เจียนเยว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนกระทั่งพบอาของเธอ แต่เธอก็ตกหลุมรักอาของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเสียดายที่อาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน เลยจัดให้เธอไปต่างประเทศ เพื่อแก้แค้น เธอจึงเรียนวิชาบุรุษวิทยาและหลังจากกลับมาอีกครั้ง เธอก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุด เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การหลั่งเร็ว ภาวะมีบุตรยาก... คราวนี้คุณอาดันเธอไว้ในห้องนอน "ถ้าอยากดูร่างกายของผู้ชายมาก ก็ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ" เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย และใช้มือปลดเข็มขัดของเขา "มิน่าเล่าขนาดอามีคู่หมั้นแล้ว แต่กลับไม่แต่งงานสักที ที่แท้มันใช้งานไม่ได้สินะ" "จะได้หรือไม่ได้ คุณก็ลองดูเองสิ" "ไม่เลย อาไปหาคนอื่นช่วยดูให้เถอะ"
ประตูถูกเตะจนเปิดออก เจี่ยนเยวที่ถือแฟ้มเอกสารเอาไว้ในมือรีบปรี่เข้ามาด้วยความโมโหเดือดดาล
เธอเอามือเท้าเอวและกำลังจะตะโกนสุดเสียง แต่แล้วกลับหูไวได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวดังมาจากห้องนอนซะก่อน สีหน้าของเธอจึงเปลี่ยนไปทันที
“ยวี่ คุณเบา ๆ หน่อยสิ...... ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ…..”
เสียงที่ออดอ้อนค่อย ๆ อ่อนแรงลงเรื่อย ๆ แต่เสียงหอบหายใจกลับดังกึกก้องยิ่งขึ้น
เจี่ยนเยวอายุยี่สิบปี นับว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าเธอต้องรู้อยู่แล้วว่าคนในห้องนอนกำลังทำอะไรกันอยู่
แต่ในวิลล่าหลังนี้มีแค่เธอกับคุณอาเล็กอาศัยอยู่กันแค่สองคนเท่านั้น เธอไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายที่อยู่ข้างในจะเป็นคุณอาเล็ก แล้วก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้แน่ด้วย
แฟ้มเอกสารในมือตกลงไป ทำให้กระดาษกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด เจี่ยนเยวรีบวิ่งปรี่ไปเปิดประตูห้องนอนออกทันที
แสงในห้องนอนสลัว ๆ แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของผู้ชายขยับขึ้นลงไม่หยุด บริเวณใต้เอวถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนบางเอาไว้ เธอมองไม่เห็นใบหน้าของชายคนนั้น
แต่แค่เห็นแผ่นหลัง เธอก็มั่นใจแล้วว่าเป็นคุณอาเล็กโดยไม่ต้องสงสัยเลย
ผู้หญิงที่อยู่ข้างล่างทำท่าทางเหมือนกำลังมีความสุขมาก ราวกับว่าเธอกำลังรู้สึกมีความสุขอย่างล้นหลามจนไม่สามารถที่จะอธิบายออกมาได้อย่างไรอย่างนั้น
เจี่ยนเยวเหมือนจะเป็นบ้าขึ้นมา ในขณะที่ร้องไห้เธอก็หยิบรองเท้าข้างประตูขึ้นมาเขวี้ยงไปอย่างแรง
“โหลวยวี่ ฉันเกลียดคุณ!”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็หันหลังกลับและรีบวิ่งออกไปทันที
เมื่อได้ยินเสียงประตูวิลล่าปิดลง โหลวยวี่ก็เลิกผ้าห่มออกและลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
ยกเว้นท่อนบนที่เปลือยเปล่าแล้ว ท่อนล่างของเขายังใส่กางเกงเอาไว้อย่างเรียบร้อย
เขาจุดบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่ง แล้วก็สูบเข้าไปเฮือกใหญ่ แล้วควันที่พ่นออกมาก็ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาพร่ามัวไปหมด เหลือเพียงดวงตาที่กำลังแสดงอารมณ์โกรธเท่านั้นที่ทำให้ดูน่าหวาดหลัว ไม่ได้มีความหื่นกระหายอยู่เลยสักนิด
ผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นมาแล้วเช่นกัน ท่อนบนของเธอสวมไว้แค่เกาะอกตัวหนึ่งเท่านั้น เธอเอื้อมมือไปโอบที่เอวของโหลวยวี่เอาไว้ แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณโหลวอย่าเพิ่งหมดสนุกสิคะ เรามาต่อกันเถอะ ~”
สีหน้าของโหลวยวี่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด เขาพูดออกมาแค่สองคำอย่างไม่แยแสว่า “ออกไป”
ผู้หญิงคนนั้นไม่พอใจอย่างมาก กว่าเธอจะมาขึ้นเตียงของโหลวยวี่ได้ไม่ใช่ง่าย ๆ เลย แม้ว่าจะเป็นแค่การแสดงก็เถอะ แต่เธอก็อยากทำให้การแสดงปลอม ๆ นี้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้
“คุณโหลวขา~” มือเรียว ๆ ของเธอลูบไล้ไปที่เอวและหน้าท้องของเขาเบา ๆ
มีใครไม่รู้บ้างว่าคุณโหลวที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลของเมืองชิงพูดคำไหนคือคำนั้น หากใครก็ตามที่ต้องให้เขาออกคำสั่งเป็นครั้งที่สอง อาจจะหนีไม่พ้นความตายเลยก็เป็นได้ โหลวยวี่ไม่มีความเมตตาเลยสักนิด เขาเตะผู้หญิงคนนั้นลงไปจากเตียงทันที
“กู่เหนียน นำตัวออกไปซะ”
“ครับผม”
ผู้หญิงคนนั้นถูกลากออกไปทั้งที่ยังดิ้นไม่หยุด ผู้ช่วยที่ชื่อว่ากู่เหนียนคนนั้นยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความเคารพ “คุณท่านครับ คุณผู้หญิงไปที่บ้านฮั่วอันหนานที่เป็นเพื่อนของเธอแล้วครับ ส่วนเอกสารการไปต่างประเทศยังไม่ได้เซ็นแต่อย่างใดเลยครับ”
“เอาไปให้เธอเซ็นซะ เธอต้องเซ็นอยู่แล้ว”
“ครับ”
……
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเจี่ยนเยววิ่งออกจากวิลล่าก็ไปหาเพื่อนสนิทเธอทันที
เวลานี้ เธอกำลังซบไหล่ของฮั่วอันหนานและร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจอยู่ “หนานหนาน เธอคิดว่าทำไมเขาถึงทำกับฉันแบบนี้กัน?”
ขณะที่ฮั่วอันหนานกำลังตบหลังเธออยู่ก็พูดโน้มน้าวขึ้นมาว่า “เจี่ยนเยว ใช่ว่าฉันจะว่าอะไรเธอนะ แต่เขาเป็นคุณอาเล็กของเธอ เรื่องของพวกเธอสองคนมันเป็นไปไม่ได้หรอก อีกอย่างเขาก็อายุตั้งสามสิบแล้ว อย่าว่าแต่เขาจะมีแฟนเลย ต่อให้เขาแต่งงานมีลูกแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่ดี เธอควรหยุดคิดเรื่องเขาได้แล้วนะ”
เจี่ยนเยวพูดอย่างเศร้าเสียใจว่า “แต่เขาไม่ใช่คุณอาเล็กแท้ ๆ ของฉันสักหน่อยนี่”
“แต่เขาเลี้ยงเธอมาจนโตนะ ในสายตาของคนนอก เขาก็คือคุณอาเล็กของเธอนั่นแหละ ถือว่าเป็นคนในครอบครัวกัน”
เจี่ยนเยวถึงกับเงียบไป
ฮั่วอันหนานพูดถูก ต่อให้เธอจะพยายามหลอกตัวเองว่าเธอกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่แล้วมันจะไปมีความหมายอะไรล่ะ?
ในสายตาของคนนอกนั้น เธอกับเขาก็คือคนในครอบครัวเดียวกัน สายใยของชีวิตได้เชื่อมโยงเข้าด้วยกันตั้งนานแล้ว
คงไม่มีทางที่จะมีความสัมพันธ์เกินเลยไปจากความรักในครอบครัวได้อีกแล้ว
ตอนที่อายุสิบหก เจี่ยนเยวตัดสินใจบากหน้ามาขออยู่ที่ตระกูลโหลว เพราะเธอทนไม่ได้กับการใช้ความรุนแรงของคุณลุงและคุณป้าอีก
ก่อนที่ปู่ของเธอจะจากไป เขาได้บอกเธอไว้ว่า ท่านผู้เฒ่าตระกูลโหลวที่เป็นตระกูลเก่าแก่นับร้อยปีเป็นหนี้บุญคุณเขาอยู่ หากในอนาคตเธอไม่มีทีไปแล้ว เธอสามารถไปขอความกรุณาจากบุคคลนี้ได้
แต่เมื่อเธอมายืนอยู่ในห้องโถงของตระกูลโหลวแล้ว เธอถึงได้มารู้ว่า ท่านผู้เฒ่าโหลวได้เกษียณอายุงานและใช้ชีวิตออกห่างจากโลกสังคมไปแล้ว อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่แล้วด้วย
ตอนนี้ ผู้หญิงที่นั่งบนโซฟาและแต่งตัวเหมือนผู้หญิงชนชั้นสูงกำลังมองพิจารณาเธออยู่ ซึ่งผู้หญิงคนนี้ก็คือภรรยาคนใหม่ของหัวหน้าตระกูลโหลวคนปัจจุบันนั่นเอง
ภายในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่
เจี่ยนเยวกัดนิ้วด้วยความประหม่า ทำให้คุณนายของตระกูลโหลวแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา แล้วก็บอกให้พี่เลี้ยงเอาเงินให้เธอไปห้าร้อย
เมื่อเธออับอายจนหน้าแดงและกำลังจะโยนเงินลงบนพื้นและจากไปนั้น เสียงเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยามก็ดังขึ้น “คุณนายโหลวที่ชอบโอ้อวดความเมตตาของตัวเองนักหนา จะกระทำแค่ตอนอยู่ต่อหน้าคุณพ่อเท่านั้นเหรอ? แค่จะมีคนเข้ามาอยู่ด้วยอีกแค่คนเดียว ต้องแสดงพฤติกรรมน่าเกลียดแบบนี้ออกมาเลยเหรอ”
เจี่ยนเยวเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ แล้วก็เห็นผู้ชายที่ดูเย็นชาคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนบันได
เขาสวมชุดสูทสีเทา กำลังกอดอกมองลงมาอย่างเย็นชา ราวกับว่าเขากำลังดูฉากที่น่าตลกอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"