แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เงาทรราช
บทที่1 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
กลางงานราตรีการกุศลที่จัดขึ้นอย่างอลังการ เป็นที่เรียกร้องให้เหล่ามหาเศรษฐี เศรษฐีทั้งใหม่และเก่าของฟากฟ้าเมืองไทยเข้าร่วมงาน เพื่อหวังประกวดประขันแย่งชิงความเป็นดาวเด่นของงาน ในสังคมวัตถุนิยมแห่งนี้ย่อมไม่มีใครยอมน้อยหน้ากว่ากัน ต่างประโคมเครื่องประดับล้ำค่า ทั้งเพชรนิลจินดาและอัญมณีหลากหลายอันทรงคุณค่าและราคาแพงลิ่วมาข่มกัน โดยไม่เกรงกลัวภัยอันตรายมาแผ้วพาล เพราะมั่นใจและเชื่อใจในศักยภาพของผู้จัดงาน และระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเลิศ
จุดเด่นของงานในคืนนี้คือการประมูลมหามงกุฎโบราณอายุนับพันปี ซึ่งเคยเป็นของเจ้าผู้ครองนครอินทรา อาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ถึงกาลต้องล่มสลายเพราะผู้คนเสื่อมศรัทธาในเจ้าผู้ครองนคร ที่ปกครองด้วยพระเดชไม่มีพระคุณเข้ามาเจือปน บ้านเมืองระส่ำระสายอาณาจักรใกล้เคียงเข้ามารุกรานและกลืนกิน จนบัดนี้เป็นแค่นครในประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจารึกและจดจำในความโหดเหี้ยมของทรราชอันเรืองนาม
มหามงกุฎที่ตกทอดจากมือสู่มือมาจนปัจจุบันกำลังได้รับความสนใจ ผู้จัดงานนำมาประมูลเพื่อนำเงินรายได้ไปทำการกุศลต่อไป มงกุฎล้ำค่าถูกเก็บไว้ในตู้หกเหลี่ยมที่วางตระหง่านอยู่กลางโถง คลุมไว้ด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดนกรอเวลาเปิดให้ทุกคนได้ยลในอีกไม่นานเมื่อพิธีการประมูลเริ่มขึ้น
ณ มุมหนึ่งหน้างาน หญิงสาวรูปร่างสมส่วนสูงระหงท่าทางประเปรียวในชุดหนังพอดีตัวสีดำสนิท และยิ่งดูทะมัดทะแมงมากขึ้นกับบูทยาวครึ่งแข้ง ใบหน้าภายใต้แว่นกันแดดสีดำ นิ่งเรียบดุจทะเลยามคลื่นลมสงบ แต่ในใจหญิงสาวกลับร้อนรุ่มเต้นโครมคราม ไม่ใช่เพราะเป็นงานแรกที่เธอมารับหน้าที่อารักขาบุคคล แต่เพราะต้องการมองหาใครสักคนมาทำหน้าที่ตรงจุดนี้แทนเธอ ที่มีความจำเป็นทางร่างการจนแทบจะอั้นไม่ไหวอยู่แล้ว
บราลี หญิงสาวผิวขาวเหลือง ผมสีน้ำตาลเข้มดวงตาที่ซ่อนไว้ใต้สีดำทะมึนของแว่นกันแดดเป็นสีน้ำตาลอ่อน เธอเป็นหนึ่งในทีมงานรักษาความปลอดภัยในงานคืนนี้ เดินกระมิดกระเมี้ยน มือที่กำสูจิบัตรมาอ่านเรื่องราวคร่าวๆ ของอินทรานครกับสมบัติชิ้นสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ บิดไปมาจนแผ่นกระดาษมันวาวย่นยู่หาความเรียบไม่เจอ สายตาก็สอดส่ายหาเพื่อนร่วมงานในบริษัทรับจ้างรักษาความปลอดภัยทุกระดับ ทั้งตัวบุคคล อาคารสถานที่หรือแม้กระทั่งบ้านพักอาศัย จะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นบริษัทยามก็คงไม่ผิด ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่กำลังจ่มดิ่ง มีงานอะไรเข้ามาต่างก็คว้าเอาไว้ก่อนทั้งนั้น ไม่หวังจะรอน้ำบ่อหน้าซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงชาติไหนถึงจะพานพบ
บราลีที่เรียนจบสังคมศาสตร์มา แต่กลับมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลให้เศรษฐีณีคน หนึ่งซึ่งกำลังกรีดกรายอยู่ในงาน ส่วนตัวเธอได้แต่ยืนและเดินรอบๆ งาน เพราะผู้จัดงานมีหน่วยคุ้มกันแน่นหนาทั้งจากบริษัทรักษาความปลอดภัยต่างๆ รวมถึงกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบอีกจำนวนหนึ่งที่มาทำหน้าที่ในงานนี้โดยเฉพาะ
“ปวดอี่อิ๊บอ๋าย”
หญิงสาวพึมพำลอดไรฟัน ท่วงท่าการเดินที่สง่างามในทีแรก กลับกลายเป็นเดินหนีบแข้งหนีบขากระมิดกระเมี้ยน ยามเก็บความรู้สึกอึดอัดคัดแน่นไว้จนท้องแบนราบเขม็งเกร็ง พลางกวาดสายตาไปทั่วแต่ไม่พบใครเลย เมื่อความอดทนอดกลั้นถึงขีดจำกัดหญิงสาวจำต้องพาตนเองไปเข้าห้องน้ำให้เร็วที่สุด พลางนึกเข้าข้างตนเอง
‘คงไม่มีอะไรหรอก เล่นเหมาบริษัทรักษาความปลอดภัยมาสามสี่บริษัทแบบนี้ ต่อให้พวกยกมาปล้นเป็นโขยงก็ปลอดภัยล้านเปอร์เซ็นต์’
ขณะที่บราลีนั่งปลดทุกข์เสียงปืนที่เปรียบเสมือนเสียงจากนรกสำหรับอาชีพอย่างพวกเธอก็ดังขึ้น คละเคล้าเสียงหวีดร้องอย่างตกใจและเจ็บปวด
“ตายห่า!” บราลีอุทานอย่างตกใจ
“ตายแล้ว! มันยกพวกกันมาปล้นเลยหรือ”
เสียงตระหนกดังอยู่หน้าประตู ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องเซ็งแซ่และเสียงสาดกระสุนใส่กันดังอึงอล บราลีพยายามเร่งทำธุระให้เสร็จโดยเร็ว พร้อมบ่นกระปอดกระแปดด้วยความกระวนกระวายใจไปด้วย
“ตายแน่!ๆ คุณนายของฉันจะเป็นยังไงบ้างนะ รอแป๊บนะคุณนาย ตอนนี้หลบกระสุนให้ดีล่ะ”
ทันทีที่เสร็จสิ้นการขับน้ำหมดกระเพาะปัสสาวะ หญิงสาวรีบลุกพรวดขึ้นพร้อมดึงกางเกงเข้าที่ ใช้เท้ากดชักโครก มือขวากระชับปืนคู่กาย ก่อนเอื้อมมือซ้ายไปหมุนลูกบิดเปิดประตูพร้อมโผล่หน้าออกไปทันที เห็นเหล่าคุณหญิงคุณนายที่เดินวางท่าดุจนางพญาในงานเมื่อครู่ ต่างซุกตัวอยู่ตามหลืบตามมุมห้องด้วยอาการกลัวลนลาน
บราลีกระชับปืนในมือยามเคลื่อนตัวออกไปจากห้องน้ำอย่างช้าๆ ด้วยความระแวดระวัง ที่หมายคือโถงใหญ่ซึ่งใช้จัดงาน เสียงการต่อสู้ด้วยอาวุธปืนยังคงดำเนินต่อไป สลับกับเสียงกรีดร้องอย่างตกใจและเสียงโอดครวญอย่างเจ็บปวด
บราลีพยายามกวาดสายตามองหาบุคคลที่ตนเองมาอารักขาในโถงใหญ่ ซึ่งเวลานี้ข้าวของล้มระเนระนาด ศพเกลื่อนกราดทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและคนชุดโม่งดำ ซึ่งเธอคาดว่าคงเป็นพวกที่บุกเข้ามาหวังปล้นชิงเครื่องเพชรเครื่องประดับราคาแพงที่บรรดาเศรษฐีทั้งหลายประโคมใส่มาประชันกัน และเป้าหมายสำคัญคงเป็นมงกุฎล้ำค่าที่ยังอยู่ในตู้โชว์กระจกกลางห้อง
“คุณนาย!”
บราลีทั้งดีใจและตกใจเมื่อหาบุคคลสำคัญของตนเองพบ เศรษฐีณีผู้ว่าจ้างกำลังคุดคู้อยู่ใต้โต๊ะ ตัวสั่นเทายิ่งกว่าลูกนกยักษ์ตกลงไปในบึงน้ำ และทันทีที่หันมาเห็นบราลี คุณนายร่างยักษ์ทำหน้าดุจเห็นพระมาโปรด ก่อนตัดสินใจทำในสิ่งที่โง่เหลือหลายในความคิดของบลาลี นั่นคือการออกมาจากที่กำบังแล้ววิ่งมาหาเธอ บราลีรีบโบกมือห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว กระสุนปืนไม่ทราบทิศทางพุ่งเข้าใส่จนร่างอ้วนสะดุ้งสุดตัวแล้วล้มลงฟาดกับพื้น ท่ามกลางสายตามองอย่างตกตะลึงของผู้ห้ามปราม
“อย่ามา!”
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
นายทหารชาวไทย พันโทอัคคี ยอมลาออกจากราชการเพื่อไปทำงานกับชีคกาเบรียน อัลชร์มา อัลโซกียาห์แห่งสาธารณรัฐชาร์มา เพื่อสืบข่าวคราวน้องสาวคนเดียวของตน ซึ่งถวายตัวเป็นสนมของชีคกาเบรียน แต่กลับตาลปัตรต้องแต่งงานเพือกู้หน้า รักษาศักดิ์ศรีให้ชีคคาบิชาเราะห์ น้องสาวและคู่หมั้นของชีคกาเบรียนแทน แม้มีเมียโดยไม่ทันตั้งตัว แต่การสืบหาข่าวคราวน้องสาวก็ไม่หยุดหย่อน จนเขารู้ว่าได้สูญเสียน้องสาวให้กับโจรแยกดินแดนไปแล้ว(แต่ไม่ใช่ตายจาก) มีเพียงหลานสาวน่ารักที่ชีคกาเบรียนรักและดูแลดียิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ เช่นเดียวกันกับความรักของอัคคีกับชีคคาบิชาเราะห์ ที่เปลี่ยนจากไม้เบื่อไม้เมา เป็นรักหวานซึ้ง
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?