/0/23023/coverbig.jpg?v=849e2f5dba8620051009167535468038)
กลิ่นเลือดที่หอมหวานเย้ายวนนั่น เธอต้องตกเป็นผู้รับใช้โลหิตของฉัน “ ตลอดไป ”
กลิ่นเลือดที่หอมหวานเย้ายวนนั่น เธอต้องตกเป็นผู้รับใช้โลหิตของฉัน “ ตลอดไป ”
ทั่วทั้งดินแดนถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด การต่อสู้แก่งแย่งเพื่อที่จะได้เป็นผู้ครอบครองดินแดนของทั้ง 2 เผ่าพันธุ์นั้นมีมานานหลายสิบปี และแล้ววันตัดสินชี้ชะตาในวันนี้ก็มาถึง เหล่าแวมไพร์ทั้งหลายสามารถเอาชนะการต่อสู้อันแสนยาวนานนี้ได้ พวกมนุษย์จึงต้องตกเป็นของเล่นของเหล่าแวมไพร์นับตั้งแต่นั้นมา
หลายชีวิตต้องหนีเอาตัวรอด หากหนีไม่พ้นก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะมาเยือนพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย หากใครที่คิดจะหลบหนีและถูกจับได้ พวกแวมไพร์ก็จะลงมือฆ่าได้อย่างเลือดเย็น
“รีบหนี รีบหนีเดี๋ยวนี้!!!”
“หนีเร็ว....วิ่งเร็ว!!”
สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังหลบลูกหนีตาย จากการถูกเหล่าแวมไพร์ไล่ล่า ทั้งคู่วิ่งหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิตไปจนถึงโกดังเก็บของเก่าๆ แห่งหนึ่ง หญิงสาวอุ้มลูกสาวและลูกชายของเธอบรรจงวางลงไว้ภายในโกดัง และใช้สิ่งของที่อยู่ภายในนั้นบังกายลูกของเธอเอาไว้
“ลูกทั้งสองฟังแม่นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามออกมาข้างนอกเด็ดขาด”
“แล้วแม่กับพ่อล่ะคะ”
เด็กหญิงเอ่ยถามผู้เป็นแม่เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่กำลังจะลุกขึ้นเดินไปจากเธอและน้องชายที่นั่งกอดกันกลมตัวสั่นงันงกอย่างหวาดผวา
“ไม่ต้องถามแล้ว ดูแลน้องให้ดี และห้ามส่งเสียงดังเด็ดขาด”
“ที่รักช่วยป้องกันไว้ เร็วเข้า!! พวกแวมไพร์กำลังจะทลายกำแพงเข้ามาได้แล้ว!!”
เสียงผู้เป็นสามีดังขึ้น หญิงสาวรีบปิดประตูห้องนั้น เธอวิ่งออกมาสมทบกับสามี สองมือจับไม้หน้าสามท่อนหนึ่งไว้แน่นเผื่อเป็นสิ่งป้องกันตัว เธอหันกลับไปด้านหลังอีกครั้ง สายตามองไปที่ประตูที่ถูกปิดทึบด้วยความห่วงหาอาวรณ์
“ขอโทษนะ แต่ลูกทั้งสองคนจะต้องมีชีวิตอยู่ ใช้ชีวิตที่เหลือแทนพ่อกับแม่ด้วยนะลูก”
“พวกแกจะทำอะไร!! ฉันไม่กลัวพวกแกหรอก พวกแวมไพร์สกปรก”
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นเมื่อพวกแวมไพร์นักล่าพังทลายกำแพงเข้ามาได้สำเร็จ เขายกไม้ท่อนใหญ่ขึ้นมาป้องด้านหน้า ต่อให้ชีวิตนี้ต้องตาย ขอเพียงได้ปกป้องบุตรและภรรยาผู้เป็นที่รักก็เพียงพอแล้ว
--- เอือกกก!!! ---
---กรี๊ดดด!!!---
มีดดาบยาวถูกฟาดฟันลงไป ทุกอย่างถูกฉายให้เห็นผ่านดวงตาของเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ที่แอบมองผ่านรูขนาดเล็กภายในห้องที่หลบซ่อนตัว ทั้งพ่อและแม่ถูกมีดดาบยาวฟาดฟันจนเลือดสาดกระเซ็นและล้มลงแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตา เด็กหญิงรีบเอามือเล็กปิดปากตัวเองและน้องชายวัย 4 ขวบเอาไว้แน่นเพราะเกรงว่าจะเผลอร้องออกมาจนพวกแวมไพร์นักล่าตามเข้ามาเจอ
“นี่เรา...ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว....”
หญิงสาววัย 18 ปี สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางห้องเรียนภายในมหาวิทยาลัยประจำเมือง เธอเผลอหลับไปในช่วงพักกลางวันด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหาเงินมาเพื่อรักษาน้องชายที่ป่วยเป็นโรคร้ายที่ยากจะรักษา
“ไอรีน” เด็กสาวที่กำพร้าพ่อแม่ เธอและน้องชายได้รับการอุปการะจากคุณป้าใจดีท่านหนึ่ง เธอเป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ชีวิตในแต่ละวันของเธอนั้นต้องอดทนทำงานหาเงินเพื่อนำมารักษาอาการเจ็บป่วยของน้องชาย และยังต้องทนเป็นเบี้ยล่างของพวกแวมไพร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี่อีกด้วย
“พวกเธอรู้ไหม ความใฝ่ฝันอันสูงสุดของฉันคือได้เป็นผู้รับใช้โลหิตให้แก่เจ้าชาย”
“เลือดของเธอ รสชาติคงจะแย่น่าดู เจ้าชายน่าจะดื่มไม่ลงหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมห้องดังขึ้น ภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยตระกูลเคลล็อกก์ ถูกปกครองโดยเจ้าชายคิงส์ ผู้ซึ่งเป็นแวมไพร์หนุ่มหล่อ ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัย และเขาได้มอบหมายให้น้องชายของเขาอย่างเจ้าชายไคน์ ปกครองดูแลความสงบเรียบร้อยภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
เมืองนี้มีทั้งมนุษย์และแวมไพร์อาศัยอยู่ร่วมกัน พวกมนุษย์ต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้แก่เหล่าแวมไพร์อยู่เสมอ หากใครที่ขัดขืนหรือต่อต้านก็จะถูกทำร้ายอย่างทารุณและเลือดเย็น ในมหาวิทยาลัยประจำเมืองแห่งนี้ก็เช่นกัน
ไอรีนนั่งฟังเพื่อนร่วมห้องของเธอพูดคุยกันก็รู้สึกขยะแขยง เธอเกลียดพวกแวมไพร์ชนิดที่ตายก็ไม่เผาผี หากเลือกได้เธอก็คงไม่เรียนที่นี่ให้ถูกข่มเหงหรอก แต่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้คือความใฝ่ฝันทั้งหมดของน้องชายที่เธอรักที่ตอนนี้ป่วยเป็นโรคร้าย กำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และเทียวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทั้งชีวิตของเธอเหลือแค่น้องชายเพียงคนเดียวแล้ว เธอต้องเรียนให้จบจากที่นี่ให้ได้เพื่อสานฝันของน้องชายให้สำเร็จ
ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ พวกแวมไพร์มักจะรังแกมนุษย์ผู้อ่อนแออยู่เสมอ ไอรีนเข้าใจสิ่งนี้ดีเพราะเธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกรังแกกดขี่ไม่เว้นแต่ละวัน เธอไม่เข้าใจผู้หญิงพวกนั้นเสียจริง พวกแวมไพร์มีอะไรดีทำไมผู้หญิงเหล่านี้ถึงกับยอมมอบกายถวายชีวิตให้ขนาดนั้น
“นี่เธอ! เอานี่ไปส่งที่ห้องชมรมศิลปะหน่อยสิ ให้ไวล่ะ”
เสียงของเพื่อนชายร่วมห้องคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะโยนเอกสารกองโตใส่มือเธอโดยไม่รอฟังคำตอบ ไอรีนรับเอกสารนั้นอย่างจำยอมและเดินตรงไปที่ห้องชมรมศิลปะแต่โดยดี ถึงเธออยากจะปฏิเสธแค่ไหน แต่เธอก็ไม่กล้าเอ่ยถ้อยคำปฏิเสธออกไป เพราะการที่ตกเป็นเป้าของเหล่าแวมไพร์นั้นมันช่างน่ากลัว
“ทำไมต้องเป็นฉันที่โดนกดขี่รังแกอยู่ร่ำไป”
เธอตัดพ้อด้วยความน้อยใจในโชคชะตา เธออยากจะเข้มแข็งและกล้าต่อต้านพวกแวมไพร์เหล่านี้ แต่เธอก็กลัว กลัวว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะต้องลงเอยเหมือนพ่อและแม่ของเธอเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ประตูห้องชมรมศิลปะถูกเปิดออกเล็กน้อย คนตัวเล็กยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปภายในห้องนั้น เธอกลับได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ เธอแอบดูก็เห็นว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งล้มลงและแน่นิ่งไป ตามมาด้วยคำพูดของใครบางคน
“ไม่ได้เรื่อง!! หึ!”
“ไคน์” เจ้าชายผู้ปกครองมหาวิทยาลัยแห่งนี้เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวคนไหน รสชาติเลือดสาวของพวกเธอเหล่านั้นก็ช่างไม่ถูกปากเขาเอาเสียเลย ไม่มีความหอมหวาน นอกเสียจากรสขมและฝาดเต็มลิ้น แวมไพร์หนุ่มหล่อร่างสูงยกมือขึ้นปาดเลือดที่เลอะริมฝีปากออกอย่างใจเย็น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนมองอยู่หน้าประตูห้อง
“เธอคนนั้น เข้ามานี่!!...”
---ปึ้ง!!!---
คนตัวเล็กรีบปิดประตูเสียงดังปึ้งด้วยความตกใจ เธอรีบวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นอย่างไม่คิดชีวิต เอกสารที่ถืออยู่ในมือหล่นกระจัดกระจายไปตามรายทาง
“เขาเป็นแวมไพร์!! ทำไมฉันต้องมาเห็นภาพที่น่าขยะแขยงแบบนี้ด้วย”
เธอวิ่งโดยที่ไม่ดูทางเบื้องหน้าเลยว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่หรือไม่ ไม่นานก็วิ่งไปชนเข้ากับเสาต้นใหญ่และล้มลง
“ฉันเรียกเธอ เธอกล้าหนีฉันเหรอ? หึ! ช่างกล้านัก”
ผู้ที่ตามออกมาจากห้องชมรมศิลปะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเมื่อเขาเอื้อมมือไปจับไหล่คนตัวเล็กและบีบมันอย่างรุนแรง
“โอ๊ย!!! ปล่อยฉันนะ...ปล่อย”
เธอพยายามขัดขืนและสะบัดมือหนานั้นออกแต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด
“เสแสร้งแกล้งทำเป็นว่าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างนั้นเหรอ แบบเธอก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนั้นที่รอถ่างขาพร้อมมอบทั้งเลือดและร่างกายให้ฉันหรอก หึ!! แต่ก็นะลองเปลี่ยนมาเป็นแบบสาวที่ดูไร้เดียงสาบ้างก็คงไม่เลว”
สิ้นเสียงนั้น ร่างสูงก็เอื้อมมือไปจับมือข้อเล็กไว้แน่น เขายกข้อมือเล็กขึ้นมาพร้อมกับใช้ลิ้นร้อนเลียไปตามฝ่ามือนั้น ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับขนลุกซู่เมื่อโดนสัมผัส
“อื้ม...กลิ่นกายของเธอไม่เลวเลยนี่...หอม กลิ่นหอมนี่มัน...”
แวมไพร์หนุ่มค่อยๆ ลูบไล้ไปตามเรียวขาขาว มือหนาลากไล่ไปจนรุกล้ำเข้าไปใต้กระโปรงพีชสั้นที่เธอสวมใส่
“ยะ...หยุดนะ!!”
“หึ!! ผู้หญิงเช่นเธอควรจะขอบคุณฉันมากกว่านะ ที่ทำให้เธอเป็นผู้โชคดีที่ถูกฉันเลือกในครั้งนี้ ไม่ว่าใครก็พร้อมยอมพลีร่างกายให้ฉันอยู่แล้ว อย่ามาทำเป็นใสซื่อหน่อยเลยน่า”
ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลา สายตาของเธอประสานเข้ากับดวงตาสีเขียวที่ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีแดง พลันความคิดนึกถึงอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็โลดแล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง
ภาพแวมไพร์นักล่าเนื้อตัวเปือดเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉานที่ลงมือสังหารผู้เป็นพ่อและแม่ของเธอโลดแล่นเข้ามายังโสตประสาท แววตาสีแดงก่ำนั้นช่างไม่ต่างกันกับแววตาที่เธอเห็นในตอนนั้นเลย
“ปล่อย!! เอามือที่น่าขยะแขยงของนายออกไปนะ!!”
---เพี๊ยะ!!!---
ฝ่ามือเล็กฟาดลงไปที่ใบหน้าหล่อคมอย่างรุนแรงจนเล็บยาวของเธอไปบาดแก้มของแวมไพร์หนุ่มจนมีเลือดไหลซิบออกมา ไคน์ยกมือขึ้นปาดเลือดบนแก้มนั้นช้าๆ เขายกยิ้มจนเห็นเขี้ยวอันแหลมคม แววตาที่แดงก่ำปรากฎขึ้นอีกครั้ง
“หึ!! แรงเยอะดีนี่ ดีเลย!! ยินดีด้วยสาวน้อย เธอทำให้ฉันโมโหสำเร็จแล้ว เป็นของฉันดีๆไม่ชอบสินะ”
มือหนาฉุดกระชากแขนเรียวของคนตัวเล็กให้เดินตามเขาไป ไม่ว่าเธอจะขัดขืนต่อต้านเพียงใดแต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดนั้นก็ไม่สามารถสู้แรงของเจ้าชายแวมไพร์อย่างเจ้าชายไคน์ได้เลย
“ตามมานี่!!! เธออยากลองดีกับฉันใช่ไหม ได้สิ ได้เลย!!”
เขาตะคอกเสียงดังพร้อมยื้อยุดฉุดกระชากคนตัวเล็กด้วยความรุนแรง ไคน์ลากเธอออกมาที่ริมระเบียงใหญ่ที่เป็นจุดศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ท่ามกลางสายตาของนักศึกษามากมายที่เป็นทั้งมนุษย์และแวมพร์ เสียงอันทรงพลังก็ประกาศกร้าวขึ้น
“ทุกคนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จงฟังฉันให้ดี!! นับจากวันนี้เป็นต้นไป ผู้หญิงคนนี้คือศัตรูของฉัน และถือเป็นศัตรูของทุกคนเช่นกัน ทุกคนสามารถทำอะไรกับเธอก็ได้ตามใจ ฉันอนุญาต”
สิ้นเสียงมือหนาก็ปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระ ร่างบางเล็กล้มทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำสีใสรินไหลออกมาจากดวงตาอันน่าสงสารของไอรีน เหตุใดเธอต้องโชคร้ายมาเจอกับเรื่องบ้าๆแบบนี้ด้วย เมื่อไหร่โชคชะตาจะเห็นใจให้ชีวิตเธอได้พบเจอเรื่องที่ดีและคนที่ดีเหมือนคนอื่นเขาสักที
“ผู้หญิงคนนั้นกล้าล่วงเกินเจ้าชายของเราขนาดนี้เลยเหรอ”
“หึ!! ใช่ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง สิ่งที่ฉันตอบแทนคืนให้เธอนั้นถือว่าสมควรแล้ว”
ไคน์ตอบกลับบาร์รอน ผู้ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้ติดตามที่สามารถจัดการทุกปัญหาและทุกเรื่องแทนเขาได้
“นายไม่ทำรุนแรงไปหน่อยเหรอ”
บาร์รอนยังคงเอ่ยถามขึ้น สำหรับเขาแล้วสิ่งที่เจ้าชายไคน์ทำไปนั้นก็ดูรุนแรงมากเกินไป เทียบกับมนุษย์คนหนึ่งที่เป็นเพียงแค่หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรเลย
“สิ่งที่ฉันทำกับยัยนั่น ก็มาจากผลจากการกระทำของเธอไม่ใช่หรือไง เธอท้าทายฉันและเธอยังกล้าทำร้ายฉัน หึ!”
ไอรินเดินโซซัดโซเซลงมาจากระเบียงใหญ่ ตอนนี้ร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรง ระหว่างทางที่เดินนั้นเธอโดนข้าวของปาเข้ามาโดนตัวไม่หยุด เหล่านักเรียนนักศึกษาทั้งที่เป็นแวมไพร์และมนุษย์เหมือนกันต่างลงมือกับเธอตามคำสั่งของเจ้าชาย
หากไม่ใช่เพียงเพราะต้องทำเพื่อน้องชาย และหากมีที่ให้สามารถหลบหนีไปได้ เธอก็คงไม่ต้องมาทนอยู่ในสถานที่ที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยงเช่นนี้ ตั้งแต่ที่มนุษย์ต่อสู้พ่ายแพ้ในวันนั้น ทุกคนก็ต้องตกเป็นของเล่นของเหล่าแวมไพร์ หากใครอยู่เป็นและยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายก็จะสามารถอยู่รอดได้ในดินแดนแห่งนี้
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
เพราะว่า...การช่วยตัวเอง...ในที่ทำงานมันผิด!! “โดนของจริงดีกว่าไหมครับ...แค่นิ้ว...มันคงไม่อาจจะสนองความต้องการของคุณได้” นี่จึงเป็นบทลงโทษที่เธอต้องรับมันไป...โทษฐานที่ทำให้ท่านประธานอย่างเขาจับได้...!!
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีที่สุดก็คือยมทูตรับส่งวิญญาณ เขารีบตามหาวิญญาณของเธอเพื่อพากลับเข้าร่างโดยเร็วที่สุด แต่ทุกอย่างก็สายเกินแก้เพราะเขาเจอเธอเมื่อร่างของเธอถูกเผาไปแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ไขความผิดก็คือต้องส่งเธอกลับไปในร่างของคนอื่นที่เพิ่งหมดลมหายใจ และด้วยเหตุผลที่เธอเรียกร้องบางประการ จึงทำให้เธอได้กลับไปเกิดใหม่ในรัชสมัยของราชวงศ์หมิง ในร่างของหญิงสาววัย 19 ปีนามว่า "เฟิ่งต้าชวี่" แต่ "เฟิ่งต้าชวี่" ไม่ใช่ดรุณีแรกแย้มไร้เจ้าของ นางเป็นพระชายาที่แสนบริสุทธิ์ของแม่ทัพผู้เกรียงไกร "อ๋องใหญ่เกาหรงซาน" พระชายาที่เขาเขียนหนังสือหย่าทิ้งไว้ในห้องหอตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน แต่เพราะความรักและหน้าที่ของสตรีชาวฮั่น นางจึงทนอยู่อย่างปวดร้าวในตำหนักของเขาตลอด 2 ปีก่อนจะตรอมใจตาย
© 2018-now MeghaBook
บนสุด