เขาตั้งใจหลอกเธอตั้งแต่แรก เพื่อให้เธอหลงรักหัวปักหัวปำแล้วก็สลัดทิ้งอย่างไม่แยแส แต่พอเธอหายไปจากชีวิตของเขา เขากลับทุรนทุรายแทบขาดใจ!
1
เรไรค่อย ๆ วางกระทงลงในคลองหลังวัดอย่างเบามือ แต่ก็ต้องอุทานออกมาเมื่อมีเมื่อของใครคนหนึ่งขยับมาจับกระทงอันเดียวกับเธอ
“อุ๊ย! พี่กระทิง” เธอเรียกเขาอย่างตกใจระคนดีใจ
“พี่ไม่มีกระทง ขอลอยด้วยนะ”
“พี่กระทิงมากับใครคะ” เรไรเอ่ยถามผู้ชายที่แอบรัก
หลังจากที่พี่ชายของเธอแต่งงานกับพิมพ์แก้ว เธอก็พอรู้ว่าเขาเสียใจอยู่พักใหญ่ นึกเป็นห่วงเลยถามกุหลาบน้องสาวของกระทิง อีกฝ่ายก็คอยส่งข่าวคราวอยู่เสมอ
ส่วนหนึ่งมาจากเธอด้วย เธอทำให้คเชนทร์กับพิมพ์แก้วได้ครองรักกัน
แต่คเชนทร์เป็นพี่ชายคนเดียว และพิมพ์แก้วก็เป็นผู้หญิงที่พี่ชายรัก เธอก็เลยอยากจะช่วยให้ถึงที่สุด
กระนั้นก็ยอมรับว่าตนเองมีสิ่งอื่นแอบแฝง นั่นก็คืออยากกำจัดคู่แข่งออกไป หากพิมพ์แก้วแต่งงานไปกับผู้ชายคนอื่น เธออาจจะมีสิทธิ์หวังในตัวกระทิงนั่นเอง
“มาคนเดียวจ้ะ กุหลาบก็ไปลอยกระทงกับเพื่อนเขานั่นแหละ” ทั้งสองเดินคุยกันไป ดูงานกันไป กระทงมากมายถูกลอยไปในคลองหลังวัด ส่งแสงระยิบระยับจับตา
“พี่กระทิงดีขึ้นแล้วใช่ไหมจ๊ะ” รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน แต่ความรักมันห้ามกันไม่ได้ พิมพ์แก้วรักคเชนทร์ กระทิงก็ต้องทำใจ
“เรื่องอะไรเหรอ”
“เอ่อ...” เรไรอึกอัก
“ถ้าเรื่องพิมพ์แก้วพี่ดีขึ้นแล้วล่ะ พี่ทำใจได้แล้วว่าคนที่เขาไม่ได้รักเรา ยังไงก็ไม่รัก”
“ดีแล้วจ้ะพี่” เธอเงยหน้ามองพระจันทร์ เขาก็มองหน้าเธอไม่วางตา
“พี่กระทิงมองอะไรจ๊ะ” เรไรเอ่ยถามเมื่อรู้สึกว่าเขาเอาแต่จ้องเธอ
“มองคนสวย”
“คะ” เธอหลุดอุทานออกมาก่อนจะมีท่าทีเขินอาย
“พี่จีบเรไรได้ไหม”
“พี่กระทิงว่าอะไรนะจ๊ะ” คนแอบรักเอ่ยถามด้วยหัวใจสั่นระริก
“ตอนนี้พี่รู้ใจตัวเองแล้วว่ารักใคร และรู้ด้วยว่ามีใครคนหนึ่งก็รักพี่มากเช่นกัน พี่คิดว่าเราควรรักคนที่เขารักเราจะดีกว่า” ประโยคของเขาทำให้เรไรเขินอาย
กระทิงเหยียดยิ้ม มันไม่ยากเลยที่จะได้ผู้หญิงแบบเรไร
หลังจากงานลอยกระทงวันนั้น เรไรก็มักไปหากระทิงถึงที่บ้าน เธอทำกับข้าวไปให้เขา และไปช่วยงานเขาเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน กระทิงแยกบ้านอยู่ในสวน ไม่ได้อาศัยอยู่กับบิดามารดาและกุหลาบผู้เป็นน้องสาวจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว
“วันนี้เรไรทำแกงส้ม ไข่เจียวชะอมแล้วก็น้ำพริกผักลวกมาให้พี่จ้ะ” เรไรเอ่ยกับชายหนุ่มที่เธอรักหมดใจ
“ไม่เห็นต้องลำบากทำกับข้าวมาให้พี่เลยจ้ะ” เขาพูดอย่างเกรงใจ
“ไม่ลำบากเลยจ้ะ ถ้าพี่กระทิงไม่ว่าอะไร เรไรอยากมาทำกับข้าวให้พี่กินที่บ้านเสียด้วยซ้ำ”
“พี่อยากกินอย่างอื่นมากกว่า” กระทิงเดินมาทรุดนั่งใกล้ๆ กับหญิงสาว พลางมองสบตาอย่างลึกซึ้ง
เขาได้เธอแล้ว เมื่อหลายวันก่อน ไม่คิดว่าจะใจง่ายขนาดนี้ ก็ดีเหมือนกัน เวลาทิ้งก็จะได้ทิ้งง่าย ๆ
แม้เขาจะเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ภาคภูมิใจอะไรเลย ออกจะดูถูกเสียด้วยซ้ำที่เธอชอบแบให้เขาง่ายๆ
“พี่กระทิงน่ะ ไม่เอาน่ะจ้ะวันก่อนยังเจ็บอยู่เลย”
“แต่รอบนี้ไม่เจ็บแล้วนะ พี่จะทำให้เบามือที่สุด” กระทิงจับร่างน้อยขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อคอบัวสีขาวของหล่อน
“อุ๊ย! พี่กระทิง” เธออุทานเมื่อโดนขยำหน้าอก และสัมผัสได้ถึงแก่นกายชายที่แข็งเป็นลำดุนดันอยู่ตรงสะโพกกลมกลึงของเธอ
เธอเคยเห็นเคยลองมาแล้วว่าดุ้นเขาใหญ่ยักษ์เพียงใด ทำเธอเดินขาถ่างเจ็บร่องอยู่หลายวัน
“เรไรจ๋า พี่หิวมากเลยนะ ร่องเยิ้มขนาดนี้ให้พี่เสียบนะ” เขาถลกผ้าถุงของเธอขึ้นก่อนที่จะล้วงเข้าไปสัมผัสกับร่องเสียวที่กำลังหยาดเยิ้ม
“อื้อ... พี่กระทิงอย่าค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ไม่มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในบ้านพี่หรอกจ้ะ พ่อกับแม่ก็อยู่อีกหลังไกลออกไป พวกท่านไปทำงานกันหมดแล้ว” อาชีพหลักของคนที่นี่คือทำไร่ทำนา ตามประสาชาวสวนชาวไร่ที่มีที่ดินตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
“พี่หิวเรไร อยากกระแทกตอนนี้เลย”
“พี่กระทิงพูดอะไรน่าอายจังเลยจ๊ะ”
“เรไรอายเหรอ แต่พี่ว่าพูดแบบนี้ได้อารมณ์ดีนะ อยากให้พี่กระแทกร่องไหมจ๊ะ”
“เรไร อ๊าย... พี่กระทิงอย่าเขี่ยร่องสิจ๊ะ” เธอหนีบขาเข้าหากัน อย่างไรก็เป็นหญิง เธอก็ยังมียางอาย ครั้งก่อนที่เสียตัวให้เขาเพราะโดนรุกหนัก เธอตั้งตัวไม่ทัน โดยตกเป็นของเขาแบบไม่ทันตั้งตัว
แต่คำรักของเขาทำให้เธอใจอ่อน ยอมทอดตัวทอดกายให้เขา
“ทำไมถึงเขี่ยไม่ได้ล่ะ” กระทิงเอ่ยถามเสียงแหบพร่าตรงริมหู ถึงไม่ได้รักแต่เขามีความใคร่ให้คนบนตักอย่างเปี่ยมล้น ถ้าได้เอาเขาก็ได้ปลดปล่อย มีแต่ได้กับได้ เธออยากใจง่ายเอง
“อื้อ...” เธอกัดปากกลั้นเสียงครางเอาไว้
“ตอบสิจ๊ะว่าทำไม” กระทิงเขี่ยติ่งเร็วขึ้น จากที่เธอหนีบขาก็อ้าขาให้เขาเขี่ยติ่งอย่างง่ายดาย ใบหน้าสวยแดงก่ำ เผยอปากครวญครางไม่ได้ศัพท์
“สะ... เสียวจ้ะพี่กระทิง”
“เสียวอะไรบอกพี่สิจ๊ะ” กระทิงเอ่ยถามอย่างสมใจ
“สะ... เสียวติ่งจ้ะ” เธอตอบเสียงหอบ ๆ หน้าแดงก่ำ อายก็อาย เสียวก็เสียว เขาทำให้เธอทั้งเสียวทั้งอาย
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
เธอต้องหมั้นหมายกับหลานชายของเขา แต่เพราะประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดผลข้างเคียงกลายเป็นผู้หญิงอ้วนสุดแสนอัปลักษณ์ หลานชายของเขาจึงขอถอนหมั้น แต่เธอไม่คิดว่าเขาผู้มีศักดิ์เป็นอาจะเป็นคนหมั้นหมายกับเธอแทน คุณอาหนุ่ม เพื่อนรุ่นน้องของบิดามารดาที่เธอแอบชอบมานานหลายปีแล้ว ในที่สุดจะได้เป็นสามีของเธอจริงๆ
พิมพ์ลภัสโดนมารดาเลี้ยงกับน้องสาวใจร้ายโยนออกจากบ้านท่ามกลางสายฝน และโพทะนาไปว่าเธอหนีตามผู้ชายไป เพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ กลับมาอีกครั้ง พิมพ์ลภัสจึงเปลี่ยนจากบทนางเอกกลายเป็นนางร้ายเอาคืนคนที่ทำเอาไว้กับเธออย่างสาสม!
หวังจื่อหลินอ่านนิยายจบด้วยความโมโหที่นางเอกในนิยายโดนทำร้ายจนตาย เธอเดินข้ามถนนไม่ทันระวังจึงโดนรถชน หลิวเหวินจงเพื่อนชายคนสนิทที่แอบรักเธอจึงเข้ามาช่วยเอาไว้ แต่ทั้งสองก็โดนรถชนอยู่ดี สองหนุ่มสาวกลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงนิทรานอนหลับไม่ฟื้น แต่ขณะเดียวกันก็ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเล่มที่ตัวเองอ่าน และเข้าไปแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นให้แปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน