อยากหนีก็หนีไป แต่ถ้าตามเจอเมื่อไหร่ รับรอง! ได้ทรมานกว่าเดิมแน่..!! LEE ZONMIN (อีโซมิน) ชายหนุ่มลูกครึ่งเกาหลี จีน ชีวิตแสนมืดมนผลักดันให้เขาต้องดิ้นรน กว่าจะมีวันนี้ได้ ... เจ้าของคาสิโนและคอมเพล็กซ์ห้างสรรพสินค้าที่กัมพูชา และ มาเก๊า เขาตามหาหญิงสาวคนหนึ่งและเธอพยายามหนี "ถ้าคิดจะหนีก็หนีให้รอด!!" BUA YONHWA (บัว หรือ ยอนฮวา) หญิงสาวลูกครึ่งไทยเกาหลีสุดแสนน่ารักชีวิตครอบครัวอบอุ่น ได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ... แต่ชีวิตกับพลิกผันเมื่อเจอกับคนเลวแบบเขา " ฉันไม่รู้จักคุณ!!"
ผับ HE-LL
[~TRUEE...truuueeee~]
สายเรียกเข้า
[แม่]
"เฮ้ย!...พวกมึง...แป๊บนะ"
"ไปไหนมึง"
"แม่กูโทรมา..ในนี้มันเสียงดัง!"
"เออๆ"
บัวลุกออกมาจากโต๊ะก่อนจะเดินตรงไปตามทางเดินที่คิดว่าหน้าจะเป็นหลังร้าน...เพราะพึ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก เสียงดนตรีห่างออกไปทุกทีและเธอก็เห็นว่าตรงด้านนั้นมีไฟสลัวและมีกำแพงพอให้เธอได้พิงหลังก่อนจะตั้งสติคุยกับแม่
เธอเดินมาจนสุดทางจนถึงผนังกำแพงกั้นตรงนั้น หญิงสาวกำลังกดโทรศัพท์โทรกลับหาแม่ที่วางสายไปแล้ว จนกระทั่งได้ยินเสียงบางอย่างในห้องด้านหลังที่เหมือนจะเป็นห้องเก็บของ เป็นห้องด้านในสุดกระมัง
"อะ...อะ...อ้าา.....คะ..คุณลี...อื้ออ"
บัวตกใจกับเสียงนั้น ท่ามกลางเสียงเพลงที่ลอยมาและหูที่ยังอื้อของเธอเพราะเสียงที่ดังสนั่นของเครื่องเสียงชั้นเยี่ยมภายในผับแห่งนั้น บัวคิดว่าตัวเองอาจจะหูฝาด แต่ว่ายิ่งฟังเสียงนั้นก็ยิ่งชัดเจน
"โอ๊ย...คุณลีขา....โอ๊ย...กระแทกแรงจังค่ะ...กระทุ้งมดลูกไปหมดแล้ว...โอ๊ย..."
บัวชะงักไปเล็กน้อย... มีคนกำลังทำอะไรกันแน่ ๆ ต่อมเผือกสะกิดเธอไม่หยุด
เธอยังเก็บโทรศัพท์ไม่โทรหาแม่แล้วเพราะความเมาและความอยากรู้อยากเห็นที่มาพร้อมกับความกล้าหาญด้วยฤทธิ์เหล้า ทำให้หญิงสาวตัดสินใจเดินไปยังทิศทางของเสียง
ยิ่งเดินเข้าไปก็ยิ่งมืด..มีห้องเยอะแยะมากมาย...แต่บรรยากาศดูน่ากลัว บัวเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งที่ดูหรูหรากว่าห้องอื่น...เสียงร้องนั้นยังดังออกมาไม่หยุด...บัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ แต่ก็อยากรู้ชะมัด
จะมีคนโดนทำร้ายอยู่หรือเปล่า....และเธอจะเอายังไงดี แต่แล้วความกล้าหาญที่ตอนแรกมีอยู่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ตอนนี้กลับพุ่งสูงขึ้นเกินร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอนว่าส่วนใหญ่เกิดเพราะความเมา เอาล่ะเธออาจจะเป็นคนเก่งที่ได้ช่วยคนก็ได้ หญิงสาวตัดสินใจบิดลูกบิดประตูช้า ๆ และเบาที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้
~อะ....ไม่ได้ล็อก~
บัวชะโงกหน้าเข้าไปดูอย่างระแวดระวัง...แต่ภาพที่ได้เห็นทำเอาหญิงสาวถึงกับร่างกายแข็งเกร็ง
ฉิบหายแล้วกู! พวกเขากำลัง......อยู่หรือเปล่า
ภายใต้แสงไฟนีออนที่ส่องสว่างสลัว ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโก้งโค้งก้นหันหน้าเข้าหากำแพงโดยมีผู้ชายคนหนึ่งถลกกระโปรงของหญิงสาวคนหนึ่งขึ้นมาจนเห็นก้นขาว ๆ แล้วยังฟาดมือไม่ยั้งตบสะโพกนั้นจะเกิดเสียงดัง
มือข้างหนึ่งของเขาจับขาของเธอคนนั้นยกขึ้นแล้วอ้าออกในขณะที่หญิงสาวหันมามองใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจของผู้ชายคนนั้นที่กำลังบดเบียดแท่งใหญ่ยาวที่บัวมองเห็นไม่ถนัดนักเข้าไปในร่างกายของผู้หญิงคนนั้นอย่างรุนแรง
บัวมองมองภาพนั้นผ่าน ๆ จนกระทั่งหยุดอยู่ที่ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นเธออ้าปากด้วยอาการตกใจ
เชี้ยเอ๊ย แม่งหล่อว่ะ ใช่เขาหล่อ หล่อมากจริง ๆ หล่อจนกระทั่งบัวที่กำลังเมายังมองเห็นหน้านั้นชัดเจนและทำให้น้ำลายหกติ๋ง ๆ
"อ้าาา....อูยยยย.....คุณลี......ซี๊ดดดดดด"
ผู้หญิงคนนั้นครางไม่หยุด และเริ่มเสียงดังขึ้นซึ่งดูเหมือนว่าจะทำให้ผู้ชายคนนั้นไม่พอใจ
"หุบปาก! ร้องเรียกแขกมาดูหรือไง"
ตอนนี้บัวเข้าใจชัดเจนเมื่อภาพนั้นกระจ่างชัดขึ้นหลังจากที่ตาของเธอพร่ามัวเพราะความหล่อ
เชี้ยแล้วกู ตอนนี้กูกำลังเห็นคนสองคนกำลังสมสู่กันอยู่....ที่สำคัญ อิห่า แหม!ร้องซะเหมือนโดนเชือดเลย
บัวเผลอจ้องมองชั่วครู่ ตัวของเธอยังแข็งด้วยความรู้สึกตกใจ จนกระทั่งคนสองคนเหมือนจะรู้แล้วว่าตอนนี้มีบุคคลที่สามอยู่ในห้องแห่งนี้ด้วย
จู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก้หันมามองเธอ เขาจ้องบัวตาเป็นมันและดูเหมือนว่าจะซอยสะโพกรัวเร็วอัดใส่ร่องของผู้หญิงคนนั้นในขณะที่มองหน้าสวย ๆ ของบัว
ถูกจับได้ว่าแอบดูคนลักลอบเอากัน บัวถึงกับมือสั่นเธอถอยหลังไปหนึ่งก้าวยังกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เมื่อสายตานั้นจ้องเธอเหมือนเธอเป็นเหยื่ออันโอชะ
บัวเม้มปากหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ผู้ชายคนนั้นเลิกคิ้วท้าทาย ดวงตาพราวระยิบยังยกมุมปากคล้ายยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนี้กลับทำให้บัวถึงกับขนลุกชันทั่วร่างกาย
ปัง!!
เธอไม่รอช้า ปิดประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบเดินออกมาจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
....แม่งหล่อมาก แต่น่ากลัวมากเหมือนกัน... เธอยังรู้สึกขนลุกไม่หาย กลัวจับใจยิ่งกว่าเห็นผี กระทั่งเดินเข้ามาที่หลังร้านตรงนี้ยังเสียงดังและมีคนเยอะขึ้นให้บัวอุ่นใจ บัวสะบัดใบหน้าสวยหวานไปมาไล่ความรู้สึกกลัวที่ยังจับหัวใจของเธอออกไปให้หมด
"เฮ้อออ....ถึงสักที"
..หญิงสาวกดโทรกลับไปใหม่อีกครั้ง...รอสักพัก..ปลายสายก็กดรับ..
"แม่จ๋าาา...."
[อยู่ไหนฮึยัยตัวดี..แม่โทรไปตั้งหลายสาย]
" อยู่ข้างนอกค่ะแม่...หนูออกมาผ่อนคลายสมองหน่อย..ช่วงนี้เรียนหนักเลยมาเที่ยวผับกับเพื่อนค่ะ"
[ออ...แล้วออกไปกลับใครล่ะเรา..]
"ก็ในแก๊งค่ะแม่...ยกเว้นพลอยไม่ยอมมาด้วย"
[แล้วพลอยไปไหนล่ะลูก]
"โฮ้.!...รายนั้นไม่ต้องห่วงเลยแม่..อ่านหนังสืออย่างเดียวแหละ"
[พาพลอยออกไปบ้างสิลูก..เดี๋ยวก็เครียดตายหรอก]
"ชวนแล้วค่ะ..แต่ไม่ยอมมา"
[อืมๆ...แล้วนี่กินข้าวหรือยัง]
"กินแล้ว...แล้วแม่ล่ะ"
[แม่กินแล้ว...]
"แล้วนี่พ่อไปไหนอ่ะแม่...เงียบเลย"
[ก็อยู่ข้าง ๆ แม่นี่แหละ...พ่อหนูเป็นคนสั่งให้แม่โทรไปหาหนูนี่แหละ.อย่าให้เมามากนะลูกดูแลตัวเองด้วย]
"จ้า รู้แล้วจ้าไม่ต้องห่วงเลยจ้า"
[โอเค รักนะลูก อย่าลืมนะดูแลตัวเองอย่าให้เมามาก]
"ค่ะแม่...รักแม่กับพ่อมากนะคะ"
บัวกรอกเสียงอ้อนแม่ค่อนข้างดังแน่นอนเพราะตรงนี้เสียงดนตรีดังนี่นา เมื่อคุยกับแม่เสร็จเธอก็คิดกลับไปที่โต๊ะ แต่ว่าเสียงหนึ่งกลับดังขึ้น
"มาทำอะไรตรงนี้คนเดียวคะ!"
ลมหายใจร้อนเป่ารดต้นคอเล็กระหง และยังเหมือนมีใครสักคนโอบกอดเธอร่างเล็กของเธอเอาไว้อย่างสนิทสนม และนั่นทำให้บัวตกใจ
เธอหันขวับไปทันทีและนั่นทำให้ใบหน้าสวยชนเข้ากับอกกว้างของเขาเข้าพอดี หญิงสาวเสียหลังจนเกือบจะหงายหลังทว่ามือใหญ่คู่นั้นกลับคว้าร่างของเธอเอาไว้แล้วดึงมาแนบอก
พึ่บ..ปึก..!
"อุ้ย!"
บัวเงยหน้าขึ้นมองว่าใครกันที่บังอาจ กระทั่งสบตากับดวงตาคมคู่นั้น หญิงสาวแทบหมดสติเธอกลืนน้ำลายลงคอและจู่ ๆ ก็รู้สึกตัวสั่นเพราะสายตาที่จ้องเธอคล้ายเธอเป็นเหยื่อแบบนั้น
ผู้ชายคนนี้ หล่อ..เท่..หุ่นล่ำ..ดูเซ็กซี่ดี...แต่!..เขาคือคนเดียวกันกับที่อยู่ในห้องนั้น...ผู้ชายที่ทำให้เธอกลัวมากกว่าผีคนนั้น
"ปะ..ปล่อย..ฉันนะ นี่นายทำบ้าอะไร!" บัวพยายามขืนตัวออกมาเธอกลัวเขาจริง ๆ
"ยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะครับ..มาทำอะไรตรงนี้คนเดียว " นอกจากไม่ปล่อยแล้วเขายังดึงเธอมากอดเอาไว้แล้วเลื่อนมือลงมาลูบไล้สะโพกกลมแน่นนั่นของเธอแผ่วเบา
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง