แนวอีโรติกสายบาป นางเอกเป็นชู้กับผัวคนใหม่ของยาย *นิยายผู้ใหญ่18+
แนวอีโรติกสายบาป นางเอกเป็นชู้กับผัวคนใหม่ของยาย *นิยายผู้ใหญ่18+
เป็นชู้กับผัวยาย
ตอน แอบเห็นผัวใหม่ยายเล่นชู้
สายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย สาวมหาลัยปีสองนอนหลับตาพริ้มในสภาพคราบน้ำตานองแก้ม เรือนร่างบอบบางภายใต้ชุดคนไข้สีเขียวดูซูบผอมขณะที่ผิวเนียนนวลดูเหลืองซีด เสียงชายวัยทำงานกับภรรยาเถียงกันอยู่ทางปลายเท้าลูกสาว
"เงินที่ผมหามาได้ก็จ่ายค่าโรงพยายาลไปตั้งกี่รอบแล้ว คราวนี้อะไรอีก กรีดแขนหรือกินยาพิษ"
เสียงคุณพ่อของแนนกำลังโมโห เขาสวมชุดทำงานออฟฟิศและมีเหงื่อชุ่มผ้าเพราะเพิ่งวิ่งมาโรงพยาบาล
"ฉันก็ขายสร้อยขายแหวนไปหมดแล้วจะให้ทำยังไงอีก ไม่ไหวแล้ว เป็นภาระเสียจริง กะอีแค่เรื่องอกหักมันจะไปอะไรกันนักกันหนา" คุณแม่บ่น
"เอางี้ คุณแม่ของคุณเพิ่งแต่งงานกับเจ้าสัวนี่ เอาแนนไปฝากไว้ที่นั่นซักพัก คุณว่าดีไหม" คุณพ่อเอ่ย
"แล้วเรื่องเรียนต่อล่ะ ลูกยังเรียนแค่ปีสองเองนะ ให้ฉันโทรไปขอยืมตังแม่ไม่ดีกว่าเหรอ" แม่เงยหน้าตอบพ่อ
คุณพ่อหันมามองแนนและถอนหายใจแรงก่อนจะถอดแว่นแล้วก้มหน้ากระซิบหูคุณแม่
"ปัญหาน่ะมันอยู่ที่ยัยแนนมันไม่ใช่เงิน ขืนอยู่ที่นี่เดี๋ยวก็มีแฟนใหม่อีก พอโดนคนใหม่ทิ้งก็จะหาเรื่องฆ่าตัวตายอีก"
"ให้ลาออกไปเลย ยังไงคุณแม่ของคุณก็ได้ผัวใหม่รวยนี่ ถ้าสองคนนั้นตายเงินมรดกจะตกเป็นของใครล่ะคิดดูดีๆสิ"
"เออนั่นสิ ก็ได้ เดี๋ยวฉันคุยให้ลูกกลับไปอยู่บ้านคุณแม่เอง พอลูกฟื้นคุณก็อย่าไปดุอะไรแกล่ะ ปลอบๆนะ เข้าใจไหม" แม่เอ่ยและกุมมือพ่อ
"อือ! ๆ สบายใจได้" พ่อตอบแล้วเดินมายืนข้างเตียง เขาถอนหายใจเบาๆขณะเอามือลูบหัวของลูกสาววัยยี่สิบ
ถึงแนนจะเรียนอยู่ปีสองแล้วแต่แม่ของเธอยังสาวเพราะว่าหล่อนท้องตอนเรียน ซึ่งตอนได้กับพ่อแม่มีอายุเพียง16ปี ส่วนคุณยายก็มีลูกตอนอายุเพียง20 ทำให้ตอนนี้แนนมียายที่อายุเพียง56และแม่อายุ36
คุณยายมีบ้านอยู่ย่านชานเมือง หล่อนเป็นอดีตนางงามชื่อดังจึงมักแต่งๆเลิกๆอยู่บ่อยครั้งสมัยที่ยังเลี้ยงคุณแม่ พอเริ่มแก่ตัวยายก็หันมาเข้าวัดถือศีล หลังจากเป็นโสดมานานยายเพิ่งกลับมาแต่งงานกับเจ้าสัวเหมืองพลอยเมื่อต้นปี ทำเอาทั้งบ้านถึงกับช็อคเพราะว่าเจ้าสัวคนนี้ไม่มีทายาทและอายุก็ปาเข้าไปหกสิบกว่าแล้ว
เรียกได้ว่าตอนนี้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของแนนทำงานไปวันๆเพื่อรอวันรับมรดก พ่อจึงไม่ค่อยดิ้นรนอะไรมาก เขาเป็นพนักงานออฟฟิศเล็กๆแห่งหนึ่ง คุณแม่ก็ทำงานซื้อขายนาฬิกาและเครื่องประดับมือสอง
หลายวันต่อมาแนนก็ทำเรื่องลาออกแล้วเดินทางมาพักใจที่บ้านหลังใหม่ที่เจ้าสัวซื้อไว้เป็นเรือนหอของเขากับคุณยายเมื่อต้นปี เมื่อมาถึงเธอก็ได้รับการต้อนรับจากยายผกามาศอย่างดี หล่อนให้รถแนนใช้หนึ่งคันและให้พักในห้องนอนใหญ่ชั้นล่างและยังจะให้เงินใช้อีกเดือนละสามหมึ่นโดยแนนมีเพียงหน้าที่เดียวในบ้านคือคอยพาหมาสองตัวออกไปอึและเดินเล่น
พออยู่มาได้สามวันแนนก็รู้สึกสบายใจ เนื้อตัวเพรียวบางดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาก ใบหน้าอิ่มเอิบขึ้นมาเพราะกินอยู่อย่างดี แถมบ้านริมแม่น้ำย่านชานเมืองก็สงบเงียบไร้ความวุ่นวาย เช้าวันนี้เธอจึงเริ่มออกมาพาหมาวิ่งออกกำลังกายในสวนกลางของหมู่บ้านจัดสรรระดับโครงการหรู
โฮ่ง! ๆ หมาไซบีเรียนฮัสกี้สองตัววิ่งนำหน้าสาวสวยวัยแรกแย้มไปตามทางที่เป็นเลนวิ่งและเลนจักรยาน แนนสวมกางเกงผ้าขาสั้นสีเขียวมะนาวกับเสื้อยืดตัวเล็กสีเหลือง ยามที่เธอก้าวเท้ายืดอกวิ่งทำให้สองเต้าสัดส่าย หัวนมแหลมนูนแนบผ้าเพราะไม่ได้สวมชั้นในมาเนื่องจากคิดว่ายังเช้ามืดจึงไม่มีคน
หน้าท้องแบนราบที่ขาวโพลนโผล่แวบๆวัมๆเมื่อชายเสื้อตัวเล็กร่นขึ้นสูงเพราะเต้านมที่เด้งสัดส่าย สองขาเรียวยาวก้าววิ่งขณะใบหน้าเรียวสวยเชิ่ดไปข้างหน้า ดวงตากลมแป๋วดูมุ่งมั่นและมีพลังต่างจากเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมาก
"มะนาว มะขาม รอพี่ก่อน" แนนตะโกนเรียกหมาอ้วนขนฟูที่วิ่งไปดมยอดหญ้าริมเนินตลิ่งข้างแม่น้ำ
ฮี้! ๆ ๆ หมาไซบีเรียนตัวผู้และตัวเมียหันมาทำท่าทางลุกลี้ลุกลน แนนจึงวิ่งออกนอกเส้นทางจักรยานมาหาหมาเจ้าปัญหา พอถึงตัวพวกมันก็หมอบแล้วคลานย่องไปทางริมน้ำ พวกมันดมๆบนพื้นและหมอบคลานผ่านพุ่มดอกไม้ที่ปลูกเป็นแนวแถวกั้นไว้กันคนลงน้ำ
"ชี่! กลับ ๆ จะไปไหน" แนนส่งเสียงเรียกหมาแต่กลับนั่งยองๆเดินท่าเป็ดตามหมาไปเสียได้ พคลานลอดพุ่มดอกเข็มเธอก็เจอกับภาพที่แทบไม่เชื่อสายตา
ฟุ่ด! ๆ หมาสองตัวหมอบลงเต็มรูปแบบ เอาสองขาหน้าเหยียดไปแล้ววางคางบนยอดหน้า พวกมันหายใจฟึดฟัดและนอนมองหนังสดไปพร้อมๆกับแนนที่อ้าปากค้าง
ภาพที่เห็นคือสาวใช้ต่างด้าวของคุณยายกำลังคุกเข่าคลานท่าหมาโดยที่ช่วงล่างเปลือยเปล่าขณะที่คุณตาสามีใหม่ยายกำลังคุกเข่าอยู่ข้างหลังหล่อนแล้วกระแทกเอวยิกๆ
ถึงเวลาจะเช้ามืดแต่แสงตะวันที่สะท้อนผิวน้ำก็ทำให้แนนแท่งเอ็นลำยาวโง้งของคุณตาวิ่งรูดเข้ารูดออกช่วงล่างของคนรับใช้จากวิวด้านข้าง
อ่าส์! ๆ ๆ กร่อด! เจ้าสัวรุ่นใหญ่เงยหน้าร้องครางอย่างเมามันส์ขณะเอาสองมือบีบฟัดตูดกลมใหญ่ของสาวอวบผิวเข้ม
ปึก! ๆ ๆ ๆ หว่างขาสาวใช้โดนคุณตากระหน่ำแทงเสียงดัง ร่างหล่อนชักกระตุกเกร็งก่อนหน้าคล้ำๆจะฟุบลงมากระแทกพื้นหญ้าโดยที่ตูดยังโก่งสูงรับแท่งลำรักของผัวเจ้านายตัวเอง
โอ๊ย! อึ๊! ๆ ๆ ๆ สาวใข้กัดฟันกลั้นเสียงร้องขณะที่แก้มถูกับพื้นหญ้าตามจังหวะกระแทกของคุณตา สองมือจิกกำยอดหญ้าจนแขนสั่น
"ไอชั่ว นอกใจยายฉันหรือ" แนนพึมพำและล้วงมือถือมากดถ่ายภาพนิ่งหนึ่งรูปก่อนจะวิ่งออกจากพุ่มดอกเข็มมากดโทรฟ้องคุณแม่
"ห๊ะ! ตานั่นเล่นเด็กรับใช้รึ" แม่เอ่ยเสียงดังหลังจากฟังแนนเล่า
"เอาไงดีคะ บอกยายเลยไหม" แนนเอ่ย
"ไม่ต้องๆ เดี๋ยวพอตานั่นเลิกกับยายแล้วเราก็ไม่ได้มรดกสิ แกอย่าได้บอกยายนะ เหยียบไว้เลย" แม่ตอบ
"อ้าว! แล้วจะปล่อยให้คุณยายโดนนอกใจหรือ แม่ไม่รักยายหรือคะ"
"ก็รักสิ แต่รักแกมากกว่า"
"อยู่ที่นั่นทำตัวดีๆ เดี๋ยวพอสองคนนั้นตายทั้งเงินทั้งบ้านก็เป็นของแก ทำตัวซื่อบื้อไว้"
ตื๊ด! ๆ ๆ ๆ แม่พูดจบก็กดตัดสายไปดื้อๆ
แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p
นิยายอีโรติก แนวเรื่องจริง นอกใจ มีชู้ เผลอใจ ไม่ตั้งใจ nc 18+ รวมเรื่องสั้นแนวนอกใจ นอกกาย สายบาป เป็นเรื่องแต่งเสริมเรื่องจริง สั้นๆจบในตอน มีหลายแนว หลายเหตุการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ อายุ18ปีขึ้นไป
นิยายผู้ใหญ่ แนวฮาเร็มชาย นางเอกเป็นคุณหนูวัย18ปี เธอชอบยั่วคนสวน คนขับรถ ใจแตก มั่วสวาท nc 18+
ในยุคก่อนสงครามโลก ยังมีการค้าทาส ในดินแดนแถบเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและสถานที่ตั้ง มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ริมหน้าผาบนเขาสูง เจ้าปราสาทคือสามีนางเอก เขาเป็นขุนนางชั้นสูง เขาชอบซื้อทาสชายหลากเชื้อชาติมาเลี้ยง ใช้งานพวกเขาหนัก และมักจะให้นางเอกมีอะไรกับคนแปลกหน้าพวกนั้นเพื่อให้เขานั่งดูอย่างมีอารมณ์
นางเอกแต่งงานกับสามีแก่ เขาเป็นเสี่ยเจ้าของร้านทองที่รวยมาก ทว่านกเขากลับไม่ขันและอ่อนปวกเปียก นานๆจะมีเซ็กกับเมียรัก เดือนละครั้งสองครั้ง นางเอกทนความอยากไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากมีชู้ ไม่อยากนอกใจสามี เธอจึงแอบมีอะไรกับเจ้าแสนรักที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)
[นักธุรกิจหนุ่มระดับต้นแสนร้ายกาจ VS นักปรุงน้ำหอมสาวพิการเลอโฉม บริสุทธิ์ทั้งคู่] บุคคลลึกลับส่งคลิปวิดีโอสามีนอกใจมาให้ ทำลายชีวิตที่ดูสงบของยูหยุนหนิง ทำให้เธอเข้าใจเรื่องหนึ่ง คนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจะหลอกเรา เพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันจะหลอกเรา แต่นายแบบไหล่กว้างเอวคอดขายาวไม่มีทางหลอกเรา เพียงแต่ชายหนุ่มรูปหล่อขายตัวเพื่อเลี้ยงสุนัขคนนี้ กลิ่นน้ำหอมบนตัวของคุณ ทำไมถึงเหมือนกับนักธุรกิจหนุ่มระดับต้นของตระกูลเสี่ยวเลย? * ตอนที่เธอเปล่งประกายเจิดจรัส เขาเป็นลูกที่ถูกทอดทิ้งของตระกูล กล้าแค่ขโมยจูบแรกของเธอในความมืด เมื่อเธอตกจากที่สูง เขาทิ้งทุกอย่างกลับประเทศ แต่กลับเห็นเธอตอบตกลงคำขอแต่งงานของคนอื่นทั้งน้ำตา ตอนเธอถูกหักหลังอย่างเจ็บปวด เขามีอำนาจอยู่ในมือ เขาคือคนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นคนที่ช่วยชีวิตตอนที่เธอเสี่ยงอันตราย เป็นกำลังใจที่มั่นคงที่สุดของเธอ เมื่อเธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาคุกเข่าข้างหนึ่ง จริงใจเป็นอย่างมาก “ได้โปรดแต่งงานกับผม” * “อยากรู้ไหมว่า ตอนที่เธอตอบตกลงคำขอแต่งงานของผู้ชายสารเลวคนนั้น ผมกำลังคิดอะไรอยู่? ” “คิดอะไรอยู่เหรอคะ? ” “อย่าให้ผมมีโอกาสนะ” “แล้วถ้าไม่มีโอกาสละคะ? ” “ถ้าอย่างนั้นก็สร้างโอกาสขึ้นมา” เพราะในโลกนี้ ไม่มีใครรักยูหยุนหนิงได้มากกว่าเสี่ยวฉืออีกแล้ว
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY