ในคืนแต่งงานคนรักถูกสังหาร และนางถูกจับเป็นเชลยแขวนป้ายรับแขก ชีวิตนับจากนี้ของแพทย์หญิงซึ่งย้อนเวลามาอยู่ในร่างสตรีแสนอาภัพ ต้องหลบหนีให้พ้นเงื้อมมือทรราช ผู้เป็นทั้งบิดาเด็กในครรภ์ และพ่อสามี!
ในคืนแต่งงานคนรักถูกสังหาร และนางถูกจับเป็นเชลยแขวนป้ายรับแขก ชีวิตนับจากนี้ของแพทย์หญิงซึ่งย้อนเวลามาอยู่ในร่างสตรีแสนอาภัพ ต้องหลบหนีให้พ้นเงื้อมมือทรราช ผู้เป็นทั้งบิดาเด็กในครรภ์ และพ่อสามี!
ค่ายทหารตระกูลตง ณ เมืองเหนี่ยว
หญิงสาวพยายามตั้งสติตนให้ได้เร็วที่สุด พร้อมรวบรวมพลังเพื่อปกป้องร่างกายใหม่จากคนพาล อีกฝ่ายส่งความใหญ่โตเข้ากระแทกกระทั้นส่วนบีบรัดอย่างรุนแรงราวกับจะทำให้ร่างกายบอบบางแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
อ๊ะ...อื้อ... มะ ไม่...ไหว
เธอร้องประท้วง ทว่าเหตุใดเสียงถึงไม่ได้เล็ดลอดออกจากริมฝีปาก ราวกับหญิงสาวนั้นเป็นใบ้
คราแรกเธออยู่ในท่าคุกเข่าและหันหลังให้อีกฝ่าย ดูเหมือนเป็นสุนัขตัวเมียก็มิปาน ซึ่งคนผู้นั้นได้ซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง มือหนึ่งรวบผมยาวนางเป็นหางม้า แล้วดึงกระตุ้นให้เธอเคลื่อนไหวร่างกายไปมา
ส่วนอีกมือตบตีบั้นท้ายเธอเพื่อเป็นการออกคำสั่งให้เคลื่อนร่างกายเร็วขึ้น แรงขึ้น ตามความปรารถนาของเขา เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังเผียะๆ ๆ กึกก้องในหู
อนิจจาเธอเจ็บระบมไปหมด นั่นหมายความว่า อีกฝ่ายกระทำกับเธอราวกับเป็นเครื่องมือสนองตัณหา มิได้ใกล้คำว่าคนรัก หรือภรรยา อย่างที่เธอควรจะได้รับตำแหน่งนั้น
ที่น่าประหลาด เธอมั่นใจเรื่องราวเหล่านี้เป็นความฝัน ทว่ามันคือความฝันที่ยาวนานยิ่งนัก และดูคล้ายความจริงจนชวนให้หวาดกลัว อีกทั้งทุกความรู้สึกพร้อมสัมผัสแสนหยาบคาย ระคนความป่าเถื่อน ทำให้เธอสะอิดสะเอียด ทั้งมีความต่อต้านตลอดเวลา
กระทั่งเธอไม่อาจฝืนคุกเข่าในท่าทางคล้ายสุนัขได้อีกต่อไป ร่างกายหมดแรงลงจึงคิดนอนราบไปบนพื้น แต่เป็นเขาที่จับตัวพลิก แล้วจัดท่าทางให้นอนหงายหันหน้าเผชิญกัน
คนตัวโตแยกขาเรียวให้กว้างจนเผยให้เห็นทุกซอกทุกมุมอันบริสุทธิ์ คนผู้นี้พรากความสาวอันงดงามจากเจ้าของร่างที่วิญญาณของ เป่าเหลียน เข้ามาอาศัย
และเป็นเพราะเธอยังคงหลับตาปี๋ ด้วยไม่อาจสู้หน้าอีกฝ่ายได้ จึงไม่อาจล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครที่กำลังทำเรื่องอัปยศให้เธอต้องเสียขวัญ และอยู่ในสภาพน่าอับอาย
อย่างไรก็ถาม ยามนี้แม้จะรู้สึกซ่านสยิวเล็กๆ แต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ เธอถูกข่มเหง คำนี้คงกล่าวได้ถูกต้องที่สุด
กลิ่นเหงื่อจางๆ ผสมกลิ่นสุรา และเสียงสบถหยาบคาย รวมถึงการคำรามหลายหนติดต่อกันทำให้เป่าเหลียนนึกว่าตนจะต้องตายอีกหน ทว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น เธอยังรองรับอารมณ์คนตัวโตที่สาดไอร้อน และแรงปรารถนาสู่ร่างกายงดงามไม่หยุด
จวบจนเขาหยุดเคลื่อนสะโพกเข้าออก และพินิจร่างที่ตนเองขึ้นคร่อมอยู่ ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวจัด
“บัดซบ ใครส่งเจ้ามาหลอกลวงข้า ฮึ โง่เขลานัก ถูกป้อนน้ำแกงเพิ่มกำหนัดด้วยหรือ มิน่าถึงไร้อารมณ์ ข้าบอกให้ร้องคราง และหวีดเสียงเหมือนจะขาดใจตาย ทำไมเป็นรึไง!”
นี่คือคำหยาบคายที่เขาเอ่ยกับเธอ ก่อนโถมร่างสูงใหญ่เข้าใส่อย่างคนเถื่อน ไร้ความเมตตา
น้ำตาหญิงสาวไหลออกมาอีกระรอกใหญ่ ทั้งต้องกัดฟันอดทนต่อสิ่งที่เขากระทำซ้ำๆ ในการเคลื่อนไหวขาที่สามอันแข็งแกร่งของบุรุษ
“บัดซบ คณิกานางนี้ยังบริสุทธิ์ ข้าบอกแล้วใช่ไหม ให้เลือกคนที่เป็นงาน และไม่สำออยเข้ามารับใช้ แต่นางทั้งอ่อนแอ ไม่ได้เรื่อง หึๆ ๆ ข้าจะริบเงินเดือน และให้อดข้าว จากนั้นจับพวกผู้คุมที่ดูแลสตรีแขวนป้ายขังให้หมดทุกคน”
เขาต่อว่าลูกน้องจบ ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยเธอให้หายใจได้สะดวกหรือพักผ่อนร่างกายที่บอบช้ำ
อึดใจเดียวกัน เขาใช้ปากบนยอดหน้าอกเธอ ทั้งดูด เม้ม แล้วขบ พอเธอตอบโต้ด้วยการข่วนร่างกายเขา การกัดรุนแรงก็เริ่มต้น ซึ่งก่อนหน้านี้หญิงสาวได้แสดงพฤติกรรมเยี่ยงสุนัขบ้า ด้วยขณะที่เขาต้องการจูบ เธออาศัยจังหวะนั้นลงเขี้ยวคมๆ ที่แก้มซ้ายเขา
แน่นอนมันเป็นเรื่องชวนสยองใจ เพราะทำให้ชายหนุ่มได้บาดแผลทันที ทว่าเขาไม่ได้รีบห้ามเลือด กลับทำเรื่องชวนท้อไส้ปั่นป่วน นิ้วยาวๆ ปาดที่แผลเหวอะหวะ แล้วชิมเลือดของตนเอง ก่อนใช้เลือดที่เหลือแต้มจุดกลางหน้าผากหญิงสาว
“เจ้าเป็นของข้า ถึงรับใช้จะไม่ได้เรื่อง ทั้งสมองทึบเบาปัญญา แต่ข้าก็จะไม่ปล่อยให้ไปทำเรื่องเสื่อมเสียดกับผู้อื่น เฮอะ...ริอยากแขวนป้ายรับใช้บุรุษ แต่มีสภาพไร้ชีวิตชีวามิต่างกับซากศพ บอกตามตรง หากเจ้าไม่งาม และมีเนื้อนุ่มนิ่ม กับส่วนหวานฉ่ำที่หอมหวานราวน้ำผึ้ง ป่านนี้ข้าถีบกระเด็นออกจากกระโจมแล้ว” ตงเยี่ยหรงสาดอารมณ์รุนแรงออกมาด้วยคำพูด และการกระทำ นั่นเป็นเพราะเขาเสี่ยเหลี่ยมให้ศัตรู ทหารเกือบหนึ่งพันชีวิตต้องสละชีพ เมืองเล็กๆ อีกสองเมืองถูกชาวเผ่ายึดไป
ทั้งหมดคือการอ่อนด้อยขององค์ชายสี่ หลี่หว่านอี้ เขาทำตัวไร้ประโยชน์เสมอ แต่จะปล่อยให้อีกฝ่ายสิ้นชีพในต่างแดนก็มิได้ เขาจึงต้องบุกเข้าไปชิงตัว สุดท้ายคือความล้มเหลว ที่ตงเยี่ยหรงรู้สึกเป็นทุกข์ จนดื่มสุราเมามาย
ยามนี้ ในวังหลวงฮ่องเต้ก็หูเบา เหล่าองค์ชายต่างชิงดีชิงเด่น หาคนรักชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริงมิได้ ขุนนางฝ่ายบุ๋นล้วนเป็นกังฉิน ราษฎรจะจึงไร้ที่พึ่ง ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งปวดใจ
สุดท้ายเลยต้องการระบายความอัดแน่นในร่างกายออกมาให้หมด โดยหวังว่าสตรีสักคนจะมอบความสุขให้ได้ หากคืนนี้กับพบว่า หญิงสาวที่อุ่นเตียงด้วยนอกจากยังบริสุทธิ์ นางยังถูกวางยากำหนัด รู้เช่นนี้เลยไม่พอใจ นอกเหนือจากนั้น นางยังไม่รู้จักกลัวความตาย เพราะกล้ากัดใบหน้าเขาจนบาดเจ็บ
“บังอาจ เจ้าคิดว่าเป็นผู้ใด ถึงสร้างบาดแผลให้ข้า ฮึ แค่เชลยชั้นต่ำที่ถูกจับป้ายแขวนคอเป็นคณิกา”
เชลย!?
ยามนี้หลายสิ่งเริ่มปะติดปะต่ออย่างชัดเจน เธอไม่ใช่เจ้าของร่างนี้ เป็นเพียงวิญญาณที่พลัดหลงมา
เป่าเหลียนส่ายหน้า ขณะเดียวกันภาพสุดท้ายก่อนจะมาอยู่ในร่างสตรีแสนบอบบาง ย้อนให้เห็น เธอกำลังลงไปช่วยอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ที่มีคนเจ็บหลายสิบคน แต่โชคร้ายที่มีรถกระบะที่คนขับเมา แล้วเร่งเครื่องมาด้วยความเร็ว จนเกิดเหตุร้ายแรงซ้ำซ้อน รวมถึงการที่เป่าเหลียนถูกชน แล้วกระเด็นตกไปอยู่ในคลอง
จากนั้นทุกอย่างก็ดำมืด กระทั่งเธอมาอยู่ในกระโจมของคนที่ใครๆ เรียกขานเขาว่า แม่ทัพตง ซึ่งเขาก็คือตงเยี่ยหรง ครั้งหนึ่งเธอเคยพบเขา เป็นผู้ชายที่เธอเคยอ่านพบในหน้าหนังสือนิยาย อีกทั้งชอบเขา เรียกว่าคลั่งไคล้คงไม่ผิด จนคิดพลิกบทบาทให้ตัวละครนี้เสียใหม่ ทว่าพอได้เข้ามาอยู่ในเรื่องราวจริงๆ เป่าเหลียนกับอยากฆ่าตัวละครนี้ให้ตายด้วยสองมือเล็กๆ ของตน นั่นเพราะตงเยี่ยหรง... เป็นได้แค่ตัวร้ายที่บังเอิญดวงดีจับฉลากได้บทพระเอกก็เท่านั้น
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
เพียงแค่ฉันสอบตก พี่ชายตัวดีก็ถึงกับดั้นด้นไปหาครูสอนพิเศษมาให้ ตอนแรกฉันก็เบื่อ แต่พอได้เจอหน้าครูสอนพิเศษคนนั้นความคิดของฉันมันก็เปลี่ยนไป "คนอะไรน่าจับทำผัว" อุปส์! >///< ........................................................................ ความฉิบหายมันจะเริ่มมาเยือนถ้าหากเพื่อนของคุณเอ่ยขอความช่วยเหลือ ชีวิตของผมตอนแรกมันก็สงบสุขอยู่หรอก แต่พอมาเจอกับยัยเด็กที่ชื่อ 'สโนว์ไวท์' เข้า ชีวิตผมก็ไม่เคยสัมผัสกับคำว่าสงบสุขอีกเลย "ทำยังไงก็ได้ให้น้องกูเรียนเก่งขึ้นก็พอ" "เปลี่ยนสมองง่ายกว่านะกูว่า" ปกติผมเป็นคนที่นิ่งและใจเย็น แต่พอมาอยู่กับเธออารมณ์ของผมมันก็ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนคนที่ใกล้จะบ้าเต็มที "เรื่องรักอ่ะเซียน แต่เรื่องเรียนไม่รู้เรื่อง"
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
นางขอสมรสพระราชทานเพราะรัก แต่คืนแต่งงาน เขารังเกียจนางและทิ้งไป ห้าปีผ่านไปพระชายาที่ถูกลืม กลับเป็นสตรีที่เขาต้องตามจีบ และศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเขาก็คือลูกชายของตนเอง
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ฉันคืออลินา ธีรโชติ ทายาทที่หายสาบสูญไปนานของตระกูลดัง ในที่สุดก็ได้กลับบ้านหลังจากต้องระหกระเหินในบ้านเด็กกำพร้ามาทั้งชีวิต พ่อแม่รักและเอ็นดูฉัน สามีทะนุถนอมฉัน ส่วนผู้หญิงที่พยายามทำลายชีวิตฉันอย่างคีรติก็ถูกขังอยู่ในโรงพยาบาลบ้า ฉันปลอดภัย ฉันเป็นที่รัก ในวันเกิดของฉัน ฉันตัดสินใจจะไปเซอร์ไพรส์ไอศูรย์ สามีของฉันที่ออฟฟิศ แต่เขาไม่อยู่ที่นั่น ฉันตามไปเจอเขาที่แกลเลอรี่ส่วนตัวแห่งหนึ่งอีกฟากของกรุงเทพฯ เขายืนอยู่กับคีรติ เธอไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลบ้า เธอดูสดใสเปล่งปลั่ง กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขขณะยืนอยู่ข้างๆ สามีของฉันและลูกชายวัยห้าขวบของพวกเขา ฉันมองผ่านกระจกใส เห็นไอศูรย์ก้มลงจูบเธอ เป็นจูบที่แสนคุ้นเคยและเต็มไปด้วยความรักแบบเดียวกับที่เขาเพิ่งจูบฉันเมื่อเช้านี้ ฉันแอบเข้าไปใกล้ขึ้นและได้ยินบทสนทนาของพวกเขา คำขอของฉันที่อยากไปเที่ยวสวนสนุกในวันเกิดถูกปฏิเสธ เพราะเขาสัญญาไว้แล้วว่าจะเหมาสวนสนุกทั้งสวนให้กับลูกชายของพวกเขา ซึ่งเกิดวันเดียวกับฉัน “ยัยนั่นซาบซึ้งที่มีครอบครัวจนเราพูดอะไรก็เชื่อไปหมด” ไอศูรย์พูด น้ำเสียงของเขาเจือความเหยียดหยามที่โหดร้ายจนฉันแทบหยุดหายใจ “น่าสมเพชชะมัด” โลกทั้งใบของฉัน—พ่อแม่ที่แสนดีซึ่งคอยให้เงินทุนสนับสนุนชีวิตลับๆ นี้ สามีผู้ทุ่มเท—เป็นเพียงเรื่องโกหกที่ดำเนินมานานถึงห้าปี ฉันเป็นแค่ตัวตลกที่พวกเขาจับมาเล่นละครตบตา โทรศัพท์ของฉันสั่น เป็นข้อความจากไอศูรย์ที่ส่งมาขณะที่เขายืนอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงของเขา “เพิ่งประชุมเสร็จ เหนื่อยมากเลย คิดถึงนะ” คำโกหกง่ายๆ นั่นคือฟางเส้นสุดท้าย พวกเขาคิดว่าฉันเป็นแค่เด็กกำพร้าผู้น่าสงสารที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับความรัก และจะควบคุมยังไงก็ได้ พวกเขาคิดผิด และกำลังจะได้รู้ว่าผิดมหันต์แค่ไหน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY