขึ้นด้วยยิ้มที่เริ่มเยิ้มให้กับเครื่องดื่มมึนเมาที่เพิ่งได้เริ่มดื่มไปเพียงไม่กี่แก้ว
“งั้นมา ชนนนนนนน” มือเรียวหยิบแก้วของตนขึ้นพร้อมเอ่ยชวนน้อง ๆ ที่ร่วมก่อตั้งฟันฝ่าธุรกิจ สตาร์ทอัพผ่านอุปสรรคทั้งหลายมาด้วยกันจนมีวันนี้
ลลิน เธอคือหญิงสาวที่สนใจและมีความฝันที่อยากจะมีบริษัทสตาร์ทอัพเป็นของตนเอง ประจวบกับเธอที่ชอบเรียนและสนใจเกี่ยวกับไอทีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอจึงคิดเปิดบริษัทเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันตัวหนึ่งขึ้นมา เธอจึงได้ชวนน้อง ๆ ในคณะในสาขาที่มีความสนใจเช่นเดียวกันมาร่วมก่อตั้งบริษัทกันด้วย และในชที่สุดเธอก็ได้
สายป่าน รุ่นน้องคนสนิทที่สุดซึ่งเป็นน้องรหัสของเธอและในตอนนี้ได้กลายมาเป็นเลขาส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อย
รุกและสกาย รุ่นน้องที่เข้ามาช่วยพัฒนาแอปพลิเคชัน
หมิวหมิว รุ่นน้องที่เข้ามาเป็นคนสุดท้ายช่วยในเรื่องการตลาดและหาสปอนเซอร์
ในที่สุดความพยายามของเธอก็ประสบผลสำเร็จ
วันนี้แอพที่เธอสร้างได้เปิดตัวให้ทดลองใช้งานเป็นวันแรกได้ผลตอบรับมาเป็นอย่างดี ดีกว่าที่เธอเคยคาดหวังเอาไว้เป็นไหน ๆ ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้มันไม่ง่ายแต่ถึงอย่างนั้นลลิน เธอก็ไม่เคยยอมแพ้กับมันเลยสักครั้ง เพราะเธอเล็งเห็นถึงความเป็นไปได้และอนาคตที่แอพนี้ ที่เธอสร้างจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนได้อย่างมาก และที่สำคัญที่สุดมันจะสามารถทำเงินให้เธอได้สมกับที่เธอเหน็ดเหนื่อยมาเพื่อมันได้อย่างแน่นอน
“วันนี้เมาได้เต็มที่เลยนะ พี่จ้างรถมารอเพื่อไปส่งทุกคนแล้ว” เสียงหวานเอ่ยบอกลูกน้องให้เต็มที่ไปกับค่ำคืนฉลองแห่งความสำเร็จของพวกเขา
“งู้ยยย ดีจังเลยค้า” หมิวหมิวส่งสายตาออดอ้อนตาเยิ้ม
หลังจากนั้นทุกคนก็สนุกสุดเหวี่ยงไปกับเสียงเพลงและเครื่องดื่มมึนเมาตรงหน้า
“วู้ววว ผับไปปิดเราไม่กลับ” รุกและสกายกอดคอกันเต้นสุดเหวี่ยง
“จัดเต็ม จัดเต็ม” สายป่านก็คอยเป็นมือชงเครื่องดื่มเอ็นเตอร์เทนทุกคนอย่างดี
ลลิน มองภาพน้อง ๆ ทุกคนอย่างมีความสุข ทั้งปลื้มใจและตื้นตันใจ ชีวิตเธอประสบความสำเร็จอีกขั้นก็เพราะทุกคนที่คอยอยู่เคียงข้างและช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน
“หนูเห็นโต๊ะนั้นมองพี่นานแล้วนะคะ” สายป่านก้มกระซิบที่ข้างหูเอ่ยบอกให้ลลินได้รับรู้ เพราะเธอสังเกตเห็นมาสักระยะแล้ว
ลลินที่ได้ยินดังนั้นก็หันตามสายตาของสายป่านไปยังโต๊ะต้นเรื่อง และอย่างที่สายป่านบอกกับเธอจริง ๆ เพราะเมื่อหันไปมองก็พบกับสายตาคมคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองมายังเธออยู่จริง ๆ
ไซเรน เสียงสัญญาณเตือนของความอันตรายผู้ชายดิบเถื่อนแต่ทว่ากับมีใบหน้าหล่อเหลาดั่งพระเจ้าปั้น แม้ใบหน้าจะหล่อแต่นิสัยของเขาก็ไม่ได้ดีตามหน้าตาเลยสักนิด แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้ปฏิญาณตนว่าไซเรนผู้โหดดิบเถื่อนคนนี้จะเป็นเด็กดีของน้องเทียร์แต่เพียงผู้เดียว ไซเรน อายุ29ปี มาเฟียผู้ดิบเถื่อนโหดให้กับคนทั้งโลกแต่ใจดีให้กับเธอผู้เดียว “ขอบคุณนะครับที่ช่วยชีวิตผม ไม่ทราบว่าผมขอตอบแทนเป็นการให้ผมได้เป็นสามีคุณจะได้ไหมครับ” เทียร์ อายุ23ปี เด็กสาวที่กำลังจะเรียนจบได้เข้าไปช่วยชีวิตผู้ชายคนหนึ่งไว้หลังจากนั้นชีวิตของเธอก็ไม่มีความสงบสุขอีกเลย “ไหนลองคลานมาอ้อนหน่อยสิคะ” “ถ้าอยากให้รักก็ช่วยทำตัวเป็นปกติได้ไหมคะ?” “แล้วตอนนี้พี่ไม่ปกติตรงไหน” “ทุกตรง!!” “เทียร์ครับอยากเลีย” “เลียอะไรคะ?” “พูดได้หรือครับ”
เมื่อเธอตกหลุมรักเพื่อนพี่ชายเข้าอย่างจังตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่ทว่า เขานั้นมีคนในใจอยู่แล้วซึ่งก็คือเพื่อนสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม แต่คนอย่างเธอนะเหรอจะสน ในเมื่อคนที่เขาชอบไม่ได้ชอบเขา นั่นก็หมายความว่าเธอก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้เขามารับรักเธอ "ถึงเขาไม่รักพี่แต่ควีนรักพี่นะ"
"ภากร" พี่ชายของ"เมนิลา" โกงเงินบริษัทของ รามิล จนเสียหายมหาศาล แถมยังสร้างตราบาปให้กับ "ไลลา" น้องสาวของ "รามิล" เจ้าของและประธานบริษัทรถหรู ความแค้นจึงเกิดขึ้น เมื่อเขาเจอเมนิลาที่กลับมาจากเปิดเทอมช่วงซัมเมอร์ รามิล จึงเอาตัวเธอเป็นตัวประกันเพื่อให้พี่ชายของเธอหาเงินมาชดใช้ แต่ด้วยความรักพี่ชายและครอบครัว เมนิลา จึงยอมไปเป็นตัวประกัน 3 เดือน เพื่อให้พี่ชายหาเงินมาใช้หนี้ทุกบาททุกสตางค์ เธอจึงต้องชดใช้ทุกอย่างแทนพี่ชายของตัวเอง รามิล ประธานบริษัทรถนำเข้าหรู อายุ 32 ปี เขาคือ ผู้ชายที่หล่อ เย็นชา แถมปากร้าย เมนิลา อายุ 23 ปี เธอเป็นสาวสวย นักเรียนนอก เชื่อมันในตัวเองสูง และไม่เคยยอมใคร
คีย์ - คณะวิศวะคอมปี 1 พริมโรส - คณะบริหารปี 1 พริมโรสมีเพื่อนสนิทรวมก๊วน คือมะตูมและไผ่หลิว นทีเป็นเพื่อนของคีย์ เมื่อนทีจีบไผ่หลิว ทำให้กลุ่มเพื่อนของเขาและเธอสนิทกัน ทุกครั้งที่พริมโรสโดนรุ่นพี่แกล้ง คีย์ก็จะมาปกป้องคอยช่วยเหลือเธอเสมอ ความรักเลยค่อยๆ พัฒนาจากความเป็นเพื่อนเลื่อนเป็นแฟน
เมื่อณาลัลน์สาวยูทูปเปอร์ชื่อดังรับคำท้าจากเพื่อนสาว ให้จีบคุณหมอเมธัสสุดหล่อที่เย็นชาขึ้นชื่อ เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าที่เขาเย็นชาเพราะไม่สนสาว ๆ หรือเพราะว่าเขาเป็นเกย์กันแน่นะ!
"ไหนบอกไม่ชอบผู้หญิงไงคะทำไมรู้ทุกจุดเลยล่ะ" "อย่าพูดมากแล้วอ้าขาให้พี่สิครับเด็กดี"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง