ภารกิจสำคัญของนักเขียนที่ข้ามเวลามาเกิดใหม่ในยุคโบราณคือการเป็นผู้ช่วยมารดาหลบหนีจากบิดาไร้หัวใจ และพามารดาไปพบโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันงดงาม เมิ่งสืออีถูก ย่าและอนุของหานชางเหยียนผู้เป็นสามีรังแกจนเกือบจะต้องตายไปพร้อมกับลูก ในเวลานี้สามีที่จากไปรบที่ชายแดนกลับมาแล้ว หวังในใจว่าสามีที่กลับมาจะคอยปกป้องดูแล ทว่านางกลับได้รับความเจ็บช้ำที่มากยิ่งกว่าจนแทบทนไม่ไหวและคิดหนี กรุณาอ่านตัวอย่างก่อนกดซื้อ ซื้อหน้าเว็บถูกกว่าแอปเปิ้ลค่ะ กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะที่อุดหนุน
หลังการล้อมเมืองอย่างยาวนานถึงสามเดือนจบลง
เมืองอวีก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อทัพของแคว้นลู่ แม่ทัพหานชางเหยียนนำกำลังทหารกว่าสามหมื่นนายเข้าไปเหยียบยังที่ทำการเจ้าเมืองอย่างอาจหาญ
การรบครานี้นับว่าเสียกำลังไพร่พลของแคว้นลู่น้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยเพราะเป็นการล้อมเมืองอวีเอาไว้อย่างยาวนานจนไม่สามารถส่งเสบียงอาหารเข้าไปภายในได้จนทำให้เมืองอวีต้องยอมแพ้เพราะกำลังจะอดตาย
อีกประการหนึ่งที่ทำให้เมืองอวียอมแพ้นั่นเป็นเพราะฝ่าบาทแคว้นเฝินผู้ซึ่งเป็นผู้ครองเมืองอวีถูกขุนนางถ่อยกล่าวหาว่าเจ้าเมืองอวีคิดคดทรยศสวามิภักดิ์แก่แคว้นลู่จึงทำให้ฝ่าบาทหลงเชื่อและมีโทสะไม่ยอมยกทัพมาช่วยเหลือ
สุดท้ายแล้วเมืองอวีจึงต้องจำยอมแพ้อย่างไร้กำลังหนุนหลัง
ฮ่องเต้แคว้นลู่มีพระราชโองการเร่งด่วนมอบสมรสพระราชทานให้หานชางเหยียนกับบุตรสาวเจ้าเมืองอวี นามเมิ่งสืออีอย่างเร่งด่วน
แม้ว่าหานชางเหยียนจะเกลียดคนสกุลเมิ่งเพียงใดเพราะในอดีตท่านปู่ของเขาได้ออกรบกับคนสกุลเมิ่ง ในสงครามอันยาวนานครานั้นได้ตกลงสงบศึกกันชั่วคราวเพราะอากาศที่หนาวจัด
แต่คนสกุลเมิ่งกลับใช้วิธีสกปรกไม่ยอมทำตามที่ตกลงยังลอบทำร้ายลับหลังฉีกสัญญากองทัพอย่างไร้ยางอายและสังหารท่านปู่จนตาย
หลังจากนั้นไม่พอคนเจ้าเล่ห์ยังตัดศีรษะของท่านปู่เสียบประจานบนกำแพงเมืองอย่างยาวนานจนศีรษะเหือดแห้งเหลือเพียงโครงกระดูก
หานชางเหยียนเสียบิดามารดาไปตั้งแต่ยังเด็ก เขาจึงถูกท่านปู่ท่านย่าเลี้ยงมาและคาดหวังให้เขาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของสกุลหานคนต่อไป
หานชางเหยียนเคารพรักท่านปู่มากกว่าผู้ใดในโลกนี้ แค้นนี้เขาจึงจำฝังใจและต้องให้คนสกุลเมิ่งชดใช้คืน บัดนี้เขาทำสำเร็จแล้วแต่เขาต้องรับบุตรสาวของพวกศัตรูมาเป็นภรรยาจึงทำให้เขาไม่พอใจยิ่งนัก
ทว่าเขาก็ไม่อาจขัดรับสั่งได้ดังนั้นสมรสพระราชทานจึงได้จัดงานมงคลขึ้นอย่างเรียบง่ายแม้ว่าเจ้าสาวของเขานั้นจะงดงามเพียงใดหานชางเหยียนก็ไม่แม้แต่คิดจะชายตาแล และในที่สุดเขาก็สืบรู้มาจนได้ว่าสมรสพระราชทานนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุใด
แท้ที่จริงแล้วเป็นเจ้าเมืองอวีบิดาของเมิ่งสืออีที่เสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอดไม่ให้เขาเข่นฆ่าคนสกุลเมิ่งด้วยเรื่องในอดีตที่คนสกุลเมิ่งได้ก่อเอาไว้
ดังนั้นเจ้าเมืองอวีจึงคิดเกี่ยวดองเอาไว้ให้เขากลายเป็นบุตรเขยของตนเองเพื่อลบล้างเรื่องทุกอย่างให้จบสิ้น และฮ่องเต้แคว้นลู่ก็ทรงเห็นด้วยกับเรื่องนี้
เพราะเหตุนี้จึงทำให้หานชางเหยียนยิ่งเกลียดคนสกุลเมิ่งเข้ากระดูกดำที่เจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก
เมิ่งสืออีกลับไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเป็นที่รังเกียจของสามีเพียงนั้น นางเป็นเพียงสตรีในห้องหอที่วัน ๆ เอาแต่เย็บปักถักร้อยอยู่ในเรือน
ถึงสองแคว้นจะเป็นศัตรูกันแต่ชื่อเสียงการเป็นแม่ทัพผู้มีเมตตาไม่เข่นฆ่าชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องของหานชางเหยียนก็ลือกันกระฉ่อน
การศึกครานี้แม้เมืองอวีจะพ่ายแพ้ นอกจากอาหารที่ขัดสนแล้วทัพของหานชางเหยียนมิได้ทำให้ชาวบ้านได้รับความลำบากอย่างอื่น ทหารบาดเจ็บล้มตายน้อยยิ่งนักแม่ทัพหานเป็นบุรุษรูปงามแม้ภายนอกจะดูเย็นชาบ้างทว่าเขากลับมีใจที่เมตตากว่าผู้ใด
ชื่อเสียงนี้ของเขาทำให้นางยิ่งสงสัยว่าเขามีใบหน้าเป็นเช่นใดกันแน่
และเพียงได้พบหน้าเขาในวันแรก หัวใจน้อย ๆ ของสตรีที่แทบไม่ได้พบบุรุษใดเช่นคุณหนูเมิ่งสืออีก็พลันเต้นแรงขึ้น บุรุษผู้นั้นองอาจหล่อเหลาหาผู้ใดเทียบเคียงได้
หลังจากนั้นนางก็ได้รับสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทแคว้นลู่ใจของเมิ่งสืออีจึงตกเป็นของว่าที่สามีได้อย่างง่ายดายนัก
ในวันแต่งงานเมิ่งสืออีอยู่ในชุดแต่งงานที่รีบเร่งจัดหาจึงมิได้งดงามและวิจิตรอย่างที่เคยฝันเอาไว้กระนั้นหัวใจของนางก็เปี่ยมสุข นางนั่งรอคอยเขาด้วยหัวใจที่เต้นระรัวกระทั่งครึ่งคืนผ่านไปนางจึงได้ยินเสียงประตูเปิดออก
ตั้งแต่เห็นหน้าเขาในวันที่รับสมรสพระราชทานวันนั้น นางกับเขายังไม่เคยพูดจากันเลยแม้แต่ประโยคเดียว ในคืนเข้าหอวันนี้นางเองก็ไม่รู้ว่าต้องพูดคำใดเช่นกัน ดังนั้นนางจึงได้แต่นั่งรอให้เขามาเปิดผ้าคลุมหน้าด้วยหัวใจเต้นระรัว
นางได้ยินเสียงน้ำถูกรินลงในจอก เมิ่งสืออีคิดว่าเขาอาจจะกำลังรินเหล้ามงคลอยู่กระมัง มือของนางสั่นโดยไม่อาจควบคุมนั่นคงเป็นเพราะนางตื่นเต้นจนเกินไป
ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ใบหน้าของนางเห่อร้อนขึ้นมาและแดงก่ำ หญิงสาวกลั้นรอยยิ้มเอาไว้อย่างขัดเขิน ในเวลานั้นนางกลับได้ยินเสียงเย็นของหานชางเหยียนเอ่ยว่า
"หึ สุนัขสกุลเมิ่งคิดจะส่งบุตรสาวปีนขึ้นที่สูงชดใช้ความผิดหรือ ฝันไปเถิดว่าข้าจะแตะต้องเจ้า"
เมิ่งสืออีนิ่งอึ้ง นางไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนเองได้ยิน คนผู้นั้นได้พูดคำว่า....สุนัขสกุลเมิ่งหรือ?
ดูเหมือนว่าหานชางเหยียนคงจะเมาสุราอย่างหนัก เขาคงดื่มไปไม่น้อยจึงได้กล่าวเพ้อเจ้อ
เมิ่งสืออีได้แต่ปลอบใจตนเองเช่นนั้น กระทั่งนางได้ยินเสียงข้าวของหล่นแตกกระจายพร้อมกับเสียงของหนัก ๆ หล่นกระแทกพื้น เมิ่งสืออีสะดุ้งครั้งแล้วครั้งเล่าแต่นางก็ไม่กล้าที่จะเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกมาดู
นางไม่อาจทำผิดประเพณีได้ ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวนี้สมควรเป็นเจ้าบ่าวที่ต้องเปิดออก
เมิ่งสืออีไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นนางจึงเอ่ยถามเสียงสั่น
"ท่านพี่เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ"
นางได้ยินเสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้นมา หานชางเหยียนจ้องมองนางที่ยังนั่งอยู่บนเตียงนอนเพื่อรอคอยเขา
ในใจคิดว่านางคงหาทางเสวยสุขโดยการเป็นฮูหยินของเขาและใช้ความงามเข้าหลอกล่อ
ฉับพลันหานชางเหยียนก็บังเกิดความรู้สึกชิงชังขึ้นมาทันใด เขาจ้องนางดวงตาแข็งกร้าวยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดแล้วเขวี้ยงลงบนพื้นจนจอกสุราหยกแตกกระจาย
เมิ่งสืออีได้ยินพลันสะดุ้งโหยงอีกคราจู่ ๆ ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเย็นเยียบทำให้ร่างของนางสั่นเล็กน้อย หากว่านางเปิดผ้าคลุมหน้าออกและเห็นหน้าเขาในยามนี้คงหวาดกลัวจนวิ่งหนีไปเป็นแน่
หานชางเหยียนเห็นท่าทางของนางเช่นนั้นพลันแสยะยิ้ม
"สตรีแพศยา ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะวางท่าเป็นสตรีผู้อ่อนแอได้สักกี่น้ำ"
พูดจบเขาก็ถีบเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ จนล้มลงไปเพื่อข่มขวัญคน เมิ่งสืออีตกใจกับเสียงโครมครามและคำพูดกล่าวหาของเขาจนร่างกายแข็งค้างไปแล้ว
นางนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานโดยไม่รู้ว่าหานชางเหยียนออกจากห้องหอไปตั้งแต่เมื่อใด
บัดนี้ในห้องหอเงียบสงบนัก หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วยามเมิ่งสืออีจึงตัดสินใจเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก
เมิ่งสืออีตะลึงงัน!
เมื่อเห็นว่าห้องหอที่ถูกประดับตกแต่งอย่างงดงามด้วยเครื่องประดับสีแดงบัดนี้ได้พังเสียหายยับเยิน กระทั่งโต๊ะกลางห้องก็พังลงไปกองที่พื้น
เมิ่งสืออีได้รับความตกใจจนแทบสิ้นสติกว่าที่นางจะตั้งสติได้ก็ผ่านไปครู่ใหญ่ ไม่มีคนของนางสักคนที่เข้ามาใกล้บริเวณนี้ นางคิดจะออกจากเรือนหอแต่กลับถูกทหารของหานชางเหยียนเฝ้าเอาไว้
และในยามนั้นนั่นเองที่นางเห็นหานชางเหยียนกำลังโอบกอดสตรีนางหนึ่งอยู่ที่สวนด้านหน้า ท่าทางของเขาเมามายอย่างหนัก ใบหน้าของเขาซุกไซร้ที่ลำคอของสตรีนางนั้น และนางผู้นั้นก็ทำท่าเอียงอายส่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
เมิ่งสืออีมองสามีด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เขาไม่หันมามองนางเลยแม้แต่น้อยขณะที่พาสตรีนางนั้นเดินผ่านหน้าของนางไป
เข่าของเมิ่งสืออีอ่อนลงทันใด กระทั่งนางทรุดฮวบนั่งลงกับพื้น ทหารที่เฝ้านางเอ่ยเบา ๆ ว่า
"ฮูหยินสตรีนางนั้นเป็นแค่นางโลม ท่านอย่าถือสาท่านแม่ทัพเลยนะขอรับ"
ฝูจื่อหรงก้มหน้าวูบลงมาบดริมฝีปากกับโจวเจ้าเว่ยเบาๆ แต่เจ้าเว่ยต้องการมากกว่านั้น หญิงสาวแลบลิ้นออกมารอรับ นางเป็นฝ่ายสอดความอ่อนนุ่มเข้าไปภายในปากของเขาแทน แม้มือจะยังไม่มีแรงมากนักแต่การยึดเหนี่ยวใบหน้าเขาไว้กลับไม่เป็นปัญหา หญิงสาวบดริมฝีปากสามีอย่างเร่าร้อน "ถอดเสื้อผ้าให้ข้า จื่อหรงถอดให้ข้ามันร้อนเหลือเกิน" เจ้าเว่ยปากสั่นร้อนรนเพราะทนกับความรู้สึกเสียวซ่านที่รบกวนจนรู้สึกทรมานในทุกสัมผัสของเขา พรางนึกขัดใจตนเองที่สิ้นไร้เรี่ยวแรงแม้กระทั่งเสื้อผ้าของตนเองยังไม่มีปัญญาถอด "เจ้าเว่ยของข้าอย่าได้รีบร้อน เราจะค่อยๆสัมผัสและมีความสุขด้วยกัน" ฝูจื่อหรงจุมพิตปากบาง พลางถอดอาภรณ์ของนางอย่างทะนุถนอม "พี่เต้ข้าไม่เข้าใจ เจ้าหลีกเลี่ยงข้ามาตลอดเหตุใดถึงยอมโดยง่าย หากข้ามีแรงมากกว่านี้คงได้ปลุกปล้ำเจ้าไปหลายครั้งแล้ว" เจ้าเว่ยกล่าวพลางพยามยามใช้มือคว้ามังกรตัวใหญ่ไว้ในมือจนสำเร็จ อารมณ์ความต้องการเพิ่มทวีขึ้นโดยที่เจ้าเว่ยไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอกำความใหญ่แน่นแล้วลูบไล้ช้าๆ มันร้อนไปทั่วทั้งฝ่ามือ ภายใจร่างกายและจิตใจของเจ้าเว่ยสั่นระริกด้วยความร้อนและไฟปรารถนา ในที่สุดฝูจื่อหรงก็ถอดอาภรณ์ออกจากร่างบางได้สำเร็จ เจ้าเว่ยดูเหมือนจะมีแรงขึ้นมาเล็กน้อย นางยังกำมังกรยักษ์แน่นไม่ยอมปล่อย นางเลียริมฝีปากเมื่อมองร่างมันจนฝูจื่อหรงรู้สึกลำคอแห้งผาก รู้สึกอยากกดศีรษะของคนตัวเล็กลงแล้วยัดมังกรเข้าไปในโพรงปากให้นางได้สมปรารถนาเสียเดี่ยวนี้ "ปล่อยมันก่อนเจ้าเว่ย เจ้าต้องไปอาบน้ำ" เขากระซิบเสียงแหบพร่า พยายามแกะมือเล็กที่กอบกำมังกรของเขาอยู่ เจ้าเว่ยต้องปล่อยอย่างอดเสียดาย ใบหน้าของนางฟ้องความต้องการออกมาจนฝูจื่อหรงนึกขัน แนะนำตัวละคร เรื่องย่อ โจวเจ้าเว่ย องค์หญิงแห่งแคว้นเหลียง ทายาทของเผ่าบุปผาขึ้นชื่อว่าเป็นโฉมงามล่มเมือง คนของเผ่าบุปผาเป็นเผ่าที่ถือกำเนิดมาจากเทพเซียนรูปโฉมงดงามแต่ต้องคำสาปเรื่องของความรัก หากพวกเขามีความรักจะไม่สมหวังและตายอย่างอนาถด้วยความรักนั้น ฝูจื่อหรง ฮ่องเต้แคว้นชินที่มีเบื้องหลังการครองอำนาจโดยการสนับสนุนของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น รูปโฉมงดงามจนทำให้แข้งขาสตรีอ่อนระทวย เรื่องสตรีสำหรับเขาเป็นเพียงเพื่อมีไว้สนับสนุนบัลลังก์ให้มั่นคงเท่านั้น คนทั่วราชสำนักรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น กระทั่งวันหนึ่งเขาต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับองค์หญิงผู้ลึกลับผู้หนึ่ง ที่เข้ามาพังทะลายกำแพงหัวใจที่เขาตั้งเอาไว้ และ นางผู้นั้นยังทำท่าคล้ายกับว่าไม่อาจอยู่กับเขาได้อีก สตรีผู้หนึ่งซึ่งมีความลับบางประการซ่อนอยู่ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายฝาแฝดขององค์หญิงโจวเจ้าเว่ยโจวเจ้าเว่ยองค์หญิงผู้สามารถเดินทางข้ามมิติได้โดยใช้ขลุ่ยเพรียกบุปผาซึ่งเป็นขลุ่ยวิเศษในการเดินทางข้ามมิติ โจวเจ้าเว่ยเป็นสตรีของเผ่าบุปผาอันลี้ลับ ต้องคำสาปที่ไม่สามารถมีความรักได้ หากนางมีความรักจำเป็นต้องเจ็บปวดจนถึงแก่ความตาย เพราะเหตุนี้โจวเจ้าเว่ย และ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายจึงต้องออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีแก้คำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และ พวกเขาไม่อาจเปิดเผยความลับนี้ให้ ฝูจื่อหรงล่วงรู้ได้ (เรื่องนี้เป็นนิยายภาคต่อของต้องมนต์บุปผาค่ะ)
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เหวินเฟยเทียนเป็นพ่อค้าหน้าเลือดที่เห็นแก่ตัวที่สุดโดยเขามีผู้ช่วยคนสำคัญก็คือเฉินลี่จู เด็กสาวที่เขาได้ช่วยเอาไว้จากหมู่บ้านขอทานเมื่อนานมาแล้ว เขาเพียงใช้นางเพื่อหวังผลประโยชน์ในขณะที่เฉินลี่จูกลับมอบหัวใจให้เขาจนหมดใจ กระทั่งวันหนึ่งก็ถึงจุดแตกหัก เมื่อเหวินเฟยเทียนไม่เห็นความสำคัญของนางอีกต่อไป เขากำลังจะแต่งงานกับคุณหนูซุนซื่อผู้มอบผลประโยชน์ให้เขาได้มากกว่านาง จนทำให้นางเสียใจและหนีเตลิด เพราะนางหนีจากเขาทำให้เหวินเฟยเทียนกินไม่ได้นอนไม่หลับใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น เขาตามหานางและสุดท้ายได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนามว่าหลี เด็กหญิงซึ่งมีใบหน้าคล้ายคลึงเขาราวกับถอดแบบออกมา! นิยายเรื่องนี้เป็น ประเภท ดราม่า และ มีเด็กในเรื่องค่ะ
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
องค์หญิงหลิวอี้เฟยถูกส่งตัวไปแต่งงานกับอ๋องชราต่างแคว้นโดยไม่เต็มใจยังถูกคุมตัวโดยหัวหน้าองครักษ์ผู้เหี้ยมโหดที่คิดสังหารนางเพราะนางดันไปรู้ความลับดำมืดของเขาโดยบังเอิญ ด้วยความกลัวตายนางจึงคิดหนี! หมายเหตุ เรื่องนี้เป็นนิยายแนวโรมานซ์ ปมไม่หนักจบแบบสุขนิยมนะคะ
อยากหนีก็หนีไป แต่ถ้าตามเจอเมื่อไหร่ รับรอง! ได้ทรมานกว่าเดิมแน่..!! LEE ZONMIN (อีโซมิน) ชายหนุ่มลูกครึ่งเกาหลี จีน ชีวิตแสนมืดมนผลักดันให้เขาต้องดิ้นรน กว่าจะมีวันนี้ได้ ... เจ้าของคาสิโนและคอมเพล็กซ์ห้างสรรพสินค้าที่กัมพูชา และ มาเก๊า เขาตามหาหญิงสาวคนหนึ่งและเธอพยายามหนี "ถ้าคิดจะหนีก็หนีให้รอด!!" BUA YONHWA (บัว หรือ ยอนฮวา) หญิงสาวลูกครึ่งไทยเกาหลีสุดแสนน่ารักชีวิตครอบครัวอบอุ่น ได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ... แต่ชีวิตกับพลิกผันเมื่อเจอกับคนเลวแบบเขา " ฉันไม่รู้จักคุณ!!"
เจียงเหว่ยยี่ และ กู้เหยียนอันเป็นคู่รักในวัยเด็กมา 12 ปีแล้ว และคบกันมา 3 ปีแล้ว การแต่งงานระหว่างตระกูลเจียง และตระกูลกู้นั้นยิ่งใหญ่มากจนผู้หญิงทุกคนในเมืองเอต่างก็อิจฉา ในวันแต่งงาน สถานที่จัดงานเลี้ยงเต็มไปด้วยแขกและเพื่อนต่างๆ แต่แล้วเมื่อมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาทำให้กู้เหยียนอันละทิ้งเจียงเหว่ยยี่ ซึ่งแต่งตัวอย่างหรูหราสวยงามแล้ว การหลบหนีจากงานแต่งงานของกู้เหยียนอันทำให้เจียงเหว่ยยี่ดลายเป็นตัวตลกของเมืองเอ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่คนในเมืองเหล่านั้นได้หัวเราะเยาะเท่าไร ก็เห็นเจียงเหว่ยยี่โพสต์ใบทะเบียนสมรสระหว่างเธอกับเสิ่นจินโจว: "แต่งงานแล้ว" จากนั้นไม่นาน เสิ่นจินโจวที่ไม่ได้โพสต์ข้อความมาหลายปีก็โพสต์ว่า "อ่านแล้ว" บางคนบอกว่าครั้งนี้เจียงเหว่ยยี่โชคเข้าข้าง และสูญเสียของเล็กน้อยไป แต่กลับได้ของมีค่ามากกลับมา เพราะกู้เหยียนอันเทียบไม่ติดเสิ่นจินโจวแม้แต่นิดเลย เมื่อเผชิญกับคำพูดที่เต็มไปด้วยความอิจฉาเหล่านี้ เจียงเหว่ยยี่ก็ตอบเห็นด้วยทุกครั้งอย่างตรงไปตรงมา จนกระทั่งวันหนึ่ง นักข่าวการเงินตัวกล้าถามเสิ่นจินโจวว่าเขาคิดอย่างไรกับการแต่งงานของเขา เมื่อทุกคนคิดว่าเสิ่นจินโจวจะเยาะเย้ยเจียงเหว่ยยี่อย่างหยิ่งผยอง แต่เขากลับพูดอย่างใจเย็นว่า: "ผมสมหวังแล้ว"
“ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ” “โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ” ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร “คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ” ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า “ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?” นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ลูกเกดตั้งท้องกับลูเซียโน่ เขาหล่อ รวย และเป็น ผอ.บริษัทการเงิน เธอคิดเก็บลูกเอาไว้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและคิดหนีเขาไป เพราะเธอต้องการแค่ลูก ไม่ต้องการเขา ในขณะที่เขากลับคิดยื้อเธอเอาไว้ทุกทาง เพื่อให้เธออยู่กับเขาเป็นแม่ของลูกตลอดไป แต่ผู้หญิงแก่นเซี้ยวและมั่นใจในตัวเองอย่างลูกเกดมีหรือจะยอม เธอจึงพยายามหนีจนถึงที่สุด
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
กฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก "อาหมอกฤษฎิ์" หนุ่มใหญ่วัย 34 ปี มาเฟียในคราบคุณหมอสูตินรีเวชแห่งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศ โหด เหี้ยม รักใครไม่เป็น เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น สำหรับเขารักแท้ไม่เคยมีรักดีๆ ก็มีให้ใครไม่ได้ แต่สุดท้ายดันมาตกหลุมรักแม่ของลูกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น❤️ "เฟียร์สตีนอยู่ดีๆรู้ตัวอีกทีก็มีลูกสาววัย4ขวบแล้วอ่ะครับ แถมแม่ของลูกทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลยนี่เรียกว่าตกหลุมรักใช่ไหมครับ" นลินนิภา อารีย์รักษ์ "ที่รัก" สาวน้อยวัยแรกแย้มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะยากจนสู้ชีวิต เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องตกเป็นของเขา คนนั้นด้วยความเต็มใจ จนทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกเหวี่ยงให้เธอกลับมาพบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง พ่อของลูกคนที่เธอถวิลหาไม่เคยลืม ❤️ "ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก ห่างกันไกลแค่ไหนใจยังคงคิดถึงเธอเสมอ ❤️พ่อของลูก" หนูน้อยแก้มใส กมลชนก อารีย์รักษ์ สาวน้อยวัย 4 ขวบ สดใสร่าเริง ฉลาดมาก ซนมาก แสบมาก เซี้ยวมาก เฟียสมาก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักในความช่างพูดและขี้อ้อนของน้อง "ลุงหมอเป็นพ่อขาของแก้มใสเหรอคะ" หนูเป็นลูกของคุณพ่อกฤษฎิ์กับคุณแม่ที่รักค่ะ หนูจะเป็นกามเทพตัวจิ๋วที่จะมาแผลงศรให้คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน❤️มาเอาใจช่วยหนูกันด้วยนะคะ
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"