เขาอยากจะพาเธอไปทานข้าวในวันที่แสนจะโรแมนติกอย่างในวันนี้ ที่ดอกกุหลาบนั้นดูสะพรั่งพรึบเต็มไปทั่วท้องตลาดสดแล้วก็ราคาแพงที่สุดอย่างมากมาย คือ วันนี้
หากเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาเกลียวลินินอดที่จะแปลกใจไม่ได้อีกครั้งเพราะเขาโทร.ผ่านมือถือมาหา หล่อนไม่ได้รับหรอกเพราะทำงานอยู่ มาเปิดดูในภายหลังที่ล็อกเกอร์ส่วนตัว
จึงได้รู้ว่าเขาโทร.มารู้ว่าหล่อนและเขาคบหากันมานานแต่เกลียวลินินไม่เคยวาดหวังสูงไปกว่านั้น ได้ยินเขาเอ่ยผ่านโทร.มือถือ หล่อนไม่เคยให้ความหวังเขา
แต่ฝ่ายภิญตรัยต่างหากที่เขาเป็นฝ่ายตามตื้อหล่อน จนกระทั่งว่าเกลียวลินินยินยอมใจอ่อนลงในที่สุด
จึงได้ขยับเลื่อนฐานะของเขามาเป็นแฟนและเรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันระหว่างหล่อนกับเขาเพียงสองคนเท่านั้นกับเพื่อนสนิทอีกไม่กี่คน ก็ไม่นึกว่าเขาจะจริงจังและ แสดงผ่านความรู้สึกออกมาให้หล่อนรับรู้ด้วย
ทีแรกหล่อนคิดว่า คงเป็นเพียงคำพูดที่เลื่อนลอยผ่านริมฝีปากของเขาเท่านั้น เมื่อเรียนจบก็คงจบแล้วกันไป เพราะต่างคนต่างเลือกเส้นทางเดินของตัวเอง
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ภิญตรัยติดหนึบหนับเกาะเธอติดแน่นเหมือนตังเม ทั้งที่เขาเป็นรุ่นพี่จบการศึกษาไปแล้วก่อนหล่อน
หากแต่เขายังเทียวไปเทียวมา เพื่อแวะรับและส่งเสมอ มันคือครั้งแรกในความรู้สึกของหนุ่มหล่อตระกูลผู้ดี นั่นเพราะว่าในหัวใจของภิญตรัยนั้นในยามที่ได้พบกับเกลียวลินินในครั้งแรก
เขาก็ตกตะลึงในความสวยน่ารักของหล่อน
ที่มีผิวพรรณขาวผุดผ่องแม้ไม่ได้ขาวจัดแต่ก็ขาวละเอียดนวลเนียน หล่อนวางตัวได้เหมาะสม ทั้งบุคลิกท่าทาง
จนเขานั้นแอบเก็บเธอไว้เทิดทูนบูชาอยู่ในใจด้วยความภักดี ที่เขาหมายมั่นปั้นมือ จะแต่งงานกับเธอให้ได้ในอนาคต
เขาคิดอย่างนี้ ทั้งที่เกลียวลินินไม่เคยรู้สักนิด เขาไม่เคยคาดเดาความรู้สึกของหล่อน รู้แต่ว่า..คนนี้ใช่เลย แบบถูกสเปกต์มากที่สุด เพราะหล่อนมีรูปร่างบอบบางระหงอ่อนหวานทั้งกิริยาคำพูดและการวางตัว
ดังนั้นความรู้สึกที่เรียกว่ารัก นั้นมันเกิดขึ้นตั้งนานนมแล้วในใจของภิญตรัย ตั้งแต่แรกพบเจอผู้หญิงคนนี้
เพราะหลังจากนั้นที่ได้พบเจอหล่อน
ภิญตรัยไม่เคยคบหาผู้หญิงคนไหนอีกเลย ในตำแหน่งแฟน นอกจากคำว่าเพื่อน เพราะถือว่าเขาได้ยกไปให้หล่อนแล้วคนเดียว เขาทำให้หล่อนรู้และวางใจ จนสายสัมพันธ์นั้นผสานแนบแน่น เป็นเกลียวใยรักที่หวานชื่นของทั้งคู่ ที่รับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกันตามลำพังเท่านั้น
มีดอกกุหลาบหรูผูกช่อไว้อย่างสวยงามช่อหนึ่ง ที่เขาวางไว้ในเบาะหลังของรถสปอร์ตปอร์เช่คันงามส่วนตัว
และเพราะภิญตรัยนั้นเขาอยากจะส่งดอกกุหลาบนี้ให้ถึงมือหล่อนเพื่อบอกถึงความรักที่แน่นแฟ้นและซาบซึ้งตรึงใจเหมือนวันปีที่ผ่านมา
ที่เขานั้นซื่อสัตย์ต่อหล่อน และภิญตรัยจึงอยากให้หล่อนซื่อสัตย์กับเขาแบบนี้ตลอดไป
ในยามนี้นั้น หากบนท้องถนนนั้นรถค่อนข้างโล่ง..
อีกทั้งภิญตรัย ได้ขอร้องให้หล่อนอยู่คอย หลังขากเลิกงาน เมื่อเขาโทร.ไปอีกครั้ง ที่ใกล้เวลาเลิก หล่อนรับสายของเขาแล้วพูดคุยเพียงไม่กี่คำเป็นการตอบรับ เพื่อไม่ให้เขาน้อยใจ
เขาสักครู่ วันนี้เป็นวันพิเศษ และเขามีของขวัญที่จะมอบให้แก่สาวสาย พร้อมตั้งใจจะบอกคำว่ารักออกจากปากด้วย ถ้าตัวเองไม่เขินอายมากนัก
“รอหน่อยนะเกลียวเรายังไม่อยากให้เกลียวกลับไปตอนนี้..น่าเรามีสิ่งที่จะมาเซอร์ไพรสเป็นพิเศษแป๊บเดียว ขอเวลาสิบนาที คอยอยู่ที่ป้ายรถเมล์ก่อนนะ”
นั่นคือเหตุผลของภิญตรัย เและเกลียวลินินตกลงรับปากตามที่เขาเอ่ย..ด้วยความเกรงใจมากกว่า
แล้วก็พบว่ารถสปอร์ตคันหรูของภิญตรัยนั้นปราดแล่นมาหยุดจอดเยื้องไปจากป้ายรถเมล์ ตรงนั้นไม่กี่ก้าว
เมื่อกวาดตามองเห็นหล่อนแล้วร่างสูงได้กลับไปที่รถคันหรูอีกครั้งพร้อมกับในมือขาวแข็งแรงนั้นถือช่อดอกกุหลาบราคาแสนแพง
เมื่อหล่อนเห็นแล้ว หล่อนถึงกับอึ้งแกมตะลึงไปในทันทีแล้วภิญตรัยก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มกระซิบที่ริมกกหูของหล่อน
หลังจากที่เขาถือวิสาสะดึงแขนของเธอพ้นห่างจากป้ายรถเมล์ตรงที่เดิมในบรรยากาศท่ามกลางแสงเงาที่ตะคุ่มของดวงไฟริมทาง และป้ายโฆษณาขนาดมหึมา
“วันวานเลนไทน์ปีนี้ไงจากภิญรับเอาไว้สิครับ เกลียวจ๋า เอ้อ เพราะภิญตรัยอยากมอบให้เกลียวคนเดียวเท่านั้น ถ้ารู้ว่าดอกกุหลาบสื่อความหมายถึงอะไร เกลียวก็คงพอจะเข้าใจความรู้สึกของภิญที่มีต่อเกลียวนะจ้ะ”