ชาวี (ภัสกร) เขาคือคนที่ไม่มีเรื่องราวในอดีตในหัวเพียงแค่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นลูกบุญธรรมของนักธุรกิจใหญ่และเข้ารับหน้าที่บริหารงานแทนคนเป็นพ่อแถมยังชอบฝันประหลาดเห็นใครบางคนที่ไม่สามารถเห็นหน้าเธอได้ชัดอยู่บ่อยครั้งและยังต้องคอยใช้ยาระงับการปวดหัวที่รุนแรงเรื่อยๆ อีกด้วย เฌอริตา เธอคือแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่คิดจะนึกถึงเรื่องราวในอดีตการก้าวเดินไปข้างหน้าในครั้งนี้เธอต้องการจะเปิดโปงคนชั่วที่มันทำกับพ่อของเธอเอาไว้เท่านั้นหญิงสาวต้องกลับจากต่างประเทศกะทันหันและเข้ามาทำงานในบริษัทแปรรูปส่งออกบริษัทหนึ่งเพื่อที่จะสืบหาความจริงแต่เหมือนโชคชะตาดันเล่นตลกทำให้เธอได้พบเจอกับอดีตที่ปวดร้าว...... อิงดาว หญิงสาวตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มที่ชีวิตไม่เคยมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแต่เธอก็ไม่เคยเอานี้มาบั่นทอนชีวิตของเธอจนวันนึงเธอเจอคนที่ใช่และพร้อมใจที่จะใช้ชีวิตคู่กับเขาแต่คนที่เธอเลือกกลับทำทุกอย่างเพื่อใช้เธอเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นเท่านั้น ลีโอนาโด ชายหนุ่มชาวอิตาลีที่มีพ่อบุญธรรมเป็นคนไทยดูแลกิจการค้าอาวุธของพ่อเขาที่รัสเซียชายหนุ่มโปรไฟล์ดีมาเมืองไทยเพื่อทำอะไรบางอย่างเพื่อความสะใจกับความแค้นในอดีตครอบครัวของคนที่พรากชีวิตพ่อของเขาไปต้องได้รับผลกรรมแต่ผลจากการกระทำมันทำให้เขาต้องมารับผิดชอบชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะเกิดมากับหญิงสาวที่ถูกพ่อบุญธรรมเขาบังคับให้จดทะเบียนเป็นภรรยาตามกฏหมายโดยที่เขาไม่เต็มใจ .... เรื่องราวความแค้นและอดีตที่ฝังใจของพวกเขาจะนำพาให้พวกเขาได้เจอกับอะไรบ้างติดตามได้ในเรื่องบ่วงร้ายสายใยรักได้เลยนะคะ ชื่อตัวละครและสถานที่ในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการเช่นกันไม่ได้เจตนาที่จะอ้างอิงใครหรือสิ่งใดต้องขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ดึกดื่นค่ำคืนอันเงียบสงัดในบ้านหลังใหญ่สุดหรูมีชายหนุ่มที่กำลังหลับอยู่บนเตียงนุ่มด้วยอาการทุรนทุรายสองมือบีบจิกอยู่กับขมับเหงื่อออกซิกสีหน้าเหยเกตัวบิดงอเหมือนกับกำลังฝันร้าย
"อะ...อ้าสส..อึก..เธอเป็น...ใครกันแน่"
และแล้วชายหนุ่มร่างสูงก็ตื่นจากความฝันแต่ความปวดหัวของเขาก็ยังคงอยู่ยิ่งพยายามนึกให้ออกว่าผู้หญิงที่เขาฝันเห็นทุกคืนคือใครก็นึกไม่ออกเสียที
"คุณชาวี!!"
หมอแดนเทพหมอหนุ่มวัย35เป็นหมอประจำตัวของชาวีมาเกือบสามปีแล้วตั้งแต่เขาเข้ารับการรักษาจากการเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นชนะพลก็จ้างเขาด้วยราคาแสนแพงให้ดูแลชายหนุ่มเป็นหมอประจำตัวเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
แดนเทพรีบเปิดประตูห้องที่มันสามารถเชื่อมถึงกันกับห้องเขาและชาวีออกพร้อมหยิบกระเป๋ายาและรีบฉีดยาระงับอาการปวดให้ชาวีทันที
ครู่ต่อมา
"ยังพยายามนึกอีกเหรอครับบอกแล้วไงหากมีอาการปวดหัวแบบนี้อีกให้เรียกผม"
แดนเทพนั่งรอดูอาการชายหนุ่มครู่หนึ่งจนเขาเป็นปกติดีด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพราะดูออกว่าอาการปวดหัวของเขาจะรุนแรงขึ้นทุกวันๆจนเขารู้สึกว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว
"ฉันอยากจะรู้ว่าคนที่อยู่ในฝันของฉันคือใคร"
ชาวีบอกกับหมอหนุ่มด้วยสีหน้าที่ยังพยายามครุ่นคิดแต่เรื่องความฝันในหัวของเขาก็เลือนลางลงไปทุกทีและผลอยหลับไปด้วยฤทธิ์ยาจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งไปถ้าหากเขาได้รับยาที่หมอแดนเทพฉีดให้
"อย่าพยายามอีกเลยครับความฝันก็คือความฝันพักผ่อนเถอะครับ"
แดนเทพมีสีหน้าไม่สบายใจอย่างมากเมื่อชายหนุ่มหลับลงแล้วเขาจึงเดินถือกระเป๋ายากลับไปที่ห้อง
เช้าวันต่อมา
คฤหาสน์xxx
"คุณพ่อคิดบ้าอะไรอยู่ครับถึงให้ไอ้ลูกนอกไส้นั่นมันบริหารงานในบริษัทใหญ่ของเราแบบนั้น"
ชนะภพลูกชายคนเดียวของชนะพลนักธุรกิจส่งออกข้าวรายใหญ่ของประเทศและเป็นเจ้าของโรงสีหลายแห่งในประเทศอีกด้วย
ชนะภพชายหนุ่มวัยสามสิบปีลูกคุณหนูจอมเอาแต่ใจเพราะถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กนิสัยชอบเอาชนะทุกอย่างเรื่องเรียนเขาก็ไม่เคยตกเพราะต้องการจะเป็นที่หนึ่งและเรื่องอื่นๆด้วยเช่นกันตอนนี้เขาเป็นคนที่เล่นหุ้นเก่งที่สุดคนหนึ่งแต่เรื่องที่เขาต้องเข้ามาหาพ่อของเขาด้วยท่าทีไม่พอใจเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าพ่อของเขาดันให้ลูกนอกไส้อย่างชาวีบริหารบริษัทแม่ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ที่เขาควรจะได้เข้าบริหาร
"มันเรื่องของฉันรู้แค่ว่าฉันทำทุกอย่างก็เพื่อแกเท่านั้น"
ชนะพลชายวัยเกือบหกสิบเป็นนักธุรกิจที่เก่งหาคนเทียบยากคนหนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจทำอะไรลงไปเขาได้คิดไตร่ตรองมาถี่ถ้วนแล้ว
"เพื่อผมยังไงครับผมไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาจบมาคว้าเกียรตินิยมคุณพ่อไม่เห็นสนใจจะให้ผมเป็นผู้บริหารบ้างเลยแถมงานอะไรก็ไม่อยากจะให้ทำให้ลูกนอกไส้ของพ่อมันโชว์ฝีมืออยู่คนเดียว"
ชนะภพไม่เข้าใจคำพูดของคนเป็นพ่อเท่าไรเพราะการกระทำของเขามันย้อนแย้งกับคำพูด
"ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อแกอยู่บนกองเงินกองทองสบายๆไม่ชอบหรือไงหุ้นแกก็มีอยู่เต็มมือเอาเวลาไปดูแลหุ้นแกดีกว่า"
"มันไม่เหมือนกันนี่ครับพ่อแล้วคนอื่นจะมองผมยังไงที่พ่อตัวเองให้คนอื่นบริหารงานในบริษัทแทนลูกแท้ๆตัวเองเค้าจะมองว่าผมไม่เอาไหนน่ะสิครับพ่อ"
ชนะภพรู้สึกไม่ชอบหน้าชาวีตั้งแต่เมื่อเจอเมื่อสามปีก่อนแล้วที่จู่ๆก็มารู้ว่าพ่อตัวเองมีลูกบุญธรรมแถมส่งเสียตั้งแต่ยังเล็กโดยที่เขาไม่รู้เรื่องอีกด้วย
"สักวันแกจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำ"
ชนะพลเดินเข้ามาตบบ่าลูกชายคนเดียวของเขาด้วยสายตาที่ห่วงใย
"ผมว่าผมไม่น่าจะเข้าใจได้นะครับ"
ชนะภพกัดฟันกรอดเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็วในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขาพ่อของเขาก็ไปให้ชาวีดูแลแทนดังนั้นชีวิตของพ่อเขาก็ให้ลูกนอกไส้อย่างชาวีดูแลไปก็แล้วกัน
"ท่าทางคุณภพจะไม่พอใจเอามากๆเลยนะครับท่าน"
ธีราทรมองดูภาพตรงหน้าอย่างไม่สบายใจเขารู้ดีทุกอย่างว่าที่ชนะพลนายของเขาทำลงไปนั้นมีเหตุผล
"ปล่อยมันไปก่อน"
ชนะพลเห็นว่าวันนึงลูกชายของเขาจะเข้าใจเองว่าที่เขาทำไปทุกอย่างก็เพื่ิอลูกชายคนเดียวของเขาเท่านั้น
"ท่านครับหมอแดนเทพมาขอพบครับ"
บอดี้การ์ดหนุ่มมารายงานคนเป็นนายในห้องโถงใหญ่
"ให้เค้าตามฉันไปที่ห้องใต้ดิน"
ชนะพลไม่รู้ว่าแดนเทพมาหาเขาด้วยเรื่องอะไรแต่หากหมอหนุ่มมาถึงที่นี่ก็คงจะมีเรื่องด่วนจึงต้องให้ไปคุยในห้องใต้ดินของบ้าน
"ครับท่าน"
ครู่ต่อมา
ห้องใต้ดิน
"มีอะไรมาคุยกับฉันแต่เช้า"
ชนะพลถามแดนเทพด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"อาการของคุณชาวีดูจะหนักขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่ได้รับยานี้ทุกครั้งนะครับท่านผมเกรงว่าร่างกายของคุณชาวีจะรับไม่ไหว"
แดนเทพพูดด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
"ไม่ไหวก็ต้องไหวชาวีจะต้องจำเรื่องราวในอดีตอะไรไม่ได้ทั้งนั้นหากดูท่าว่าจะดื้อยาฉันจะให้หมอที่อังกฤษผสมตัวยาเข้าไปใหม่ให้แรงกว่าเดิมจะเอาไม่อยู่ก็ให้มันรู้ไป"
ชนะพลไม่สนใจอะไรทั้งนั้นว่าอาการชาวีเป็นอย่างไรเขาชุบเลี้ยงช่วยเหลือชาวีมาก็เพื่อจะใช้เป็นเครื่องมือออกหน้าทุกอย่างแทนเขาก็เท่านั้น
"แต่ผมกลัวว่าวันนึงมันจะมีผลต่อระบบประสาทนะครับท่านยิ่งท่านให้คุณชาวีมาบริหารงานแทนผมยิ่งกลัวว่าคุณชาวีจะมีอาการอะไรออกมาจนทำให้เค้าทำงานไม่ได้นะครับ"
แดนเทพรู้สึกว่าเขานั้นจะเป็นแพทย์ที่ไร้จรรยาบรรณขึ้นไปทุกวันจนเขารู้สึกผิดอยู่แทบทุกขณะ
"ฉันว่ากว่าจะถึงวันนั้นฉันก็คงไม่ใช้งานชาวีแล้วล่ะ....ดูท่าหมอจะห่วงคนไข้ของหมอจังเลยนะอย่าลืมสิว่าตัวเองเป็นคนของใครและจะต้องทำตามคำสั่งใคร"
ชนะพลเตือนให้แดนเทพได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่ช่วยเหลือครอบครัวแดนเทพเอาไว้หลายครั้งหลายคราและให้เขาได้รู้ว่าคนที่เขาควรจะเชื่อฟังคือใคร
"ครับ"
แดนเทพรับคำชนะพลคอตกเพราะเขาไม่มีทางเลือกอะไรเลย
เกริ่น “คืนนั้นฉันนอนกับเค้าเพราะต้องการแค่ลูก ใครจะไปคิดว่าเค้าจะตามหาฉันจนเจอแล้วสั่งให้ฉันทำร้ายลูกในท้องตัวเองเล่า ไอ้มาเฟียบ้าฉันจะทำยังไงกับเค้าดี” “ทำให้เค้ารักแกไง” กลิ่นชวาก็แค่อยากจะมีลูกเพื่อให้พ้นการถูกแม่เลี้ยงจับตัวไปใช้หนี้เท่านั้น คืนนั้นเธอต้องการแค่ลูก ไม่ได้คิดว่าชีวิตจะพลิกผันจนได้มาอยู่ท่ามกลางมาเฟียใจดำที่ไม่อยากให้ลูกเธอเกิดมา เพื่อนเธอก็ช่างหาเป้าหมายมาให้ถูกคนเสียจริง ชีวิตวาดิมมันเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน แค่เอาชีวิตตัวเองให้รอดไปวันๆ ยังยาก หากจะต้องมีจุดอ่อนให้ศัตรูทำลายเขาก็ต้องรีบกำจัด ใครจะไปคิดว่าการนอนกับผู้หญิงที่ถูกใจแค่คืนเดียวจะทำให้เขามีปัญหาตามมาจนปวดหัว ตัวอย่างบางตอน “ความเห็นแก่ตัวของคุณมันทำให้ตัวผมกำลังเดือดร้อนรู้ไหม” วาดิมสาดเสียงแข็งใส่กลิ่นชวากับเพื่อนของเธอที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเป็นพ่อคนโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ “ถ้าคุณไม่มานอนกับฉันทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นไหมล่ะ อย่ามาว่าฉันเห็นแก่ตัวอย่างเดียวเลย คุณมันก็เห็นแก่ได้เหมือนกันนั่นแหละ” กลิ่นชวายังไม่เลิกปากเก่ง เด็กคนนี้จะเกิดมาไม่ได้หากเขาไม่ร่วมกระทำกับเธอด้วย ทั้งหมดทั้งมวลมันก็ไม่ใช่ผลงานของเธอคนเดียวเสียเมื่อไหร่ “ถ้าพวกคุณไม่วางยาผมวันนั้นผมคงจะมีสติไม่หลงเชื่อคุณว่าไม่ต้องป้องกัน” กลิ่นชวาหันไปถลึงตากับเพื่อนรัก ส่วนพิริสาก็ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ รายละเอียดความจริงเป็นเช่นไรเธอถูกบังคับให้เล่าให้หมดไปแล้วจริงๆ “ช่างเหอะน่า เด็กคนนี้ฉันรับผิดชอบเองได้คุณไม่ต้องห่วงว่าฉันจะให้ลูกไปยุ่งกับคุณหรอก พูดจริงสาบานเลย” “ผมนัดหมอเอาไว้แล้ว ผมจะพาคุณไปเอาเด็กออก” “ไม่นะ อย่าเห็นแก่ตัวสิ เด็กน้อยตาดำๆ คนนึงกำลังจะลืมตาดูโลกเลยนะ ถึงคุณไม่รักเค้าแต่ฉันรัก คนไม่มีหัวใจอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก” วาดิมยืนจ้องตากับกลิ่นชวาอย่างไม่มีใครยอมใคร ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นชายหนุ่มก็คว้าปืนออกมาจากเอวและจ่อปลายกระบอกปืนสั้นไปที่หน้าท้องของหญิงสาว “อ๊าย/ว๊าย” สองสาวสวยตกใจกอดกันแน่นขึ้นกว่าเดิม แต่มิวายคนที่ไม่ค่อยจะยอมใครง่ายๆ อย่างกลิ่นชวาก็รีบตั้งสติและหันมาต่อว่าวาดิมอีกรอบ “พ่อแม่คุณรู้ไหมเนี่ยว่าคุณเป็นคนแบบนี้ เกิดเป็นลูกผู้ชายซะเปล่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย” แม้หัวใจจะเต้นจนแทบจะหลุดกระเด็นออกมาข้างนอกแต่กลิ่นชวาก็ยังทำใจดีสู้เสือ พูดไปจ้องตาชายหนุ่มไปไม่สะทกสะท้าน “พอเถอะว่าน” พิริสาที่กลัวจนตัวสั่นรีบปรามให้เพื่อนรักสงบปากก่อนที่จะตายกันหมด ตอนนี้พิริสารู้แล้วว่าวาดิมอยู่ระดับไหน เขาสามารถทำให้พวกเธอหายสาบสูญไปได้แค่ไม่กี่วินาที แถมใครก็เอาผิดคนอย่างเขาง่ายๆ ไม่ได้ด้วย หากย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ล็อคเขาเป็นเป้าหมายให้กลิ่นชวาเลย “จะไปไหนล่ะ ไม่ยิงฉัน...ล อื้อ” พิริสายกมือปิดปากกลิ่นชวาขณะที่เพื่อนเธอกำลังพูดตามหลังวาดิมที่กำลังเดินออกไปจากห้อง “อยากตายมากหรือไงถึงได้พูดแบบนั้นน่ะ” พิริสาในตอนนี้สั่นไปทั้งตัว “ไม่ตายหรอก อีตานั่นไม่กล้ามาทำผิดที่บ้านเมืองเราหรอก” “ไม่กล้ากับผีอะไรล่ะ รู้ไหมว่าพ่อของลูกแกเค้าเป็นใคร” “ก็แค่นักธุรกิจเพื่อนเจ้านายแกไม่ใช่หรือไง คงจะรวยพอๆ กับเจ้านายแกใช่ไหมล่ะ” “หัวหน้ามาเฟียค้าอาวุธที่รัสเซียเลยโว้ย สามารถทำให้เราหายไปโดยที่ไม่มีใครเอาผิดได้ด้วย พูดแล้วฉันก็อยากจะร้องให้ เมื่อกี้ที่แกท้าทายเค้า ฉันฉี่จะราดอยู่แล้วรู้ไหม” พูดไปปาดน้ำตาไป ไอ้ที่บอกว่าพูดแล้วอยากจะร้องให้น้ำตามันไหลมาก่อนคำพูดแล้ว “อ้าว แกหาใครมาให้ฉันเนี่ย? ไหนบอกแค่นักธุรกิจธรรมดาไง” ตัวของกลิ่นชวาชาวาบตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมายังใบหน้า ตอนนี้ก็กำลังรู้สึกขนหัวลุกกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ตอนนี้เหมือนเธอกำลังขึ้นหลังเสือไปแล้วเลย จะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดีล่ะเนี่ย เธอจะสามารถปกป้องลูกในท้องได้หรือไม่ แล้วชีวิตที่อยู่ท่ามกลางความเป็นความตายทำให้เธอต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง ติดตามได้ในนิยายเรื่อง One night คืนนั้นฉันต้องการแค่ลูก ได้เลยค่า... เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามผลงานใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB นิยาย ปลายฟ้า หากชื่นชอบนิยายที่ไรท์เขียน ฝากกดติดตามนามปากกา ปลายฟ้า เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้า ขอบคุณมากค่ะ
“บอกกับผมว่าฐานะเรามันต่างกันเกินไป แต่คุณก็มีผู้ชายรวยๆผลัดกันมาส่งที่หอไม่ซ้ำหน้า นี่เหรอไม่อยากคบคนรวย หรืออยากหว่านเสน่ห์เพื่อเก็บแต้ม ทำให้เค้ารักแล้วก็เฉดหัวเค้าทิ้งแบบนี้เหรอ” “หยุดดูถูกริตานะคะ ออกไปจากห้องริตาเดี๋ยวนี้” สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความตื่นกลัวเพราะตอนนี้ภูตะวันไม่เหมือนผู้ชายคนเดิมที่เธอรู้จักสักนิด สายตาของเขาแข็งกร้าวทั้งคำพูดคำจายังไร้ซึ่งความเป็นสุภาพบุรุษคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เนื้อหาทั้งหมดเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ คำเตือน นิยายเป็นเรื่องรักโรแมนติก ดราม่า มีเรื่องเกี่ยวกับการเสียลูกในท้อง พระเอกบังคับขู่เข็ญนางเอก แต่ไม่มีนอกกายนอกใจ หากรับเรื่องแบบนี้ได้ไปต่อกับนิยายไรท์ได้เลยค่ะ
ถ้าเขามีฝาแฝด แล้วคืนนั้นเธออยู่กับใครกันแน่? เธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอก่อนจะก้มมองรูปลูกสาวตัวกลมที่หน้าจอมือถือ ‘แม่จะทำยังไงดี’
เขาพาเธอขึ้นไปยังจุดสูงสุดของความสุข แล้วก็ถีบเธอล่วงหล่นลงมาตกในเหว เจ็บดีจังเลย ออกไปจากชีวิตฉัน...นายสามีตัวร้าย เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แม้ครอบครัวจะหาใครมาให้ดูตัวทำความรู้จักไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเธอก็ไม่คิดที่จะตกลงปลงใจคบกับใครหากไม่เห็นความเป็นไปได้ว่าจะคบกันถึงวันแต่งงานและใช้ชีวิตไปด้วยกันได้ตลอดจริงๆ จนงานวันเกิดอายุครบ 26 ปี เธอก็ได้เจอกับใครคนนั้น คนที่เธอเห็นเพียงแวบแรกก็รู้ว่าเขาคือคนที่เธอกำลังรอ เขามีชื่อว่าดาเนียลเล นักธุรกิจหนุ่มชาวอิตาลีที่รับสืบทอดกิจการเป็นเจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์หรูในอิตาลีแทนคนพ่อและแม่ที่เสียและกอบกุมธุรกิจอีกหลายอย่างในมือ คราแรกที่รู้ว่าเขาสนใจเธอจากปากของพี่ชายก็ดีใจจนแทบอยากจะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งไม่ห่วงคำว่ากุลสตรี ขอบคุณโชคชะตาที่นำพาให้เขาได้มาเป็นเพื่อนทางธุรกิจกับพี่ชายของเธอ และขอบคุณโชคชะตาที่นำพาคนที่เธอเฝ้ารอให้ได้มาพบกันเสียทีหลังจากเพื่อนฝูงต่างก็มีคู่หรือแต่งงานมีลูกกันไปแล้ว เมื่อได้พบกับนักธุรกิจหนุ่มตาน้ำข้าวแสนสุขุมได้เพียงวันเดียวเขาก็ขอเธอเป็นแฟนจากนั้นก็บินเที่ยวไปเทียวมาหาเธออยู่พักใหญ่ จนกระทั่งหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทำการเซอร์ไพรซ์ของเธอแต่งงานบนเครื่องบินส่วนตัว เธอตอบตกลงในทันทีเพราะก่อนหน้ารู้สึกว่าเขาและเธอช่างเข้ากันได้ดีเหลือเกิน ประกอบกับความอยากจะเป็นแม่คนเพราะเห็นเพื่อนมีลูกสาวลูกชายน่ารักน่าชังเลยอยากจะมีบ้าง ชีวิตของเธอหลังแต่งก็ได้ย้ายไปอยู่ที่อิตาลี ชีวิตความเป็นอยู่สุขสบายมีเรื่องง้องอนตามประสา และอุปสรรคที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัวบ้าง จนกระทั่งหลังการแต่งงานผ่านพ้นไปไม่เท่าไหร่ จู่ๆ เธอก็ได้ล่วงรู้ว่าความรู้สึกโชคดีที่เจอผู้ชายดีๆ มันเป็นเรื่องจอมปลอมหมดทั้งสิ้น ความหวังที่อยากจะแต่งงานเพียงครั้งเดียวและอยู่กับสามีคนเดียวไปจนตายก็พังทลายไม่เหลือชิ้นดี ฝากนิยายเรื่อง ลวงรักสามีตัวร้ายไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ
ในคืนเข้าหอ...เจ้าบ่าวของเธอเปลี่ยนไป จากคนสุภาพอ่อนโยน กลายเป็นคนดิบเถื่อนในทันตา ทว่า...เธอก็ทำใจตัดเขาออกไปจากชีวิตไม่ได้ ตัวอย่างบางตอน แควก “อ๊าย...” หลังจากหลับลงไปด้วยความเพลียที่ต้องต้อนรับแขกเหรื่อในงานแต่งมาทั้งวัน เธอหลับตาลงไปได้ไม่ถึงชั่วโมงจู่ๆ ก็มีมือของใครบางคนกำลังฉุดกระชากชุดเจ้าสาวของเธอจนขาดวิ่น ผ้าชิ้นหนาบวกกับแรงกระชากสร้างความเจ็บแสบให้เนื้อนวลนุ่มนิ่มของเธอไม่น้อยจนต้องระบายความเจ็บเป็นเสียงกรีดร้อง “อื้อ...” ยังไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงร้องอีกครั้ง มือหนาของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีก็กดปิดปากของเธอเอาไว้ ดวงตากลมโตเพ่งมองไปยังชายหนุ่มที่เคยสุภาพและอ่อนโยน ทว่าตอนนี้เธอมองเขาแล้วไม่หลงเหลือความรู้สึกนั้น ดวงตาของเขาที่จ้องมองเธอแข็งกร้าวดิบเถื่อน ประดุจเสือร้ายที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ คนที่กำลังคร่อมอยู่บนตัวของเธอคือคนที่เธอเพิ่งเข้าพิธีแต่งงานด้วยจริงๆ หรือ เนื้อหาในนิยายไม่ว่าจะเป็นชื่อคนหรือสถานที่และเหตุการณ์ต่างๆ ล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ไรท์เขียน ปี2024 หลังจากห่างหายจากการเขียนนิยายในนามปากกาปลายฟ้าร่วมหกเดือน หวังว่าผลงานชิ้นนี้ของไรท์จะทำให้นักอ่านมีความสุขทุกเวลาที่อ่านนะคะ ...ปลายฟ้ากลับมาแล้วค่า หากชื่นชอบฝากกดติดตามนามปากกา กดนิยายเพิ่มเข้าชั้นหนังสือ กดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ สามีเถื่ิอน นี่น่าจะเถื่อนแค่ไม่กี่ตอนนะคะ อิๆ ในเรื่องนี้ส่วนมากจะหวานละมุน แล้วไปดราม่านิดหน่อยช่วงท้ายๆ แต่รวมๆ มีแต่ความหวานเสียส่วนใหญ่ค่ะ (ปล นิยายเรื่องเก่าๆ ของไรท์ที่เคยลงเอาไว้ กำลังทยอยรีไรท์นะคะ หากเจอคำผิดต้องขออภัย ไรท์กำลังเตรียมรื้ออัปเดตใหม่ทั้งหมดค่ะ)
มารู้ว่าตัวเองนั้นรักเธอจนหมดหัวใจก็เมื่อวันที่เธอนั้นกำลังจะจากไป จากคราแรกที่แกล้งรักเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ตอนนี้ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้หัวใจของเธอที่รักคืนมา.. เขาจำเป็นต้องแกล้งทำเป็นรักสาวสุดแปลกที่ไม่ใช่สเปคสักนิดเพื่อเงินก้อนโตจากคนเป็นย่าที่จะสร้างธุรกิจเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับตัวเอง..แต่..มารู้ว่าตัวเองนั้นรักเธอจนหมดหัวใจก็เมื่อวันที่เธอนั้นกำลังจะจากไป จากคราแรกที่แกล้งรักเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ตอนนี้ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้หัวใจของเธอที่รักคืนมา..
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"