เมื่อเธอต้องมาตายในวันแต่งงานของตนเอง ใครกันแน่ที่ไม่ต้องการให้เธอมีความสุขในวันที่สำคัญแบบนี้
แค้นที่ 1
ปฐมบทของความแค้น
เสียงดนตรีบรรเลงของวงมินิออเคสตร้าดังคลอเคล้าไปพร้อมกับบรรยากาศงานฉลองมงคลสมรสของสองตระกูลดัง อย่างตระกูลวรประดิษฐ์ภรณ์ และ สุขประภา
ในแวดวงสังคมไม่มีใครไม่รู้จัก ทั้งสองตระกูลยักษ์ใหญ่ที่เป็นที่หนึ่งด้านธุรกิจบันเทิงและเป็นที่หนึ่งด้านอสังหาริมทรัพย์
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ให้สมเกียรติและสมศักดิ์ศรี ของลูกชายคนกลางที่เป็นถึงผู้บริหารหลักของบริษัทวรประดิษฐ์เอ็นเตอร์เทนเมนท์อย่าง ปฏิพัทธ์ วรประดิษฐ์ภรณ์ และลูกสาวคนโตที่เป็นถึงแก้วตาดวงใจของผู้บริหารบริษัท มายแลนด์ จำกัดอย่าง ปัญดาวิ สุขประภา
และเพราะสองตระกูลดังต่างผนึกกำลังจับมือเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน จึงทำให้งานแต่งงานครั้งนี้มีแต่ผู้มีชื่อเสียงมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ดารานักแสดง เหล่าไฮโซผู้มีหน้ามีตาในแวดวงสังคม รวมไปถึงนักการเมือง
แม้ภายนอกจะดูหรูหราและครื้นเครงขนาดไหน หากแต่ภายในห้องพักหรูของเจ้าสาวกลับเงียบสงัด มีเพียงแค่เสียงของเครื่องปรับอากาศเท่านั้น ที่ยังคงดังก้องอยู่ภายในห้องแห่งนี้
หญิงสาวในวัยยี่สิบตอนกลางที่ร่างอรชรถูกชุดยาวสีขาวดั่งเจ้าหญิงในนิยายปรัมปราปกคลุม จนเหลือไว้เพียงแค่ผิวเนื้อขาวละออของช่วงไหล่ที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าไหมอิตาลีเนื้อดี
เธอได้แต่นั่งหันหลังให้กับประตูทางเข้าอยู่ตรงบริเวณชุดโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมกับหลับตาพริ้มรอคอยคนรักของตนเองเดินเข้ามารับยังด้านใน เพื่อออกไปร่วมงานมงคลของพวกเขาอย่างใจจดจ่อ
สาวน้อยที่ไม่เคยได้เจอกับความรักในแบบของผู้ใหญ่อย่าง ปัญดาวิ เธอก็ได้แต่หวังไว้ในใจว่าการใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยาในครั้งนี้
อาจจะทำให้คนที่เธอรักจนสุดหัวใจอย่าง ปฏิพัทธ์ เลิกเจ้าชู้มากรักและหันกลับมาสนใจดูแลในตัวของเธอบ้าง ถึงการให้ความสนใจจะดูไม่มากมาย แต่ก็ถือว่าสิ่งเหล่านั้นก็เป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจให้กับคนที่ต้องการความรัก จากคนของใจอย่างเธอ
แกร๊ก
เมื่อเสียงบิดลูกบิดประตูห้องพักดังขึ้น หัวใจดวงน้อยที่กำลังนอนหลับอยู่ในอกก็เริ่มสั่นไหวขึ้นอีกครั้ง มือเล็กที่ประสานกันอยู่บนตักก็เริ่มเปียกชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อแห่งความตื่นเต้น
เมื่อเธอคิดว่าคนรักกำลังเข้ามารับตัวเพื่อลงไปยังงานด้านล่าง หัวใจเจ้ากรรมก็ยิ่งลิงโลดจนแทบจะเก็บอาการไว้ไม่ได้เสียแล้ว
เสียงฝีเท้าที่ดูสม่ำเสมอของรองเท้าหนังราคาแพง ค่อยๆดังเข้ามาใกล้ยังร่างเล็กที่นั่งหันหลังให้กับเขาด้วยความสั่นเกร็งเพราะความตื่นเต้นที่เธอกำลังเผชิญอยู่ และเมื่อเสียงฝีเท้าหยุดลงสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็ได้เกิดขึ้น
ปัง ปัง ปัง
ไม่ทันที่เธอจะได้หันไปมองคนรักที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของตนอย่างเต็มตา เสียงลั่นไกปืนก็ดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นฉุนและควันของดินปืน ที่กำลังโพยพุ่งออกมาจากปลายกระบอกสีเงิน
จากนั้นความเจ็บหน่วงและกลิ่นคาวเลือดก็ค่อยๆเข้ามาแทนที่ เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกำลังเดินหกล้ม หากแต่มันกลับพาให้บริเวณที่โดนลูกกระสุนตัดผ่านชาดิกไปทั่วทั้งหมด
ของเหลวสีแดงค่อยๆกระจายตัวออกมาเป็นวงกว้างตัดกับชุดเจ้าสาวสีขาวที่ดูสะอาดตา พร้อมกับร่างเล็กที่เคยทรงตัวได้ดีบนเก้าอี้เตี้ยของโต๊ะเครื่องแป้ง มาตอนนี้กลับค่อยๆทิ้งตัวลงไปนอนกับพื้นพรมสีเข้มของห้องพักหรู
ความชาดิกเมื่อครู่เริ่มค่อยๆจางหายไป โดยที่มีความเจ็บปวดอีกทั้งความรู้สึกที่หนักอึ้งเหมือนกำลังแบกอะไรบางอย่างเอาไว้เริ่มเข้ามาแทนที่
ของเหลวสีแดงเข้มและกลิ่นคาวเลือดที่ค่อยๆคละคลุ้งออกมาจนเลอะชุดเจ้าสาวแสนสวย ตอนนี้มันกลับไหลนองออกมาจนเต็มพื้นพรมราคาแพงของห้องพักหรูไปเสียแล้ว
แต่ทว่าสติสุดท้ายของปัญดาวิ มันกำลังกู่ร้องออกมาให้หันไปตัดพ้อพร้อมกับจดจำใบหน้าของคนที่คิดร้ายกับตนเอง
และเมื่อใบหน้าสวยหันมองไปยังตำแหน่งของรองเท้าหนังสีดำหัวแหลม เธอก็แทบจะสะกดกลั้นความเสียใจและความโกรธเกรี้ยวที่เคยกดมันเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป
เพราะรองเท้าสีดำหัวแหลมที่คุ้นตา อีกทั้งขนาดที่เธอรู้ดีว่าเจ้าของคงจะเป็นใครไปเสียไม่ได้ นอกจากคนรักของเธออย่างปฏิพัทธ์ และนั่นก็ทำให้เธอร้องไห้ออกมาอย่างลืมอายพร้อมกับสติสุดท้ายที่ค่อยๆดับวูบลงไป
ชีวิตของเธอช่างน่าตลกยิ่งนัก แม้เธอจะมีครอบครัวที่ดูอบอุ่น หากแต่เธอกลับต้องการคนรักที่ให้ความอบอุ่นกับเธอไม่ต่างจากครอบครัว
เธอพยายามวิ่งตามคนที่พ่อแม่จัดหามาให้อย่างปฏิพัทธ์ เพียงเพราะเขาคือผู้ชายคนแรกที่เข้ามาในชีวิตของเธอ นอกจากครอบครัวและเพื่อนวัยเด็กอย่างหมอนัท
ในชีวิตของปันไม่เคยได้เจอกับความรัก ความอิ่มเอมใจเหมือนที่วัยรุ่นทั่วไปพึ่งมีในวัยที่กำลังผลิบาน
ตัวของเธอถูกเลี้ยงมาดั่งไข่ในหิน เธอแทบจะไม่ได้เที่ยวเล่นหรือทำกิจกรรมใดร่วมกับเพื่อนของเธอเลย คงจะมีเพียงแค่หมอนัทเพื่อนวัยเด็กของเธอเท่านั้น ที่เธอจะได้ทำกิจกรรมร่วมกันฉันเพื่อน แต่ทุกครั้งก็ต้องให้อยู่ในสายตาของผู้เป็นแม่ของเธอด้วยเช่นกัน
อาจเพราะปัญดาวิคือลูกสาวคนโต ที่มีน้องชายที่อ่อนแอและป่วยไข้อยู่บ่อยครั้ง เธอจึงกลายเป็นความหวังของตระกูลที่มั่งคั่งและมีคู่แข่งอย่างมากมาย
การที่เธอไม่เคยได้รับอิสระเหมือนดั่งเด็กสาวทั่วไป ตัวของเธอก็เข้าใจเป็นอย่างดีและไม่เคยคิดโต้แย้งกับเรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
ปัญดาวิอยู่ในกฎเกณฑ์และระเบียบที่พ่อและแม่ของเธอ ขีดเอาไว้มาโดยตลอด จนหลายต่อหลายคนต่างยกย่องตัวของเธอว่าเป็นเจ้าหญิงที่สมบูรณ์แบบทั้งกิริยาและฐานะทางสังคม
หากแต่การยกย่องเหล่านั้นกลับไม่ได้ทำให้เธอ ได้พิชิตใจชายคนรักอย่าง ปฏิพัทธ์เลยแม้แต่น้อย
“ ลูกรักของพ่อ พ่อขอโทษด้วยนะที่ต้องบังคับใจลูกให้ต้องแต่งงานกับครอบครัวของเจ้าพัทธ์ ”
ธนนท์ผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้นด้วยแววตาอาทรพร้อมกับมือหนาที่ค่อยๆเอื้อมจับไปยังไหล่เล็กของลูกสาวคนโตของบ้าน
ตลอดชีวิตของปัญดาวิ ถูกสั่งสอนในเรื่องของการตอบแทนบุญคุณกับคนที่ชุบเลี้ยงตัวเองมา และวันนี้เธอก็ได้ทำในสิ่งเหล่านั้นตามคำสั่งสอนได้สำเร็จแล้ว
ด้วยเพราะคุณพ่อของเธอต้องการขยายกิจการไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้ครอบครัวขาดสภาพคล่องในเรื่องของการเงิน
ผู้เป็นเสาหลักของธุรกิจจึงทำการหยิบยืมเพื่อนรักอย่าง นครินทร์ ที่เป็นอดีตผู้ก่อตั้งบริษัทวรประดิษฐ์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เพื่อนำมาหมุนใช้จ่ายให้กับโปรเจคยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้
โดยแลกกับการที่ต้องส่งลูกสาวเพียงคนเดียวของตน มาแต่งงานกับลูกชายคนกลาง ที่ตอนนี้ได้ขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารหลักให้กับบริษัทของพ่อตนเอง
แม้ภายในใจของปัน จะแอบมีความไม่พอใจกับสิ่งที่ผู้พ่อยัดเหยียดให้อยู่บ้าง หากแต่เมื่อเธอได้เจอกับใบหน้าของคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยความคิดนั้นก็ถูกปัดตกไปในทันที
รูปร่างสูงใหญ่และผิวพรรณแบบนักกีฬามาพร้อมกับใบหน้าที่รับกับดวงตาแสนมีเสน่ห์ อีกทั้งริมฝีปากที่บางกำลังดีที่กำลังคลี่ยิ้มส่งให้กับเธอ
ก็ทำให้ปัญดาวิลืมสิ้นถึงสิ่งที่ตนเองรู้สึกไม่พอใจ และตอนนี้เธอคิดว่าคนตรงหน้าช่างดูน่าค้นหาและมีเสน่ห์อย่างที่เธอไม่เคยได้พบเจอมาก่อน
ตลอดชีวิตของปัญดาวิ เธอมักจะเป็นเหมือนเกราะกำบังให้กับน้องชายที่อ่อนแอมาโดยตลอด วันนี้ตัวของปันก็อยากมีใครสักคนมาเป็นเกราะกำบังให้กับตัวของเธอบ้าง
และปันคิดว่าคนที่กำลังจะมาแต่งงานกับเธอในขณะนี้ ก็คงเป็นคนที่เธออยากจะฝากชีวิตที่เหลือของตัวเองเอาไว้ เพื่อให้เขาได้ปกป้องมันอย่างที่เธอเคยปกป้องน้องชายของตนเองมาโดยตลอด
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย