ความพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียว กลับเปลี่ยนชีวิตของเขาและเธอไปตลอดกาล... เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ธีระหลงคิดว่า เธอคือใครอีกคนที่เขารักหมดหัวใจ ค่ำคืนแห่งความมืดมนผ่านพ้นไปพร้อมความบริสุทธิ์ที่ถูกพราก แต่ถึงอย่างนั้นลลิลกลับไม่แม้แต่จะเรียกร้องสิ่งใดและทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่ได้ยุติแค่ตรงนั้น เมื่อเธอรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขา...
“ยินดีด้วยนะ สาวน้อย”
“ขอบคุณพี่คินนะคะ ที่ทำให้ลิลมีวันนี้” เรือนร่างบอบบางเข้าสวมกอดคนตัวสูงกว่าด้วยความซาบซึ้งใจ
“เพราะความพยายามของลิลต่างหาก” ชายหนุ่มกอดตอบพร้อมใช้มือข้างหนึ่งลูบเรือนผมนุ่มสลวยด้วยความเอ็นดู ก่อนจะพูดต่อ
“นี่ถ้าท่านทั้งสองยังอยู่ คงภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้มากแน่ๆ”
อนาคินจ้องมองไปยังภาพถ่ายขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนังภายในโถงทางเดินของบ้านซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกในครอบครัวโดยมีเขาที่ตอนนั้นอายุประมาณสิบแปดปียืนอยู่ข้างหลัง ส่วนน้องสาวที่เพิ่งจะห้าขวบนั่งตรงกลางระหว่างบิดาและมารดา สีหน้าของทุกคนฉายชัดถึงความสุขอย่างชัดเจน
แต่แล้วในอีกสิบปีต่อมาทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป เมื่อทั้งสองเสียชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุระหว่างเดินทางไปเจรจาธุรกิจ ชายหนุ่มจึงต้องทำหน้าที่เป็นผู้บริหารโรงแรมหรูย่านใจกลางเมืองอย่างเต็มตัว รวมถึงการดูแลน้องสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเขา
“ท่านต้องภูมิใจในตัวลูกชายด้วยสิคะ พี่คินทั้งดูแลโรงแรม แล้วยังต้องมาดูแลน้องสาวคนนี้อีก” ลลิลคลายอ้อมกอดแล้วเงยใบหน้าหวานละมุนมองพี่ชายพร้อมระบายรอยยิ้มหวานจนเห็นฟันขาว
“ก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยนี่ ในเมื่อน้องสาวคนนี้ไม่เคยทำให้พี่ผิดหวัง”
“…”
“เพราะฉะนั้น วันนี้ก็สนุกให้เต็มที่ละ พี่จัดขึ้นเพื่อลิล”
“ไม่ใช่ว่าที่จัดงานใหญ่ขนาดนี้เพราะอยากเห็นเพื่อนสาวสวยๆ อ้ะ! พี่คิน ลิลเจ็บนะ” ยังไม่ทันที่ประโยคนั้นจะถูกพ่นจนจบก็โดนอีกฝ่ายส่งมะเหงกลงบนหน้าผากจนเธอต้องยกมือขึ้นคลำป้อยๆ
“คิดไปถึงไหนนะเรา พี่แค่จัดงานให้สมเกียรติของเด็กเกียรตินิยมจากฮาวาร์ดก็เท่านั้น ส่วนของขวัญไว้ให้เดือนหน้าแล้วกัน”
“เอ๊ะ ทำไมถึงนานขนาดนั้นล่ะคะ”
“เถอะน่า”
“พี่คินยิ่งทำให้ลิลอยากรู้นะเนี่ย”
“เฮ้ย ไอ้คิน ไอ้ธีร์มาแล้ว” จู่ๆ เสียงหนึ่งดังมาจากประตูทางเข้าบ้านขัดจังหวะบทสนทนาของสองพี่น้อง
“เออๆ เดี๋ยวตามไป” อนาคินตะโกนตอบกลับเพื่อนชายคนสนิททั้งที่ยังไม่เห็นหน้า ก่อนจะหันมาบอกกล่าวน้องสาวแล้วเดินออกไป
“พี่ไปก่อนนะ ไว้เจอกันในงาน”
เมื่อยืนอยู่เพียงลำพัง เสียงดนตรีเริ่มแว่วเข้ามาในหู ขณะเดียวกันก็กวาดสายตามองไปรอบๆ บ้านที่เธออาศัยมาตั้งแต่เกิดด้วยความคะนึงหาความทรงจำครั้งอดีต เพราะเหตุนี้เธอจึงเลือกจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้าน
หญิงสาวก้าวเท้ามุ่งหน้าไปยังสวนหลังบ้านที่ถูกประดับประดาด้วยไฟหลากสีสัน ทว่าระหว่างทางสายตาสะดุดกับร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็กสีดำและรองเท้าหนังวาววับสีเดียวกันกำลังยืนหันหลังท่าทางเหมือนคุยโทรศัพท์มือถือ
ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมา สิ่งของในมือกลับถูกเขวี้ยงลงบนพื้นหญ้าจนกระเด็นไปอีกทาง ทำให้คนที่ยืนมองอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัวแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวออกไปจากตรงนั้นเพื่อรวมกลุ่มกับบรรดาเพื่อนฝูง
“มีความสุขอย่างกับน้องสาวได้แต่งงานนะมึง”
คำพูดกระเซ้าเย้าแหย่จากหนุ่มแว่นอย่างเอเดย์ทำเอาสีหน้าของอนาคินเปลี่ยนมาเรียบเฉย อีกทั้งคำพูดยังแข็งกระด้างกว่าเดิม
“ลิลเพิ่งจะยี่สิบสองปี”
“แต่น้องมันก็ถึงวัยที่จะมีความรักได้แล้วนะมึง ดูอย่างพวกเราสิปีนี้จะสามสิบห้ากันแล้วยังแห้วอยู่เลย”
“หุบปากเถอะน่า” คนหวงน้องสาวแสดงท่าทางรำคาญอย่างไม่ปิดบัง แต่มีหรือที่อีกฝ่ายจะสะทกสะท้าน
“บางทีน้องสาวมึงอาจจะมีแฟนอยู่แล้วก็ได้ ใครจะไปรู้”
“ไม่มี”
“ที่มึงมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าจ้างคนไปสืบ”
“กูแค่เป็นห่วงน้อง”
“ความเป็นส่วนตัวนะ มึงรู้จักมั้ยวะ?” เอเดย์ถึงกับส่ายหน้า พลางหันไปมองแก้วตาดวงใจของเพื่อนซึ่งนั่งพูดคุยอยู่กับบรรดาเพื่อนฝูงของเธอซึ่งล้วนบินมาจากต่างประเทศด้วยกันทั้งนั้น
แต่จะว่าไป ความหวงน้องสาวเกินเหตุของเพื่อนก็พอจะเข้าใจได้อยู่บ้าง ในเมื่ออีกฝ่ายสวยหวานปานนางฟ้าขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหน้าน่าทะนุถนอม เรือนผมสีน้ำตาลแดงที่ขับให้ผิวขาวจัดของเธอยิ่งขาวผ่องเป็นยองใย
“เคลิ้มเชียวนะมึง”
เสียงนั้นเรียกสติของเอเดย์ให้หวนคืนมาอีกครั้ง แต่คนที่ชอบแกล้งเพื่อนอย่างเขาไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น
“กูจีบน้องมึงได้มั้ย”
“แดกส้นทีนกูแทนเถอะมึงอะ”
“เออๆ กูไม่กวนแล้วก็ได้ ว่าแต่ไอ้ธีร์มันหายหัวไปไหนของมันวะ”
“นั่นไง พูดถึงก็มาพอดีเลย ตายยากชิบ” อนาคินปรายตาไปยังร่างสูงของเพื่อนที่กำลังเดินเข้ามา
ธีระนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเพื่อนทั้งสองแล้วเอื้อมมือไปหยิบแก้วคริสตัลสีใสเพื่อรินหยาดน้ำสีอำพันลงในนั้น ก่อนจะกระดกดื่มอย่างเอาเป็นเอาตายไปหลายแก้ว โดยไม่ลืมหยิบบุหรี่จุดสูบราวกับต้องการระบายความอัดแน่นในใจผ่านควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมา
“เรื่องเดิมอีกแล้วใช่มั้ย” เอเดย์เปิดปากถามทันทีที่เห็นท่าทางของเพื่อนโดยมีอนาคินตามสมทบ
“มึงตัดใจเถอะว่ะ”
“พวกมึงคิดว่ากูไม่เคยพยายามเหรอ”
“ก็แล้วทำไมถึง...” อนาคินยังเอ่ยไม่ทันจบ คำตอบที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงแค่นหัวเราะก็ถูกพ่นออกมา
“เธอกำลังจะแต่งงาน”
“เฮ้ย!” คนอย่างเอเดย์ยังรู้สึกตกใจแทบไม่เชื่อหูตัวเองทำให้ธีระพูดย้ำอีกครั้ง
"เธอกำลังจะแต่งงานอาทิตย์หน้า"
“ทำไมสายฟ้าแลบขนาดนั้นวะ อย่าบอกนะว่า…”
“เธอท้อง” น้ำเสียงเบาหวิวเล็ดลอดจากริมฝีปากหยักลึก นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นฉายความเจ็บปวดออกมายากจะทานทน
ความเงียบเข้าปกคลุมจนได้ยินเสียงพูดคุยจากอีกฟากอย่างชัดเจน อนาคินที่กำลังจับจ้องอยู่ที่เพื่อนเริ่มปริปากอีกครั้ง
“แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อะไรล่ะที่ว่าดี เธอท้อง เธอกำลังจะแต่งงาน หรือเพราะผู้ชายคนนั้นไม่ใช่กู” พูดพร้อมกระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง
“มึงตั้งสติหน่อยไอ้ธีร์” เอเดย์พยายามปราม ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีสติอย่างเห็นได้ชัดจนเพื่อนต้องคอยดึงสติอยู่หลายรอบ..
หลังจากงานเลี้ยงเลิกประมาณเที่ยงคืน ลลิลเข้าห้องนอนทันที ทว่าเพราะเจ็ทแล็กทำให้เธอนอนพลิกตัวไปมาจนถึงตีสองพร้อมฟังเสียงข้างห้องซึ่งเป็นห้องนอนของพี่ชายที่มีเสียงอะไรบางอย่างเล็ดลอดเข้ามา ทำให้เธอรู้ว่าชายหนุ่มยังไม่นอนเช่นเดียวกัน
หญิงสาวลุกพรวดนั่งบนเตียง คิดว่าจะไปเคาะประตูดีหรือไม่ในเมื่อถึงอย่างไรก็นอนไม่หลับ อีกทั้งช่วงที่บิดามารดาไม่อยู่ ทุกครั้งที่เธอไม่สามารถข่มตาหลับได้จะมีพี่ชายคอยลูบศีรษะจนเธอหลับใหลอย่างง่ายดาย
ลลิลตัดสินใจเดินออกไปจากห้องนอนของตัวเองแล้วเคาะประตูเรียกชื่อเจ้าของห้อง ครั้นเมื่อลองบิดลูกบิดปรากฏว่าไม่ได้ล็อกจึงลองเปิดแล้วเดินเข้าไปโดยไม่คิดอะไรท่ามกลางแสงสลัวจากไฟหัวเตียง
“พี่คิน ลิลนอนไม่หลับ”
น้ำเสียงกระเง้ากระงอดไม่ต่างจากเด็ก ทว่าเมื่อเธอมองไปบนเตียงสีดำสนิทกลับพบเพียงความว่างเปล่า
“กลับมาแล้วเหรอ”
น้ำเสียงยานคางของใครบางคนดังขึ้นจากข้างหลังบริเวณหน้าห้องน้ำจนเธอรีบหันขวับไปมอง เสี้ยววินาทีต่อมาร่างกายกลับถูกเจ้าของเสียงนั้นสวมกอดไว้แน่นแทบหายใจไม่ออก
“อย่าไปจากพี่เลยนะ” คนที่ยืนตัวแข็งทื่อเพราะความงงงวยพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของร่างสูง
“อ้ะ! อื้อ”
แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ประคองใบหน้าเธอแล้วทาบทับริมฝีปากลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยายามสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไป กลิ่นลมหายใจทำให้เธอรู้ว่าเขาดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เข้าไปมากมายเพียงใด
"อื้อ!!" หญิงสาวพยายามผลักอีกฝ่ายให้ออกห่างจากตัว ทว่าเรี่ยวแรงของเธอแทบสู้คนเมาอย่างเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ กระทั่งจังหวะที่เผลออ้าปาก เรียวลิ้นอุ่นร้อนถูกสอดแทรกเข้าไปในที่สุด
เมื่อพี่ชายตัวดีของเธอ...พาน้องสาวของมาเฟียหนุ่มหนีไป อลิสจึงต้องตกเป็นผู้รับกรรมและรอจนกว่าน้องสาวของเขาจะกลับมา แต่ดูเหมือนว่า..การได้มาอยู่กับเขากลับทำให้เธอล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่าง ความลับ...ที่พวกเขาพยายามปกปิดเธอมาตลอด “ในเมื่อไม่ยอมบอกว่าพี่ชายของคุณมันพาน้องสาวของผมไปซ่อนไว้ที่ไหน ผมก็จะกักขังคุณไว้ที่นี่” “ก็บอกว่าฉันไม่รู้ไง” “มันก็ช่วยไม่ได้ และผมจะเอาคุณจนกว่าพี่ชายตัวดีของคุณจะโผล่หัวมา แต่ก็ไม่รับรองนะว่ากว่าจะถึงตอนนั้น อะไร อะไร ของคุณมันจะไม่หลวมไปซะก่อน” “ไอ้...” จุ๊ป อืมส์ “ฉันจะฆะ..อาส์” “หึ คุณก็เคลิ้มไปกับผมทุกครั้งอยู่ดี”
วันวิวาห์ ตกหลุมรักผู้อุปการะของเธอตั้งแต่แรกพบ หญิงสาวพยายามทำทุกอย่างให้เขาภาคภูมิใจ แต่ดูเหมือนว่าสายตาคู่นั้นจะมองเห็นแค่เพียงเด็กที่ก่อปัญหาวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน... เธอ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อก้าวข้ามเส้นบางๆ ระหว่างความสัมพันธ์ รามิล นักธุรกิจเจ้าของโรงแรมหรูอย่าง A.W.HOTEL ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับวันละหลายรอบ เมื่อเด็กที่เขาอุปการะไว้เจ็ดปีก่อนกลับมาเยือนแผ่นดินเกิดอีกครั้ง... เขา พยายามรักษาระยะห่าง แต่เธอดันชอบเข้ามาในระยะประชิด กระทั่งวันที่ทั้งสอง ตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกันครั้งแล้วครั้งเล่า... สิ่งเดียวที่เธอต้องการจากเขาคือ ความรัก แต่สิ่งเดียวที่เขาต้องการจากเธอคือ ความลับ สุดท้ายแล้วความรักที่มาพร้อมความลับมันจะลงเอยแบบไหนกัน?
เพราะ One night stand ครั้งนั้น... ทำให้นักธุรกิจหนุ่มหล่อวัยสามสิบห้า ต้องมาหลงเสน่ห์เด็กสาววัยยี่สิบเอ็ดอย่างเธอ!! "ไหนคุณบอกว่าเรื่องระหว่างเราเป็นแค่ one night stand ไงคะ" "แล้วถ้าผมไม่ได้อยากให้มันจบลงแค่นั้นล่ะ" "คะ?" "มาอยู่กับผม รับรองว่า คุณจะได้ทุกอย่างที่อยากได้" "ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย" "เพราะไม่ว่ายังไง คุณก็ไม่มีทางหนีผมพ้นหรอก..." "นี่คุณ!" "บอกว่าให้เรียกพี่ภามไง หรือถ้าไม่ถนัดเรียกที่รัก ก็ได้ แต่ถ้ายาวไปเรียกผัว เฉยๆก็ได้เหมือนกัน"
แอร์โฮสเตสสาวสวยที่คบกับแฟนมาห้าปีถูกบอกเลิกอย่างไร้เยื่อใย โดนบอกเลิกว่าเจ็บแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บยิ่งกว่าคือ.. เขาพาผู้หญิงคนนั้นมาหยามถึงที่และบอกข่าวดีที่ว่าเขาทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน! ความเจ็บปวดจากการถูกนอกใจทำให้เธอขาดสติและต้องการประชดชีวิต... จึงไปนอนกับผู้ชายที่เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งใบหน้าของเขา!!
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
‘ลู่ซิงเหยียน’ ไม่คิดเลยว่าการอาสาช่วยโจรผู้หนึ่งหลบหนีออกจากจวนเจ้าเมืองเพื่อแลกกับชีวิตของตนเองนั้น จะทำให้โชคชะตาของนางผูกติดกับ ‘เขา’อย่างไม่มีวันแยกจาก ********************* ลู่ซิงเหยียนทำงานอยู่ภายในจวนเจ้าเมืองหลิวลี่ซือในฐานะสาวใช้ เพื่อสืบหาคนร้ายที่ทำให้ตระกูลลู่ของนางถูกประหารทั้งตระกูล ทว่าวันหนึ่งมีชายชุดดำบุกเข้ามาขโมยของในจวนเจ้าเมือง เพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง ลู่ซิงเหยียนจึงอาสาช่วยเหลือโจรผู้นี้หลบหนี นางเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขา นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณ เขากลับตามตอแย วนเวียนอยู่รอบกายนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไม่รู้เป็นเพราะซาบซึ้งใจหรือชิงชังที่นางบังคับให้เขาหลบซ่อนอยู่ในถังอาจมกันแน่!!! ************************** “หมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ดวงตาเขียวปัด ฟังจากโทนเสียงคล้ายกับเป็นเสียงคำรามในลำคอเสียมากกว่า ส่วนเจ้าของคำถามบัดนี้จับจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความโกรธจัดจนแทบอยากจะกระโจนเข้ามาบีบคอ “ปัดโธ่ ท่านมีทางเลือกมากนักหรือ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าคิดได้แล้ว หากอยากหนีออกไปโดยไม่ถูกจับได้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น” แม้ปากจะกล่าวไปเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับหดเล็กยิ่งกว่าฝ่ามือ ลู่ซิงเหยียนเหลือบมองร่างสูงสลับกับถังไม้ขนาดใหญ่บนรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ยามนี้เมื่อเปิดฝาที่ปิดอยู่ออกก็ยิ่งส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนจนรู้สึกคลื่นเหียนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเห็นร่างสูงยืนแข็งค้างอยู่ในเงามืดหลังพุ่มไม้หนาทึบ มือข้างที่จับมีดกำแน่นขึ้นกว่าเดิมจนน่าหวาดหวั่น ท่าทางโกรธจัดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต คาดว่าภายในใจตอนนี้คงอยากปาดคอนางแล้วจับหมกลงไปในถังอาจมเป็นแน่ "ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ************************************** สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาแล้ววววว เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวนะคะ แนวโรแมนติกดราม่านิดๆ + เกมการเมืองหน่อยๆ ไม่ทะลุมิติ ไม่ย้อนเวลาค่ะ ไม่อิงประวัติศาสตร์และยุคสมัยใดๆ นะคะ ตัวละครและสถานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการทั้งหมดของไรท์ค่ะ