/0/21724/coverbig.jpg?v=3ba72545556e9e648e3ba779ab43ecf1)
การย้อนเวลาครั้งนี้ นอกจากจะทำให้เขาได้มีโอกาสแก้ไขหลายเรื่องราวที่เคยผิดพลาดยังทำให้เขาได้มีโอกาสพบเจอคนสำคัญในชีวิตอีกครั้ง แล้วเช่นนี้จะไม่ให้เขาขอบคุณสวรรค์ได้หรือ ************ ลู่ฉางกังคือทายาทตระกูลลู่ผู้มั่งคั่ง ทว่าเขาเป็นคนเย่อหยิ่งอวดดีและยึดถือตนเองเป็นศูนย์กลาง จนหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของตนเองไป อยู่มาวันหนึ่งเขาบังเอิญได้พบกล่องไม้โบราณซึ่งเป็นสมบัติประจำตระกูล เมื่อเปิดออกมันได้พาเขาย้อนเวลาไปยังมิติยุคโบราณ กลายเป็นเพียงเด็กชายวัยสิบขวบเท่านั้น ณ ในมิติคู่ขนานเขาพบกับคนสำคัญที่ชาตินี้เขาก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบอีกครั้ง การย้อนเวลาครั้งนี้ นอกจากจะทำให้เขาได้มีโอกาสแก้ไขหลายเรื่องราวที่เคยผิดพลาดแล้วยังช่วยเติมเต็มความหมายของคำคว่าครอบครัวให้แก่ใจเขาอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าลู่ฉางกังจะทำทุกอย่างให้ดีกว่าที่ผ่านมา *****ทำความเข้าใจนิดนึงนะคะ คาแรกเตอร์ตัวเอกของเรื่องไรท์เขียนไม่ได้ออกแบบให้แสนดียาดฟ้ามาดินเหมือนพระเอกผ้าขาวทั่วไป มีอิจฉา รัก โลภ โกรธ หลง แทบจะเป็นตัวร้ายที่ทะลุมิติไปเล่นตลกเลยก็ว่าได้ แรก ๆ นิสัยน้องจะน่าหยุมหัวหน่อย ๆ แต่จะมีเหตุการณ์เข้ามาทำให้คุณชายอ่อนหัดเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด ๆ *****ไม่มีฉากอีโรติก *****แนวใช้ชีวิต แนวเอาตัวรอด แนวนำพาครอบครัวสู่ความเจริญ นิยายเรื่องที่เขียนจบไปแล้ว 1.จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ 2.เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด คำเตือน 1. กรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพให้เกียรตินักเขียนและนักอ่านท่านอื่น งดแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในนิยายหรือมุ่งประเด็นด่าทอนักเขียนเพื่อระบายอารมณ์ 2. นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน บุคคลและสถานที่ที่เกิดขึ้นไม่มีอยู่จริงในโลก เนื้อหาในนิยายมีทั้งสมเหตุผลและไม่สมเหตุสมผล บางตอนอาจมีฉากที่รุนแรง (ต่อสู้) โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 3. ตัวละครในนิยายมีทั้งดีและเลวแตกต่างกันไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หน่วยเงินตรา 1000 อีแปะ 1 ตำลึงเงิน หน่วยวัดตวงน้ำหนัก 1 ชั่ง 500 กรัม หน่วยเวลา 1 จีบน้ำชา ระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ 1 เค่อ 15 นาที 1 ก้านธูป 30 นาที 1 ชั่วยาม 2 ชั่วโมง 12 ชั่วยาม 24 ชั่วโมง ยามจื่อ 23.00-24.59 ยามโฉ่ว 01.00-02.59 ยามอิ๋น 03.00-04.59 ยามเหม่า 05.00-06.59 ยามเฉิน 07.00-08.59 ยามซื่อ 09.00-10.59 ยามอู่ 11.00-12.59 ยามเว่ย 13.00-14.59 ยามเชิน 15.00.16.59 ยาวโหย่ว 17.00-18.59 ยามชวี 19.00-20.59 ยามห้าย 21.00-22.59
1. คุณชายตระกูลลู่
เสียงแง้มประตูให้เปิดออก ตามมาด้วยร่างของหญิงชรานางหนึ่ง ยามนี้เป็นเวลาเช้าตรู่อากาศจึงหนาวเย็นยะเยือก หยาดน้ำค้างเกาะอยู่ตามยอดหลิวแลดูอ่อนละมุมยิ่ง กลิ่นควันจากการเผาไหม้จาง ๆ ลอยมาเตะจมูก เพราะกลิ่นนี้นางจึงทอดมองไปยังเตาเผาเครื่องปั้นของลูกชาย ผลันดวงตาพร่ามัวก็สะดุดเข้ากับวัตถุบางอย่างที่วางอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ หญิงชราเดินเชื่องช้าไปยังแคร่ไม้ไผ่ตัวนั้น เมื่อได้เข้ามาดูใกล้ ๆ ก็พบว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นแต่ไกลคือถุงผ้าสีน้ำตาลใบหนึ่ง มือเหี่ยวย่นเอื้อมออกไปหยิบถุงผ้ามาเปิดดู ทว่าสิ่งที่อยู่ในถุงทำให้นางเบิกตาโตตะลึงค้าง..
"เชาถง! ปิงเหยียนออกมาดูนี่เร็วเข้า!"
……
…..
นครฉงเทียน 2024
รถซูเปอร์คาร์สุดหรูเล่นพาดผ่านถนนคดเคี้ยวเชิงเขา หญิงสาวที่นั่งมาด้วยลดกระจกลงรับอากาศบริสุทธิ์ สายลมอ่อนสะพัดมาได้กลิ่นหอมของมวลต้นไม้ใบหญ้าผสมกับกลิ่นดินกรุ่นหลังฝนตกใหม่ ภูเขาตรงหน้าตั้งตระหง่านระฟ้า ความพิเศษของหุบเขาแห่งนี้คือขึ้นสลับสับหว่างสวยงามราวจับวาง หากไม่ติดว่านี่คือดินแดนมนุษย์ ผู้มาเยือนอาจหลงผิดคิดว่าเป็นดินแดนสวรรค์
"วั้งซานกู่" คือสถานที่ทางธรรมชาติสุดแสนมหัศจรรย์ นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามแล้วยังมีลำธารไหลลงมาจากยอดเขา เป็นแหล่งน้ำสะอาดบริสุทธิ์ มีความใสกระจ่างจนมองเห็นฝูงปลาแหวกว่ายไปมา แม้กระทั่งก้อนกรวดเล็ก ๆ ที่ก้นลำธารก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
บรรยากาศในรถค่อนข้างอึดอัดอยู่ไม่น้อย เนื่องจากผู้โดยสารทั้งหมดไม่ได้ปริปากพูดคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว กระทั่งรถเคลื่อนมาจอดยังตีนเขาซึ่งเป็นที่ดินแปลงใหญ่สุดลูกหูลูกตา ถือครองโฉนดที่ดินโดยทายาทตระกูลลู่ยาวนานหลายชั่วอายุคน
ตระกูลลู่คือตระกูลเก่าแก่ร่ำรวยมหาศาล ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และประเภทส่งออกสินค้าไปขายต่างประเทศ มากด้วยเงินทองและบริวาร เพราะอย่างนั้น ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของรุ่นปัจจุบันอย่าง "ลู่ฉางกัง" ถึงได้หยิ่งยโสเพียงนี้
หากไม่มีเรื่องราวสะเทือนขวัญเมื่อสิบปีก่อน ฉางกังก็คงไม่ต้องแบกรับทุกอย่างลำพัง เขาเคยมีพ่อและแม่อยู่กันพร้อมหน้า ทว่าทุกอย่างผันผ่านราวกับฝัน อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดพรากทุกคนไปจนหมด ปัจจุบันนี้มีเพียงคุณย่าเพียงคนเดียวซึ่งเป็นครอบครัวที่เขาเหลืออยู่
ชายหนุ่มมองออกไปนอกกระจกรถ เห็นบ้านเรือนทรุดโทรมจำนวนกว่าร้อยหลังคาที่ตั้งอยู่หนึ่งหย่อม จึงรู้สึกขวางหูขวางตาเป็นอย่างมาก พร้อมกันนั้นหลากหลายคำถามผุดขึ้นมาในหัว
...เพราะอะไร...ทำไมคุณย่าถึงได้เมตตาคนกลุ่มนี้นักนะ
คุณย่าถึงขั้นอนุญาตให้คนจน ๆ พวกนี้เข้ามาสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัย และให้ใช้ที่ดินทำกิน โดยคิดค่าเช่าเพียงเดือนละหนึ่งตำลึง
...ฟังไม่ผิด...ค่าเช่าเพียงหนึ่งตำลึงต่อเดือน!
สิ่งเหล่านี้ขัดต่อหลักการทางความคิดของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าหากต้องเสียอะไรไป ต้องได้ผลประโยชน์ตอบแทนมาอย่างคุ้มค่า แต่เท่าที่เห็นฉางกังคิดว่าคนพวกนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลยต่อตระกูลลู่ ก็แค่คนยากจนไร้ที่พึ่งพิงและไม่มีที่ไป หวังอาศัยบารมีของตระกูลลู่คุ้มกะลาหัว หากให้อยู่ต่อก็รังแต่จะสร้างความเสื่อมโทรมและทำลายทัศนียภาพของที่ดินผืนงามจนด้อยราคาลง
ดังนั้น จุดประสงค์หลักในการมาของฉางกังในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการออกคำสั่งขับไล่ชาวบ้านออกไปอยู่ที่อื่น เขาคิดว่าหากปราศจากบ้านเรือนโกโรโกโสแล้ว ที่ดินผืนนี้น่าจะงามกว่าเดิมหลายเท่า ถ้าจะขายต่อนายทุนสร้างเป็นรีสอร์ทก็ดูเข้าที หรือทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติก็ดูไม่เลว
ท่อนขายาวท่าทางกำยำก้าวลงจากรถ ภายใต้ชุดสูทสีกรมท่าดูหรูหรา ยังมีนาฬิกาเรือนโปรดที่ประมูลมาในราคาหลายสิบล้าน ดู ๆ ไปแล้วก็ช่วยเสริมสร้างบุคลิกให้สง่าขึ้นไปอีก ใบหน้ามาดคมเข้มผุดผ่องสมกับที่เกิดในตระกูลบารมีสูงส่ง ผิวที่ขาวกระจ่างราวหยกน้ำค้างเมื่อกระทบแสงแดดยามเว่ย ดูดีเกินจะบรรยายได้ ทว่าภายใต้รูปลักษณ์ที่สง่างามนี้ จิตใจของลู่ฉางกังกลับถูกฝังกลบไปด้วยความเย็นชาไร้ซึ่งความเห็นใจผู้อื่น
หญิงสาวที่นั่งมาด้วยก็เดินลงจากรถเช่นกัน นามของเธอคือ จางลี่อิน แฟนสาวที่คบกันมานานหลายปีของฉางกัง เธอคนนี้แต่งตัวเรียบง่ายไม่เวิ่นเว้อเหมือนชายหนุ่ม
ตามมาด้วยเข่อซิง เลขาคนสนิทของฉางกังที่ลงจากรถเป็นคนสุดท้าย หลังจากที่ทั้งสามลงจากรถ ไม่นานก็มีชายวัย 60 หนาวคนหนึ่งเดินมาทางพวกเขา
"คุณชายลู่ เป็นบุญตาที่กระผมมีโอกาสได้เห็น"
ชายผู้นี้คือคนที่คุณย่าว่าจ้างให้ดูแลที่ดินหลังเขาวั้งซานกู่ เปรียบเสมือนผู้นำหมู่บ้านเลยก็ว่าได้ เขาเอ่ยขึ้นหลังจากเดินเข้ามาใกล้สักระยะสายตา ดวงตาของเขาเปี่ยมด้วยความดีใจแบบไม่ปิดบัง หากแต่มันกำลังจะเปลี่ยนไปในไม่ช้าเมื่อได้รับการตอบกลับจากบุคคลที่เขาเพิ่งเอ่ยชื่นชมเมื่อครู่
“รีบพาฉันไปดูให้จบ ๆ ที่ดินโกโรโกโสแบบนี้ฉันไม่อยากจะเสียเวลานาน”
ฉางกังพูดห้วน ๆ กับคนงานของคุณย่าจนอีกฝ่ายเก็บรอยยิ้มจริงใจแทบไม่ทัน เหลือไว้แต่เพียงรอยยิ้มฝืน ๆ ที่หากจะไม่ยิ้มก็ไม่ได้ แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรต่อชายหนุ่มก็เดินนำหน้าไปก่อนด้วยความรำคาญใจ
ลี่อินที่เห็นสีหน้าเจื่อนของชายแก่จึงรีบเดินมาขอโทษ เธอรู้นิสัยแฟนหนุ่มเป็นอย่างดีว่าเขาเป็นคนไม่สนโลกเพียงใด และรู้สึกอับอายแก่การกระทำของฉางกังเป็นอย่างมาก ในบางครั้งเธอได้พูดจาตักเตือนเขาไปบ้าง แต่ฉางกังก็ไม่ใส่ใจคำเตือนของเธอเลยสักนิด เขามักคิดว่าตนเองคือศูนย์รวมของจักรวาล และมั่นอกมั่นใจว่าตนเองสูงส่งอยู่เหนือกว่าทุกคน
“คุณลุงคะ ขอโทษแทนลู่กังด้วยนะคะ เขาอารมณ์ไม่ดีค่ะ หวังว่าคุณลุงจะไม่ถือสาเขานะคะ”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลจนรอยยิ้มของอีกฝ่ายกลับมาประดับบนใบหน้าอีกครั้ง ชายแก่พยักหน้าให้เธอเบา ๆ เป็นเชิงบอกว่าเขาไม่เป็นอะไรอย่าได้กังวล แล้วมือเหี่ยวที่ตรากตำทำงานหนักมาหลายปีก็ผายออกเป็นนัยยะว่าตนนั้นกำลังจะเดินนำให้เดินตามมา และพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า
"เชิญครับ ๆ เราเองก็รีบตามคุณชายลู่ไปกันเถอะครับ"
เวลาผ่านไปเป็นชั่วยาม แต่ฉางกังยังดูที่ดินได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เขารู้สึกหงุดหงิดเต็มทีจึงเอ่ยปากสบถคำไม่น่าฟังออกมาทุกเมื่อ กระทั่งสมควรแก่เวลาที่ต้องกลับลี่อินจึงค่อยรู้สึกเบาใจได้บ้าง เธอเกรงว่าหากเมื่อใดที่แฟนหนุ่มของเธอหงุดหงิดจะพูดจากระทบใครต่อใครให้เจ็บช้ำน้ำใจ หรือร้ายไปกว่านั้นอาจถึงขั้นไล่คนงานที่เป็นคนเก่าแก่ของตระกูลลู่ออกอย่างไร้เหตุผล เมื่อรถเคลื่อนตัวจากไปเพียงไม่กี่นาทีก็ต้องหยุดกะทันหัน เหตุเพราะเสียงด่าทอของผู้เป็นนาย
“เจ้างั่ง! ถ้าจะขับช้าขนาดนี้ฉันนั่งเต่าไปไม่ดีกว่าเหรอ”
ลี่อินเห็นแฟนหนุ่มพูดด้วยอารมณ์โทสะ นี่คือภาพที่เห็นเป็นประจำแต่เธอก็ไม่อาจเพิกเฉยได้เลย บางครั้งเธอมองว่าไม่ใช่ความผิดของเข่อซิงด้วยซ้ำ เพียงเพราะว่าฉางกังเห็นเลขาเป็นที่ระบายอารมณ์เพียงเท่านั้น เข่อซิงก็เลยถูกปฏิบัติตอบด้วยพฤติกรรมที่ไม่ให้เกียรติ
“แล้วคุณจะเอายังไงคะ ฉันว่าความเร็วระดับนี้ถือว่าปลอดภัยกับพวกเราแล้ว นี่เป็นเส้นทางบนเขานะ ทั้งคดเคี้ยวและลาดชัน ถ้าคุณไม่พอใจมากนักคุณก็ไปขับเองสิ”
เสียงหวานของจางลี่อินเอ่ยสวนกลับฉางกังอย่างไม่พอใจ นี่คงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว ในเมื่อเขามักจะเอาตามใจตนเองทุกอย่าง เช่นนั้นสมควรให้เขาขับเองจะได้สิ้นเรื่อง ฉางกังหันมาสบตาแฟนสาวด้วยสีหน้าสุดจะเบื่อหน่าย แล้วพูดกระแทกเสียงจนลี่อินสะดุ้ง
“ได้! เดี๋ยวผมจะขับเอง"
พูดจบเขาก็เปลี่ยนที่นั่งกับเข่อซิง แล้วขับรถออกไปด้วยความเร็วชนิดที่เรียกได้ว่าหูดับตับไหม้ บริเวณนี้คือทางแทรกกลางระหว่างเขาสองลูกที่ถูกระเบิดเพื่อแหวกเส้นทางทำถนนสำหรับสัญจรไปมา เส้นทางค่อนข้างเปลี่ยว สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่ทว่าแซมไปด้วยบ้านคนที่ปลูกห่างกัน นาน ๆ ทีจะเจอสักหลัง ฉางกังจึงขาดความระมัดระวัง เขาได้เหยียบคันเร่งเต็มแรงหวังกลับให้ถึงบ้านที่อยู่ในตัวเมืองโดยเร็ว
...แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
พลั่ก!
กรี๊ดดดด
วัตถุบางอย่างกระทบตัวรถ ตามมาด้วยเสียงเหยียบเบรกกะทันหัน ลี่อินกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ ในตอนแรกฉางกังคิดว่าตนเองขับรถชนสัตว์ป่าที่กำลังข้ามถนนหรือกำลังออกหากินจึงลดกระจกลงดู ปรากฏว่าเห็นชายแก่ ๆ นอนบาดเจ็บอยู่ ข้างชายแก่มีผู้หญิงอายุราว 30 หนาวต้น ๆ พวกเขาทั้งสองคือชาวบ้านธรรมดาที่อาศัยอยู่ละแวกนี้ สวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ผิวดำหยาบกร้าน ใบหน้ามอมแมม ร่างกายคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหงื่อไคลจากการใช้แรงงานหนัก
ในขณะที่ฉางกังกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลี่อินก็ลงไปพยุงชายแก่คนนั้นให้ลุกนั่ง เธอร้อนรนให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ คนจิตใจดีอย่างลี่อินคิดไปไกลว่าแฟนหนุ่มของเธอควรจะพาชายแก่คนนี้ไปส่งโรงพยาบาล แต่ฉางกังไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยสักนิดเดียว
...หึ ลูกไม้ตื้น ๆ
เขาคิดในใจอย่างไร้มนุษยธรรม
>>>>>ไรท์ฝากกดหัวใจสีชมพูดวงน้อย ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นิยายของไรท์มีคนเข้ามาเห็นเยอะ ๆ ด้วยนะคะ
นิยายเรื่องนี้มีความยาวอยู่ที่ประมาณ 40 ตอนถ้ายอดหัวใจถึง 200 ไรท์จะลงให้อ่านฟรีจนถึงตอนจบค่ะ
คุณหนูใบ้ที่ถูกข่มเหงรังแกหลังจากฟื้นขึ้นมากลับกลายเป็นสาวนักธุรกิจที่ทะลุมิติมาเข้าร่าง ในเมื่อชีวิตเก่าเจ้าของร่างอาภัพนักชีวิตใหม่นี้ฉู่เสวียนหนี่ขอสาบานว่าจะทำให้ดีเอง! *********** ผลจากการโหมงานหนักทำให้ฉู่เสวียนหนี่สิ้นใจตายคาโต๊ะทำงาน เดิมที่คิดว่าความตายคือจุดจบ...แท้จริงแล้วมันคือจุดเริ่มต้น เพราะวิญาณของเธอได้ทะลุมิติเข้ามายังยุคโบราณล้าหลัง เหมือนชะตากลั่นแกล้งไม่ผิดเพี้ยน ฉู่เสวียนหนี่ดันเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างของคุณหนูสามที่ชีวิตสุดแสนบัดซบ ได้รับผลข้างเคียงจากพิษแมงมุม คู่หมั้นที่เคยถูกหมายตาไว้ยื่นหนังสือถอนหมั้น หนำซ้ำยังถูกอุบายลวงญาติริษยาต้องออกจากจวนไปอาศัยกับแม่ชีที่อาราม
หลินเจียอีหญิงสาวในศตวรรษที่21ตกตายด้วยโรคระบาด วิญญาณของเธอได้ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุ14 ที่มีชื่อเดียวกับเธอซึ่งสิ้นใจตายระหว่างเดินทางกลับบ้านเดิมของมารด ********* หลินเจียอีลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพบ้านที่ไม่คุ้นชิน เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ได้เข้ารักษาตัวจากอาการติดเชื้อโรคระบาดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เหตุใดถึงมาโผล่ในบ้านทรงโบราณ รอบกายเธอเต็มไปด้วยผู้คนแต่งตัวล้าสมัย ต่อมาเธอค้นพบว่าตนเองได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุ 14 ซึ่งมีชื่อเดียวกันกับเธอ แต่ชะตากรรมของเด็กสาวผู้นี้ช่างน่าสงสารนัก บิดาเพิ่งลาโลก แม่โดนฮุบสมบัติแล้วถูกขับไล่ออกจากตระกูล ต้องระหกระเหินพาเจ้าของร่างที่ถูกทุบตีจนสิ้นใจระหว่างทางกลับมาบ้านเดิมที่แสนยากจนข้นแค้น ****ไม่มีฉากอีโรติก เริ่มล็อกเหรียญตอนที่ 25 ก่อนเข้าไปอ่านเนื้อหานิยายอ่านคำเตือนก่อนนะคะ (สำคัญมาก) 1. กรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพให้เกียรตินักเขียนและนักอ่านท่านอื่น หากแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในนิยายหรือมุ่งประเด็นด่าทอนักเขียนเพื่อระบายอารมณ์ ความคิดเห็นจะถูกลบออก!! 2. นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน บุคคลและสถานที่ที่เกิดขึ้นไม่มีอยู่จริงในโลก เนื้อหาในนิยายมีทั้งสมเหตุผลและไม่สมเหตุสมผล บางตอนอาจมีฉากที่รุนแรง (ต่อสู้) โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 3. ตัวละครในนิยายมีทั้งดีและเลวแต่กต่างกันไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ห้ามคัดลอกดัดแปลงแก้ไขนิยายเรื่องนี้ทุกกรณี หน่วยเงินตรา 1000 อีแปะ 1 ตำลึงเงิน หน่วยวัดตวงน้ำหนัก 1 ชั่ง 500 กรัม หน่วยเวลา 1 จิบน้ำชา ระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ 1 เค่อ 15 นาที 1 ก้านธูป 30 นาที 1 ชั่วยาม 2 ชั่วโมง 12 ชั่วยาม 24 ชั่วโมง ยามจื่อ 23.00-24.59 ยามโฉ่ว 01.00-02.59 ยามอิ๋น 03.00-04.59 ยามเหม่า 05.00-06.59 ยามเฉิน 07.00-08.59 ยามซื่อ 09.00-10.59 ยามอู่ 11.00-12.59 ยามเว่ย 13.00-14.59 ยามเชิน 15.00.16.59 ยาวโหย่ว 17.00-18.59 ยามชวี 19.00-20.59 ยามห้าย 21.00-22.59
เขาฟังอะคูสติกแต่เธอชอบหมอลำ เขาซื้อของไม่สนป้ายราคา เธอก็ซื้อของไม่สนป้ายราคาแต่เป็นร้านทุกอย่างยี่สิบ เขาหล่อสะอาดมาดเนี๊ยบเหมือนอาบน้ำทุกห้านาที เธอก็เป็นคนสวยแต่แปลก ******************* "คุณต่อรักงาน คุณต่อรักเพื่อน" "ใช่ครับ" "คุณต่อรักสัตว์ คุณต่อรักธรรมชาติ" "ใช่ครับ" "คุณต่อรักทุกสิ่งทุกอย่าง...แล้วก็รักข้าวด้วย" "...ไม่อ่าครับ"
สามปีที่แล้วเธอหนีเขาไปและทิ้งข้อความสุดแสนเจ็บปวดไว้ให้ สามปีต่อมาทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้งในสถานะเจ้านายกับลูกน้อง **** "หนูรู้ว่าคุณนัยน์ต้องการอะไร แต่ถ้าผ่านคืนนี้ไปแล้วหนูจะอยู่ข้างคุณในฐานะใดคะ หากคุณนัยน์คิดจะเล่น ๆ ไม่จริงจัง หัวใจของหนูมันต้องเจ็บปวดมากแน่ ๆ " "..." มีเพียงความเงียบแทนคำตอบ แต่สำหรับลลินามันคือคำตอบที่ดังที่สุด นัยน์ไม่ได้จริงจังแค่อยากเลี้ยงเธอไว้ดูเล่นแก้เหงา เป็นแค่ความสนุกและตื่นเต้นชั่วครั้งชั่วคราว ผู้หญิงสวยเขาก็เจอมามาก ทั้งฐานะหน้าตาเพรียบพร้อม แล้วเธอจะเอาอะไรไปสู้ผู้หญิงพวกนั้นได้ เขาจะมาจริงจังอะไรกับเด็กกะโปโลอย่างเธอ
"อย่ามั่นใจว่าผมจะไม่กล้าทำอะไรคุณ ลืมไปรึเปล่าว่ามนุษย์ได้คิดค้นสิ่งที่เรียกว่าถุงยางอนามัยมาให้ประชากรโลกใช้แล้ว ไม่ท้องหรอก"
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ