คำโปรย ครูหนุ่มที่ฐานะต่างกันกับอาสาวของลูกศิษย์ ที่หัวใจผูกรักใคร่ วาดฝันถึงทางรักที่สวยงาม แต่ทางรักมีอุปสรรค เมื่อเขาโบยบินไปไกลถึงสหรัฐอเมริกาด้วยใจที่บอบช้ำ ดั่งพรหมลิขิตกลั่นแกล้ง รอคอยเพียงเธอ จะตามมาสมทบหัวใจ เหมือนไปให้สุดทางสุดเสน่หา ธันยวีร์
เรือนไม้ครึ่งปูนทาด้วยสีขาวและสีน้ำเงินหลังคากระเบื้องสีน้ำตาลหน้าบ้านประกอบด้วยไม้เถาพาดพันเลื้อยระไปตามโครงเหล็กดัด ดอกสีม่วงสีเหลืองแดงหากแต่ตรงกลางแบ่งเป็นถนนให้รถแล่นเข้ามาภายในโรงรถอยู่ชิดขวาติดกับกำแพงรั้วเพราะครอบครัวนี้เป็นครอบครัวชั้นกลางเมื่อหลังจากเสร็จสิ้นงานศพของมารดาแล้ว ทั้งสองไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนในละแวกนี้นอกจากลุงที่อยู่แถวธัญบุรีแต่ก็ขาดการติดต่อมานานหลายปี
ศรีบังอรนั้นก็เพิ่งกลับมาจาก ที่ทำงาน และหล่อนรู้สึกเหนื่อย แม้ว่าน้องชายที่เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายซึ่งกำลังจะจบการศึกษาสมดังที่เขาปรารถนาจะเพิ่งกลับมาถึงเช่นกัน
“แหม กลับเสียค่ำเชียวนะกัลย์ ”
“เอ้อ มีธุระเรื่องเรียน ครับพี่อร”
เด็กหนุ่มที่ตอบนั้นเขารีบก้มหน้าเพื่อจัดการถอดดึงสายรองเท้าผ้าใบแล้วนำไปวางบนชั้นตามเดิม
“เอ้อแล้วนี่กัลย์หิวมั๊ยพี่จะเข้าไปในครัวทำกับข้าวให้ทาน” เมื่อฟังแล้วทำให้กัลย์นพส่ายหน้าพลางตบเข้าที่ท้องเบาๆ
“เอ้อไม่ต้องครับกัลย์ อิ่มมาจากข้างนอกแล้ววันนี้ มีเพื่อนเลี้ยงนะครับ”
กัลย์ณพรู้ว่าพี่สาวนั้นห่วงใยเขายิ่งนักเปรียบเสมือนมารดาบังเกิดเกล้าของเขาอีกคน แม้จะมีวัยห่างกันถึงสิบห้าปีและภายในบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นบ้านเก่าของมารดาได้ตกทอดมาเป็นมรดกเพื่อให้สองพี่น้องได้อาศัยอยู่มันเป็นเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับอดีตสามีก่อนท่านจะตายเพื่อไม่ให้พ่อแตะต้องยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สมบัติชิ้นสุดท้าย
เพราะแม่รู้มานานแล้วว่าพ่อเจ้าชู้แอบมีเมียเก็บไว้ตั้งหลายคน และแม่รู้มาตลอดแต่แม่ไม่เคยว่าแต่ลึกข้างในใจแม่นั้นพี่สาวและเขารู้ดีเพราะแม่ตรมตรอมใจนักที่มีสามีซึ่งเป็นบิดาของพวกเขาท่านเป็นแบบนี้
จากนั้นแม่ก็ป่วยกระเสาะกระแสะมานานนับเดือนจนหมอบอกว่าแม่ไม่รอดแน่และหมอได้บอกให้ญาติพี่น้องเตรียมทำใจ
หลังจากนั้นพ่อก็หลบหนีหายและไม่มาดูใจแม่บ้างเลยพ่อเขาใจดำนักอีกทั้งญาติพี่น้องก็ยังค่อนแคะกระทบกระทั่งใส่ว่าพ่อเลวทราม เนรคุณ แม่กระซิบบอกเขาสองพี่น้องเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะฝากฝัง บุตรชายคนเล็กที่แสนอาภัพให้กับพี่ศรีบังอรลูกสาวคนโตที่เป็นสาวแล้วดูแลเขามารดานั้นไม่คาดหวังกับคนที่เป็นสามี
“แม่ฝากตากัลย์ไว้ด้วยนะอรอย่าทิ้งน้องช่วยดูแลตากัลย์แทนแม่ด้วยนะลูก”จากนั้นท่านก็จากไปอย่างสงบ
ครั้นเมื่อสิบปีผ่านไปเขาหรือกัลย์ณพจากเด็กชายเป็นเด็กหนุ่มคนใหม่ที่มีเค้าของความหล่อเหลาจากใบหน้าที่คมคายและเป็นจุดเด่นเติมเสน่ห์ให้ดูแล้วเจริญหูเจริญตาน่ารักน่าใคร่แก่ผู้พบเห็นในละแวกแถวนี้ ซึ่งมองเห็นเด็กหนุ่มมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกแล้วเขาโตขึ้นมาก และหล่อเสียด้วย
เมื่อสาวใหญ่นั้นรูดปิดชายผ้าม่านสีสดด้วยการดึงเข้าหากัน ก่อนที่จะพลบค่ำบ้านหลังนี้ชอบความเป็นธรรมชาติและวันนี้ก็เช่นกัน
“เอ้อ นี่เธอ หิวข้าวแล้วหรือยังล่ะกัลย์”
เสียงถามของศรีบังอรที่มีต่อน้องชายด้วยความห่วงใยสม่ำเสมอ ที่จะคอยถามน้อง เวลากลับจากเรียนมหาวิทยาลัยยิ่งเขาขยันเรียน
“เอ้อ ยังครับ”น้ำเสียงน้อยๆนั้นตอบหากแต่ดวงตาไม่ได้หันมาทางพี่สาวยังคงจดจ่อไปทางอื่นด้วยอยากเล่นสนุกตามประสา
“เพราะว่าขอเล่นก่อนครับแล้วกัลย์จะมากินทีหลัง”
“อ้าว งั้นก็ตามใจเถอะแต่อย่ากลับค่ำมากล่ะพี่เองก็จะทำงานที่ค้างต่อให้เสร็จเหมือนกัน”
“ครับ”ตอบเพียงเท่านั้นเจ้าตัวก็ปร๋อออกไปทันที
เนื่องด้วยศรีบังอรนั้นหล่อนทำงานเป็นข้าราชการประจำในกระทรวงอุตสาหกรรมในตำแหน่งของเลขาท่านรัฐมนตรีสุทิศสถานที่อยู่ตรงกันข้ามกับร.พ.รามาธิบดีและเขาเคยขับรถแวะไปส่งพี่สาวบ่อยครั้งไปเล่นในที่ทำงาน ช่วงปิดเทอมปลายภาคชั้นมัธยม
สำหรับศรีบังอรนั้นส่วนมากหล่อนเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงแต่ก็เข้าสังคมกับเพื่อนฝูงเป็นบางครั้งที่สนิทสนมไม่ได้ปิดกั้นตัวเองเสียทีเดียวถึงแม้อย่างนั้นก็ตามหากแต่เรื่องเพื่อนต่างเพศนี่หล่อนค่อนข้างจะปิดกั้นตัวเอง
เพราะเหตุผลอะไรหรือศรีบังอรมีภาระในครอบครัว มีน้องชายที่ต้องดูแลถ้าหากมีแฟนกลัวเขาจะรับตรงนี้ไม่ได้นี่คือเหตุผลของหล่อนเพราะคงจะไปเที่ยวไหนมาไหนยาก และศรีบังอรก็ใช้ชีวิตแบบนี้ จนเคยชินแต่ว่าหน้าตาสวยๆของหล่อนก็ใช่ว่าจะหาคนจีบเกี้ยวไม่ ได้เหมือนกัน ก็มีนะแต่ศรีบังอรก็คัดกรองเพราะหล่อนอยากจะได้คนดีๆมาเป็นคู่ชีวิตเช่นกัน
ซึ่งกัลย์ณพอยากจะให้พี่สาวเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีเพราะช่วยเหลือเขามามากแล้วพี่อรควรทำเพื่อตัวเองบ้างเพราะว่าตอนนี้เขานั้นโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วไม่ต้องพึ่งพาพี่สาวเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กชายที่พี่สาวต้องคอยทำให้ทุกอย่าง และในปัจจุบันนี้กัลย์ณพเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายใกล้จะจบแล้วเขาเรียนคณะมนุษยศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ
ก็อยากจะเป็นครูสอนเด็กหรือทำงานในบริษัทเอกชนที่เกี่ยวกับทัวร์ท่องเที่ยวหรืองานโรงแรมที่ตรงกับสาขาที่เรียนซึ่งต้องใช้ภาษา ซึ่งกัลย์ณพถือว่าพูดได้แม้จะไม่คล่องแต่สำเนียงเขาได้
คำโปรย เพราะคืนนั้นคืนเดียวที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาและเธอไปเสียทุกอย่าง จากความรัก กลายสู่ความใคร่ และเป็นความแค้นในที่สุด เมื่อเธอไม่อยากพบเจอเขา แต่พรหมลิขิตก็เหวี่ยงให้ทั้งคู่ได้มาเจอกันอีกครั้ง ภาพของพิษแค้นเสน่หาในวันวาเลนไทน์จึงหลอกหลอนใจทั้งคู่อีกครั้ง ด้วยรัก ธันยวีร์
คำว่าเมีย” อย่างเธอ เด็กสาวอ่อนต่อโลก “ช่อดมิสา” มีที่มาแบบไม่ขาวสะอาด เพราะถูกอุปถัมภ์โดยหนุ่มใหญ่ อภิวานต์หรือว่าน ที่มีความแค้นแต่อดีตหนหลังระหว่างพ่อแม่ของเธอ คำว่าเมียเลี้ยง” ไม่ต่างจากที่ใครๆกล่าวหา เธอถูกนำมาไว้ที่บ้านสวนเพื่อปรนนิบัติดูแลคุณย่า ผลตอบแทนของเธอที่ได้รับ คือ สติปัญญา คุณค่า และการเอาตัวรอด ท่ามกลางอุปสรรคจากคนรอบข้าง ศัตรูร้าย และเพื่อนที่แสนดี คอยประคับประคองทะนุถนอมให้กำลังใจ ผิดไปจากเขาที่มอบแต่ความเถื่อน เหมือนซาตานร้าย แต่จะทำอย่างไรได้ และไม่อาจปฏิเสธตำแหน่ง ที่เขายัดเยียดให้ ด้วยรัก ช่อดมิสา
เจ้าสาวที่กลัวฝนอย่าง ฝ้ายนิิล นางเอก มีปมความหลังที่เพื่อนถูกคนรักทำร้าย และพี่สาวถูกสามีหลอกลวงปอกลอก ทำให้ตั้งป้อม อคติกับเพศตรงกันข้าม จนเมื่อ พระเอก กริญจน์ เพลบอยหนุ่มเข้ามาในชีวิต ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยเป็นขมิ้นกับปูน เริ่มเปิดรับความรักที่แสนอบอุ่น
ความรักของสองหนุ่มที่ขับเคี่ยวในเกมรัก เมื่อรักนั้นไม่ใช่รักธรรมดา พระเอก ไอยวุธ มองความรักด้วยสติ ความรอบคอบ ไม่เผลอไผลให้กับหญิงร้ายที่พยายามยั่วยวนเขา ผิดไปจากเพื่อนของเขา ที่คลำไม่เป็นหางก็ฟาดดะ ไอยวุธพบรักกับนางเอก ชฏาเดือน เป็นทนายความสาว เขาต้องทนุถนอมเธอ แต่ก็ต้องฝ่าฟันผู้หญิงร้ายที่ต้องการตัวเขา
“เมียขายฝาก” เรื่องราวความรักชุลมุล ที่มาจากความเข้าใจผิด ของนักเขียนหนุ่ม พระเอก “ ปางภู” ร่ำรวย เย่อหยิ่ง งานอดิเรก เล่นการพนันเป็นบางครั้งแก้เครียด ส่วน นางเอก “ ใบฟาง” ประชาสัมพันธ์สาว ที่แฟนหนุ่มนำตัวเธอมาขายให้พระเอก เพราะติดพนัน ความเลวร้าย และเจ็บปวดจึงเกิดขึ้นกับเธอ จึงโทษเขาที่มีส่วนร่วมกับแฟนหนุ่ม เพราะว่าเธอได้กลายเป็นเกมของเขา ที่ขุดบ่อล่อปลาให้เธอเป็นเมียขายฝาก หลังจากความสัมพันธ์คืนนั้น ที่ต้องพัวพันกับเขาทั้งดีและร้าย
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"