ดวงตากลมโตใสแป๋วสองคู่เบนขึ้นมามองผู้เป็นลุง โดม และดาม ปีนี้เข้าสี่ขวบเต็ม เป็นเด็กฉลาดมีไหวพริบไม่แพ้เด็กโตด้วยกันทั้งคู่ ดามถูกตั้งชื่อตามผู้เป็นลุง เพราะดามพี่ชายของฟ้ายังหาคู่แต่งงานถูกใจไม่ได้ในตอนนั้น อยากมีลูกบ้าง เมื่อดามและโดมลืมตามาดูโลกจึงขอยึดลูกแฝดคนพี่ของน้องสาวตั้งชื่อตามตนเอง
“ดามน้อย มาหาลุงสิลูก ผู้ใหญ่ถามต้องตอบนะครับ”
เรียกหนึ่งแต่มาทั้งสองคน น้องโดมเป็นเด็กเรียบร้อยแต่น้องดามตัวแสบแฝดผู้น้องทโมนกว่ามาก เพียงแค่แม่เรียก ดามก็กระโจนขึ้นไปบนโซฟา และกระโดดไปนั่งทับตักผู้เป็นลุง แหงนหน้าขึ้นพร้อมเอ่ยเสียงแจ๋ว
“มีนาบอกว่าเด็ก ๆ ทุกคนต้องมีพ่อ วันพ่อปีนี้พวกเราจะได้แสดงละครวันพ่อด้วยครับ”
“แล้วมีนาเป็นใครล่ะครับลูก ถึงต้องเชื่อในคำพูดของเธอคนนี้”
เด็กชายทั้งสองคนแอบชำเลืองมองกัน โดมยิ้มอายเล็กน้อย
“มีนาเป็นเด็กผมครับ หรือเรียกว่าแฟน”
“หา!” ฟ้าแทบจะลมจับ ลูกชายอายุเพียงสี่ขวบกลับรู้จักคำว่าเด็กในคอนโทรล โดมเรียบร้อยพูดน้อยเอาใจใส่ เป็นนิสัยสุภาพบุรุษ ลุงดามจึงไม่ห่วงแต่สำหรับเจ้าแสบน้อง ลุงกับแม่พอจะมองเห็นแววเจ้าชู้มาแต่ไกล
“ว่ายังไงล่ะครับแม่ ปีนี้งานละครโรงเรียนวันพ่อ ปาป๊าของพวกเราจะมาร่วมงานไหมครับ?”
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดามพงษ์ทราบดีว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นบีบคั้นหัวใจน้องสาวมานานหลายปี
ปริ้น... เสียงแตรรถบีบขึ้นราวเสียงระฆังเคาะช่วย
“ไปเร็วพวกเรา ไปเรียนพิเศษกัน”
สามลุงหลานเฮโลเดินกึ่งวิ่งออกไปนอกร้าน คนไม่มีลูกก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเด็ก
เช้าวันเสาร์กลางเดือนกันยายนเหลือเวลาอีกสองเดือน ดอกฟ้าจะทำเช่นไรให้ความหวังของลูกไม่ถูกดับฝันลงไป
ร่างเล็กมองดูพี่ชายจัดแจงส่งลูกฝาแฝดของเธอขึ้นรถรับส่งแล้ว
โดมฝาแฝดผู้พี่ มีนิสัยเรียบร้อยสุภาพ เป็นนิสัยส่วนที่คล้ายคลึงตนที่สุด
ส่วนดามน้อยฝาแฝดผู้น้องซุกซนเจ้าเล่ห์ มีนิสัยกล้าหาญ และกล้าได้กล้าเสีย นิสัยนี้เหมือนผู้ชายคนนั้นราวกับพิมพ์เดียว
ผู้ชายสารเลวที่ทำให้ตนต้องกลายเป็นซิงเกิลมัม!
ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน
ผมเปียสะบัดไกวประดับร่างเล็กบอบบางของหญิงสาวแรกรุ่น ดอกฟ้า สุทธิประสาน นั่งเล่นอยู่ในห้องของตนเอง บนโต๊ะมีหนังสือเรียนวิชา ที่ตนไม่เคยชอบกางอยู่ ทั้งที่เอาตำราออกมากางอยู่แท้ ๆ แต่หูของเธอกลับตั้งใจฟังเสียงพูดคุยของคนที่อยู่อีกฟากห้อง
ห้องนอนของเธอกับพี่ชายอยู่ติดกันมาตั้งแต่เริ่มแยกห้องนอนกับบิดามารดา
สิบหกปีก่อน อุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เธอและพี่ชายกลายเป็นเด็กกำพร้า พ่อและแม่ของทั้งคู่ขับรถเข้าประสานงากับรถยนต์อีกคันก่อนถึงบ้าน
ในขณะที่ตอนนั้นดามพี่ชายของเธออายุได้เพียงเจ็ดขวบ ส่วนเธอยังเป็นเด็กเล็กวัยสี่ขวบเศษเท่านั้น การจากไปอย่างกะทันหันของพี่ชายทำให้อาผุดผ่องต้องรีบบินกลับมาเมืองไทย ลาออกจากงานประจำที่นั่นเพื่อกลับมาดูแลหลาน ๆ
โชคดีที่พ่อและแม่ของทั้งคู่เป็นคนมองการณ์ไกลขยันทำงานเก็บเงิน จึงมีทุนรอนตั้งเป็นร้านเบเกอรีเล็ก ๆ อยู่ในทำเลทองของย่านสุขุมวิท
ทุกวันเสาร์ด้านหลังของบ้านมีประตูไม้บานเล็กซึ่งต่อเชื่อมเข้าไว้กับบ้านอีกหลังหนึ่ง บ้านของเพื่อนรักของพวกเขา กิติและดาราพรซึ่งประกอบกิจการร้านอาหารไทยแท้ดั้งเดิมของภาคกลาง
นับเป็นการทำธุรกิจที่เกื้อหนุนกัน เพราะเมื่อมีแขกจากทางร้านอาหารสอบถามหาขนมหวานและเบเกอรี ทั้งสองร้านต่างอุดหนุนกันและกัน แนะนำให้อีกฝ่ายได้รับลูกค้า
สัมพันธภาพที่ไม่ว่าจะมองทางใดก็เต็มไปด้วยความจริงใจเอื้อเฟื้อ ทำให้ลูกหลานของทั้งสองบ้านมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน กระทั่งกลายเป็นความผูกพันลึกซึ้ง
ดามพงษ์พี่ชายของดอกฟ้าหัวดีเรียนเก่ง โดยเฉพาะวิชาคำนวณ หากไม่ใช่เพราะพ่อกับแม่เสียไปแล้ว เชื่อว่าคงได้ไปเรียนในสาขาที่ชื่นชอบและทำงานตรงสายในอนาคต
แต่ตอนนี้อาผ่องกำลังประสบปัญหาสุขภาพและอาเขยภาคิไนยแบกรับค่าใช้จ่ายในบ้านเพียงคนเดียว หวังเพียงให้หลานสองคนเรียนจบ เพื่อเดินออกสู่โลกกว้างอย่างแข็งแรงปลอดภัย
ในห้องของพี่ชาย เสียงของพี่ชายพูดค่อนข้างดังกว่าเสียงของใครอีกคนที่เธออยากได้ยิน คีรินอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพี่ชาย
ใบหน้าของเขาเรียวยาว ผิวกายขาวสะอาด เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นใกล้เรียนจบมหาวิทยาลัย รูปร่างของคีรินสูงใหญ่ มีส่วนสูงถึงร้อยแปดสิบเซนติเมตร สำหรับในหมู่เด็กสาวแล้วดอกฟ้ากลายเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุด เพราะได้อยู่ใกล้ทั้งพี่ชายและคีริน
สุภาพบุรุษสุดฮอตของแผนกสถาปัตยกรรม!
“ไอ้คี มึงจำน้องเมย์ได้ไหม?”
คีรินขยับตัวเล็กน้อย เขาเหยียดขาออกไปเต็มที่จนปลายเท้าดันไปถูกแผ่นหลังของดามที่นั่งอยู่ปลายเตียง ช่วงขายาวของเพื่อนรักกินพื้นที่บนเตียงของดามไม่พอ ยังเหยียดปลายบาทาอันน่ารังเกียจมาโดนแผ่นหลัง
ดามเอี้ยวกายหันกลับมาจากโต๊ะเขียนแบบ สีหน้าหงุดหงิด
“ไอ้เวร มึงไม่ถีบกูมาเลยล่ะ ตีนมึงน่ะเก็บ ๆ บ้าง แล้วนั่นก็เตียงกูด้วย!”
คีรินกระตุกยิ้มนอนหลับตาฟังเสียงเพื่อนรักบ่น
“มึงจะบ่นไรนักวะดาม บ่นเป็นคนแก่ กูหนีมาหามึงนี่ก็เพราะกูเบื่อพ่อกู มานี่ยังมาเจอมึงอีกคน ขี้บ่นจริง ๆ ระวังเหอะหน้าจะแก่ เหี่ยว และก็ย่น”
“ก็มึงเอาแต่เที่ยว พ่อแม่มึงจ้างลูกจ้างเต็มร้าน มึงไม่ไปช่วยเขาคิดเงิน เก็บเงินบ้างวะ อาพรก็เริ่มบ่นปวดขา เขาอยากให้มึงหาลูกสะใภ้ให้เขาสักทีจะได้มีคนช่วยงาน”