เผชิญหน้ากับปฏิกิริยาของเจียงว่านหนิง สุยเจียงกลับไม่รู้สึกตกใจเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเกิดเขาเป็นเจียงว่านหนิง เกรงว่าเขาเองก็คงจะรับไม่ไหวเหมือนกัน
มีที่ไหนกันที่คู่หมั้นไปเปิดห้องกับคนอื่นแล้ว มาขอให้คู่หมั้นของตัวเองช่วยปกปิด
เยว่ซือ กรุ๊ปกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เยว่เซินในฐานะที่เป็นทายาทของเยว่ซือ กรุ๊ป ถูกคนถ่ายวิดีโอแบบนี้เอาไว้ มันส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นของเยว่ซือ กรุ๊ปแล้ว
ถ้าต้องการระงับเรื่องนี้ วิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือให้เจียงว่านหนิงที่เป็นคู่หมั้นตัวจริงคนนี้ออกหน้าให้
เจียงเหยียนในวิดีโอไม่ได้ถูกถ่ายเห็นหน้า แต่รอยสักที่เอวมันกลับถูกเปิดเผยออกมาให้เห็น
รอยสักนั้นมันเป็นตัวย่อชื่อของเยว่เซิน
ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยของเยว่เซิน สุยเจียงมาที่โรงพยาบาล ก็เพื่อที่จะมาถ่ายทอดเจตนาของเยว่เซิน ให้เจียงว่านหนิงสักรอยสักที่เหมือนกันกับของเจียงเหยียนที่เอว
แบบนี้กระแสคลิปวิดีโอในอินเทอร์เน็ตก็จะถูกกลบลงอย่างรวดเร็ว
สายตาที่สุยเจียงมองเจียงว่านหนิงแฝงไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่สุดท้ายกลับพูดเบา ๆ “คุณเจียง นี่เป็นเจตนาของประธานเยว่ ถ้าคุณไม่สามารถให้ความร่วมมือได้ การรักษาในสัปดาห์หน้าของคุณยายคุณ เกรงว่าจะมีปัญหายุ่งยากขึ้นมาไม่น้อย เพราะงั้น...”
คำพูดส่วนหลัง สุยเจียงไม่ได้พูดออกมา แต่เจียงว่านหนิงเข้าใจเจตนาของเขาแล้ว
หรือบอกว่าเป็นเจตนาของเยว่เซินก็ได้
เขากำลังเอายายของเธอมาข่มขู่เธอ
คุณยายจะต้องเข้ารับการรักษาสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ทั้งเจียงเฉิง นอกจากเผยเซี่ยงที่เป็นหมออัจฉริยะแล้ว ก็ไม่มีใครที่สามารถทำการรักษาให้กับเธอได้อีก
เจียงว่านหนิงไม่รู้ว่าเยว่เชินไปโน้มน้าวเผยเซี่ยงได้ยังไง
แต่เยว่เซินเอาคุณยายมาข่มขู่เธอ เธอไม่มีอะไรจะไปต่อต้านเขาได้
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที เจียงว่านหนิงก็เอนตัวนอนคว่ำลงไปบนเตียงผู้ป่วย
ช่างสักที่นั่งอยู่ด้านข้าง เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือสักเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เจียงว่านหนิงเป็นคนที่มีร่างกายพิเศษ ยาชาที่ช่างสักจัดเตรียมเอาไว้ให้ มันใช้ไม่ได้ผลกับเธอ
ตอนที่สักเสร็จแล้ว ชุดผู้ป่วยลายทางที่เธอสวมใส่ก็เปียกโชกไปหมด ใบหน้าที่เดิมทีก็ไม่มีชีวิตชีวาอยู่แล้วก็ยิ่งซีดเผือดมากขึ้น
“คุณเจียง ต้องขออภัยด้วยครับ”
หลังจากที่พูดกับคนที่อยู่บนเตียงแล้ว สุยเจียงก็ก้าวเข้าไป ถ่ายรูปรอยสักใหม่บนเอวของเจียงว่านหนิง
หลังจากที่ได้รับการตอบกลับมาจากทางนั้นแล้ว สุยเจียงถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
มองไปหาช่างสักที่อยู่ด้านข้าง สุยเจียงส่งสายตาให้กับเขา จากนั้นก็ออกไปจากห้องผู้ป่วยทันที
“คุณเจียง พักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ ตอนค่ำคนขับรถจะมารับคุณ”
หลังจากพูดจบ ก็ไม่รอให้คนบนเตียงมีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ สุยเจียงก็ออกจากห้องผู้ป่วยไปอย่างเงียบ ๆ
หลังจากที่ได้ยินเสียงปิดประตูห้องผู้ป่วยแล้ว เจียงว่านหนิงถึงได้ลืมตาขึ้นมา
รู้สึกเจ็บแสบบริเวณเอว เจียงว่านหนิงลากสังขารที่หนักอึ้ง เดินเข้าไปในห้องน้ำด้านข้าง
มองรอยสักที่เหมือนกันกับเจียงเหยียน ความเยาะเย้ยในแววตาของเจียงว่านหนิงก็ยิ่งแรงกล้ามากขึ้น รู้สึกหดหู่อยู่ภายในใจขึ้นมาแล้ว
เวลาหนึ่งทุ่ม เจียงว่านหนิงก็ปรากฏตัวขึ้นมาในงานแถลงข่าวของเยว่ซือ กรุ๊ปภายใต้การคุ้มกันของสุยเจียง
เยว่เซินเองก็มาถึงแล้วเช่นกัน
ผู้ชายหน้าตาโดดเด่น รูปร่างสูงชะลูด สวมเสื้อสูทสีดำงานแฮนด์เมด ยิ่งขับให้เขาดูสูงส่งสง่างามมากขึ้น
ตอนที่สายตามองไปเห็นเสื้อสูทบนตัวของผู้ชายคนนั้น ความดำมืดก็แวบผ่านเข้ามาในตาของเจียงว่านหนิง
เสื้อสูทชุดนี้ เป็นชุดที่เมื่อสองปีก่อนเธอใช้เวลาเดือนหนึ่งเต็ม ๆ ในการทุ่มเทแรงกายแรงใจ ตั้งแต่ออกแบบไปจนถึงการตัดเย็บด้วยตัวเองทั้งวันทั้งคืนจนเสร็จ
เธอยังจำสีหน้าดีอกดีใจตอนที่เยว่เซินได้รับเสื้อตัวนี้ได้ขึ้นใจ
แต่ว่าผ่านไปสองปีแล้ว เสื้อผ้ามันก็ยังคงเป็นเสื้อผ้าตัวเดิม แต่คนกลับไม่ใช่คนในตอนนั้นอีกแล้ว
“คุณเจียง ในฐานะที่คุณเป็นคู่หมั้นของประธานเยว่ ไม่ทราบว่าคุณจะทำยังไงกับเรื่องที่ประธานเยว่ไปเปิดห้องด้วยกันกับสาวสวยมีรอยสักเมื่อคืนเหรอครับ”
“จะทำเป็นหลับหูหลับตา หรือว่า...”
คำพูดของนักข่าวยังไม่ทันจบ ก็รู้สึกช็อกตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้าเสียก่อน
เห็นเยว่เซินยื่นมือออกไปโอบกอดเจียงว่านหนิง ขณะเดียวกันก็จงใจถกชายเสื้อของเธอขึ้นมา
รอยสักที่เหมือนกับในวิดีโอเป๊ะ ๆ ถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้ากล้องทันที
ปลายนิ้วของผู้ชายคนนั้นเย็นยะเยือก เจียงว่านหนิงเพียงแค่รู้สึกขยะแขยงตรงบริเวณที่ถูกเขาสัมผัสเท่านั้น ตอนที่เงยหน้าขึ้นมา เจียงว่านหนิงก็ถึงขนาดที่เห็นรอยจูบที่คอของเขาด้วย
กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมา เจียงว่านหนิงกัดริมฝีปาก พยายามระงับความรู้สึกพะอืดพะอมนั้นลงไป
“อาหนิง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน คุณอธิบายกับนักข่าวสักหน่อยสิ”
น้ำเสียงของเขาตอนที่พูดอ่อนโยน แต่อารมณ์ในแววตากลับเต็มไปด้วยความเสียดสี
เจียงว่านหนิงรู้สึกหงุดหงิด แต่เมื่อนึกถึงคุณยายแล้ว สุดท้ายก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ
เธอยิ้มออกมาอย่างช้า ๆ “นักข่าวทุกท่านเข้าใจผิดแล้วค่ะ คนที่อยู่ด้วยกันกับประธานเยว่เมื่อคืน ก็คือฉันเองค่ะ”
“วิดีโออื้อฉาวที่เผยแพร่ลงไปในอินเทอร์เน็ต มันคือความเข้าใจผิดค่ะ”
“ที่แท้ก็เป็นความเข้าใจผิดนี่เอง ความสัมพันธ์ของคุณเจียงกับประธานเยว่มั่นคงมากจริง ๆ ดูเหมือนว่ากำลังจะได้ยินข่าวดีในเร็ว ๆ นี้แล้วสินะ!”
ราวกับเพื่อพิสูจน์ให้กับพวกนักข่าวได้เห็น เยว่เซินกอดเจียงว่านหนิงเอาไว้อย่างสนิทสนมด้วยสีหน้าอ่อนโยน
จนกระทั่งโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของเขาดังขึ้นมา ตอนที่เห็นคำว่า ‘เหยียนเหยียน’ สว่างขึ้นมา เยว่เซินก็ปล่อยเจียงว่านหนิงออกไปทันที
โชคดีที่พวกนักข่าวแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นจะต้องเป็นข่าวอีกครั้งแน่นอน
แม้จะอยู่ห่างกันมาก แต่เจียงว่านหนิงก็สามารถได้ยินเสียงที่ออดอ้อนของเจียงเหยียน รวมถึงเสียงสนทนาที่แผ่วเบาของเยว่เซิน
เจียงว่านหนิงปฏิเสธรถที่สุยเจียงเตรียมเอาไว้ให้ เธอกลับไปยังคอนโดใจกลางเมืองคนเดียวตามลำพัง
เจียงว่านหนิงนั่งอยู่บนโซฟาริมหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานท่ามกลางความมืดอยู่นานสองนาน
มองแสงไฟมากมายข้างนอกหน้าต่าง เธอโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่ง
หลังจากที่เสียงรอสายดังขึ้นมาสามครั้ง ปลายสายก็รับสาย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรอยู่นานสองนาน
ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงหายใจที่ทุ้มต่ำดังขึ้นมาข้างหู เจียงว่านหนิงก็คิดว่าสายน่าจะถูกตัดไปแล้ว
ท่ามกลางความมืดที่เงียบสงัด เจียงว่านหนิงพูดขึ้นมาอย่างกล้ำกลืนฝืนทน “เงื่อนไขที่คุณสัญญากับฉัน ยังนับอยู่ไหม?”