เพราะความรัก ทำให้เธอ เดินเข้าสู่ อ้อมแขนของเค้า ผู้หญิง ที่ไม่มีอะไรสักอย่าง นอกจากความรักและความจริงใจ เค้า คือเจ้านายของเธอ ผู้ชายที่อยู่สูงเกินเอื้อม แต่ในเมื่อ สายตาคมดุของเค้า โฟกัสมาที่เธอ ตอนนั้นเอง ไพลิน ถึง ได้รู้ตัว ว่าเจ้านายที่อยู่เกินเอื้อมอย่างเค้า กำลังยื่นมือมา แล้วคว้าตัวเธอ ไปกอดเอาไว้ แอบจนมิดชิด เพื่อให้ไม่มีใคร ได้ใกล้ชิดเธอ คนอย่างเค้า จะมีเธอ ได้นานแค่ไหนกัน
"มาแต่เช้าเลยลิน " รุ่นพี่ ถามแล้วยิ้มให้เธอ
"มาเวลาปกติเลยค่ะแต่โชคดีที่วันนี้ รถไม่ติดเลย " วันนี้เป็นวันเสาร์ทำงาน
เสาร์ทำงาน เหมือนวันนั้น วันที่เธอ เจอเค้า ครั้งแรก เมื่อปีที่แล้ว
"สมุดเช็คมาหรือยัง " เจ้านายเดินลงมาที่แผนกบัญชี ในวันเสาร์ช่วงเย็น วันทำงานโอที ที่ไม่ค่อยมีใครมา
"รอสักครู่นะคะ "
พนักงานใหม่ ที่มาทำโอทีในวันหยุด หลังจากที่ ทำงานผ่านโปรมาได้ไม่กี่เดือน เดินไปที่โต๊ะทำงาน ของผู้จัดการ แล้วมองหาสมุดบัญชี ที่เค้าต้องการ
"นี่ค่ะ "
ชายหนุ่มรับสมุดเช็คมา แล้วหรี่ตามองเธอ
"ชื่ออะไร "
"ไพลินค่ะ " หญิงสาว ก้มหน้าลง เมื่อตอบคำถามของเค้า รองเท้าสนีกเกอร์สีขาว ที่อยู่ห่างออกไป ขยับเข้ามาหาเธอ แล้วพูดเสียงเบา
"ขอบใจนะ ไพลิน "
เธอไม่รู้หรอกว่า วันนั้น เธอทำอะไรให้เค้า พอใจ หรือไม่พอใจ แต่หลังจากนั้น เธอก็ได้รับสายโทรศัพท์ จากเค้า ให้นัดเจอกัน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยที่ คนรถของเค้า มาพาเธอไป
คนที่มาผิดที่ผิดทางอย่างเธอ นั่งลงในร้านอาหารญี่ปุ่น แบบส่วนตัว ชายหนุ่ม ที่เป็นประธานบริษัท สวมเสื้อยืดธรรมดา นั่งรออยู่แล้ว วันนั้นเธอจำได้ว่า เธอสั่น เธอกลัว และประหม่า มากกว่า ตอนสอบสัมภาษณ์อีก
"สวัสดีค่ะ คุณเป็นเอก " เธอนั่งลงตรงข้ามเค้า แล้วบีบมือตัวเองด้วยความกลัว วันนั้น เธอทำอะไรผิดหรือเปล่า เค้าถึงได้เรียกเธอมาวันนี้
"ทานอะไร สั่งสิ " เค้าหยิบเมนูอาหาร ยื่นให้เธอ ดวงตาพร่าไปหมด ตัวอักษรภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ และราคาต่อท้าย ที่ทำเอาเธอ มือสั่น
"ไม่เป็นไร สั่งสิ " เค้ายิ้มให้เธอ หญิงสาวพับเมนูเก็บแล้วจิบน้ำที่วางอยู่
"คุณเป็นเอก มีอะไรคะ " เธอถามเค้าทันที
"ใจร้อนจัง " เค้ายิ้ม แล้วหยิบถ้วยเล็กที่คว่ำอยู่ในจาน ขึ้นมา เทน้ำใสๆ สีขาว ให้เธอ
"ชิมสิ หรือกลัว " เค้ายกดื่มแก้วที่รินให้เธอ แล้วหยิบแก้วใหม่
"เหล้า ไม่แรง จิบเดียว " เค้ายื่นแก้วใบเล็กให้เธอ มือบางรับมาแล้วจิบเพียงนิดเดียว ก้รับรู้ถึงความร้อน ขม และอุ่นนิดๆ หลังจากที่ดื่มลงไป
"มีแฟนไหม "
คำถามที่เค้าอยากรู้
"ไม่มีค่ะ "
เค้ายิ้มหลังจากได้ยินคำตอบ ที่น่าพอใจ
"ทำงานที่นี่ ดีไหม "
เธอรู้สึกโล่งใจ หลังจากได้ยินคำถามของเค้า
"ดีมากค่ะ มากๆเลย " เธอยิ้มออกมา เงินเดือนหมื่นกว่า โอทีอีกหลายพัน รวมถึงสวัสดิการอย่างอื่น มันทำให้เธอ ดูแลตัวเองได้
เค้าเทเหล้าให้เธอ แล้วคีบกุ้งทอดตัวใหญ่ใส่จานเล็กให้เธอ
แม้จะเกร็ง แม้จะกังวล แต่พอเหล้าแก้วที่สอง ผ่านคอลงไป เธอก็รับรู้ถึง ความอบอุ่น ความละมุน ของเหล้าที่เค้าคอยเติมให้เรื่อยๆ
บทสนทนาวันนั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่จาบจ้วง ไม่หยาบคาย ไม่ก้าวร้าวรุนแรง เค้าคุยสนุก มีเสน่ห์ และเธอ ก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย หลังจากนั้น
อาการปวดหัว ทำให้เธอตื่นขึ้นมา แล้วก็มองไปรอบๆห้องที่นอนอยู่ ชุดทำงานเมื่อวานนี้ ถูกเปลี่ยน เป็นเสื้อยืด กับกางเกงขาสั้นธรรมดา และที่สำคัญ เป็นของผู้ชาย
ร่างสูงใหญ่ในชุดคล้ายกับเธอเดินเข้ามาในห้อง ในมือมีแก้วกาแฟ ติดมือมาด้วย
"คุณเป็นเอก "
เธอมองหน้าเค้า มองเสื้อผ้า แล้วก็มองไปรอบๆห้อง
"รู้ตัวไหม ว่าเราทำอะไรกัน เมื่อคืน "
ทำอะไร เมื่อคืนเธอทำอะไร ไพลิน เปิดผ้าห่มดู แล้วก็พบว่าตัวเอง ไม่ได้ใส่บรา แล้วข้างล่าง ก้อาจจะไม่ได้ใส่ ด้วยเหมือนกัน
ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามา วางแก้วกาแฟ ลงที่โต๊ะข้างเตียง แล้วยิ้ม
"ดื่มสิ จะได้หายแฮงค์ " เค้าบอกกับเธอ แล้วพยักหน้า
กาแฟดำร้อนๆที่เค้านำมาให้ ถูกยกขึ้นจิบช้าๆ ระหว่างนั้น เธอก็คิดทบทวน ถึงเรื่องราวเมื่อคืนนี้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ถ้าความรัก ต้องแลกมา ด้วยหยาดน้ำตา และความทุกข์ทน เธอจะไม่ยอมมีความรัก ตลอดชีวิต
ชีคชามิล บิน ไซฟูติน ชีคหนุ่มจากแดนไกลที่หลงรักสาวน้อยหน้าหวานดวงตาสวยแปลกเพื่อนรักของน้องสาว อญู่ร่า อิลฮัม หญิงสาวชาวไทยที่แอบหลงรักเพื่อนพี่ชายมานานแสนนาน แต่การพบเจอกันทำให้เขายื่นข้อเสนอที่ทำให้หญิงสาวโกรธจนหน้าแดงตัวสั่น การที่เธอไม่รับข้อเสนอของเขาก็เพราะหวาดระแวงไม่ไว้ใจ ดูเขาทำกับเธอก่อนหน้าสิ แล้วแบบนี้จะให้เธอหน้าชื่นตาบานรับข้อเสนอที่อาจมีอะไรแอบแฝงของเขาหรือไง “หม่อมฉันจะลองฟังข้อเสนอของพระองค์ดู แต่ไม่ได้หมายความว่าหม่อมฉันจะอยากรับข้อเสนอของฝ่าบาทหรอกนะเพคะ” อญู่ร่าบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงมั่นคง “เราจะใช้หนี้ให้พ่อของเจ้าทั้งหมด แลกกับการที่เจ้าต้องไปเป็นนางบำเรอของเราสามเดือน” “นางบำเรอ!!!” อญู่ร่าผุดลุกขึ้นยืนด้วยความโมโหจัด เขาจะดูถูกเธอมากไปแล้วนะ!
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
เธอทำให้คนที่เขารักเจ็บปวด เขาจึงเอาคืนให้เธอเจ็บกว่าร้อยเท่า ในวันที่เขาแก้แค้นเธอสำเร็จจนเธอเจ็บปวดเจียนตาย เขากลับค้นพบว่าเขารักเธอ การเดินเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้งหนึ่งเพ่ื่อตามหาหัวใจตัวเองจึงเกิดขึ้น แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อเธอเจ็บแล้วจำเธอเลยไม่ให้โอกาสซ้ำยังเอาแต่จะหนีไปจากชีวิตเขา เพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา เขาจึงต้องทำทุกทางและทุกอย่างเพื่อได้หัวใจเธอมาเป็นของเขาเหมือนเดิม hope and nink "อย่าลืมไปเล่าให้พี่ชายคุณฟังด้วยล่ะ ว่าความรู้สึกที่ถูกหลอกให้รักมันรู้สึกอย่างไง แล้วเรื่องที่กล่าวหาว่าอีฟทำ รับรู้เอาไว้ด้วยว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้" "ทำไมถึงปกป้องผู้หญิงคนนั้นขนาดนั้น" แล้วคำที่บอกว่าอยู่ข้างเธอ ที่ผ่านมาหมายความว่าอะไร... "ที่ผมปกป้องขนาดนั้นเพราะว่ารักอีฟ และไม่ยอมให้ใครมาทำลายอีฟได้ยังไงล่ะ" "รัก?" แล้วไม่ได้รักเธอหรอกหรือ เธอตั้งคำถามอย่างโง่งั่ง ไม่พยายามเข้าใจสิ่งที่เขาบอก แม้ส่วนลึกเริ่มจะเห็นเค้าลางว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างที่วิษุวัติทำมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว "ใช่" "..." เขาลุกขึ้นยืน แขนเล็กๆ ที่เกาะเเขนเขาไว้ร่วงผล็อย นลินวิภาเงยหน้าขึ้นมองเขา "แล้วความรู้สึกดีๆ ที่คุณแสดงออกกับฉันที่ผ่านมา" "มันแค่การเอาคืน..." เขาพึมพำ ก่อนจะก้มหน้ามองเธอ "ผมมาก็เพื่อแก้แค้นให้อีฟตอนนี้หน้าที่ของผมจบแล้วถือว่าเราจบกัน คุณไปเก็บของซะผมจะให้คนไปส่ง" เขาทำท่าจะเดินจากไป แต่นลินวิภาดึงชายเสื้อเขาไว้ ดวงหน้ายังสับสนและในใจพร่ำบอกว่ามันไม่ใช่ และเธอฉุดรั้งเขาไว้ โดยที่ไม่รู้ตัวเลย จนมีแรงตึงที่มือและเขาหยุดชะงักนั่นล่ะ เธอถึงปริปากออกมา... "คุณเคยบอกฉันว่าไม่ต้องสนเรื่องอื่นว่าเราพบกันอย่างไง เพราะระหว่างเราเข้าใจกันก็พอ ฉันเข้าใจว่าคุณพูดออกมาจากใจจริงๆ เสียอีก" "มันคือคำโกหกคุณคงไม่คิดว่าผมจะรักคุณหรอกนะเพราะคนที่ผมรักมาตลอดคืออีฟ คนแบบที่ผมชอบคืออีฟเท่านั้น" ไม่ต้องมีมีดนับร้อยนับพันมาจ้วงแทง เพียงแค่สายตาคู่เดียวของเขาที่จ้องมองมาก็ทำให้เธอเหมือนถูกกระหน่ำแทงจากความจริงที่เขากำลังบอก เธอกับเอวิตาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว และเธอไม่ใช่คนแบบที่เขาชอบ ทั้งหมดที่ผ่านมาคือการหลอกลวงเพื่อแก้แค้นให้เอวิตา คนที่เขารัก... "โฮป" "เรียกผมว่าวิษุวัติ... อย่าเรียกชื่อเล่น เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น "..." นลินวิภากะพริบตาปริบๆ มือร่วงผล็อยจากชายเสื้อเขาไปในทันที สิ่งที่เขาบอก เหมือนดึงเธอมาสู่โลกแห่งความจริงที่เธอไม่อาจหนี เขาบอกชัดเจนขนาดนี้เธอคงไม่สามารถหลอกตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว... #ทินอีฟ "ยินดีด้วยนะครับคนไข้ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการออกมาแล้วครับ คนไข้ตั้งครรภ์ เดี๋ยวหมอจะส่งคนไข้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อฝากครรภ์นะครับ" คำพูดของนายแพทย์ประจำคลินิกทำให้เธอยิ้มออกหลังจากทนกับอาการเวียนหัวในช่วงเช้ามาหลายวันไม่ไหวเธอจึงไปตรวจให้รู้แน่ชัด ผลที่แพทย์บอกตอนที่อยู่คลินิกทำให้เธอมีความสุขมาตลอดบ่าย เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์กับทิน...ผู้ชายที่เธอรัก วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ การได้รับข่าวดีเรื่องลูกจึงเปรียบประหนึ่งเป็นของขวัญ หญิงสาวรีบกลับมาที่เพนธ์เฮาส์และจัดเตรียมสถานที่รอพ่อของลูกกลับมาอย่างคาดหวังและตื่นเต้น เรื่องที่ตั้งครรภ์เธอยังไม่ปริปากบอกใครแม้แต่พี่เลี้ยงคนสนิทที่อยู่กับเธอตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะอยากให้ทินรู้เป็นคนแรก ทันทีที่เขาให้ของขวัญวันเกิดแก่เธอ เธอจะยื่นกระดาษอัลตราซาวน์ให้เขาแล้วบอกว่าเป็นของขวัญที่เธอมอบกลับคืนในฐานะที่เขารักและดูแลเธอมาตลอด แต่เมื่อประตูห้องเปิดก็เกิดเรื่องผิดแผนครั้งใหญ่เพราะทินเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงสาวที่มีดวงหน้าสวยโฉบเฉี่ยวดูมั่นใจในตัวเอง ริมฝีปากสีแดงสดของผู้หญิงคนนั้นยิ้มและมองเอวิตาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก คนทั้งคู่ที่เข้ามาใหม่ไม่ได้สนใจบรรยากาศปาร์ตี้ ทินมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาของเขาไม่อ่อนโยนเหมือนทุกวัน มีเพียงเสียงทุ้มน่าฟังที่เหมือนเดิม "อีฟ ผมมีเรื่องจะบอก" "เรื่องอะไรคะ" เสียงของเธอแทบไม่หลุดจากปาก ความหวาดกลัวในสถานการณ์เกาะกุมหัวใจเธอ รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาครามครัน "ผมจะไม่อ้อมค้อมนะ ธุระที่ผมไปทำวันนี้คือไปจดทะเบียนกับนิ้ง" "..." ดวงตาของเอวิตาเบิกกว้าง "นิ้งท้องกับผม ท้องตั้งแต่ก่อนที่ผมจะมาคบกับคุณ มันอาจจะผิดต่อคุณแต่คุณคงเข้าใจว่าผมต้องรับผิดชอบลูกในท้องของนิ้งเป็นอันดับแรก..." "ทิน" เธอเรียกชื่อเขา น้ำตาเอ่อล้นปริ่มขอบตาที่ร้อนผะผ่าวในใจมีร้อยพันหมื่นถ้อยคำแต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ กระดาษอัลตราซาวน์ในมือถูกกำแน่น อย่าว่าแต่ยื่นมันให้เขาได้เห็น แค่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาและหายใจ เอวิตายังทำได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน "ผมเสียใจนะอีฟ... แต่ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจว่าทำไมผมเลือกนิ้ง" "ที่จริงฉันต้องรีบพาทินไปพบครอบครัว แต่ว่าเขาอยากแวะมาบอกเธอก่อนไม่อยากหายไปเลย" ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาเป็นครั้งแรก เอวิตาจับใจความไม่ได้เลยว่าคนตรงข้ามพูดอะไรกับเธอบ้างเพราะในหูมีแต่เสียงอื้ออึ้งน้ำตาก็ไหลจากตาจนไม่เห็นหน้าคนสองคนตรงหน้าเสียแล้ว... สติของเธอหลุดลอยไปตั้งแต่ที่ทินบอกว่าเขาแต่งงานกับผู้หญิงอื่น เรื่องที่เตรียมจะบอกในทีแรกจึงไม่หลุดจากปากและไม่ว่าเขาจะพูดอะไรอีกเธอก็ไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้ว จนเมื่อคำว่าลาก่อนแว่วเข้าหู และมีเสียงประตูปิด เธอถึงได้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น เพราะหมดแรงที่จะยืน... หลังจากที่ร้องไห้จนไม่เหลืออะไรจะร้อง ในหัวไม่มีสติพอที่จะคิดอะไรอีก ภาพเลือนรางที่เห็นเขาเดินจูงมือออกไปกับผู้หญิงอื่นฉายวนซ้ำ เธอไม่ได้เป็นคนที่ถูกเลือก เขาเดินจากไปง่ายดายราวกับไม่เคยรักกันเลย ความทุกข์ที่หนักหนาที่สุดที่เคยพานพบเกาะกินหัวใจจนเธอคิดว่าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อรับรู้เรื่องราวเหล่านี้อีกแล้ว... เธออยากหนีไปให้พ้นจากความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลที่กำลังถาโถมเธออยู่ในตอนนี้ "อีฟ" เสียงเรียกคุ้นหู เป็นเสียงเรียกที่เหมือนอยู่ไกลออกไป ภาพของเขาปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นไม่แจ่มชัด สาเหตุไม่ใช่เพราะหยาดน้ำตา หากแต่เป็นเพราะสติรับรู้ของเธอนั้นสุ
บุหรี่ เหล้า น้ำหอม เอรินแพ้หมด แต่เจ้านายคนใหม่ของหญิงสาวมีครบทุกสิ่งที่เอ่ยมา คนหนึ่งถูกทิ้งมาอีกคนชีวิตน่าเบื่อหน่าย เมื่อทั้งคู่มาพบเจอกันในวันเวลาที่เหมาะสม ความปรารถนาก่อตัวขึ้น เกิดเป็นเกลียวสวาทที่ตัดกันไม่ขาดอีกต่อไป “ริน” เสียงเรียกเนิบ ๆ ทำให้เอรินหยุดดิ้นรน เงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาหยาดเยิ้มจากเขา สายตาที่เธอไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนลมหายใจจะติดขัดจากประโยคถัดมาของเขา “มาลองกันสักครั้งดูไหม” เอรินไม่เคยผ่านประสบการณ์ด้านความรัก แต่ด้วยอายุอานามหญิงสาว กลับมีความต้องการตามธรรมชาติของร่างกาย ทว่ายังไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่ถูกใจมาก่อน ต่างกับคริสเขาดูดีทุกอย่าง เพียบพร้อมไปหมด แต่เธอห้ามใจเอาไว้ไม่ให้หลงใหลได้ปลื้มเขา เพราะคิดว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว ทว่าวันนี้เขากลับมายื่นข้อเสนอแบบนี้กับเธอ หญิงสาวคิดไม่ตกทำตัวเริ่มไม่ถูกแล้วเหมือนกัน เผลอยกมือขึ้นถูหลังหูแบบลืมตัว “ว่าไง” คริสขยับเข้ามานั่งชิดกับเอริน เขาดันปลายคางของหญิงสาวเข้ามาหา “ลองจูบดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่โอเคก็ปฏิเสธผมจะหยุดทันทีดีไหม” เขาแนะทางออกให้เอริน “แบบนั้นรินก็ใจง่ายสิคะ” ใจหนึ่งของเอรินอยากลองอีกใจก็ขลาดกลัว “ผมก็ใจง่ายมีอะไรกับผู้หญิงง่าย ๆ หมดแหละ” รอยยิ้มเท่ ๆ จากเขาทำผู้หญิงละลายมาหลายคน แต่กับเอรินทำไมถึงได้ดูตื่นตะลึงไปหมดแบบนี้ หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าออกเป็นจังหวะ จะพูดก็ไม่พูดอึกอักจนน่าหงุดหงิด “ผมไม่ใช่สเปกว่างั้น” “ไม่ใช่ค่ะ” เธอชอบเขาจะตายไป หล่อคมเข้มสูงยาวเข่าดีมีใครบ้างไม่ชอบ “งั้นทำไมไม่ลองดูล่ะ เราโต ๆ กันแล้ว เรื่องแบบนี้มันก็ปกติจะตายไป” คริสเปลี่ยนเสียงให้นุ่มทุ้มหูขึ้น ทำให้เอรินหน้าเห่อร้อน ยกนิ้วทัดเส้นผมตรงใบหูทั้งที่ไม่ได้มีลมพัดมาสักแอะเดียว เริ่มร้อน ๆ หนาว ๆ กับสายตาที่เปลี่ยนไปของเจ้านาย “จูบ” คริสเอ่ยขึ้นพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือไปจับท้ายทอยของเอริน เขาดึงแว่นตาออกวางไว้บนโต๊ะ (รักระทวย)
เจียนเยว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนกระทั่งพบอาของเธอ แต่เธอก็ตกหลุมรักอาของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเสียดายที่อาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน เลยจัดให้เธอไปต่างประเทศ เพื่อแก้แค้น เธอจึงเรียนวิชาบุรุษวิทยาและหลังจากกลับมาอีกครั้ง เธอก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุด เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การหลั่งเร็ว ภาวะมีบุตรยาก... คราวนี้คุณอาดันเธอไว้ในห้องนอน "ถ้าอยากดูร่างกายของผู้ชายมาก ก็ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ" เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย และใช้มือปลดเข็มขัดของเขา "มิน่าเล่าขนาดอามีคู่หมั้นแล้ว แต่กลับไม่แต่งงานสักที ที่แท้มันใช้งานไม่ได้สินะ" “จะได้หรือไม่ได้ คุณก็ลองดูเองสิ” “ไม่เลย อาไปหาคนอื่นช่วยดูให้เถอะ”