กรุงเทพฯ มหานคร ตอนเช้า ที่ห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ เสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างลูกสะใภ้กับเพื่อนสาวของหล่อนที่อยู่ปลายสาย ทำให้ พ่อเลี้ยง ‘เพลิง’ ถึงกับชะงัก ต้องแอบฟังอย่างเสียมารยาท เพราะมันเหมือนเป็นการหยามเกียรติของลูกชายจนเขาทนไม่ได้
พ่อผัวในความลับ
กรุงเทพฯ มหานคร
ตอนเช้า ที่ห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ เสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างลูกสะใภ้กับเพื่อนสาวของหล่อนที่อยู่ปลายสาย ทำให้ พ่อเลี้ยง ‘เพลิง’ ถึงกับชะงัก ต้องแอบฟังอย่างเสียมารยาท เพราะมันเหมือนเป็นการหยามเกียรติของลูกชายจนเขาทนไม่ได้
“ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปฉันลงแดงตายแน่ๆ… ไม่ไหวแล้วนะยัยเกด ฉันเบื่อผู้ชายที่ลีลาบนเตียงจืดชืดสุดจะทน”
‘ยูมิ’ ลูกสะใภ้ของเพลิง ระบายความในใจกับเกดสุดาที่อยู่ปลายสาย
“เฮ้ย… ใจเย็นๆ ยูมิ… เรื่องแบบนี้แกกับพายน์ต้องเปิดใจคุยกันตรงๆ… ไม่งั้นชีวิตคู่แกล่มแน่ๆ”
เกดสุดาบอกให้เพื่อนรักใจเย็น ‘พายน์’ คือลูกชายของเพลิง สามีของยูมิ
“ไอ้พายน์มันบ้างานจนไม่มีเวลาทำการบ้านใช่ไหม”
เกดสุดาเข้าใจว่าอย่างนั้น
“โอ๊ย… ไม่ใช่แค่เรื่องทำการบ้าน อันที่จริงปัญหามันเยอะกว่านั้น… ”
กล่าวอย่างเสียอารมณ์ ยูมิกำลังจะบอกในสิ่งที่คนอื่นๆ ไม่เคยรู้
“เยอะ… ยังไงอ่ะยูมิ… ฉันไม่เข้าใจ”
เกดสุดานึกสงสัย
“บอกตรงๆ ว่าตั้งแต่มาอยู่กับพายน์ที่เมืองไทย ไม่มีสักครั้งที่ฉันจะมีความสุขกับเรื่องบนเตียงอย่างเต็มที่ นอกจากลีลาจะจืดชืดไร้รสชาติ… พายน์ยังเล็กและสั้นโคตรๆ… แล้วยังหลั่งเร็วสุดๆ… ”
ความอัดอั้นของยูมิพรั่งพรูออกมาจนสิ้น เรื่อง ‘เล็ก’ และ ‘สั้น’ อันที่จริงก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะว่ายูมิชอบให้เบิร์น หล่อนมีความสุขกับการเสร็จสมคาลิ้น แต่ทว่าพายน์ก็ไม่ใช่สายเบิร์นอย่างที่ยูมิต้องการ
“โห… ขนาดนั้นเลยหรือวะ”
เกดสุดาตกใจ
“ก็เออสิวะ”
ยูมิตอบ ถึงขนาดนี้คงไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอีกแล้ว
“ใจเย็นๆ ยูมิ… ทุกอย่างย่อมมีทางออก”
เกดสุดาให้กำลังใจเพื่อนรัก
“ฉันไม่รู้ว่าจะอดทนได้อีกกี่วัน… นี่ฉันตัดสินใจแล้วนะ… ว่าจะกลับไปอยู่กับแม่ที่ญี่ปุ่น”
ยูมิเป็นลูกครึ่งที่เกิดจากแม่ญี่ปุ่นและพ่อคนไทย
“ใจเย็นๆ เพื่อน… ”
เกดสุดาคุยกับยูมิต่อมาอีกครู่ใหญ่ๆ ก็ตัดสาย เพลิงรีบเดินออกไปจากหลังประตูห้องรับแขก ก่อนที่ลูกสะใภ้จะรู้ว่ามีคนแอบฟังเสียงสนทนาทางโทรศัพท์
อีกสัปดาห์ต่อมา
“อย่าไปนะพายน์… ถ้าพายไปเราเลิกกัน”
ยูมิยื่นคำขาด ในวันที่พายน์ตัดสินใจจะต้องเดินทางไปดูงานที่เวียดนามหนึ่งสัปดาห์ หลังจากบริษัทผลิตรถยนต์แบรนด์ดังของญี่ปุ่นเลื่อนตำแหน่งให้พายน์ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมขายของเมืองไทย
“อย่าบ้าน่ะยูมิ… นี่เป็นโอกาสดีของผม โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ คุณรู้ไหมว่าผมต้องใช้ความพยายามสักแค่ไหน ต้องบริหารทีมเซลล์อย่างเหนื่อยหนักขนาดไหนจนทำยอดขายแซงทีมอื่น จนผมได้รับการโปรโมทขึ้นเป็นผู้จัดการทีมขาย”
พายน์อธิบายถึงเหตุผลที่เขาจะต้องเดินทางไปดูงานที่เวียดนาม และยืนยันว่าเขาจะไม่ปฏิเสธตำแหน่งผู้จัดการเด็ดขาด
“ตอนนี้ชีวิตคุณมีแต่งานกับงาน แล้วยูมิล่ะ? ตอนนี้ยูมิแทบไม่มีค่าอะไรในสายตาของคุณ… ถ้ารู้ว่ามาอยู่กับคุณที่เมืองไทยแล้วเป็นแบบนี้… ยูมิจะไม่มาเด็ดขาด”
ยูมิร้องไห้ น้ำตาไหลพราก พายน์นึกตอบในใจว่าถ้ารู้ว่ายูมิจะเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้ เขาจะไม่ชวนหล่อนมาด้วยอย่างเด็ดขาด ตอนแรกที่เจอกันนั้นยูมิอยู่ญี่ปุ่น ได้เจอกับพายน์ก็เพราะว่าพายน์ไปทำงานที่นั่น หลังจากคบหาดูใจกันได้ไม่นาน พายน์ก็ชวนยูมิกลับมาอยู่เมืองไทย ใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่ได้แต่งงาน
“พายน์… หนูยูมิ… มีอะไรกัน”
เพลิงผ่านมาได้ยินเสียงดังในห้องคล้ายคนกำลังทุ่มเถียงกัน จึงเข้ามาถามด้วยความห่วงใย
“ก็พี่พายน์น่ะสิคะคุณพ่อ… ฮือๆ พี่พายจะหนียูมิไปเที่ยวเวียดนาม… ไปนานเป็นอาทิตย์เลยค่ะ”
สะใภ้รีบฟ้องพ่อผัวเมื่อได้โอกาส
“อ๋อ… เรื่องนั้นน่ะเอง เจ้าพายน์มันไม่ได้ไปเที่ยวหรอกนะ มันไปดูงานน่ะ”
เพลิงรู้เรื่องนี้มาหลายวันแล้ว จากปากของพายน์
“ดูสิ… พ่อเพลิงเข้าข้างลูกชาย”
ยูมิทำหน้าง้ำ
“พ่อไม่ได้เข้าข้าง… แต่มันเป็นความจริง ใจเย็นๆ นะหนู… ค่อยๆ พูดกัน”
“โธ่… แล้วตอนที่พายน์ไม่อยู่ ยูมิจะอยู่ยังไงคะ”
ยูมิทำท่าเหมือนเด็กๆ จ้องมองพ่อสามีด้วยแววตาตั้งคำถาม
“ก็อยู่กับพ่อไง… ในระหว่างที่เจ้าพายน์ไม่อยู่ พ่อจะดูแลหนูเอง”
เพลิงปลอบเท่าที่จะคิดได้ ยูมิยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา ร่ำๆ ว่าจะกลับญี่ปุ่นแล้วไม่กลับมาอีก
“ใจเย็นๆ นะยูมิ”
เพลิงมองตามเรือนร่างเอิบอิ่มที่ก้าวยาวๆ หนีเข้าห้องไปด้วยอาการกระฟัดกระเฟียด
“นี่ถ้ารู้ว่าแต่แรกว่ายูมิจะเป็นแบบนี้… ผมจะไม่ชวนมาเด็ดขาด”
พายน์เอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด นึกย้อนไปถึงวันที่เขาตัดสินใจชักชวนหล่อนมาอยู่ด้วย
“เอ็งก็ใจเย็นๆ… ตอนอยู่ญี่ปุ่นหนูยูมิถูกเลี้ยงดูมาอย่างคุณหนูที่ถูกตามใจจนเคยชิน คงต้องใช้เวลาสักพักในการปรับตัวเข้าหากัน”
เพลิงว่า
“ผมคิดว่าผมได้พยายามปรับตัวแล้วนะครับคุณพ่อ… ตอนนี้ผมรู้แล้ว… ว่าเรามีอะไรหลายๆ อย่างที่เข้ากันไม่ได้”
พายน์ไม่ได้บอกออกมาตรงๆ ว่าเรื่องที่ ‘เข้า’ กันไม่ได้นั้นคือเรื่องอะไรกันแน่ แต่เพลิงรู้… เพราะว่าเคยแอบได้ยินที่ยูมิคุยกับเพื่อนสาวเมื่อหลายวันก่อน
อีกสัปดาห์ต่อมา
เพลิงเดินทางไปดูงานที่เวียดนามได้สองวันแล้ว ทิ้งให้ยูมิต้องเหงาอยู่บ้านเพียงลำพัง หล่อนพยายามหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาในแต่ละวันที่ผ่านไปอย่างเชื่อช้าน่าเบื่อหน่าย เพื่อไม่ให้ตัวเองว่าง แต่ก็ยังไม่หายจากอาการเหงาแปลกๆ ที่เกาะกุมรุมเร้าอยู่ลึกๆ ในอารมณ์จนกลายเป็นความหงุดหงิดเงี่ยนหงี่ไปโดยไม่รู้ตัว
“จะไปไหนแต่เช้าจ๊ะยูมิ”
เพลิงที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ที่เทอเรสหน้าบ้าน ตะโกนถามสะใภ้ด้วยความสงสัย ที่วันนี้เห็นยูมิทำท่าว่าจะออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า ทั้งที่ปกติมักจะออกไปตอนบ่าย
“ยูมิรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวค่ะคุณพ่อ… เมื๊อยเมื่อยค่ะ ว่าจะไปนวดผ่อนคลายที่สปา”
สะใภ้หันมาบอกพ่อผัว
“วันนี้พ่อก็อยู่ว่างๆ… หนูยูมิอยากจะลองให้พ่อนวดดูบ้างไหมล่ะ… เมื่อก่อนพ่อเคยศึกษาเกี่ยวกับการนวดแผนโบราณมาบ้าง”
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ………. นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง *เราเตือนท่านแล้ว*
ทีปต์อุทานเบาๆ กับภาพที่เห็น… มาลิลล์กำลังนอนหงายอยู่บนเตียง ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โดยมีหมอนสีขาวสองใบรองไว้ที่แผ่นหลัง ทำให้สองเต้าคัพเอฟอวบใหญ่มหึมา นูนเด่นอวดสายตาของทีปต์ และสิ่งที่ทำเอาเลือดกำเดาของทีปต์แทบสาดทะลักออกมา ก็คือของดีที่กำลังเปิดเปลือยอยู่ระหว่างเข่าสองข้างตั้งชัน มือข้างหนึ่งจับกล้วยหอมดุนดันเข้าออกเป็นจังหวะ “อ่า… ลุงทีปต์จ๋า กระแทกหนูเถอะค่ะ… อูย… ของลุงใหญ่เหลือเกิน… ซี้ดดดด… เห็นแล้วอยากสุดๆ” มาลิลล์หลับตาพริ้ม…
“ไม่ให้เลียข้างล่าง... งั้นผมดูดข้างบนนะที่รัก” อดัมส์ยังมีอารมณ์ขี้เล่น แม้ในตอนจะร่วมรัก เขารีบผละออกมาจากง่ามขา จูบไซ้ขึ้นมาที่ท้องน้อย กระทั่งถึงเต้านมของหล่อน ครอบริมฝีปากดูดเลียอย่างโหยหาเอาเป็นเอาตาย “อุ๊ย... วันนี้คุณดำซาดิสม์จัง” อรทัยสะดุ้งเฮือก เมื่อทรวงอกอวบโดนมือใหญ่ของสามีบีบขยำอย่างแรง จากนั้นก็เกลือกใบหน้าฟอนฟัดอย่างไม่ลืมหูลืมตา อรทัยเสียวซ่านสุดๆ รีบบีบนมยัดปากเขาที่ค้อมลงมาดูดเลียหัวนมอย่างตะกละตะกลาม อดัมส์ดูดเลียสลับไปมาระหว่างยอดอกทั้งสองข้างเสียงดังซ่วดๆ เหมือนกำลังซดกลืนของอร่อย ทำเอาสาวน้อยที่แอบยืนดู เกิดอาการเสียวซ่านขึ้นมาที่ยอดอกของตัวเองอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้ รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังโดนพี่เขยดูดนม
แก้วตาพึมพำในใจ มองพี่เขยจัดหนักพี่สาวของหล่อน ยิ่งมอง… ก็ยิ่งตื่นเต้นมีอารมณ์ หน้าขาหนีบแน่น บิดไปบิดมาจนรู้สึกได้ว่ามีน้ำหล่อหลื่นเหนียวๆ หลั่งชุ่มออกมาแฉะแพนตี้ตัวน้อย พอเอามือเอื้อมลงมาแตะที่ง่ามขา ก็รู้ว่ามีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มเป็นยางย้อยติดนิ้ว ‘อุ๊ย… ’ แก้วตาตกใจ หลังจากแอบดูจนน้ำเดิน ด้วยภาพที่เกิดขึ้นในห้องนอน อยู่ห่างจากสายตาของหล่อนเพียงช่วงแขนกระมัง จึงเห็นทุกอย่าง ชัดเจนเต็มสองตาทั้งภาพทั้งเสียง คมชัดปานว่ากำลังมองผ่านจอภาพระบบเอชดี “อ๊าย... ผัวจ๋า... เมียเสียว... เมียทรมาน” ใบหน้าของลีนาบิดเบะ สะบัดไปด้วยความซ่านสยิว ก้นอวบขาวดีดเด้ง แอ่นส่ายไปตามอารมณ์กระเจิดกระเจิง โดนกระแทกกระทั้นดุเดือดขนาดนี้ไม่ว่าเป็นใครก็คงเคลิบเคลิ้มไม่ต่างจากหล่อน ลีนาเปล่งเสียงร้องครางออกมาตลอดเวลาที่ท่อนเอ็นคัดแข็งเป็นลำเหมือนดุ้นมะระจีนใหญ่ๆ ของสามีกระแทกใส่จนมิดสุดโคนพวงสวรรค์ บลั่กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
“ไม่ไหวแล้วครับ… ผมแข็งแทบระเบิดแล้ว… ไม่เชื่อก็ลองจับ… ” บอสหื่นดึงมือข้างหนึ่งของเลขามาทางด้านหลังเธอจึงต้องไล้ลูบสัมผัสความเป็นชาย ใหญ่ยาวน่าสะพรึง ยิ่งลูบไล้ของเขา… มือเธอยิ่งสั่น ใบหน้าร้อนผะผ่าว ความเสียวซ่านแล่นวาบเข้ามาตรงกึ่งกลางกาย ใจเต้นระทึก มือยังจับท่อนเนื้อยาวใหญ่ของบอส ใหญ่มากจนมือกำไม่รอบ
“ซี้ด... เสียวเหลือเกิน... อ๊า... ” ปั้นหยาทรมาน ใบหน้าบิดเบะเหมือนจะขาดใจ แต่ก็ไม่อยากให้เขาหยุด ไทเกอร์เหลือบตาขึ้นมองใบหน้าซ่านเสียว ขณะเสียบลิ้นลงในรอยแยก กระตุ้นความเสียวซ่านทะยานขึ้นตามระดับของอารมณ์โลดแรง หล่อนยิ่งร้องคราง เขาก็ยิ่งกระดกลิ้นรัวๆ
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้