ผมจะทำจนกว่าคุณจะท้อง!
ผมจะทำจนกว่าคุณจะท้อง!
“คุณวิเวียนครับ ถึงเวลายาแล้วครับ” เสียงเข้มของบอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยขึ้น หลังจากเสียงเคาะประตูบานใหญ่ที่ดังกึกก้องไปทั่วโถงทางเดินของคฤหาสน์หลังโออ่าเงียบลง
มือข้างหนึ่งของธาวินถือถาดคริสตัลใบเล็กซึ่งมีแก้วสมุนไพรสีอำพันส่งกลิ่นฉุนจมูกวางอยู่บนนั้น ขณะยืนรอเจ้าของห้องเปิดประตูให้อย่างใจเย็น
ทว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที ชายหนุ่มกลับรีบดึงพวงกุญแจออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทสีดำแล้วไขลูกบิดผลักประตูเข้าไปทันที
ความเงียบสงัดภายในห้องบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างตามลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
บอดี้การ์ดหนุ่มวางถาดยาลงบนโต๊ะพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าของห้องอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปตรวจดูตามห้องต่างๆ ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่า
กระทั่งมาหยุดยืนที่ประตูกระจกตรงระเบียงซึ่งถูกเปิดแง้มไว้และมีผ้าปูที่นอนสีขาวผูกยึดกับราวเหล็กเพื่อใช้โรยตัวจากชั้นสองลงสู่สวนดอกไม้นานาพันธุ์ ครั้นเห็นแบบนั้นเขาจึงต่อสายหาลูกน้องของตัวเองผ่านหูฟังไร้สายทันที
“คุณวิเวียนไม่ได้อยู่ที่ห้อง คาดว่าเธอน่าจะกำลังแอบหนีไปข้างนอก เพราะฉะนั้นรีบตรวจสอบกล้องวงจรทุกจุดแล้วปิดทุกช่องทางออกให้เร็วที่สุด”
“พวกมึงรู้ใช่มั้ย? ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอแม้แต่ปลายนิ้ว คุณอาร์คไม่เอาพวกเราไว้แน่”
สิ้นประโยคออกคำสั่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มหันขวับไปมองบานประตูห้องตามสัญชาตญาณเพราะมีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น
"คุณวิเวียนเหรอครับ" ถามพลางค่อยๆ ย่างกรายเข้าไปใกล้ แต่แล้วประตูบานนั้นกลับถูกกระแทกปิดอย่างแรงตามมาด้วยเสียงล็อกของแม่กุญแจ
ปัง กริ๊ก!
“โถ่เว้ย” สบถออกมาอย่างหัวเสีย หลังจากพลาดท่าเสียทีเป็นฝ่ายถูกกักขังไว้ในห้องราวกับว่าอีกฝ่ายจงเกลียดจงชังเขาเป็นพิเศษก่อนจะต่อสายหาลูกน้องอีกครั้ง
“คุณวิเวียนยังอยู่ในพื้นที่ของคฤหาสน์ รีบหาเธอให้เจอเดี๋ยวนี้!” บอดี้การ์ดหนุ่มพ่นลมออกทางปากอย่างแรงด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
ภรรยาเด็กของเจ้านายหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว...
เรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดเดรสสั้นสีดำหอบหิ้วกระเป๋ากับรองเท้าแบรนด์เนมไว้มั่นขณะวิ่งไปยังอีกฟากหนึ่งของคฤหาสน์อย่างไม่คิดชีวิตจนก้อนเนื้อภายในอกเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความตื่นเต้น
ครั้นพอมาถึงจุดที่ต้องการก็หันซ้ายแลขวาเพื่อความมั่นใจก่อนจะระบายลมหายใจเหนื่อยหอบออกมาอย่างแรง
ตอนนี้เหล่าบอดี้การ์ดคงกำลังกระจายกันตามหาตัวเธออย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเหลือเวลาไม่มากแล้ว
ถึงยังไงคืนนี้ก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้!
เมื่อหลายวันก่อนเธอลองเดินสำรวจรอบคฤหาสน์อย่างละเอียดและบังเอิญเห็นว่ามีประตูลับที่สามารถออกไปยังตรอกถนนด้านหลังได้ซึ่งเหมาะแก่การใช้เป็นทางหลบหนีอย่างที่สุด
ไม่รอให้เสียเวลาหญิงสาวรีบเลื่อนประตูไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยวัชพืชออกแล้วก้าวข้ามเขตอย่างง่ายดายจนเธอเองยังนึกประหลาดใจกับหนทางอันราบรื่นนี้ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังแท็กซี่ที่ได้จองไว้ล่วงหน้า
“รีบออกรถเลยค่ะ”
หลังจากพาตัวเองเข้ามานั่งบนเบาะหลังคนขับได้สำเร็จก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกโดยไม่ลืมกดส่งข้อความให้บุคคลที่เธอกำลังไปหาก่อนจะปิดเครื่องมือสื่อสารทันที
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหม่อมองภาพบรรยากาศยามค่ำคืนที่ไหลเลื่อนผ่านกระจกรถด้วยความรู้สึกหนักอึ้งพลางคิดทบทวนชีวิตของตัวเองอีกครั้ง
หลังจากวิเวียนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เธอก็เข้าพิธีแต่งงานกับทายาทเศรษฐีตามความต้องการของผู้ใหญ่ที่ได้ให้คำมั่นสัญญากันไว้ตั้งแต่อดีต
ถึงแม้เธอจะค้านหัวชนฝาเพราะไม่เห็นด้วยกับความคิดโบราณอย่างการคลุมถุงชนอะไรเทือกๆ นั้น ทว่าจุดเปลี่ยนในชีวิตก็เกิดขึ้นหลังจากมารดาซึ่งเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวตรวจพบว่าเป็นโรคร้าย
หญิงสาวจึงตัดสินใจทำตามคำขอสุดท้ายของคนที่เธอรักมากที่สุดโดยการแต่งงานซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน มารดาก็ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบราวกับหมดห่วง
และตั้งแต่วันนั้นจวบจนวันนี้ระยะเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบสามปีแล้ว…
เมื่อพี่ชายตัวดีของเธอ...พาน้องสาวของมาเฟียหนุ่มหนีไป อลิสจึงต้องตกเป็นผู้รับกรรมและรอจนกว่าน้องสาวของเขาจะกลับมา แต่ดูเหมือนว่า..การได้มาอยู่กับเขากลับทำให้เธอล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่าง ความลับ...ที่พวกเขาพยายามปกปิดเธอมาตลอด “ในเมื่อไม่ยอมบอกว่าพี่ชายของคุณมันพาน้องสาวของผมไปซ่อนไว้ที่ไหน ผมก็จะกักขังคุณไว้ที่นี่” “ก็บอกว่าฉันไม่รู้ไง” “มันก็ช่วยไม่ได้ และผมจะเอาคุณจนกว่าพี่ชายตัวดีของคุณจะโผล่หัวมา แต่ก็ไม่รับรองนะว่ากว่าจะถึงตอนนั้น อะไร อะไร ของคุณมันจะไม่หลวมไปซะก่อน” “ไอ้...” จุ๊ป อืมส์ “ฉันจะฆะ..อาส์” “หึ คุณก็เคลิ้มไปกับผมทุกครั้งอยู่ดี”
ความพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียว กลับเปลี่ยนชีวิตของเขาและเธอไปตลอดกาล... เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ธีระหลงคิดว่า เธอคือใครอีกคนที่เขารักหมดหัวใจ ค่ำคืนแห่งความมืดมนผ่านพ้นไปพร้อมความบริสุทธิ์ที่ถูกพราก แต่ถึงอย่างนั้นลลิลกลับไม่แม้แต่จะเรียกร้องสิ่งใดและทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่ได้ยุติแค่ตรงนั้น เมื่อเธอรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขา...
วันวิวาห์ ตกหลุมรักผู้อุปการะของเธอตั้งแต่แรกพบ หญิงสาวพยายามทำทุกอย่างให้เขาภาคภูมิใจ แต่ดูเหมือนว่าสายตาคู่นั้นจะมองเห็นแค่เพียงเด็กที่ก่อปัญหาวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน... เธอ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อก้าวข้ามเส้นบางๆ ระหว่างความสัมพันธ์ รามิล นักธุรกิจเจ้าของโรงแรมหรูอย่าง A.W.HOTEL ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับวันละหลายรอบ เมื่อเด็กที่เขาอุปการะไว้เจ็ดปีก่อนกลับมาเยือนแผ่นดินเกิดอีกครั้ง... เขา พยายามรักษาระยะห่าง แต่เธอดันชอบเข้ามาในระยะประชิด กระทั่งวันที่ทั้งสอง ตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกันครั้งแล้วครั้งเล่า... สิ่งเดียวที่เธอต้องการจากเขาคือ ความรัก แต่สิ่งเดียวที่เขาต้องการจากเธอคือ ความลับ สุดท้ายแล้วความรักที่มาพร้อมความลับมันจะลงเอยแบบไหนกัน?
เพราะ One night stand ครั้งนั้น... ทำให้นักธุรกิจหนุ่มหล่อวัยสามสิบห้า ต้องมาหลงเสน่ห์เด็กสาววัยยี่สิบเอ็ดอย่างเธอ!! "ไหนคุณบอกว่าเรื่องระหว่างเราเป็นแค่ one night stand ไงคะ" "แล้วถ้าผมไม่ได้อยากให้มันจบลงแค่นั้นล่ะ" "คะ?" "มาอยู่กับผม รับรองว่า คุณจะได้ทุกอย่างที่อยากได้" "ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย" "เพราะไม่ว่ายังไง คุณก็ไม่มีทางหนีผมพ้นหรอก..." "นี่คุณ!" "บอกว่าให้เรียกพี่ภามไง หรือถ้าไม่ถนัดเรียกที่รัก ก็ได้ แต่ถ้ายาวไปเรียกผัว เฉยๆก็ได้เหมือนกัน"
แอร์โฮสเตสสาวสวยที่คบกับแฟนมาห้าปีถูกบอกเลิกอย่างไร้เยื่อใย โดนบอกเลิกว่าเจ็บแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บยิ่งกว่าคือ.. เขาพาผู้หญิงคนนั้นมาหยามถึงที่และบอกข่าวดีที่ว่าเขาทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน! ความเจ็บปวดจากการถูกนอกใจทำให้เธอขาดสติและต้องการประชดชีวิต... จึงไปนอนกับผู้ชายที่เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งใบหน้าของเขา!!
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
© 2018-now MeghaBook
บนสุด