ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / สาวงามที่ฉํนเก็บมาดันเป้นอัศวินจากต่างโลกซะงั้น!
สาวงามที่ฉํนเก็บมาดันเป้นอัศวินจากต่างโลกซะงั้น!

สาวงามที่ฉํนเก็บมาดันเป้นอัศวินจากต่างโลกซะงั้น!

5.0
29 บท
1.1K ชม
อ่านเลย

จากบ้านนอกคอกนา สู่สถาบันที่เต็มไปด้วยลูกคนรวย เพื่อนร่วมชั้นปีที่มีวิถีชีวิตต่างกันสุดขั้ว จนเริ่มไม่มั่นใจว่าคิดถูกหรือผิดที่เลือกเป็นนักเรียนทุนที่นี่ แต่ในวันคืนที่ท้อแท้กับการปรับตัวในสังคมใหม่ ฉันก็ได้พบกับสาวงามคนนึง แถมยังมาตัวเปล่า! (ตัวเปล่าจริงๆ นะ) สาวงามสุดแปลกที่พูดจาโบร่ำโบราณ และดูท่าจะไม่มีที่ไปจึงพลั้งปากไปว่ามาพักกับฉันไปก่อนก็ได้... แล้วก็ได้รู้ความจริงว่าเธอเป็นอัศวินสาวมาจากต่างโลก!? อะไรกันเนี่ย นอกจากเพื่อนในโรงเรียนที่หลุดโลกแล้ว ตอนนี้คนที่อยู่ในบ้านฉันก็หลุดโลกเหมือนกันเรอะ!? และแล้ววันคืนที่แสนน่าปวดหัวกับการอยู่ร่วมกับคนที่มาจากสังคมก็เริ่มขึ้น หรือบางที นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนบางอย่างสำหรับฉันก็ได้มั้ง?

สารบัญ

บทที่ 1 บทนำ การพบพาน

ยืดอก หลังตรง มองไปข้างหน้า สง่าดั่งบุปผาแสนบริสุทธิ์

นั่นคือคำขวัญโรงเรียนที่ฉันอยู่ สถาบัญโอเมกิ ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นแนวหน้าทั้งในด้านวิชาการและกีฬา อีกทั้งยังทีอีกหนึ่งความโดดเด่นไม่เหมือนใคร นั่นก็เพราะที่แห่งนี้เต็มไปด้วยลูกคุณหนูผู้มั่งมีทั้งหลาย

ไม่ว่าจะเป็นลูกเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ นักการเมืองผู้มีชื่อเสียง หรือผู้ถือครองอหังสาริมทรัพย์มากมี ล้วนส่งลูกหลานตนเองมายังสถาบันแห่งนี้ทั้งสิ้น เพราะที่นี่มีการศึกษาที่เพรียบพร้อมให้เหล่าผู้ปกครองพึงพอใจ

แน่นอนว่าแม้แต่ชนชั้นหาเช้ากินค่ำก็ใฝ่ฝันให้ลูกๆ มาเรียน แต่คงไม่มีทางรับค่าใช้จ่ายไหว…เพราะงั้นทางโรงเรียนจึงมีระบบ ‘ทุนการศึกษา’ ให้กับผู้ที่คู่ควร

และในปีนี้ ฉันก็คือผู้ชนะ

“ขอบใจจ๊ะ เอมิโกะคุง ขอโทษที่ต้องให้ช่วยจนมืดค่ำนะ”

“ด้วยความยินดีค่ะ! แค่นี้เองสบายมาก”

ฉันยิ้มตอบอาจารย์ด้วยความขันแข็ง พอดีตอนมาส่งบันทึกประจำวันก็เจออาจารย์จมอยู่กับกองเอกสาร เลยอาสาช่วยงานจนเสร็จในที่สุดซึ่งตะวันก็ลับฟ้าเป็นที่เรียบร้อย

เพราะแบบนั้นอาจารย์จึงเสนอว่าจะขับรถไปส่งที่บ้าน แน่นอนว่าฉันปฏิเสธไป

“ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหมจ๊ะ”

“ค่ะ บ้านหนูอยู่ใกล้ๆ นี้เอง สบายมากค่ะ!”

“งั้นเหรอ ระวังตัวด้วยนะ”

ฉันโบกมือลากับอาจารย์จนรถเคลื่อนผ่านไปไกล ภายใต้ท้องฟ้ามืดมิดที่มีเพียงแสงไฟจากถนน รอบตัวฉันไม่มีใครจนสัมผัสได้ถึงความวังเวง ในตอนนั้น ฉันก็ถอนหายใจออกมา

“เฮ้อออ ในที่สุดก็หมดไปอีกวัน”

เหนื่อยสุดๆ ไปเลยโว้ย!! ถึงจะอยู่โรงเรียนนี้มาได้หนึ่งเดือนก็ไม่รู้สึกชินกับบรรยากาศของที่นี่สักที เพื่อนรอบตัวต่างก็เปล่งประกายระยิบระยับจนตาแทบบอดในทุกวัน

หลังเลิกเรียนทุกครั้งไม่วายจะชวนกันไปงานสังสรรค์ที่ฉันไม่รู้จัก จนเหมือนมิติลึกลับที่น่ากลัวแล้วต้องคอยปฏิเสธเรื่อยมา เพราะงั้นวันนี้ที่เห็นโอกาสเลยขอช่วยงานอาจารย์เพื่อหลีกเลี่ยงคำชวน

และก็อย่างที่คิด ได้อยู่คนเดียวแบบนี้สบายใจที่สุดจริงๆ

“ฮึบ~ วันนี้กินอะไรดีนะ”

เห็นว่าที่ร้านสะดวกซื้อมีข้าวปั้นรสใหม่ขายด้วยนี่นะ บะหมี่สำเร็จรูปก็ใกล้หมดแล้วไปซื้อเก็บไว้ทีเดียวเลยแล้วกัน ถึงการเป็นนักเรียนทุนจะทำให้ไม่มีปัญหาด้านการเงินก็เถอะ

แต่เพราะมาเรียนไกลบ้านเลยต้องอยู่ห้องพักคนเดียวกินอะไรแบบนี้ทันสะดวกแล้วก็เร็วกว่า หลังเลือกของจ่ายเงินเสร็จสรรพก็เดินออกมาโดยที่ตายังผมมองแต่พื้นทางเดิน

จะว่าไป ในคำขวัญบอกว่าให้ยืดอกมองไปข้างหน้าสินะ ถึงมันจะสง่างามจริงก็เถอะแต่ฉันชอบที่จะมองพื้นมากกว่า ไม่ต้องเผลอสบตากับใครจนต้องทักทายกัน แถมยังได้มองไม่ให้สะดุดล้มด้วย

แถมอีกอย่าง…บางที ฉันก็รู้สึกว่าแสงจากหลอดไฟมันจ้าเกินไป สู้มองความสว่างที่สะท้อนบนพื้นสบายตากว่าเยอะ เหมือนตอนนี้ที่เห็นเพียงพื้นคอนกรีดและเงาตนเองที่ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น…เอ๊ะ!?

พอเห็นความประหลาดบนพื้นฉันก็รีบเงยหน้าขึ้นมามีอะไรอยู่บนหัว แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตาฉันมองทันเพียงแค่สิ่งเดียวนั่นก็คือ

ตูด

‘โครม!!’

มีตูดร่วงลงมาจากฟ้าและตกใส่หัวฉันจนล้มคว่ำไปกับพื้น รู้สึกถึงความหนักบนหลังจนออกแรงดันออกให้ขยับไปด้านข้าง มีความเจ็บแปร๊บที่ศอกซ้ายแต่ก็ถือว่าโชคดีที่ไม่ได้เจ็บหนักอะไร

“โอย อะไรล่ะเนี่ย…”

ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งส่ายหัวปัดความมึนที่ล้มออก มองไปรอบตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ข้างทางเดินมีต้นไม้เอนออกมาเล็กน้อย พร้อมใครบางคนที่ร่วงใส่หัวฉันนอนคว่ำอยู่เหมือนกัน

อย่าบอกนะว่าตกต้นไม้แล้วมาทับฉันพอดีน่ะ?

“อึก…”

คนที่นอนคว่ำอยู่ส่งเสียงครวนครางพลางดันร่างตัวเองขึ้นมา เลยได้เห็นชัดๆ ว่าคนที่ร่วงใส่หัวฉันเป็นหญิงสาวชาวต่าฃชาติ นุ่งน้อยห่มน้อยจนน่าตกใจ ไม่สิ เป็นเสื้อขาดนี่? แล้วที่แปะบนผ้าบางจุดนี่ เหล็ก?

เธอมองรอบตัวราวกับกำลังตั้งสติใหม่อีกครั้งจนสายตามาอยู่ที่ฉัน พวกเรายืนขึ้นมองกันครู่หนึ่งจนฉันมั่นใจ ว่าบนตัวเธอที่มีผ้าน้อยชิ้นคือชุดที่ขาดหลุดลุ่ยและมีเกราะที่แตกหักตามตัว

“หรือว่า…ข้าร่วงลงมาทับท่านหรือ?”

ข้า? ท่าน? ทำไมใช้คำพูดคำจาแบบนั้นล่ะ ไหนจะชุดเกราะอีกเป็นการคอสเพลแบบสวมบทบาทรึไงนะ ลงทุนกันจริงๆ วงการนี้

“ใช่ค่ะ เมื่อกี้คุณร่วงลงทาทับฉัน” ”

พอบอกแบบนั้นหญิงสาวก็เปิดตากว้าง และรีบก้มหัวขอโทษในทันที อย่างน้อยก็ขอโทษกันละนะไม่คิดจะเอาความอะไรอยู่แล้วด้วย รีบรับคำขอโทษแล้วดลับบ้านดีกว่า

แต่ในตอนที่กำลังจะปริปากบอกว่าไม่เป็นไร กผ้ได้ยินเสียง ‘แกร๊ก’ ดังมาจากคู่สนทนา และในตอนนั้นเอง ชุดเกราะบนตัวเธอก็หลุดออกจนหมด…ส่งผลให้เสื้อบางส่วนฉีกขาดกว่าเดิม

“กรี๊ด!! หะ หะ เห็นหมดแล้วนะคะ!”

ฉันรีบกมือขึ้นมาปิดตาตัวเองพลางชี้ไปที่หน้าอกของหญิงสาว เมื่อครู่มันถูกเกราะบดบังไว้ก็จริงแต่เมื่อไร้เหล็กกล้า เนื้อแน่นก็เด้งออกมาจนเหมือนได้ยินเสียง ดึ๋งๆ แว่วมาตามสายลม

เธอคนนั้นยกหัวขึ้นยืนตัวตรงมองอกตัวเอง แล้วทำเพียงส่งเสียง อ้อ ออกมาเรียบเฉย

“ชุดเกราะนี้ใช้มาเต็มที่แล้วค่ะ การที่ข้ายังอยู่ดีถือว่ามันได้ทำหน้าที่ตนเองลุล่วงแล้ว โปรดอย่าเสียดาย”

“ไม่ใช่แบบนั้น! ปิดด้วยสิยะ อย่ามายืนยืดอกเปลือยๆ แบบนั้นสิ!!”

“อ้อ นั่นสินะ”

ฉันเหลือบตาไปดูว่าเธอได้หาอะไรมาปิดรึยัง แล้วก็ได้เห็นว่าเธอทำเพียงใช้มือพาดอกสองข้างปิดหัวนมไว้เท่านั้น ไม่ทีชุดเปลี่ยนเรอะ! แต่จากที่เห็นก็ไม่มีสัมภาระอะไรเลยด้วยนี่นะ

“โธ่! รอเดี๋ยวนะ”

ฉันวางกระเป๋าลงแล้วเผิดคุ้ยของข้างใน โชคดีที่วันนี้มีคาบพละฉันเลยพกเสื้อวอร์มมาด้วย จึงหยิบเสื้อออกมาคลุมร่างของสาวคอสเพลตรงหน้าที่ยังทำหน้างงๆ อยู่

“ใส่นี่ไปก่อนแล้วกัน อาจจะตัวเล็กไปหน่อยนะคะ”

“แต่ตัวข้าเปื้อนนะ”

“ช่างเถอะน่า! ใส่นี่กลับบ้านไปอาบน้ำแลเวค่อยซักก็ได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าเปลือยเดินกลางเมือง!”

ให้ตายสิคิดอะไรอยู่เนี่ยผู้หญิงคนนี้ กะอีแค่เปื้อนถ้าเทียบกับโป๊มัรใช่เรื่องที่ต้องกังวลที่ไหน ฉันบังคับให้เธอสวมเสื้อวอร์มและรูดซิปปิดหน้าอกเอาไว้ แต่ยังไม่ทันจะก้มลงหยิบกางเกง เธอก็คว้ามือฉันไว้

“เดี๋ยว แผลที่ศอกท่าน…เป็นเพราะข้าหรือ?”

“ก็ใช่น่ะสิ ให้ตายเถอะไปทำอีท่าไหนถึงร่วงลงมาจากฟ้าได้ล่ะนั่น”

พอพูดขึ้นมาฉันก็ถือวิสาสะบ่นอุบอิบแล้วสะบัดมือออก แต่เธอคนนั้นก็ยังคงคว้าไปอีกครั้งจนรู้สึกกังวลว่าจะทำอะไรรึเปล่า ทว่าพอมองไปในดวงตาที่แสนจริงจังนั้นก็รู้สึกว่าไม่มีเจตนาร้ายอะไร

“ข้าต้องชดใช้ท่านยังไงรึ”

“เอ๊ะ ไม่ต้องหรอกค่ะฉันแค่บ่นไปเรื่อย”

“ไม่ได้! ข้าทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บ ถือเป็นเรื่อยร้ายแรง ตามจริงควรรับโทษสถานหนักเสียด้วยซ้ำ”

“จริงจังเกินไปแล้ว แผลแค่นี้ล้างก็เหมือนหายแล้วนั่นแหละ”

“ถึงแบบนั้นอย่างน้อยให้ข้าได้ทำแผลให้ท่านเถอะ ช่วยนำทางไปแม่น้ำล้างแผลที!”

เธอจับมือทั้งสองข้างฉันไว้แล้วขยับเข้ามาใกล้จนรู้สึกอึดอัดใจ คนคนนี้ จริงจังเกินจนรับมือไม่ถูกเลยแฮะ ทำเอานึกถึงเพื่อนในโรงเรียนเลย…

แต่ว่าเพราะได้เข้ามาใกล้เลยมองเห็นร่างกายเธอชัดขึ้น…บนตัวเธอมีบาาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เต็มไปหมด อย่างนี้นี่นี่เอง ที่ว่าเปื้อนไม่ได้หมายถึงแค่คราบสกปรก แต่หมายถึงแผลด้วยสินะ

สุดท้ายฉันก็ทำได้แค่ถอนหายใจ

“เข้าใจแล้ว งั้นไปที่สวนสาธารณะเถอะ เดี๋ยวฉันทำแผลให้เธอด้วย”

“เอ๊ะ แต่…”

“ไม่งั้นเสื้อฉันคงเปื้อนเยอะกว่าเดิม มีเลือกเปื้อนนี่ชวนให้รู้สึกไม่ดีจะตายไป”

ตามคาด พอฉันบอกจะทำแผลให้ด้วยเธอก็มีทีท่าจะปฏิเสธ แต่พอยกเรื่องเสื้อเผื้อนขึ้นมาก็ยอมอย่างว่าง่าย ถึงจะเพิ่งเจอกันแต่ก็เป็นคนที่มองออกง่ายจนน่าตกใจ

พวกเรามุ่งหน้าไปสวนสาธารณะแล้วจัดแจงใช้น้ำก็อกล้างบาดแผล แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำออก และก็ถึงเวลาของก้นกระเป๋าฉันออกโรง มีทั้งยาฆ่าเชื้อแล้วก็พลาสเตอร์ปิดแผล

พวกเราทำแผลจนเสร็จฉันก็จับสาวคอสเพลให้อยู่ในชุดวอร์มสุดคลาสสิค และในตอนนั้นเอง

‘โจ๊ค’

ก็มีเสียงท้องร้องออกมาจากผู้หญิงตรงหน้า จนแก้มนั้นแดงระเรื่องพลางกล่าวขอโทษอย่างแผ่วเบา ทำเอาฉันเกาหัวด้วยควาทมึนงงกัยคนแปลกคนนี้

“กลับบ้านได้รึเปล่า”

“ก็…เกรงว่าคงยาก”

เธอพูดแบบนั้นพลางก้มหน้าตาเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันมองดูตามตัวเธอที่ไม่มีสัมภาระอะไรติดตัวเลยสักอย่างก็พอจะเข้าใจบางอย่างได้อยู่

“ไกลเหรอ?”

สาวคอสเพลพยักหน้า อ้าา อย่างที่คิดจริงๆ ไม่มีทั้งเสื้อเปลี่ยน แล้วก็คงไม่มีเงินด้วย ถ้าบ้านอยู่ไกลคงต้องขึ้นรถไฟไปแต่ไม่มีจ่ายสินะ

ช่วยไม่ได้ คุยกันมาขนาดนี้คงกลับไปเฉยๆ ไม่ได้ ฉันคุ้ยของในถุงกับกระเป๋า แล้วยัดใส่มือของเธอ ซึ่งในนั้นมีเงินจำนวนนึงกับข้าวปั้นรสใหม่ที่เพิ่งซื้อมา

“เอ้า คิดว่าเท่านี้คงไปถึงได้นะ รีบไปก่อนหมดรถไฟเที่ยวสุดท้ายล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว”

“นี่มัน...เงินรึ?”

เหมือนว่าเธอจะตกใจที่คนแปลกหน้ายัดเงินใส่มือ ฉันจึงพยักหน้าว่าให้รับไปแล้วบอกลา ใช่ มันเริ่มดึกแล้วฉันต้องรีบกลับไปกินข้าวเคลียร์การบ้านและรีบนอน

แค่นี้ก็ใช้เวลานานเกินแล้วสำหรับการกลับบ้าน แต่หลังก้าวออกมาได้ไม่นานเธอก็ส่งเสียงทัก

“คือว่า! ขอทราบนามท่านได้หรือไม่”

ยังคีพคาร์แน่นจริงวุ่ย ถึงจะอยู่ในชุดวอร์มก็ยังพูดสำเนียงโบราณอีกเหรอเนี่ย แต่นั่นสินะ บอกชื่อไว้ก็ไม่เสียหายเผื่อเจ้าตัวจะกลับมาคืนเสื้อ

“คุโรมิ เอมิโกะ ไว้เจอกันนะคะ”

ฉันตอบชื่อเธอไปแล้วรีบวิ่งเหยาะๆ ไปทางกลับห้องพัก เป็นคืนที่ยาวนานจริงเกิดเรื่องประหลาดที่ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะได้เจอ ไม่สิ ตั้งแต่มาอยู่โรงเรียนนี้แล้วละมั้ง ทุกวันก็มีแต่เรื่องไม่คุ้นหูคุ้นตา

แต่ว่า เพราะแบบนั้นแหละเลยต้องพยายามในทุกๆ วัน หลังวิ่งเหยาะออกมาได้แป๊บนึงฉันก็หยุดเท้าแล้วเปลี่ยนเป็นค่อยๆ เดินแทน ถึงจะอยากรีบกลับก็เถอะแต่ภ้าเหนื่อยเกินจะไม่อยากทำการบ้านเอา

ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้งจนเรื่องวุ่นวายเมื่อกี้เหมือนเป็นเพียงความฝัน ในสายตายังคงมีแต่ภาพพื้นคอนกรีตที่คุ้นตา เพราะง่าเดินมาใกล้ถึงห้องพักแล้ว

ในตอนนั้นสายตาฉันที่มีเพียงเงาตัวเองก็มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา ข้างหน้า มีคนเดินสวนมา ฉันไม่คิดอะไรแล้วหลบข้างขณะที่เดินต่อ

แต่แล้ว มือฉันกลับถูกคว้าไว้ด้วยแรงที่เยอะจนรู้สึกเจ็บ แน่นอว่าพอเป็นแบบนั้นฉันก็รีบสะบัดสุดแรง

“ทำอะไรของคุณคะ!”

ฉันเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย จึงได้รู้ว่าคนที่คว้าแขนเป็นชายตัวโตที่ใบหน้าแดงก่ำ พร้อมกันนั้นกลิ่นก็ฉุนเข้ามาในจมูก อะไรเนี่ย ต่อจากสาวคอสเพลก็เจอคนเมาเรอะ!

แต่แบบนี้ท่าไม่ดีแฮะ ฉันตัดสินใจไม่รอคำตอบแล้วรีบก้าวเท้าออกมาในทันที แต่ชายคนนั้นยังคงเดินตามส่งเสียงเหม็นหึ่งออกมา

“นั่นมันเครื่องแบบโอเมกินี่ ลูกคุณหนูมาทำอะไรเวลานี้เหรอจ๊ะ”

“เสียใจด้วยนะคะฉันไม่ใช่ลูกคุณหนู ไม่มีอะไรให้ไถนอกจากบะหมี่หรอกค่ะ”

นี่ถูกหมายหัวเพราะเครื่องแบบเหรอเนี่ย!? พวกคุณหนูคุณนายมันอยู่ยากจริงวุ้ย แค่โดนคิดว่ามีเงินหน่อยก็ดึงดูดแต่อะไรแปลกๆ แล้วรึไง

แต่มือฉันก็ถูกคว้าไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ ถึงสะบัดไปก็ไม่หฃุด อีกทั้งยังออกแรงเยอะกว่าเก่าจนแขนชาไปหมด

“อย่าพูดงั้นสิจ๊ะ ถึงไม่มีเงิน แต่ก็ยังทำเรื่องสนุกๆ ได้นะ”

พูดจบ เขาก็ดึงมือฉันให้จับอกชายตัวโตที่มีแต่กล้ามเนื้อหยาบกร้าน ขนทั้งตัวฉันลุกซู่พร้อมความพะอืดพะอมเต็มลำคอ น่าขยะแขยง ทั้งกลิ่นเหล้าทั้ฃกลิ่นตัวอีกทั้งยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหื่นกาม

“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ!”

ฉันตะโกนสุดเสียงใต้แสงไฟข้างทาง บ้านทุกหลังยังคงปิดไฟเงียบสงัดไร้การตอบรัยต่อความช่วยเหลือ คนเมาหัวเราะในลำคอเย้ยหยั่นมั่นใจในชัยชนะ

“ไม่มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าหญิงหรอกนะ”

คำพูดหยอกเย้านั้นทำให้ฉันนึกเกลียดที่ตัวเองกำลังสวมชุดของสถาบันลูกคุณหนูขึ้นมา แม้ว่าจะเป็นความใฝ่ฝั่นทร่จะได้ต่อยอดอนาคต แต่หากรู้ว่าจะทำให้มาเจอเรื่องแบบนี้ฉันคงไม่สนใจ

และในตอนที่น้ำตาเริ่มรินไหลเตรียมใจกับสถานการณ์ตรงหน้า ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาแต่ไกล เป็นอีกครั้งที่ทุกอย่างเกิดจึ้นอย่างรวดเร็ว คราวนี้สิ่งที่อยู่ในสายฉันคือ

เท้า

‘โครม!’

มีเท้าเตะก้านคอของชายเมาที่กำลังแทะโลมฉันอยู่จนมือที่จับคลายลงและร่างเขาก็กีะเด็นไปชนกับเสาไฟข้างๆ มองเห็นตาขางเหลือกน้ำลายฟูมปาก ดูทรงแล้วคงสลบเหมือดไปในทันที

น่ากลัว! แรงเตะอะไรขนาดนั้น!

“ท่านคุโรมิเป็นอะไรรึเปล่า!”

เสียงใสที่เต็มไปด้วยความจริงจังนั้นดึงสติฉันอีกครั้ง คนที่เตะชายคนนั้นลอยละลิ่วคือสาวคอสเพลซึ่งแสดงสีหน้ากังวล อา…ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่ก็เปผ้นคนแปลกหน้า แตาพอเห็นเธอแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

จนขาอ่อนแรงและปล่อนตัวทรุดลงไปกับพื้น

“ท่านคุโรมิ! ชายคนนั้นทำท่านบาดเจ็บเหรอ มันต้องชดใช้!”

เธอพูดแบบนั้นพลาวมองเขม่นไปยังชายหมดสติ แล้วหักนิ้วกร๊อบแกร๊บทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ว่า มือฉันก็ยื่นไปคว้าชายเสื้อเอาไว้ แล้วหวังว่าจะสื่อไปถึง

ว่าตอนนี้ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว

“…ไม่เป็นไรนะท่านคุโรมิ ข้าอยู่ตรงนี้”

เธอพูดแบบนั้นพลางคุกเข่าลงอยู่ระดับสายตาฉันและยื่นมือมาลูบหัวเบาๆ ความกลัวทั้งหมดมลายหายไปในพริบตา ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แต่ฉันทำเพียงจับชายเสื้อสาวคอสเพลไว้จนสงบใจลงได้

“ขอบคุณนะคะ ช่วยได้มากเลย”

“ไม่เลย เทียบกับที่ท่านคุโรมิช่วยข้าไว้ไม่ได้หรอก”

เป็นคนที่จริงจังจริงๆ ทั้งที่ความจริงคำพูดนั้นควรเป็นของฉันมากกว่า แค่ข้าวปั้นหนึ่งก้อนกับเงินแค่นิดหน่อย มันเทียบกับความบริสุทธิ์ของฉันที่เกือบเสียไปไม่ได้เลย

แต่จากสายตาของสาสแปลกหน้าที่มองมานั้น…พูดไปก็คงไม่ฟัง ฉันตบหน้าตัวเองดึงสติแล้วลุกขึ้นอีกครั้ง หันไปมองชายที่น้ำลายฟูมปากอยู่ คงต้องแจ้งตำรวจแต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่อยากทำ

ฉันเดินเข้าไปใกล้ชายคนนั้นโดยที่ไม่ปล่อยมือจากสาวคอสเพล

ขอสักทีเถอะ!! ฉันกระทืบไปที่หว่างขาของเขาสุดแรงทีนึง โดยมองข้ามเสียงร้องโหยหวนแล้วโทรหาตำรวจในทันที

“เฮ้อ โล่งแล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะคะ…คุณ?”

“โอะ ขออภัยที่เสียมารยาท ข้า เซเลสทีน เดอ เมริซิก้า อัศวินแห่งราชอาณาจักร เทอเรส”

เธอแนะนำตัวเต็มยศพลางยืดอกที่น่ากังวลว่าซิปจะแตกรึเปล่า ทำเอารู้สึกเอือมเล็กน้อยว่ายังจะโรลเพลในเวลานี้อีกเกรอ

“เอาชื่อจริงสิ”

“เอ๊ะ เซเลสทีน คือชื่อจริงข้านะส่วน เดอ เมริซิก้า เป็นนามแห่งเกียรติยศที่ได้รับมาจากพระราชา หลังเป็นส่วนหนึ่งในการปราบจอมมาร”

เซ็ตติ้งเวอร์แท้! มาจากอนิเมะเรื่องไหนละเนี่ยไม่คุ้นชื่อตัวละครหรือประเทศเลย เพราะเวอร์เกินจนไม่ดังรึเปล่านะเป็นฉันก็ไม่อยากอ่านพวกรายละเอียดเยอะๆ เหมือนกัน

หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นแฟนพันธ์แท้จัดจนอยากจะโปรโมทอนิเมะสุดที่รักจนทำชุดคอสเพลเกรดต่ำที่พังเละเทะระหว่างใส่ แถมยังโรลเพลเป็นตัสบะครขั้นสุดเพื่อให้คนสนใจกันนะ…

เฮ้อ หิวแล้วเริ่ทจะเพ้อเจ้อแฮะ อยากกลับบ้านแล้วเมื่อไหร่ตำรวจจะมานะ แถมอีกอย่าง

“ไม่กลับบ้านเหรอคะ จะไม่ทันเที่ยวสุดท้ายเอานะคะ”

“ข้าเพิ้งนึกขึ้นได้ ท่านคุโรมิดูเป็นคุณหนู เดินคนเดียวตอนกลางคืนคงอันตรายจึงตัดสินใจไล่ตามมา ตั้งใจว่าจะส่งท่านถึงที่พำนักก่อน”

อ้อ เพราะชุดสินะ…ก็มีข้อดีเหมือนกันนี่นา ถึงจะน่ากังวลเรื่องรถไฟก็เถอะแต่ถือว่าช่วยได้มากจริงๆ แต่แล้ว เซเลสทีน (?) ก็ก้มหน้าเศร้าอีกครั้ง และคืนเงินใส่มือฉัน

“อีกอย่าง…เกรงว่าข้าคงกลับไปไม่ได้แล้ว”

“เอ๊ะ หมายความว่ายังไงเหรอคะ”

ไม่เจ้าใจสิ่งที่เซเลสทีนกำลังพูดถึง กลับไปไม่ได้นี่…โดนไล่ออกจากบ้านเหรอ!? หรือว่าเผ็นโฮมเลส ไม่สิ ถ้าแบบนั้นจะมีเงินแต่งชุดคอสเพลได้ไงเล่า งงไปหมดแล้วเนี่ย

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบ ตำรวจก็มาและถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งฉันก็เล่าไปตั้งแต่ที่โดนชายคนนี้ทักจนถึงที่กระทืบน้องน้อยของเขา แม้ว่าตำรวจจะทำหน้าซีดหน่อยแต่ก็รับเรื่องไป

ฉันตรงกลับห้องพักตามความตั้งใจเดิมโดยมีเซเลสทีนตามมาจนถึงบันไดขึ้นอพาร์ทเม้น

“ข้าขอบคุณสำหรับข้าวปั้นและชุดจริงๆ สักวันจะต้องตอบแทนท่านให้ได้”

“พูดเรื่องอะไรน่ะ เท่านี้ก็เกินพอแล้วค่ะ”

กลายเป็นรู้สึกตลกกับความจริงจังเกินเหตุของปม่สาวคอสเพลคนนี้ซะแล้วสิ ฉันโบกมือลาเธอในขณะเดินขึ้นห้อง ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ตอบว่าทำไมถึงกลับไม่ได้แต่คงเป็นเรื่องส่วนตัวละมั้ง

พอหันหลังกลับไปมอง เซเลสทีนก็ยังคงยืนโบกมือให้ไม่ละสายตาไปไหน ความเป็นห่วงของเธอที่มีให้ฉันเป็นของจริงและคงจะอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะมั่นใจว่าฉันกลับถึงห้องอย่างปลอดภัย

แต่ว่าในดวงตาที่เต็มด้วยความหนักแน่นนั้น ฉันกลับรู้สึกว่าเธอกำลังเศร้าหมอง…

“คือว่า!”

ฉันหยุดเท้าอยู่กลางขั้นบันได หันไปเรียกเซเลสทีนที่แสดงสีหน้าประหลาดใจ ฉันนึกทบทวนคำว่าไม่มีที่ไปของเธอ ผสมรวมกับความใส่ใจฉันในตอนที่มาส่ง

“ถ้าไม่มีที่ไปจริงๆ มาพักกับฉันไปก่อนไหมคะ”

จะปล่อยให้คนที่ทำดีด้วยแบบนี้ไปเป็นตายร้ายดีข้างถนนฉันคงนอนไม่หลับแน่ ไหล่ของเซเลสทีนกระตุกกึกเผิดตากว้สงจับจ้องมายังฉัน

“จะดีหรือ? ข้าเพิ่งพบท่านคุโรมิเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเองนะ”

“ก็…คงไม่คิดจะทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม”

“ข้ามิบังอาจหรอก!”

เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน เป็นคนมองออกง่ายจนหลุดหัวเราะออกมา จริงอยู่ที่ชวนคนเพิ่งเจอกันมาอยู่ด้วยเป็นความคิดที่แปลก แต่ก็เชื่อว่าเซเลสทีนคงไม่เป็นไร อยากเชื่อแบบนั้น

จึงพยักหน้าใจ

“ถ้างั้นก็ดีแล้วล่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY