❤ โปรเจกต์สุดฮอตต้อนรับวาเลนไทน์ Match Love Valentines ❤ เรื่องราวของสาวขี้เหงาทั้งสี่คนที่เกิดอาการ เปลี่ยวใจอยากมีใครสักคน เลยต้องเข้าแอปหาคู่อย่าง MATCH LOVE เพื่อตามหาคู่เดตที่มาทำให้วาเลนไทน์ของพวกเธอ ไม่ต้องเหงาใจอีกต่อไป และแอปนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการแมตช์รักของพวกเธอ...แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังจากแอปหาคู่สักหน่อย? ไปลุ้นกันว่าแอปนี้จะช่วยให้พวกเธอสละโสดได้ไหม...!!!!
"ไอ ทำไมมานั่งตรงนี้อีกแล้วละ"
"มาดูผู้ชายน่ะสิ น้ำค้างดูสิคนนั้นงานดี๊ดี"
ฉันตอบน้ำค้างกลับไปพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยล่ะ กล้ามก็แน่นจนน่าเอามือไปลูบไล้ ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าลอนหน้าท้องของเขาเวลาขยับแล้วมันจะเซ็กซี่เหมือนที่ฉันคิดไว้ไหม
"ส่องแต่ผู้นะแก ว่าแต่แกสนใจไปนัดบอดปะ"
"ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบ"
น้ำค้างถามฉันขึ้นตอนที่ฉันกำลังเหม่อลอยมองผู้ชายสิบกว่าคนที่มีเหงื่อเงาโทรมกายวิ่งอยู่บนสนามหญ้าแย่งเจ้าลูกกลมๆ เพียงแค่ลูกเดียว คิดแล้วก็อยากเกิดเป็นเจ้าลูกกลมๆ นั่นจัง ทำไมน่ะเหรอก็เพราะฉันอยากถูกแย่งบ้างไม่ใช่อยากถูกเตะหรอกนะ
"ว่าแต่ ถ้าไม่ได้นัดไปได้ปะ อยากไปดูผู้เฉยๆ อ่ะ ผู้เป็นแรงขับเคลื่อนการใช้ชีวิต เป็นกำลังใจของฉันเลยก็ว่าได้"
"ไม่ต้องเลย แกทำตัวเละเทะไปแล้วนะไออุ่น"
"ดุฉันอีก เป็นเพื่อนหรือแม่ย่ะ!"
ใช่แล้วล่ะฉันชื่อไออุ่นเรียนอยู่ทันตกรรมปี 4 แล้วฉันมีนิสัยชอบเสพความหล่อของผู้ชายงานดีทั้งหลาย ฉันเคยมีความรักแต่ไม่สมหวัง แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหมดหวังนะ ฉันเคยเป็นคนขี้อายมากๆ แต่ตั้งแต่เลิกกับคนรักเก่าไป ฉันก็เปลี่ยนตัวเองเป็นสาวมั่น อย่าว่าโง้นงี๊เลยนะ ฉันลองทุกอย่างเลยละไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวผับเที่ยวบาร์ การกินเหล้าแม้แต่สูบบุหรี่
หลังจากที่ฉันเปลี่ยนตัวเองฉันก็กลายเป็นสาวฮอตขึ้นมาทันตาจะว่ายังไงดีล่ะ มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วเพราะฉันรักตัวเองมากขึ้นมานิดหน่อยด้วยการดูแลรูปร่าง ผิวพรรณ รวมทั้งการแต่งตัว จัดว่าเด็ดเลยแหละ หลังจากนั้นฉันก็รู้สึกชอบนิสัยที่มีแต่คนรุมล้อมฉันนะคะ แต่ฉันไม่อยากคบใครจริงๆ จังๆ ก็นะ เคยมีประสบการณ์มาก่อนดูก็รู้ว่าพวกที่เข้ามาไม่ได้หวังจะกระชับหัวใจกับฉันนี่ พวกนั้นน่ะหวังกระชับอย่างอื่นมากกว่า
ตุบ!
"โอ๊ยยยย!" ฉันเดินเหม่อลอยเพราะพวกผู้ชายกลางสนามฟุตบอลเลิกเล่นกันแล้ว ฉันเลยเดินกลับมาจะหาที่นั่งส่องผู้ต่อก็ตอนนี้ฉันเลิกเรียนแล้วนี่คะ จะทำอะไรก็ได้อีกอย่างยัยน้ำค้างเพื่อนฉันก็วิ่งตามแฟนไปโน่นแล้ว เฮ้อ... ชีวิตสาวโสดอย่างฉันมันช่างน่าสงสารจริงๆ
"พี่ครับ เป็นอะไรไหมครับ"
โอ๊ะ! ฉันลืมเลยเมื่อครู่ตอนที่ฉันเดินเหม่อลอยออกมาก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งที่ฉันไม่รู้จัก ไม่คุ้นหน้า แต่หล่อ หล่อจริงๆ หล่อมาแบบโอ้โห้แม่เจ้าโว้ย คนบ้าอะไรจะหล่อขนาดนี้ ฉันเอาแต่จ้องตาเขาแล้วคิดอะไรไปเพลินๆ จนเขาเอ่ยเรียกฉันอีกครั้งแต่ว่านะ เรียกพี่! อย่าบอกนะว่านี่รุ่นน้อง ทำไมมันน่ารักหนุบหนึบอะไรขนาดนี้ ลูกกระเดือกตอนที่เขากลืนน้ำลายลงคอมันเซ็กซี่จนหัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนตอนที่ฉันตกหลุมรักใครครั้งแรก
"เออ มะ ไม่เป็นไรค่ะ"
ฉันจะตะกุกตะกักทำไมเนี่ยทำอย่างกับไม่เคยเจอคนหล่อ ชายหนุ่มตรงหน้าที่ประคองฉันเอาไว้ส่งยิ้มหวานให้ฉันจนเผลอมองตาม เขาปล่อยมือก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนเขาจากทางด้านหลัง
"ชารีฟ มัวทำไรอยู่"
อ่า... น้องเขาชื่อชารีฟสินะ คงไม่ต้องถามแล้วละ ฉันละสายตาจากหน้าหล่อของชารีฟมองเลยไปที่เพื่อนของชารีฟที่เรียกเขาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ เมื่อครู่ และทันทีที่ฉันสบตาเข้ากับชายหนุ่มคนนั้นอยู่ๆ หัวใจของฉันก็แทบจะหยุดเต้นเสียดื้อๆ เมื่อชายหนุ่มคนนั้น...
"หล่อจนใจเจ็บ"
ฉันเผลอพูดออกมา ชารีฟก็หันมาแล้วยิ้มให้ฉัน ฉันเลยยิ้มกลับไปแก้เก้ออย่างเขินอาย ก็อายสิคะ เมื่อครู่นี้ฉันยังตะลึงความหล่อของชารีฟอยู่เลย ตอนนี้ฉันกลับอยากจะกระโดดตะครุบเพื่อนของชารีฟแทนแล้วละคะ ไม่ใช่ชารีฟไม่หล่อนะคะ แต่คนนั้นน่ะหล่อถูกใจฉันมากทั้งสองคนดูดีมากๆ เพียงแค่คนละแบบเท่านั้น ฉันอยากได้มากเลยนะผู้ชายคนนั้นมันแบบว่า อะถูกใจอีกแล้ววว หลบไม่พ้นใจหล่นอีกแล้วววว~
"น้องคะ"
อยู่ๆ ฉันก็คว้าแขนของชารีฟเอาไว้ไม่รู้ทำไม แต่เพราะอยากรู้จักเพื่อนของชารีฟจริงๆ นะ คือว่าคนอะไร แค่มองก็ได้ใจฉันไปแล้วฉันไม่ใช่คนใจง่ายนะแต่ฉันจะให้ใครก็ได้ที่ฉันถูกใจ นึกออกปะ เออ! ใจง่ายก็ได้แต่อยากได้คนนั้นจริงๆ นะ
"ครับ" ชารีฟหันมายิ้มให้ฉันอย่างน่ารักเสียดายอยู่เหมือนกันเมื่อกี้ฉันยังมองชารีฟเป็นผู้ชายคนหนึ่งอยู่เลย แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วละ ขอโทษนะต้าวความน่ารัก งื้ออยากหยิกแก้มปลอบใจ
"พะ เพื่อนน้องชื่ออะไรเหรอคะ"
"ไอ้นั่นเหรอครับ" ชารีฟชี้ไปที่คนที่ยืนมองมาที่เขาตาเขม็งแล้วหันกลับไป
"เฟลิกซ์มึงมานี่ดิ๊" โอ้วว แม่เจ้าชื่อก็เพราะ รูปก็งาม แถมยังหล่อเหลาเอาการ น่าลูบไล้ หลงใหลอยากยัดเยียดความเป็นเมียให้เลย เห็นเขาว่ากันว่าแฟนเด็กมันดีต่อใจฉันก็ชักอยากจะลองขึ้นมาแล้วสิคะ
หัวใจของฉันนังไออุ่นเนี่ยแหละ มันเต้นโครมคราม มือที่จับแขนของชารีฟสั่นเล็กๆ ฉันรู้สึกว่าขาของฉันมันก็สั่นด้วยนะ ใบหน้าของฉันมันคงแดงน่าดูเพราะฉันรับรู้ได้เลยว่ามันกำลังเห่อร้อน
สุดหล่อเฟลิกซ์เดินเข้ามาด้วยท่าทางนิ่งๆ จ้องมองมาทางฉันกับชารีฟ แต่แล้วฉันก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของชารีฟพูดขึ้นเบาๆ
"พี่ชอบมันเหรอ" ฉันพยักหน้าอย่างไม่ลังเล ก็ชอบจริงๆ นี่คะ หล่อแบบนี้ งานดีขนาดนี้ ใครจะปล่อยให้หลุดมือกัน
"ผมว่าน่าจะงานยากนะพี่" ชารีฟพูดทิ้งความสงสัยเอาไว้ให้ฉัน
"มันชอบนิ่ง เมื่อกี้มีผู้หญิงมาสารภาพรัก คนนั้นพี่เห็นไหมครับ" ชารีฟชี้ไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งน่าจะปีเดียวกับฉันนะเธอคนนั้นกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร
"มันเพิ่งปฏิเสธเขาไป มันบอกว่าไม่ชอบคนอายุมากกว่า" ไอ้ชารีฟ! แกว่าฉันแก่เหรอ ห๊ะ!
เขาเป็นทนายหนุ่มหล่อมากความสามารถที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา ฐานะทางบ้าน สังคม เรียกได้ว่าเนื้อหอมในหมู่สาวๆ ไม่ว่าจะโสด ซิง หรือมีคู่ครองแล้วหากเสนอให้เขาก็พร้อมจะสนองทุกเมื่อ สาวๆ ต่างอยากควบคุม และครอบครองเขา แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าคนอย่างเขาน่ะ 'รักสนุก แต่ไม่ผูกพัน' ก็ตาม คนอย่างเขาไม่เคยคิดหยุดอยู่ที่ใคร ความซิงไม่สามารถผูกมัดเขาได้ จนกระทั่ง... เธอเดินเข้ามาในชีวิตเขา
เธอทำให้เขารัก เธอทำให้เขาแค้น และก็เป็นเธอที่กลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขา เขาที่พยายามลืมความรักของเธอกดความเจ็บแค้นเอาไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ เธอทำให้เขารู้จักคำว่า "ทั้งรัก ทั้งแค้น" เป็นอย่างดี ในเมื่อเธอเลือกจะกลับมาเขาก็จะสาดความเจ็บแค้นคืนกลับไปให้เธอได้รู้สึก ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บช้ำที่ไม่มีวันลืมได้ลง
"ไม่ใช่ นี่มันเกียร์ฉัน!" "Oh! ขะ ... ขอโทษค่ะ ขอโทษ ก็คุณลุงไม่ให้มองมิลก์ก็กำผิดกำถูกสิคะ แล้วข้ามมาทำไมตอนรถไม่นิ่งละคะ" "ใครมันจะไปคิด ว่าเธอจะคิดทำมิดีมิร้ายกับฉันเล่า" "มิลก์เหรอคะ ที่คิดทำมิดีมิร้ายกับคุณลุงน่ะ ไม่ใช่ใช่คุณลุงเหรอคะ มาสอนมิลก์ขับรถแท้ๆ ตรงนั้นยังจะตั้งอยู่อีก"
ผอ. หนุ่มสุดหื่น พ่อปลาไหลตัวพ่อ รักและหวงความโสดยิ่งกว่าชีวิต ใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่างจนมาเจอเธอ หญิงสาวที่เขาจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้ใจเธอสักที ความอยากเอาชนะของเขามันเป็นบ่อเกิดความรักที่ก่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง