คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ค่ำคืนนี้ในเมืองB ฝนตกหนัก เจียงซิงซิงเดินเข้ามาในคลับนักล่าฝันด้วยสภาพที่เปียกโชกไปทั้งตัว
แม้ตัวเธอจะชุ่มไปด้วยน้ำฝน แต่กล่องเค้กที่เธอถืออยู่ในมือกลับแห้งสะอาด ทั้งยังคงสภาพสมบูรณ์
เมื่อยืนอยู่หน้าประตูห้องส่วนตัว เจียงซิงซิงสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะยื่นมือไปผลักประตูเข้าไป
“อันเหยียน เธอหายไปสามปีเต็ม ๆ เย่เสียวไม่เคยหยุดตามหาเธอเลยแม้แต่วันเดียว ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว!”
เสียงพูดนี้ทำให้เจียงซิงซิงที่กำลังก้าวเท้าเข้าไปชะงักทันที
อันเหยียน
คือ…… อดีตคนรักของเย่เสียว หร่วนอันเหยียนงั้นเหรอ
“ได้ยินมาว่า…… เย่เสียวแต่งงานแล้วเหรอ?” เสียงนุ่มนวลของหญิงสาวดังขึ้น
“เฮ้อ! อันเหยียน เธอไม่ต้องไปสนใจผู้หญิงคนนั้นหรอก ตอนนั้นท่านผู้เฒ่าจั้นบังคับเย่เสียวโดยใช้เธอเป็นตัวประกัน บอกว่าถ้าเขาไม่แต่งงาน เธอจะต้องตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นการแต่งงานของเย่เสียวก็เพื่อปกป้องเธอนั่นแหละ”
“เป็นอย่างนั้นเหรอ?” หร่วนอันเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“แน่นอนอยู่แล้ว! ไม่อย่างนั้นเย่เสียวจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ทั้งอ้วน ทั้งขี้เหร่ แถมยังเป็นลูกนอกสมรสอย่างเจียงซิงซิงเหรอ? เขาก็แค่ต้องการประชดให้คุณปู่ไม่พอใจเท่านั้นเอง!”
เจียงซิงซิงที่ยืนอยู่หน้าห้อง สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในชั่วพริบตา
เมื่อครั้งนั้นที่เย่เสียวถามเธอว่า เธอยินดีแต่งงานกับเขาไหม เธอตื่นเต้นดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน คิดว่าสวรรค์คงประทานพรมาให้เธอแล้ว
แต่ที่แท้…… เป็นเพราะเธอทั้งอ้วน ทั้งน่าเกลียด และเป็นเพียงลูกนอกสมรส การแต่งงานกับเธอเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อแก้แค้นคุณปู่เท่านั้น……
ฮ่ะ…… ฮ่า ๆ ๆ !
เจียงซิงซิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตัวเองอย่างความขมขื่น ร่างกายก็โซเซไปมาเล็กน้อย
เธอฝืนกำลูกบิดประตูเอาไว้แน่นเพื่อประคองตัวไม่ให้ล้ม
“ว่าแต่นี่ก็ผ่านไปตั้งห้าชั่วโมงแล้ว เจียงซิงซิงคงไม่มาแล้วล่ะมั้ง! ร้านขนมหวานหลัวจี้อยู่แถบชานเมืองทางตะวันออก ตลอดเส้นทางไปกลับใช้เวลาสามชั่วโมง แถมร้านนั้นยังคนเยอะจนต้องต่อแถวยาวทุกวัน เจียงซิงซิงไม่มีทางโง่ขนาดนั้นหรอก”
“ขอแค่เย่เสียวเอ่ยปาก อย่าว่าแค่ฝั่งตะวันออกของเมืองเลย ต่อให้ต้องไปถึงเมืองC เจียงซิงซิงก็จะรีบวิ่งแจ้นไปทันทีโดยไม่ลังเลเลย ใคร ๆ ก็รู้ว่าเธอนั้นหลงรักเย่เสียวจนโงหัวไม่ขึ้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เสียงเย้ยหยันและดูแคลนของคนกลุ่มนั้นดังขึ้น เจียงซิงซิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามควบคุมสีหน้าของตัวเอง ก่อนจะออกแรงผลักประตูห้องแล้วเดินเข้าไป
ทันทีที่เข้าห้อง เธอเห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงกลางโซฟา ชายผู้นั้นดูสง่างามและโดดเด่นเป็นประกายราวกับบุรุษจากสวรรค์
ชายหนุ่มเอนกายพิงโซฟาอย่างเกียจคร้าน ขายาวเรียวไขว้กันในท่าทีที่ดูผ่อนคลาย แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความสง่างาม
ใบหน้าที่ทั้งหล่อเหลาและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันนั้น หาได้ยากโดยแท้ ทุกส่วนบนใบหน้าหล่อเหลาราวกับประติมากรรมที่ไร้ที่ติ ดวงตาคมกริบและจมูกโด่งทำให้ดูสมบูรณ์แบบในทุกมุมมอง
นี่คือสามีของเธอ......จั้นเย่เสียว ผู้กุมอำนาจของสมาคมจั้นฮวงคนปัจจุบัน
เมื่อเจียงซิงซิงปรากฏตัวขึ้น ห้องทั้งห้องก็เงียบลงทันที
ก่อนเสียงเย้ยหยันจะดังขึ้นอีกครั้ง “อันเหยียน เธอไม่อยากรู้เหรอว่า ภรรยาของเย่เสียวหน้าตาเป็นยังไง? นี่ไงล่ะ ดูเอาเองสิ”
ในขณะนั้นเจียงซิงซิงอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาจริง ๆ เสื้อผ้าของเธอเปียกน้ำฝนจนชุ่มและแนบชิดไปกับร่างกาย เผยให้เห็นรูปร่างอันอ้วนท้วมอย่างชัดเจน
เส้นผมเปียกชื้นติดกับใบหน้าเป็นเส้น ๆ และบนแก้มซ้ายของเธอยังมีปานดำที่เด่นชัดจนสะดุดตาอีกด้วย
เจียงซิงซิงรับรู้ได้ถึงสายตาดูถูกและแววตาเย้ยหยันที่จ้องมองมาจากทุกทิศทาง แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ กลับเดินตรงไปยังจั้นเย่เสียว วางกล่องเค้กลงบนโต๊ะน้ำชา และพยายามยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก “เย่เสียว นี่คือเค้กมูสที่คุณต้องการ”
จั้นเย่เสียวไม่ได้แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำ เขาผลักกล่องเค้กไปทางหร่วนอันเหยียนโดนตรง ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำระคนนุ่มลึก “กินสิ”
หร่วนอันเหยียนยกยิ้มอย่างเขินอายพลางเม้มปาก “ฉันแค่พูดลอย ๆ เองค่ะ ไม่คิดเลยว่าคุณจะให้คุณหนูเจียงไปซื้อจริง ๆ ”
เจียงซิงซิงเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความไม่อยากเชื่อ
หัวใจคล้ายกับถูกมีดกรีดลึก
เค้กที่เธอลำบากใช้เวลาเกือบห้าชั่วโมงไปซื้อมา กลายเป็นสิ่งที่เขาซื้อให้หร่วนอันเหยียนอย่างนั้นเหรอ
“อันเหยียน เธอก็รู้ว่าเย่เสียวใส่ใจเธอมากแค่ไหน อย่าว่าแต่เค้กเลย ต่อให้เธออยากจะครอบครองดวงดาวบนฟ้า เย่เสียวก็คงหาทางเอามาให้เธอจนได้นั่นแหละ”
“ใช่เลย! อย่าเกรงใจไปเลย รีบกินเถอะ! นี่เป็นเค้กที่เจียงซิงซิงอุตส่าห์ถ่อไปซื้อมาให้ ใช้เวลาตั้งห้าชั่วโมงเชียวนะ อย่าให้ความพยายามของเธอเสียเปล่าเลย”
มือของเจียงซิงซิงที่ห้อยอยู่ข้างตัวกำหมัดแน่นขึ้นทีละนิด ณ ตอนนี้เวลานี้ เธอนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นเหมือนกับตัวตลกตัวหนึ่ง
ในจังหวะนั้นเอง จู่ ๆ จั้นเย่เสียวก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วก้าวยาว ๆ เดินมาหยุดตรงหน้าเจียงซิงซิง
สายตาเย็นชาของเขามองตรงมาที่เจียงซิงซิงโดยปราศจากความรู้สึกใด ๆ ริมฝีปากบาง ๆ ขยับเบา ๆ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและเฉยเมย “เอกสารหย่า ฉันวางไว้บนโต๊ะน้ำชาในห้องนั่งเล่นแล้ว เธอกลับไปเซ็นซะเถอะ”
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน