เมื่อพยาบาลสาวต้องโทษในคดีอาญา วันเวลาไม่อาจเยียวยา รอยแผลที่เขาฝากฝังเอาไว้ในหัวใจเธอได้ แก้วกานดาก้มหน้ายอมรับกับโชคชะตาที่แสนจะโหดร้าย เมื่อลูคัสเป็นผู้กำหนด ถึงแม้ว่าเธอไม่ใช่คนที่พรากชีวิตเฮเลนไปจากเขาก็ตามที แต่เมื่อคดีสิ้นสุดลงแล้ว เธอก็ไม่อยากรื้อฟื้นถึงมันอีก “ผมขอโทษที่มาช้า ขอโทษที่ไม่ตามหา ขอโทษที่ไม่พยายามให้มากกว่านี้ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับแก้วกานดา” “เดี๋ยวก่อนนะ คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เราไม่เคยคบกัน เรื่องราวระหว่างเรา มันไม่เคยมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่แรก ฉันคงทำตามคำขอของคุณหมอไม่ได้หรอกค่ะ” “ถ้าไม่เห็นแก่ผม คุณก็เห็นแก่ลูกเถอะนะแก้วกานดา” “ลูกเหรอ ฉันว่าคุณพูดจาเพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว” หญิงสาวถึงกับเบือนหน้าหนี เมื่อพูดถึงแก้วตาดวงใจของเธอ “ขอให้ผมได้เข้ามาเติมเต็ม เพื่อเพิ่มสีสันให้กับชีวิตของคุณกับลูกเถอะนะแก้วกานดา” "ชีวิตของฉันไร้สีสันตั้งแต่วันที่ก้าวเท้าเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้วละค่ะ จวบจนกระทั่งลูอิสเข้ามาในชีวิต ลูกคือสิ่งเดียวที่เป็นแรงผลักดัน ทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้" แก้วกานดาปรายตามองนายแพทย์ลูคัสด้วยสายตาว่างเปล่า ความเจ็บปวดที่เธอเคยได้รับจากเขามันด้านชา เสียจนเข้าขั้นวิกฤต ซึ่งอยู่ในภาวะอธิบายความรู้สึกไม่ได้ เธอไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายอันตรายอย่างเขาอีกแล้ว "เด็กคนนั้นเป็นลูกของใคร" เขาเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงเข้ม ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ เมื่อดีเอ็นเออยู่บนใบหน้าลูอิสชัดเจนขนาดนั้น คงไม่ต้องถามหาบิดาผู้ให้กำเนิดหรอกมั้ง เพียงแค่หวังอยากได้คำตอบจากแก้วกานดาเท่านั้นเอง "ลูกของแม่ค้าขายขนมหวานยังไงละค่ะ ชีวิตของฉันอาจดูต่ำต้อย แต่ฉันก็ไม่เคยลดคุณค่าในตัวเอง คุณหมอกลับไปเถอะค่ะ" “ผมก็ไม่ได้มองว่าคุณต่ำต้อย เพราะคุณกับลูกคือชีวิตคือจิตวิญญาณของผม” เขาพูดพลางเดินสำรวจข้าวของในร้านของเธอ ก่อนจะชะเง้อชะแง้มองเข้าไปด้านใน ซึ่งกว้างพอสำหรับเป็นที่พักและร้านขายขนมไทยในตัว “อย่ามาใช้ถ้อยคำที่ฟังแล้วชวนอาเจียนหน่อยเลยค่ะ ฉันเป็นคนตรงไปตรงไปตรงมา ลูกของฉัน ฉันเลี้ยงเองได้ ไม่จำเป็นต้องอาศัยคนอย่างคุณ” “ผมรู้ว่าผมผิด ที่ไม่คิดจะตามหา เพราะผมคิดว่าตัวเองคือสาเหตุที่ทำให้คุณได้รับบาดเจ็บจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด” คราวนี้ลูกผู้ชายอกสามศอก นายแพทย์ที่มากด้วยบารมีและอิทธิพล เริ่มหลั่งน้ำตาให้กับความรู้สึกผิด เมื่อเขาไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ “เมื่อจิตใจของคนเรามืดบอด ก็มักจะมองข้ามทุกสิ่งอย่าง แม้แต่ความเป็นมนุษย์ในตัวเอง ฉันไม่อยากกลับไปสัมผัสกับความรู้สึกแบบนั้นอีก เรื่องราวระหว่างเรา มันไม่ได้เริ่มต้นตั้งแต่แรก แต่กลับมีตอนจบ คุณกลับไปเถอะค่ะ คุณหมอลูคัส ฉันหวังว่าเราคงไม่ได้พบกันอีกนะคะ” แก้วกานดายังคงยืนกรานคำเดิม เพิ่มเติมคือความหนักแน่น เมื่อหญิงสาวไม่อยากพาตัวเองกลับไปยืนในจุดที่เคยผ่านมาแล้ว เพราะความเจ็บปวดมันยังคงอัดแน่นลงไปในหัวใจของเธอ แผลเป็นที่เกิดขึ้นนั้นยากต่อการเยียวยาเหลือเกิน
เมื่อศาลมีคำตัดสินให้แก้วกานดามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่กำหนดเอาไว้ ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
ถึงแม้ว่าแก้วกานดาจะแสดงเจตจำนงตั้งแต่แรก เพื่อให้เห็นถึงความสำนึกผิด ซึ่งพยาบาลสาวไม่ขอสู้คดี แต่ทว่าความผิดที่มีกลับกลายเป็นทวีคูณ เมื่อนายแพทย์ลูคัสผู้มากด้วยอิทธิพล เขาไม่มีทางปล่อยให้คนที่กระชากหัวใจไปจากอกข้างซ้าย ได้ชดใช้ความผิดแค่ปีสองปี ท้ายที่สุดแล้ว แก้วกานดาก็กลายเป็นเหยื่อ เมื่อถูกผู้ชายสองคนยัดเยียดความผิดให้กับเธอ อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
เหมันต์คือแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบกันได้ไม่ถึงปี แต่เธอก็รู้สึกดี เพราะเขาเคยช่วยเหลือบิดาของเธอ ให้ผ่านพ้นวิกฤตอันโหดร้ายในชีวิตมาได้ แก้วกานดาจึงยอมจำนนทำตามเงื่อนไงที่เขาร้องขอทุกประการ
ส่วนลูคัสนายแพทย์ผู้มากด้วยอิทธิพล เขามีบารมีล้นฟ้า หล่อ รวย เพอร์เฟกต์ไปเสียหมด ผู้ชายอันตรายคนนี้กำลังจะก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ โดยที่แก้วกานดาไม่ทันระวังตัว ซึ่งเขาจะเข้ามาในรูปแบบของเจ้ากรรมนายเวร ที่ทำให้อดีตพยาบาลสาว มีชีวิตผกผันไปตลอดกาล
เธอจะต้องได้รับพลังงานด้านลบจากเขา เพราะความโกรธและการอยากเอาชนะของนายแพทย์ลูคัส กำลังจะทำให้แก้วกานดาเผชิญหน้ากับหายนะ ที่แสนโหดร้ายอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ถึงแม้นชีวาวาย ผู้ชายอย่างเขาก็คงไม่หยุดที่จะจองเวรเธอ
//หน้าเรือนจำ////
หลายปีต่อมา ทุกคนคนคงคิดว่าการได้อิสรภาพของนักโทษ คือสิ่งที่ผู้ถูกกักขังต้องการที่สุด แต่แท้จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้น ต้องเจอกับมรสุมชีวิตลูกใหญ่ ซึ่งกำลังจะถาโถมเข้ามาใส่ในชีวิตอีกครั้ง
พวกเขาต่างรู้ดีว่า การกลับสู่โลกภายนอกไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากไม่มีเงิน ไม่มีอาชีพ ที่สำคัญหากไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ก็ไม่ต่างจากคนที่ตายทั้งเป็น
เฉกเช่นอดีตพยาบาลสาว ซึ่งอิสรภาพกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ แก้วกานดาเดินออกมาจากเรือนจำด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ พอก้าวเท้าพ้นจากเขตแดนกักขัง เธอสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ หลายครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
ครั้งแรกในรอบหลายปี ที่เธอได้มองเห็นโลกใบนี้ได้อย่างเต็มตาอีกครั้ง หญิงสาวได้สูดหายลมใจเข้าเต็มปอดซ้ำๆ ราวกับเธอไม่ได้รับออกซิเจนแสนสดชื่นแบบนี้มาเนิ่นนาน น้ำใสๆ เริ่มคลอออกมาจากดวงตาคู่สวยด้วยความรู้สึกปลื้มปีติยินดีเกินบรรยาย หูของเธอได้ยินเสียงเรียกของมารดาและน้องสาวแว่วมาแต่ไกล ทำให้หญิงสาวร่างเล็กหันไปตามเสียงด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ที่ประดับเอาไว้บนใบหน้างาม
“แก้วกานดาลูกแม่”
“พี่แก้ว!” เสียงเรียกของกิ่งฉัตรดังไม่แพ้มารดาของเธอ บ่งบอกให้รู้ว่าคนทั้งคู่ดีใจมากแค่ไหน ในอิสรภาพที่แก้วกานดากำลังได้รับ
ทั้งสามโผเข้ากอดกันร่ำไห้ ไม่มีวันไหนที่หญิงสาวกินอิ่มนอนหลับ เธอดูซูบผอมลงไปมาก แต่ทว่าความสวยบนใบหน้ายังคงมีไม่จืดจาง เธอมีจิตใจงดงามเกินกว่าที่ใครหลายคนเข้าใจ
แต่ผู้ชายอย่างลูคัสคงไม่มีทางเข้าใจ เมื่อความโกรธแค้นเข้ามาครอบงำจิตใจของนายแพทย์หนุ่ม จนลืมนึกถึงสิ่งผิดชอบชั่วดี สายตาคมของเขายังคงแอบจ้องมองเธอ มาจากข้างในรถสปอร์ตคันหรู มันคงถึงเวลาที่เขาจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับแฟนสาว แค่เธออยู่ข้างไหนนั้นมันยังไม่สาแก่ใจลูคัส
แก้วกานดาจะต้องได้รับโทษจากเขาอีกหลายร้อยเท่าพันเท่า ให้สาสมกับที่นายแพทย์หนุ่มต้องสูญเสียเฮเลนไป เธอคือรักแรกและรักเดียวของเขา จึงทำให้ลูคัสอาฆาตแคนลึกฝังใจ จนไม่อาจอภัยให้กับแก้วกานดาได้
“แม่มากับกิ่งแค่สองคนเหรอคะ แล้วพ่อละ พ่อไปไหน”
หญิงสาวเอ่ยถามออกไป พลางมองซ้ายแลขวา แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของบิดา เขาเกลียดลูกสาวขี้คุกคนนี้ให้แล้วใช่ไหม ถึงไม่มารอรับกลับบ้านพร้อมหน้าพร้อมตากัน
“เดี๋ยวแม่จะพาไปพบพ่อ แม่โทรเรียกแท็กซี่ไว้แล้ว เขาจอดรออยู่ด้านนอก เรารีบไปกันเถอะ”
แก้วกานดายอมเดินตามมารดาและน้องสาวไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย สายตาของเธอมองออกไปชมวิวข้างทางด้วยหัวใจที่ดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง หญิงสาวอยากถามข่าวคราวของคนรัก แต่ก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยออกไป เพราะเหมันต์ไม่ติดต่อ หรือมาเยี่ยมเธอร่วมปีแล้ว ส่งจดหมายไปเขาก็ไม่ตอบกลับ เธอได้แต่รอวันที่จะได้รับอิสรภาพ เพื่อไปถามไถ่เขาด้วยตัวเอง เขาหายไปไหนในช่วงเวลาที่เธอต้องการกำลังใจ หรือมีใครอีกคนซ่อนเอาไว้ เพื่อแทนที่เธอ
เมื่อรถแท็กซี่ขับขับมาในบริเวณวัดแห่งหนึ่ง แก้วกานดาพยายามคิดบวก บิดาของเธอคงบวชเป็นพระ มารดาถึงได้พามาวัดแบบนี้ แต่เมื่อเดินตามนางกนกและกิ่งฉัตรไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว ความหวาดกลัวกำลังก่อตัวขึ้น
ใครเล่าจะรู้ว่าวันที่เธอได้รับอิสรภาพ กลับไม่ไดเจอแม้แต่เงาของผู้เป็นบิดา เมื่อเขานั้นได้ลาลับจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อหลายปีก่อนด้วยสาเหตุที่เธอนั้นต้องจุกในอก
“กราบพ่อสิแก้วกานดา” น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาเป็นทางราวกับสั่งได้ เธอทรุดเข่าลงกับพื้นด้วยหัวใจห่อเหี่ยว ถ้าเธอทำงานที่โรงพยาบาลบิดาคงไม่ต้องเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันแบบนี้
“เพราะแก้ว พ่อเลยด่วนจากไปแบบนี้ แก้วขอโทษ แก้วขอโทษนะคะพ่อ”
หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายปิ่มจะขาดใจตายเสียให้ได้ เธอโทษตัวเองถึงสาเหตุการเสียชีวิตของบิดา เพราะแก้วกานดาเชื่อว่าสิ่งที่กระทบจิตใจ ของผู้ป่วยภาวะโรคหัวใจ คงไม่พ้นคำตัดสิน ที่เธอถูกพิพากษาให้รับโทษทัณฑ์ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นผู้กระทำ
“พี่แก้ว พ่อไปสบายแล้วนะ พี่หยุดร้องก่อนได้ไหม กิ่งทนไม่ไหวจะร้องตามอยู่แล้วเนี่ย” ในที่สุดสามคนแม่ลูก ก็ได้นั่งกอดคอกันร้องไห้อยู่หน้าเจดีย์ ซึ่งเป็นที่บรรจุอัฐิเสาหลักของครอบครัว
ภาพอันน่าเวทนา กลับทำให้สายตาคมของผู้ชายหนึ่งคน แสยะยิ้มร้ายออกมา ราวกับว่าเขานั้นกำลังสะใจ เวลาที่เห็นแก้วกานดาและคนที่เธอรักร่ำไห้ มันคือสิ่งที่ลูคัสปรารถนา
“ถ้าแก้วอยู่พ่อก็คงไม่ด่วนจากไปไวแบบนี้ แก้วไม่ดีเองค่ะ เมื่อรักบังตา เห็นผิดเป็นถูก ยอมเอาชีวิตลิสรภาพที่มีเข้าแลก แต่สุดท้ายเหมันต์ก็หายไป ทำไมแก้วถึงโง่ขนาดนี้คะแม่” เธอโผตัวเข้าไปซบหญิงวัยกลางคนเอาไว้ พลางหลั่งน้ำตาออกมาราวกับสายน้ำไหล
“แก้วไม่ใช่คนโง่ แต่เพราะว่าเขาเคยช่วยเหลือครอบครัวของเราเอาไว้ ครั้งหนึ่งที่พ่อรอดมาได้ ก็เพราะคุณเหมันต์ ถือเสียว่าบุญคุณครั้งนั้นทดแทนกันไปหมดแล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่นะแก้ว ยังไงหนูก็ยังคงเป็นลูกสาวคนโตของแม่เสมอ”
ถ้อยคำปลอบโยนของกนก สร้างความตื้นตันใจให้กับหญิงสาวขึ้นมาอย่างท่วมท้น อย่างน้อยในความโชคร้ายเธอก็ยังหลงเหลือความโชคดีอยู่บ้าง ที่ได้ผู้หญิงอย่างกนกมาเป็นแม่เลี้ยง เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานางดูแลเธอกับบิดา ประหนึ่งมารดามารดาผู้ให้กำเนิดแก้วกานดา ถึงแม้ว่าจะมีกิ่งฉัตรเข้ามาเติมเต็ม กนกก็ไม่เคยละทิ้งให้ลูกติดอย่างเธอ ที่รู้สึกโหยหาอ้อมกอดของมารดา จนกระทั่งมีนางเข้ามาในชีวิต
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
น้ำเหนือ ธนาลักษณ์ (อายุ 32ปี) ชายหนุ่มผู้ถูกเลือกให้ผิดหวังจากความรัก จนเขาคิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะรักใคร สุดท้ายชายหนุ่มก็เลือกที่จะหยุด แต่ไม่ใช่การยุติเรื่องบนเตียง เขาเลือกที่จะซื้อกินมากกว่า เพราะเขาเชื่อว่าผู้หญิงเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์เลือกเงินมากกว่าความรัก เฉกเช่นอดีตคนรักของเขาที่หนีไปแต่งงานกับเศรษฐีดูไบ จนทำให้เขากลายเป็นผู้ชายไร้หัวใจมาจนถึงทุกวันนี้ ทานตะวัน ประสบโชคดี(อายุ 20ปี) ชื่อนี้มาจากดอกทานตะวัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่น ความมั่นคง รักเดียว ใจเดียว แต่ชีวิตของเธอกลับพบเจอแต่ปัญหา หลังจากบิดาติดการพนันอย่างหนัก ดาวเรืองผู้เป็นมารดาจึงคิดหาทางออก โดยการนำลูกสาวไปฝากไว้กับคุณนายจันทร์ฉาย (ทวดเล็ก) เพราะกลัวมารุตจะขายลูกสาวให้กับเจ้าหนี้ของเขา ซึ่งล้วนมากด้วยอิทธิพลในธุรกิจสีเทา
นารา หญิงสาวต่างจังหวัดอายุยี่สิบปี รูปร่างผอมเพรียวแลดูสมส่วน เธอเป็นหญิงสาวน่ารัก มองโลกในแง่ดี บ๊องแบ๊ว ใครเห็นต่างก็ชอบในความสดใสน่ารักของเธอ แต่ใครเล่าจะรู้ลึกๆ แล้ว หญิงสาวแค่สร้างมันขึ้นมา เพื่อเป็นกำแพงในใจที่ปวดร้าว เมื่อบิดากับมารดาต้องหย่ากัน เธอเจ็บลึกไปถึงก้นบึ้งหัวใจ แต่ยังทำตัวสดใสร่าเริง เพื่อให้มารดากับน้องชายรับรู้ว่าเธอสามารถ ที่จะเป็นเสาหลักที่ดีและแข็งแรงให้กับครอบครัวได้ พอจบมัธยมปลาย เธอตัดสินใจเรียนต่อแค่อนุปริญญา เพราะหวังว่าเรียนจบมาแล้วจะได้หางานทำทันที เพื่อให้น้องชายเพียงคนเดียวที่อายุห่างกันกับเธอเพียงแค่สองปีได้เรียนต่อ และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่นาทีน้องชายคนเดียวของเธอสอบติดแพทย์ นาราไม่ลังเลเลย เมื่อเรียนจบเธอรีบเดินทางไปหาป้าที่กรุงเทพฯทันที ทั้งที่ขาดการติดต่อกันมานานหลายปีแล้ว เธอหวังจะไปขออาศัยระหว่างที่หางานทำ ชีวิตของเธอจะผกผันแปรเปลี่ยนหักเหเพียงใด เมื่อเดินทางมากรุงเทพฯ ครั้งนี้ ภูตะวัน พ่อเลี้ยงหนุ่ม หล่อล่ำสูงขาวกล้ามโต หุ่นนายแบบ อายุสามสิบห้าปี ที่มีไร่องุ่นส่งออกรายใหญ่ของประเทศ ไร่ของเขาอยู่ทางภาคเหนือ แต่ทว่าโรงงานผลิตไวน์อยู่แถวชานเมือง เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อไฟแรง ที่บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างหมายตา แต่เขากลับไม่เคยประกาศหรือควงผู้หญิงคนใดให้เห็นเลยสักราย สถานะของเขาคือโสด ชายหนุ่มเคยมีแฟน แต่รักครั้งนั้นมันยังฝังใจ เมื่อแฟนสาวอันเป็นที่รักนอกใจ หนีไปแต่งงานกับหนุ่มลูกครึ่ง เมื่อครั้งที่เธอไปเรียนต่อต่างประเทศ ความสนิทชิดใกล้หรือที่เขาเรียกว่ารักแท้แพ้ใกล้ชิด มันเลยทำให้ความรักของเขาและเธอขาดสะบั้นลงไม่เป็นท่า แต่ตอนนี้เรื่องวุ่นๆ กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา แน่นอนมันอาจจะไม่สงบอีกต่อไป และชีวิตของเขาต้องกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อเธอคนนั้นเดินเข้ามาในบ้านของชายหนุ่ม
นายนิโคลัส เคลดัลซ่าร์ คนสนิทมักเรียกเขาว่านิค อายุ 32 ปี เขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์น่าค้นหา ด้วยหน้าตาที่เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ ยิ่งทำให้น่าหลงใหล เขามีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ จมูกโด่งเป็นสันนัยน์ตาสีฟ้า สะกดทุกสายตาที่จ้องมอง เขามีน้องสาวหนึ่งคนชื่อนิโคล เมื่อบิดาเสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย เขาจึงกลับมาดูแลและสานต่อธุรกิจที่เมืองไทย ครอบครัวของเขาทำเกี่ยวกับผลไม้แปรรูปหลายชนิด เขาเป็นชายหนุ่มที่สาวๆ ต่างก็หมายตา แต่ดูเหมือนว่าเขานั้นจะไม่เคยมองใคร นอกจากเธอผู้หญิงคนนั้น หล่อนขอให้เขาช่วยเป็นแฟนเธอแค่คืนเดียว โดยที่เขานั้นได้เสนอข้อแลกเปลี่ยน ด้วยการมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเธอ ภายใต้เงื่อนไขแค่วันไนท์สแตนด์ จบแล้วแยกทางไม่มีอะไรค้างคาใจ และที่เขานั้นต้องแปลกใจคือเธอยอมตกลงอย่างง่ายดาย ที่สำคัญกว่านั้นนิโคลัสยังได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ นางสาวพริมโรส มารยาทงามเลิศ ทุกคนมักจะเรียกเธอว่าพิมพ์ เธออายุ 23 ปี เรียนมหา'ลัยปีสุดท้าย อีกไม่นานเดือนกว่าก็จะจบแล้ว เธอเป็นสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ ลูกครึ่งไทยเยอร เธอถูกอบรมเลี้ยงดูแบบไทยแท้ มารดาของเธอสอนให้รักนวลสงวนตัว เมื่อนางเคยพลาดพลั้งมีอะไรกับบิดาของพริมโรสจนตั้งครรภ์ เพราะความรักทำให้คนตาบอด เมื่อมารดาของเธอได้รู้ความจริงว่าชายอันเป็นที่รักนั้น เขาแค่หลอกลวงหวังแค่เสพสมจากกายของเธอ เขาไม่ยอมรับทารกน้อยในครรภ์ แต่นางก็อดทนกล้ำกลืนเลี้ยงดูพริมโรสจนเติบใหญ่ ได้อย่างสง่างามเธอสวยอย่างมีคุณภาพและทรงคุณค่าในตัว แต่ทว่าทุกอย่างกลับซ้ำรอยเดิม เมื่อพริมโรสเสียใจที่แฟนหนุ่มคบหาดูใจกันมานานถึงเจ็ดปี ตั้งแต่สมัยมัธยมปลายจวบจนจะจบปริญญาตรี แค่เธอไม่ยอมชิงสุกก่อนห่าม เขากลับประชดด้วยการนอกกายนอกใจเธอ มิหนำซ้ำผู้หญิงคนนั้นคือเพื่อนสนิทของพริมโรส หญิงสาวเสียใจจนแทบเสียสติ และแล้วเธอก็ประชดแฟนเก่าด้วยการหาใครสักคนมาเป็นแฟน เธอหวังเพียงแค่อยากแสดงให้เขาได้รู้ว่าเธอนั้นไม่แคร์ จนกระทั่งเธอยอมตกปากรับคำ มีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับนิโคลัสผู้ชายที่พบกันในผับ ที่สำคัญเธอนั้นไม่รู้จักกับเขามาก่อน.. ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ
เหมราช ชาติดำรงกุลชัย ชายหนุ่มรูปงามที่สาวๆ ต่างก็หมายตา หนึ่งในนั้นชื่อว่าคาเรนสาวลูกครึ่ง ที่สวยหุ่นเซ็กซี่ หล่อนมาฝึกงานที่บริษัทเขา จากนั้นหญิงสาวก็ทำความคุ้นเคย จนกระทั่งสนิทกัน เหมราชไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอนั้น อยู่ในสถานะไหน แต่เธอก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขานั้นควงไปไหนมาไหนบ่อยที่สุด แต่ทว่าวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นกับครอบครัวของเขา เมื่อบิดาล้มป่วยแล้วเสียชีวิตลงกะทันหัน การเงินที่บริษัทเริ่มมีปัญหา แต่ก็มีเพื่อนสนิทของบิดายินดีที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา โดยมีข้อแลกเปลี่ยน ให้เหมราชแต่งงานกับพิ้งค์พลอยลูกสาวของเพื่อนบิดา ที่เธอนั้นมีอายุห่างมากกว่าชายหนุ่มถึงสิบสองปี เมื่อเขาไม่มีทางเลือก และดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่ได้รักเขา เหมราชจึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่แล้วเขากลับตกหลุมรักภรรยาของตัวเอง ขณะที่เธอนั้นเฉยชาและหมางเมินใส่เขา เหมือนกับว่าเธอนั้นไร้หัวใจ ซึ่งซึ่งภายในใจของเธอนั้นมีชายอีกคนอยู่ตลอดเวลา ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
นายอามันต์โด้ เดฟวารา มีชื่อไทยว่านักรบหนุ่ม นักธุรกิจเนื้อหอมลูกครึ่งไทยอังกฤษ อายุสามสิบปี สูงใหญ่หล่อล่ำเป็นที่หมายตาของสาวน้อยสาวใหญ่ เมื่อเขาเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนทุกคนมักจะหลงใหลในเสน่ห์ของอาร์มันโด้ ที่มีความเป็นชายเนื้อแน่นกำยำกล้ามเป็นมัดๆ การกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ เพราะปมในอดีต ที่ทำให้เขามีความรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายมาหลายสิบปี ซึ่งปมแค้นครั้งนี้ อาร์มันโด้จะไม่มีวันให้ครอบครัวของเธอนั้นมีความสุข อยู่บนกองเงินกองทองที่บิดาของเธอ เคยคดโกงตระกูลบิดาและมารดาของเขาไป จนบุพการีต้องฆ่าตัวตาย ก่อนจะทิ้งจดหมายผูกปมแค้นนี้เอาไว้ เพื่อรอวันให้ลูกชายได้ล้างแค้นทวงทุกอย่างคืนกลับมา นางสาวนารี กศิเทพพาณิชย์ อายุยี่สิบหกปี ลูกสาวคนเล็กของตระกูลกสิเทพพาณิชย์ ใครเล่าจะรู้ว่าเธอขมขื่นเพียงใด กับความทุกข์ตรม เมื่อบิดามารดารักลูกไม่เท่ากัน ทุกคนปฏิบัติกับเธอราวกับนารีเป็นทาสรับใช้ ทั้งที่เธอนั้นเป็นลูกในไส้ของแม่พิกุลกับพ่อศรเทพ แต่บิดากับมารดากลับรักลูกสาวคนรองกับพี่ชายคนโตมากกว่าเธอ ส่งเสียให้เรียน โรงเรียนดีๆ มหาวิทยาลัยดังๆ ไกลถึงเมืองนอกเมืองนา ส่วนนารีนั้น ตั้งแต่ประถม มัธยม จวบจนเข้ามหาวิทยาลัย โชคดีแค่ไหนที่ไม่ได้กู้ทุนรัฐบาลเรียน แม้จะได้เข้าศึกษา แต่บิดามารดาก็ได้ส่งเสียให้เรียนแค่โรงเรียนของรัฐ จวบจนจบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยที่เรียนก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่นารีกลับเรียนจบด้วยการคว้าเอาเกรดนิยมอันดับหนึ่งมาครองจนได้ แต่นั่นกลับไม่ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวเลยแม้แต่น้อย วันเกิดของรวีพิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากวันนี้ มีแขกคนสำคัญมาร่วมงานด้วย เขานั้นคืออาร์มันโด้นักธุรกิจหนุ่มที่รวีนั้นหมายมั่นปั้นมือจะเอาชายหนุ่มมาเป็นคู่นอนให้ได้ แขกที่มาร่วมงานต่างก็แต่งองค์ทรงเครื่องประชันโฉมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะเจ้าของวันเกิด ที่ใส่ชุดราตรีเกาะอกสีแดงโชว์เต้าขาวอวบ เปิดแผ่นหลังโชว์เนื้อหนังมังสา จนใครต่อใครต่างก็ชื่นชมในความงามและเซ็กซี่ของรวี
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้