/0/21728/coverbig.jpg?v=029113ff3ff01ddd43c988d60dd2a9ec)
คุณหนูใบ้ที่ถูกข่มเหงรังแกหลังจากฟื้นขึ้นมากลับกลายเป็นสาวนักธุรกิจที่ทะลุมิติมาเข้าร่าง ในเมื่อชีวิตเก่าเจ้าของร่างอาภัพนักชีวิตใหม่นี้ฉู่เสวียนหนี่ขอสาบานว่าจะทำให้ดีเอง! *********** ผลจากการโหมงานหนักทำให้ฉู่เสวียนหนี่สิ้นใจตายคาโต๊ะทำงาน เดิมที่คิดว่าความตายคือจุดจบ...แท้จริงแล้วมันคือจุดเริ่มต้น เพราะวิญาณของเธอได้ทะลุมิติเข้ามายังยุคโบราณล้าหลัง เหมือนชะตากลั่นแกล้งไม่ผิดเพี้ยน ฉู่เสวียนหนี่ดันเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างของคุณหนูสามที่ชีวิตสุดแสนบัดซบ ได้รับผลข้างเคียงจากพิษแมงมุม คู่หมั้นที่เคยถูกหมายตาไว้ยื่นหนังสือถอนหมั้น หนำซ้ำยังถูกอุบายลวงญาติริษยาต้องออกจากจวนไปอาศัยกับแม่ชีที่อาราม
1. ทาบทามนางไปเป็นสะใภ้
เสียงวิ่งย้ำใบไม้แห้งดังกรอบแกร็บตามมาด้วยร่างของเด็กชายคนหนึ่งโผล่พ้นชายป่า ป๋อเหวินบุตรชายคนโตของฉู่มู่เฉินวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอกซูหนี่ซึ่งเป็นน้องสาวร่วมมารดาด้วยอาการตื่นตระหนก เขาและเสวียนหนี่น้องสาวคนเล็กได้ชวนกันเล่นซ่อนหาบริเวณหลังจวน โดยที่ตนเป็นคนซ่อนตัวแล้วให้อีกฝ่ายเป็นคนตามหา เวลาไล่หลังผ่านไปได้หนึ่งเค่อป๋อเหวินไม่เห็นเสวียนหนี่จึงออกจากที่หลบซ่อนร้องเรียกหานาง ทว่าไม่พบแม้กระทั่งเงา
“ทำเช่นไรดี ฮูหยินใหญ่ต้องตีข้าแน่ ข้าจะทำเช่นไรดีซูหนี่”
เขาถามน้องสาวเสียงสั่นขอบตาแดงรื้นราวกับว่าน้ำตาที่กักเก็บเอาไว้จะหล่นแหมะอยู่รอมร่อ แต่ไหนแต่ไรฉู่ป๋อเหวินมักจะมีนิสัยหัวอ่อนขี้ขลาด และทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเอง หากพบเจอปัญหาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็มักจะวิ่งเต้นหาคนช่วยอยู่ร่ำไป แม้กระทั่งฉู่ซูหนี่ที่อายุน้อยกว่าเขาก็ยังหวังยึดเอาเป็นที่พึ่ง
ฉู่มู่เฉินเป็นผู้นำตระกูลฉู่ ซึ่งดำรงตำแหน่งขุนนางขั้นสาม มีภรรยาเอกนามว่าซินหยาง เมื่อแปดปีก่อนนางได้ให้กำเนิดบุตรสาวหนึ่งคนตั้งชื่อให้ว่าฉู่เสวี่ยนหนี่ นอกจากนั้นเขายังมีบุตรชายและบุตรสาวที่เกิดจากเจียวเหมยซึ่งเป็นอนุ บุตรชายคนโตฉู่ป๋อเหวินอายุย่างสิบเอ็ดขวบหนาว และบุตรสาวคนรองฉู่ซูหนี่อายุเก้าขวบหนาว
ปกติแล้วฉู่เสวี่ยนหนี่จะติดพี่ชายคนโต ส่วนซูหนี่ว์ซึ่งเป็นพี่รองไม่ค่อยสุงสิงกับพี่น้องคนอื่น ๆ มากนัก หรือถ้าหากมีโอกาสได้เล่นด้วยกันอีกฝ่ายก็มักจะหาเรื่องกลั่นแกล้งน้องสาวคนเล็กจนได้รับบาดเจ็บเนื้อตัวเขียวช้ำอยู่เป็นประจำ ด้วยสาเหตุนี้ฉู่เสวี่ยนหนี่จึงไม่ค่อยให้ความสนิทสนมกับพี่สาวเท่าไหร่นัก
“ข้าจะทำอย่างไรดี หากนางเป็นอะไรขึ้นมาข้าต้องถูกตีแน่ ๆ”
เหงื่อกาฬเม็ดเล็กผุดขึ้นที่หน้าผาก เขาพูดพลางย่ำเท้าสลับไปมา เนื่องด้วยลึกเข้าไปนั้นเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากต้นไม้สูงตระหง่านและหญ้ารกชัฏยังมีสัตว์ป่าหลายชนิด รวมไปถึงสัตว์ป่าดุร้ายที่พร้อมกระโจนปลิดชีพไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่
“อย่าตาขาว! มีคนอื่นรู้หรือไม่ว่าท่านพี่พานางเข้าไปเล่นหลังจวน”
“ไม่ ไม่มีผู้ใดรู้ เช่นนั้นข้า... ข้าต้องรีบไปแจ้งท่านพ่อกับฮูหยินใหญ่ก่อนว่าเสวียนหนี่หายตัวไป”
เด็กชายพูดจบก็ทำท่าจะวิ่งกลับไปที่เรือนหลัก ทว่าก็ถูกผู้เป็นน้องสาวรั้งตัวไว้เสียก่อน นางมองหน้าพี่ชายด้วยแววตานิ่งเฉยไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนกับการที่อีกฝ่ายหายตัวไป ก่อนหน้านี้นางกับพี่ชายก็มักจะไปเล่นบริเวณนั้นอยู่เป็นประจำ ซึ่งมันก็ไม่เห็นว่ามีอะไรให้น่าเป็นห่วง
วันนี้เรือนใหญ่ค่อนข้างวุ่นวายนักท่านพ่อกับฮูหยินใหญ่คงไม่มีเวลามาคอยดูแลบุตรสาวของตนเองหรอก เพราะซีฮันอ๋องมาเยี่ยมเยือนบิดาถึงจวน ทำให้เหล่าบรรดาบ่าวรับใช้ต่างถูกเรียกไปรบปรนนิบัติรับใช้ สาวใช้ที่คอยดูแลเสวียนหนี่ก็ถูกเกณฑ์ไปด้วย ทำให้อีกฝ่ายพ้นขอบเขตระยะสายตาผู้ใหญ่ ครั้นพอถูกพี่ชายคนโตชวนไปเล่นก็หายตัวไปอีก
ซีฮันอ๋องนับเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองอันดับต้น ๆ แต่ไม่มีผู้ใดพูดได้ว่าเทียบเท่ากับกษัตริย์ เพราะต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดถึง ด้วยความที่อ๋องซีฮันเป็นผู้กุมอำนาจเสียส่วนใหญ่ เป็นดั่งนิ้วมือที่คอยชักใยหุ่นเชิดจึงไม่มีผู้ใดอาจหาญลบหลู่ การที่ซีฮันอ๋องมาเยี่ยมจวนตระกูลฉู่ครั้งนี้ถือเป็นหน้าเป็นตาแก่ตระกูล ผู้ใหญ่ทุกคนจึงต้องอยู่เพื่อต้อนรับอย่างดีจะได้ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง
“พี่ใหญ่ ช้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าว่าเอาอย่างนี้ดีหรือไม่” เด็กหญิงที่มีใจริษยาได้คิดบางสิ่งบางอย่างออก มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยนึกถึงคำพร่ำสอนของมารดาที่บอกให้นางชิงดีชิงเด่นกับฉู่เสวียนหนี่ คิดได้เช่นนั้นนางจึงแสร้งแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจพี่ชายอยู่บ้าง “ตอนนี้ท่านพ่อ ฮูหยินใหญ่ และท่านแม่ของเรากำลังต้อนรับการมาของซีฮันอ๋องอยู่ เวลานี้เด็กอย่างพวกเราไม่สมควรเข้าไปยุ่มย่าม”
“นี่... เจ้าหมายความว่า!” ป๋อเหวินมีท่าทีมึนงง ไม่เข้าใจว่าน้องสาวกำลังหมายถึงอะไร
“เสวียนหนี่กับท่านพี่เล่นซ่อนหากันอยู่ไม่ใช่หรือ บางทีนางอาจไม่ได้หายไปไหน เผลอ ๆ หากนางหาพี่ใหญ่ไม่เจอก็อาจจะเดินกลับจวนเองด้วยซ้ำ” ฉู่ซูหนี่เอ่ยแนะนำพี่ชาย
“ตะ...แต่เสวียนหนี่” เด็กชายมีท่าทีลังเล
“หากท่านพี่ไปแจ้งฮูหยินใหญ่ว่าบุตรสาวของนางหายตัวไปตอนที่กำลังเล่นอยู่กับท่านพี่” นางเว้นจังหวะเล็กน้อย ค่อยเสริมอย่างจริงจังว่า “ฮูหยินใหญ่จะต้องฆ่าท่านพี่ตายแน่”
“ฆะ... ฆ่าเลยหรือ!” ฉู่ป๋อเหวินมีท่าตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด ความที่ตนเองยังเป็นเด็กจึงเกิดความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
“อืม! ใช่” ฉู่ซูหนี่พยักหน้าช้า ๆ อย่างเห็นอกเห็นใจ นางลูบหลังมือพี่ชายปลอบขวัญแล้วเสนอทางออกวิธีอื่นให้ โดยที่ป๋อเหวินไม่รู้เลยว่าภายในใจของนางนั้นกำลังคิดการใดอยู่
“อีกเพียงไม่นานก็จะเย็นแล้ว ยามนั้นเมื่อท่านพ่อกับฮูหยินใหญ่ไม่เห็นว่านางกลับจวน พวกเขาก็จะออกตามหาตัวนางเอง จำไว้ว่าท่านพี่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ทำตามที่ข้าบอกแล้วท่านพี่จะไม่มีความผิด”
“ขะ... ข้าต้องทำเช่นนั้นหรือถึงจะไม่มีความผิด” เด็กชายยังมีสีหน้าเป็นกังวล เขาเชื่อในคำพูดของน้องสาวทุกประการ
“ใช่แล้ว...ข้าหวังดีกับท่านพี่นะเจ้าคะ” นางพยักหน้าหงึกงัก แต่ถึงกระนั้นผู้เป็นพี่ชายก็ยังคงไม่มั่นใจ เขายังเด็กนักยังไม่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมอันใดทั้งสิน
“แต่... แต่ฮูหยินใหญ่จะไม่ทำอะไรข้าจริง ๆ หรือถ้านางรู้ภายหลัง”
“แล้วนางจะทำอันใดพี่ใหญ่ได้เล่า หากพี่ใหญ่ยืนกรานว่าไม่รู้ไม่เห็น” นางบอกกล่าวอย่างใจเย็น
ความคิดของนางไปไกลเกินกว่าเด็กวัยเก้าขวบแล้ว นางไม่ได้พูดเพราะความไร้เดียงสาแต่พูดเลียนแบบตามคำสั่งสอนของมารดาต่างหาก สาเหตุหลักที่บิดาโปรดปรานท่านแม่เป็นพิเศษ เพราะท่านได้ให้กำเนิดป๋อเหวินซึ่งเป็นบุตรชายคนแรกของตระกูล สำหรับท่านพ่อที่เป็นขุนนางระดับสามการที่ได้บุตรชายถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากกว่าบุตรสาวเสียอีก
ส่วนซินหยางแม้จะเป็นภรรยาเอกแต่นางไม่สามารถมีบุตรชายให้แก่ท่านพ่อได้ ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้รับความโปรดปรานเทียบเท่ากับท่านแม่ที่เป็นเพียงอนุ
ด้านอ๋องซีฮันที่อยู่พูดคุยกับฉู่มู่เฉินจนถึงยามเซิน (15.00-16.59) ทันทีที่ส่งอีกฝ่ายเสร็จ เจียวเหมยจึงได้ถามผู้เป็นสามีอย่างใคร่รู้ เพราะนางยังคงไม่กระจ่างกับสิ่งที่ซีฮันอ๋องพูดเมื่อครู่
“ท่านพี่ หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ ท่านอ๋องอยากหมั้นหมายเสวียนหนี่ไว้ให้บุตรชายคนโต ข้าเข้าใจถูกหรือไม่”
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว” ฉู่มู่เฉินหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างพึงพอใจ เพราะการที่ได้เกี่ยวดองกับซีฮันอ๋องเป็นสิ่งที่เขาปรารถนามาตลอด ในที่สุดเสวียนหนี่ก็ทำให้เขาสมหวังโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากร้องขอใด ๆ
“โชคเข้าข้างจริง ๆ ในที่สุดข้าก็จะได้เกี่ยวดองกับซีฮันอ๋องแล้ว” อีกฝ่ายเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี ส่งผลให้เจียวเหมยรู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย เพราะเหตุใดสตรีที่ท่านอ๋องหมายตาเอาไว้ให้บุตรชายถึงไม่เป็นบุตรสาวของนาง ไม่รู้ว่าเสวียนหนี่มีวาสนาดีขนาดไหนกัน ถึงได้มีตระกูลทรงอิทธิพลที่สุดในแคว้นเถียนมาทาบทามไว้ตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้
เจียวเหมยพยายามข่มกลั้นความริษยาไว้ภายใน ก่อนจะแสร้งปั้นหน้ายิ้มเสมือนยินดีกับอีกฝ่ายไปด้วย “การเกี่ยวดองกับท่านอ๋องถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง ตระกูลฉู่ของเราจะได้มั่นคงยิ่งกว่าเดิม ข้าดีใจกับท่านพี่ด้วยนะเจ้าคะ ยินดีกับเสวียนหนี่และฮูหยินใหญ่ด้วย”
ซินหยางมองดูทั้งคู่แย้มยิ้มหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข นางจึงเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ใจจริงแล้วนางไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับการทาบทามในครั้งนี้เท่าใดนัก เพราะนางมองเจตนาของคนผู้นั้นออก การที่เขาอยากได้เสวียนหนี่ไปเป็นสะใภ้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่ฉู่มู่เฉินที่อยากได้ซีฮันอ๋องมาคอยหนุนรากฐานตระกูลให้มั่นคงหรอกนะ แต่อีกฝ่ายก็กระหายอำนาจไม่แพ้กัน
ดังนั้นแม้ตระกูลฉู่จะมีอิทธิพลไม่เทียบเท่ากับท่านอ๋อง แต่ก็มิได้น้อยหน้ากว่าตระกูลอื่น ๆ ออกจะเป็นหมายเลขหนึ่งเสียด้วยซ้ำเมื่อพิจารณาดูดี ๆ
“แล้วนี่! เสวียนหนี่ไปไหน วันนี้ข้ายังไม่เห็นนางเลย” ครั้นเมื่อหัวเราะจนพอใจเขาจึงได้หันมาถามภรรยา
“น่าจะเล่นอยู่ที่ศาลากลางสวนเจ้าค่ะ” นางตอบกลับ
“อืม! ฮูหยินต่อไปนี้เจ้าต้องดูแลบุตรสาวของเราให้ดี นางจะเป็นตัวนำโชคมาสู่ตระกูลเราเข้าใจหรือไม่” เขาเอ่ยกำชับภรรยา
“เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว” ซินหยางตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ในใจรู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย
ลึกเข้าไปในป่าหลังจวนตระกูลฉู่ เสวียนหนีร่ำไห้น้ำตาอาบแก้มด้วยความหวาดกลัวจับจิต เด็กหญิงตัวน้อยเดินไปไม่รู้ทิศรู้ทาง ด้วยความที่ยังเด็กมากนักและไม่รู้ว่าตนเองกำลังหลงทางอยู่ในป่า นางจึงเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ป่าฟังดูน่าขนลุก เสวียนหนี่พยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้นให้เงียบลง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าได้มีบางอย่างที่อันตรายกว่า สิ่งนั้นคือแมงมุมพิษร้ายแรงมันกำลังไต่จากชายอาภรณ์ขึ้นมาที่บริเวณลำคอ เมื่อเสวียนหนี่รู้สึกตัวนางจึงรีบปัดมันออกให้พ้น ทว่ากลับถูกแมงมุมกัดเข้าที่ปลายนิ้ว ความเจ็บปวดจากการถูกกัดทำให้นางเผลอปล่อยเสียงกรีดร้องออกมาอย่างลืมตัว ระยะแรกเด็กหญิงรู้สึกเจ็บปวดอย่างมหาศาลจนยกแขนไม่ขึ้น แต่เวลาผ่านไปไม่นานกลับรู้สึกชาไปทั้งตัวไร้เรี่ยวแรงจะขยับกาย ในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวก็พลันตกอยู่ในความมืดมิด เสียงกรีดร้องดังอยู่ในหูได้ไม่นานสติสัมปชัญญะของนางก็พลันดับวูบลงไปพร้อมกับร่างน้อย ๆ ที่ทิ้งตัวหมดสติลงแนบผืนพสุธา
การย้อนเวลาครั้งนี้ นอกจากจะทำให้เขาได้มีโอกาสแก้ไขหลายเรื่องราวที่เคยผิดพลาดยังทำให้เขาได้มีโอกาสพบเจอคนสำคัญในชีวิตอีกครั้ง แล้วเช่นนี้จะไม่ให้เขาขอบคุณสวรรค์ได้หรือ ************ ลู่ฉางกังคือทายาทตระกูลลู่ผู้มั่งคั่ง ทว่าเขาเป็นคนเย่อหยิ่งอวดดีและยึดถือตนเองเป็นศูนย์กลาง จนหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของตนเองไป อยู่มาวันหนึ่งเขาบังเอิญได้พบกล่องไม้โบราณซึ่งเป็นสมบัติประจำตระกูล เมื่อเปิดออกมันได้พาเขาย้อนเวลาไปยังมิติยุคโบราณ กลายเป็นเพียงเด็กชายวัยสิบขวบเท่านั้น ณ ในมิติคู่ขนานเขาพบกับคนสำคัญที่ชาตินี้เขาก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบอีกครั้ง การย้อนเวลาครั้งนี้ นอกจากจะทำให้เขาได้มีโอกาสแก้ไขหลายเรื่องราวที่เคยผิดพลาดแล้วยังช่วยเติมเต็มความหมายของคำคว่าครอบครัวให้แก่ใจเขาอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าลู่ฉางกังจะทำทุกอย่างให้ดีกว่าที่ผ่านมา *****ทำความเข้าใจนิดนึงนะคะ คาแรกเตอร์ตัวเอกของเรื่องไรท์เขียนไม่ได้ออกแบบให้แสนดียาดฟ้ามาดินเหมือนพระเอกผ้าขาวทั่วไป มีอิจฉา รัก โลภ โกรธ หลง แทบจะเป็นตัวร้ายที่ทะลุมิติไปเล่นตลกเลยก็ว่าได้ แรก ๆ นิสัยน้องจะน่าหยุมหัวหน่อย ๆ แต่จะมีเหตุการณ์เข้ามาทำให้คุณชายอ่อนหัดเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด ๆ *****ไม่มีฉากอีโรติก *****แนวใช้ชีวิต แนวเอาตัวรอด แนวนำพาครอบครัวสู่ความเจริญ นิยายเรื่องที่เขียนจบไปแล้ว 1.จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ 2.เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด คำเตือน 1. กรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพให้เกียรตินักเขียนและนักอ่านท่านอื่น งดแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในนิยายหรือมุ่งประเด็นด่าทอนักเขียนเพื่อระบายอารมณ์ 2. นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน บุคคลและสถานที่ที่เกิดขึ้นไม่มีอยู่จริงในโลก เนื้อหาในนิยายมีทั้งสมเหตุผลและไม่สมเหตุสมผล บางตอนอาจมีฉากที่รุนแรง (ต่อสู้) โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 3. ตัวละครในนิยายมีทั้งดีและเลวแตกต่างกันไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หน่วยเงินตรา 1000 อีแปะ 1 ตำลึงเงิน หน่วยวัดตวงน้ำหนัก 1 ชั่ง 500 กรัม หน่วยเวลา 1 จีบน้ำชา ระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ 1 เค่อ 15 นาที 1 ก้านธูป 30 นาที 1 ชั่วยาม 2 ชั่วโมง 12 ชั่วยาม 24 ชั่วโมง ยามจื่อ 23.00-24.59 ยามโฉ่ว 01.00-02.59 ยามอิ๋น 03.00-04.59 ยามเหม่า 05.00-06.59 ยามเฉิน 07.00-08.59 ยามซื่อ 09.00-10.59 ยามอู่ 11.00-12.59 ยามเว่ย 13.00-14.59 ยามเชิน 15.00.16.59 ยาวโหย่ว 17.00-18.59 ยามชวี 19.00-20.59 ยามห้าย 21.00-22.59
หลินเจียอีหญิงสาวในศตวรรษที่21ตกตายด้วยโรคระบาด วิญญาณของเธอได้ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุ14 ที่มีชื่อเดียวกับเธอซึ่งสิ้นใจตายระหว่างเดินทางกลับบ้านเดิมของมารด ********* หลินเจียอีลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพบ้านที่ไม่คุ้นชิน เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ได้เข้ารักษาตัวจากอาการติดเชื้อโรคระบาดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เหตุใดถึงมาโผล่ในบ้านทรงโบราณ รอบกายเธอเต็มไปด้วยผู้คนแต่งตัวล้าสมัย ต่อมาเธอค้นพบว่าตนเองได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุ 14 ซึ่งมีชื่อเดียวกันกับเธอ แต่ชะตากรรมของเด็กสาวผู้นี้ช่างน่าสงสารนัก บิดาเพิ่งลาโลก แม่โดนฮุบสมบัติแล้วถูกขับไล่ออกจากตระกูล ต้องระหกระเหินพาเจ้าของร่างที่ถูกทุบตีจนสิ้นใจระหว่างทางกลับมาบ้านเดิมที่แสนยากจนข้นแค้น ****ไม่มีฉากอีโรติก เริ่มล็อกเหรียญตอนที่ 25 ก่อนเข้าไปอ่านเนื้อหานิยายอ่านคำเตือนก่อนนะคะ (สำคัญมาก) 1. กรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพให้เกียรตินักเขียนและนักอ่านท่านอื่น หากแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในนิยายหรือมุ่งประเด็นด่าทอนักเขียนเพื่อระบายอารมณ์ ความคิดเห็นจะถูกลบออก!! 2. นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน บุคคลและสถานที่ที่เกิดขึ้นไม่มีอยู่จริงในโลก เนื้อหาในนิยายมีทั้งสมเหตุผลและไม่สมเหตุสมผล บางตอนอาจมีฉากที่รุนแรง (ต่อสู้) โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 3. ตัวละครในนิยายมีทั้งดีและเลวแต่กต่างกันไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ห้ามคัดลอกดัดแปลงแก้ไขนิยายเรื่องนี้ทุกกรณี หน่วยเงินตรา 1000 อีแปะ 1 ตำลึงเงิน หน่วยวัดตวงน้ำหนัก 1 ชั่ง 500 กรัม หน่วยเวลา 1 จิบน้ำชา ระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ 1 เค่อ 15 นาที 1 ก้านธูป 30 นาที 1 ชั่วยาม 2 ชั่วโมง 12 ชั่วยาม 24 ชั่วโมง ยามจื่อ 23.00-24.59 ยามโฉ่ว 01.00-02.59 ยามอิ๋น 03.00-04.59 ยามเหม่า 05.00-06.59 ยามเฉิน 07.00-08.59 ยามซื่อ 09.00-10.59 ยามอู่ 11.00-12.59 ยามเว่ย 13.00-14.59 ยามเชิน 15.00.16.59 ยาวโหย่ว 17.00-18.59 ยามชวี 19.00-20.59 ยามห้าย 21.00-22.59
เขาฟังอะคูสติกแต่เธอชอบหมอลำ เขาซื้อของไม่สนป้ายราคา เธอก็ซื้อของไม่สนป้ายราคาแต่เป็นร้านทุกอย่างยี่สิบ เขาหล่อสะอาดมาดเนี๊ยบเหมือนอาบน้ำทุกห้านาที เธอก็เป็นคนสวยแต่แปลก ******************* "คุณต่อรักงาน คุณต่อรักเพื่อน" "ใช่ครับ" "คุณต่อรักสัตว์ คุณต่อรักธรรมชาติ" "ใช่ครับ" "คุณต่อรักทุกสิ่งทุกอย่าง...แล้วก็รักข้าวด้วย" "...ไม่อ่าครับ"
สามปีที่แล้วเธอหนีเขาไปและทิ้งข้อความสุดแสนเจ็บปวดไว้ให้ สามปีต่อมาทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้งในสถานะเจ้านายกับลูกน้อง **** "หนูรู้ว่าคุณนัยน์ต้องการอะไร แต่ถ้าผ่านคืนนี้ไปแล้วหนูจะอยู่ข้างคุณในฐานะใดคะ หากคุณนัยน์คิดจะเล่น ๆ ไม่จริงจัง หัวใจของหนูมันต้องเจ็บปวดมากแน่ ๆ " "..." มีเพียงความเงียบแทนคำตอบ แต่สำหรับลลินามันคือคำตอบที่ดังที่สุด นัยน์ไม่ได้จริงจังแค่อยากเลี้ยงเธอไว้ดูเล่นแก้เหงา เป็นแค่ความสนุกและตื่นเต้นชั่วครั้งชั่วคราว ผู้หญิงสวยเขาก็เจอมามาก ทั้งฐานะหน้าตาเพรียบพร้อม แล้วเธอจะเอาอะไรไปสู้ผู้หญิงพวกนั้นได้ เขาจะมาจริงจังอะไรกับเด็กกะโปโลอย่างเธอ
"อย่ามั่นใจว่าผมจะไม่กล้าทำอะไรคุณ ลืมไปรึเปล่าว่ามนุษย์ได้คิดค้นสิ่งที่เรียกว่าถุงยางอนามัยมาให้ประชากรโลกใช้แล้ว ไม่ท้องหรอก"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"