/0/23023/coverbig.jpg?v=849e2f5dba8620051009167535468038)
กลิ่นเลือดที่หอมหวานเย้ายวนนั่น เธอต้องตกเป็นผู้รับใช้โลหิตของฉัน “ ตลอดไป ”
กลิ่นเลือดที่หอมหวานเย้ายวนนั่น เธอต้องตกเป็นผู้รับใช้โลหิตของฉัน “ ตลอดไป ”
ทั่วทั้งดินแดนถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด การต่อสู้แก่งแย่งเพื่อที่จะได้เป็นผู้ครอบครองดินแดนของทั้ง 2 เผ่าพันธุ์นั้นมีมานานหลายสิบปี และแล้ววันตัดสินชี้ชะตาในวันนี้ก็มาถึง เหล่าแวมไพร์ทั้งหลายสามารถเอาชนะการต่อสู้อันแสนยาวนานนี้ได้ พวกมนุษย์จึงต้องตกเป็นของเล่นของเหล่าแวมไพร์นับตั้งแต่นั้นมา
หลายชีวิตต้องหนีเอาตัวรอด หากหนีไม่พ้นก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะมาเยือนพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย หากใครที่คิดจะหลบหนีและถูกจับได้ พวกแวมไพร์ก็จะลงมือฆ่าได้อย่างเลือดเย็น
“รีบหนี รีบหนีเดี๋ยวนี้!!!”
“หนีเร็ว....วิ่งเร็ว!!”
สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังหลบลูกหนีตาย จากการถูกเหล่าแวมไพร์ไล่ล่า ทั้งคู่วิ่งหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิตไปจนถึงโกดังเก็บของเก่าๆ แห่งหนึ่ง หญิงสาวอุ้มลูกสาวและลูกชายของเธอบรรจงวางลงไว้ภายในโกดัง และใช้สิ่งของที่อยู่ภายในนั้นบังกายลูกของเธอเอาไว้
“ลูกทั้งสองฟังแม่นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามออกมาข้างนอกเด็ดขาด”
“แล้วแม่กับพ่อล่ะคะ”
เด็กหญิงเอ่ยถามผู้เป็นแม่เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่กำลังจะลุกขึ้นเดินไปจากเธอและน้องชายที่นั่งกอดกันกลมตัวสั่นงันงกอย่างหวาดผวา
“ไม่ต้องถามแล้ว ดูแลน้องให้ดี และห้ามส่งเสียงดังเด็ดขาด”
“ที่รักช่วยป้องกันไว้ เร็วเข้า!! พวกแวมไพร์กำลังจะทลายกำแพงเข้ามาได้แล้ว!!”
เสียงผู้เป็นสามีดังขึ้น หญิงสาวรีบปิดประตูห้องนั้น เธอวิ่งออกมาสมทบกับสามี สองมือจับไม้หน้าสามท่อนหนึ่งไว้แน่นเผื่อเป็นสิ่งป้องกันตัว เธอหันกลับไปด้านหลังอีกครั้ง สายตามองไปที่ประตูที่ถูกปิดทึบด้วยความห่วงหาอาวรณ์
“ขอโทษนะ แต่ลูกทั้งสองคนจะต้องมีชีวิตอยู่ ใช้ชีวิตที่เหลือแทนพ่อกับแม่ด้วยนะลูก”
“พวกแกจะทำอะไร!! ฉันไม่กลัวพวกแกหรอก พวกแวมไพร์สกปรก”
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นเมื่อพวกแวมไพร์นักล่าพังทลายกำแพงเข้ามาได้สำเร็จ เขายกไม้ท่อนใหญ่ขึ้นมาป้องด้านหน้า ต่อให้ชีวิตนี้ต้องตาย ขอเพียงได้ปกป้องบุตรและภรรยาผู้เป็นที่รักก็เพียงพอแล้ว
--- เอือกกก!!! ---
---กรี๊ดดด!!!---
มีดดาบยาวถูกฟาดฟันลงไป ทุกอย่างถูกฉายให้เห็นผ่านดวงตาของเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ที่แอบมองผ่านรูขนาดเล็กภายในห้องที่หลบซ่อนตัว ทั้งพ่อและแม่ถูกมีดดาบยาวฟาดฟันจนเลือดสาดกระเซ็นและล้มลงแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตา เด็กหญิงรีบเอามือเล็กปิดปากตัวเองและน้องชายวัย 4 ขวบเอาไว้แน่นเพราะเกรงว่าจะเผลอร้องออกมาจนพวกแวมไพร์นักล่าตามเข้ามาเจอ
“นี่เรา...ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว....”
หญิงสาววัย 18 ปี สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางห้องเรียนภายในมหาวิทยาลัยประจำเมือง เธอเผลอหลับไปในช่วงพักกลางวันด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหาเงินมาเพื่อรักษาน้องชายที่ป่วยเป็นโรคร้ายที่ยากจะรักษา
“ไอรีน” เด็กสาวที่กำพร้าพ่อแม่ เธอและน้องชายได้รับการอุปการะจากคุณป้าใจดีท่านหนึ่ง เธอเป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ชีวิตในแต่ละวันของเธอนั้นต้องอดทนทำงานหาเงินเพื่อนำมารักษาอาการเจ็บป่วยของน้องชาย และยังต้องทนเป็นเบี้ยล่างของพวกแวมไพร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี่อีกด้วย
“พวกเธอรู้ไหม ความใฝ่ฝันอันสูงสุดของฉันคือได้เป็นผู้รับใช้โลหิตให้แก่เจ้าชาย”
“เลือดของเธอ รสชาติคงจะแย่น่าดู เจ้าชายน่าจะดื่มไม่ลงหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมห้องดังขึ้น ภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยตระกูลเคลล็อกก์ ถูกปกครองโดยเจ้าชายคิงส์ ผู้ซึ่งเป็นแวมไพร์หนุ่มหล่อ ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัย และเขาได้มอบหมายให้น้องชายของเขาอย่างเจ้าชายไคน์ ปกครองดูแลความสงบเรียบร้อยภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
เมืองนี้มีทั้งมนุษย์และแวมไพร์อาศัยอยู่ร่วมกัน พวกมนุษย์ต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้แก่เหล่าแวมไพร์อยู่เสมอ หากใครที่ขัดขืนหรือต่อต้านก็จะถูกทำร้ายอย่างทารุณและเลือดเย็น ในมหาวิทยาลัยประจำเมืองแห่งนี้ก็เช่นกัน
ไอรีนนั่งฟังเพื่อนร่วมห้องของเธอพูดคุยกันก็รู้สึกขยะแขยง เธอเกลียดพวกแวมไพร์ชนิดที่ตายก็ไม่เผาผี หากเลือกได้เธอก็คงไม่เรียนที่นี่ให้ถูกข่มเหงหรอก แต่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้คือความใฝ่ฝันทั้งหมดของน้องชายที่เธอรักที่ตอนนี้ป่วยเป็นโรคร้าย กำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และเทียวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทั้งชีวิตของเธอเหลือแค่น้องชายเพียงคนเดียวแล้ว เธอต้องเรียนให้จบจากที่นี่ให้ได้เพื่อสานฝันของน้องชายให้สำเร็จ
ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ พวกแวมไพร์มักจะรังแกมนุษย์ผู้อ่อนแออยู่เสมอ ไอรีนเข้าใจสิ่งนี้ดีเพราะเธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกรังแกกดขี่ไม่เว้นแต่ละวัน เธอไม่เข้าใจผู้หญิงพวกนั้นเสียจริง พวกแวมไพร์มีอะไรดีทำไมผู้หญิงเหล่านี้ถึงกับยอมมอบกายถวายชีวิตให้ขนาดนั้น
“นี่เธอ! เอานี่ไปส่งที่ห้องชมรมศิลปะหน่อยสิ ให้ไวล่ะ”
เสียงของเพื่อนชายร่วมห้องคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะโยนเอกสารกองโตใส่มือเธอโดยไม่รอฟังคำตอบ ไอรีนรับเอกสารนั้นอย่างจำยอมและเดินตรงไปที่ห้องชมรมศิลปะแต่โดยดี ถึงเธออยากจะปฏิเสธแค่ไหน แต่เธอก็ไม่กล้าเอ่ยถ้อยคำปฏิเสธออกไป เพราะการที่ตกเป็นเป้าของเหล่าแวมไพร์นั้นมันช่างน่ากลัว
“ทำไมต้องเป็นฉันที่โดนกดขี่รังแกอยู่ร่ำไป”
เธอตัดพ้อด้วยความน้อยใจในโชคชะตา เธออยากจะเข้มแข็งและกล้าต่อต้านพวกแวมไพร์เหล่านี้ แต่เธอก็กลัว กลัวว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะต้องลงเอยเหมือนพ่อและแม่ของเธอเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ประตูห้องชมรมศิลปะถูกเปิดออกเล็กน้อย คนตัวเล็กยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปภายในห้องนั้น เธอกลับได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ เธอแอบดูก็เห็นว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งล้มลงและแน่นิ่งไป ตามมาด้วยคำพูดของใครบางคน
“ไม่ได้เรื่อง!! หึ!”
“ไคน์” เจ้าชายผู้ปกครองมหาวิทยาลัยแห่งนี้เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวคนไหน รสชาติเลือดสาวของพวกเธอเหล่านั้นก็ช่างไม่ถูกปากเขาเอาเสียเลย ไม่มีความหอมหวาน นอกเสียจากรสขมและฝาดเต็มลิ้น แวมไพร์หนุ่มหล่อร่างสูงยกมือขึ้นปาดเลือดที่เลอะริมฝีปากออกอย่างใจเย็น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนมองอยู่หน้าประตูห้อง
“เธอคนนั้น เข้ามานี่!!...”
---ปึ้ง!!!---
คนตัวเล็กรีบปิดประตูเสียงดังปึ้งด้วยความตกใจ เธอรีบวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นอย่างไม่คิดชีวิต เอกสารที่ถืออยู่ในมือหล่นกระจัดกระจายไปตามรายทาง
“เขาเป็นแวมไพร์!! ทำไมฉันต้องมาเห็นภาพที่น่าขยะแขยงแบบนี้ด้วย”
เธอวิ่งโดยที่ไม่ดูทางเบื้องหน้าเลยว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่หรือไม่ ไม่นานก็วิ่งไปชนเข้ากับเสาต้นใหญ่และล้มลง
“ฉันเรียกเธอ เธอกล้าหนีฉันเหรอ? หึ! ช่างกล้านัก”
ผู้ที่ตามออกมาจากห้องชมรมศิลปะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเมื่อเขาเอื้อมมือไปจับไหล่คนตัวเล็กและบีบมันอย่างรุนแรง
“โอ๊ย!!! ปล่อยฉันนะ...ปล่อย”
เธอพยายามขัดขืนและสะบัดมือหนานั้นออกแต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด
“เสแสร้งแกล้งทำเป็นว่าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างนั้นเหรอ แบบเธอก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนั้นที่รอถ่างขาพร้อมมอบทั้งเลือดและร่างกายให้ฉันหรอก หึ!! แต่ก็นะลองเปลี่ยนมาเป็นแบบสาวที่ดูไร้เดียงสาบ้างก็คงไม่เลว”
สิ้นเสียงนั้น ร่างสูงก็เอื้อมมือไปจับมือข้อเล็กไว้แน่น เขายกข้อมือเล็กขึ้นมาพร้อมกับใช้ลิ้นร้อนเลียไปตามฝ่ามือนั้น ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับขนลุกซู่เมื่อโดนสัมผัส
“อื้ม...กลิ่นกายของเธอไม่เลวเลยนี่...หอม กลิ่นหอมนี่มัน...”
แวมไพร์หนุ่มค่อยๆ ลูบไล้ไปตามเรียวขาขาว มือหนาลากไล่ไปจนรุกล้ำเข้าไปใต้กระโปรงพีชสั้นที่เธอสวมใส่
“ยะ...หยุดนะ!!”
“หึ!! ผู้หญิงเช่นเธอควรจะขอบคุณฉันมากกว่านะ ที่ทำให้เธอเป็นผู้โชคดีที่ถูกฉันเลือกในครั้งนี้ ไม่ว่าใครก็พร้อมยอมพลีร่างกายให้ฉันอยู่แล้ว อย่ามาทำเป็นใสซื่อหน่อยเลยน่า”
ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลา สายตาของเธอประสานเข้ากับดวงตาสีเขียวที่ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีแดง พลันความคิดนึกถึงอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็โลดแล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง
ภาพแวมไพร์นักล่าเนื้อตัวเปือดเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉานที่ลงมือสังหารผู้เป็นพ่อและแม่ของเธอโลดแล่นเข้ามายังโสตประสาท แววตาสีแดงก่ำนั้นช่างไม่ต่างกันกับแววตาที่เธอเห็นในตอนนั้นเลย
“ปล่อย!! เอามือที่น่าขยะแขยงของนายออกไปนะ!!”
---เพี๊ยะ!!!---
ฝ่ามือเล็กฟาดลงไปที่ใบหน้าหล่อคมอย่างรุนแรงจนเล็บยาวของเธอไปบาดแก้มของแวมไพร์หนุ่มจนมีเลือดไหลซิบออกมา ไคน์ยกมือขึ้นปาดเลือดบนแก้มนั้นช้าๆ เขายกยิ้มจนเห็นเขี้ยวอันแหลมคม แววตาที่แดงก่ำปรากฎขึ้นอีกครั้ง
“หึ!! แรงเยอะดีนี่ ดีเลย!! ยินดีด้วยสาวน้อย เธอทำให้ฉันโมโหสำเร็จแล้ว เป็นของฉันดีๆไม่ชอบสินะ”
มือหนาฉุดกระชากแขนเรียวของคนตัวเล็กให้เดินตามเขาไป ไม่ว่าเธอจะขัดขืนต่อต้านเพียงใดแต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดนั้นก็ไม่สามารถสู้แรงของเจ้าชายแวมไพร์อย่างเจ้าชายไคน์ได้เลย
“ตามมานี่!!! เธออยากลองดีกับฉันใช่ไหม ได้สิ ได้เลย!!”
เขาตะคอกเสียงดังพร้อมยื้อยุดฉุดกระชากคนตัวเล็กด้วยความรุนแรง ไคน์ลากเธอออกมาที่ริมระเบียงใหญ่ที่เป็นจุดศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ท่ามกลางสายตาของนักศึกษามากมายที่เป็นทั้งมนุษย์และแวมพร์ เสียงอันทรงพลังก็ประกาศกร้าวขึ้น
“ทุกคนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จงฟังฉันให้ดี!! นับจากวันนี้เป็นต้นไป ผู้หญิงคนนี้คือศัตรูของฉัน และถือเป็นศัตรูของทุกคนเช่นกัน ทุกคนสามารถทำอะไรกับเธอก็ได้ตามใจ ฉันอนุญาต”
สิ้นเสียงมือหนาก็ปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระ ร่างบางเล็กล้มทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำสีใสรินไหลออกมาจากดวงตาอันน่าสงสารของไอรีน เหตุใดเธอต้องโชคร้ายมาเจอกับเรื่องบ้าๆแบบนี้ด้วย เมื่อไหร่โชคชะตาจะเห็นใจให้ชีวิตเธอได้พบเจอเรื่องที่ดีและคนที่ดีเหมือนคนอื่นเขาสักที
“ผู้หญิงคนนั้นกล้าล่วงเกินเจ้าชายของเราขนาดนี้เลยเหรอ”
“หึ!! ใช่ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง สิ่งที่ฉันตอบแทนคืนให้เธอนั้นถือว่าสมควรแล้ว”
ไคน์ตอบกลับบาร์รอน ผู้ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้ติดตามที่สามารถจัดการทุกปัญหาและทุกเรื่องแทนเขาได้
“นายไม่ทำรุนแรงไปหน่อยเหรอ”
บาร์รอนยังคงเอ่ยถามขึ้น สำหรับเขาแล้วสิ่งที่เจ้าชายไคน์ทำไปนั้นก็ดูรุนแรงมากเกินไป เทียบกับมนุษย์คนหนึ่งที่เป็นเพียงแค่หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรเลย
“สิ่งที่ฉันทำกับยัยนั่น ก็มาจากผลจากการกระทำของเธอไม่ใช่หรือไง เธอท้าทายฉันและเธอยังกล้าทำร้ายฉัน หึ!”
ไอรินเดินโซซัดโซเซลงมาจากระเบียงใหญ่ ตอนนี้ร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรง ระหว่างทางที่เดินนั้นเธอโดนข้าวของปาเข้ามาโดนตัวไม่หยุด เหล่านักเรียนนักศึกษาทั้งที่เป็นแวมไพร์และมนุษย์เหมือนกันต่างลงมือกับเธอตามคำสั่งของเจ้าชาย
หากไม่ใช่เพียงเพราะต้องทำเพื่อน้องชาย และหากมีที่ให้สามารถหลบหนีไปได้ เธอก็คงไม่ต้องมาทนอยู่ในสถานที่ที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยงเช่นนี้ ตั้งแต่ที่มนุษย์ต่อสู้พ่ายแพ้ในวันนั้น ทุกคนก็ต้องตกเป็นของเล่นของเหล่าแวมไพร์ หากใครอยู่เป็นและยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายก็จะสามารถอยู่รอดได้ในดินแดนแห่งนี้
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
+++++++++++++ “อือ... พริบีนา... จะ...เจ็บค่ะ” “ฉันชอบ... เวลาเธอเจ็บเพราะฉัน” สิ้นคำเขาก็ขบอีกครั้ง จนร่างของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงๆ เหมือนกลีบกุหลาบช้ำๆ “คนบ้า!” “ฉันดูดเธอได้ทั้งคืน... ดูดแรงๆ ตลอดทั้งเนื้อทั้งตัว...” ‘รวิสรา’ ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่อจู่ๆ ‘พริบีนา เอล เชสตัค’ มกุฎราชกุมารผู้หล่อเหลาแห่งเอล มอร์เรเวีย ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า และบอกว่าเขาคือเจ้าของที่แท้จริงของเพนต์เฮาส์หรูใจกลางปารีส ที่แม่ของเธอทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หากเรื่องกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม... เมื่อรู้ว่าน้องชายวัยขวบเศษของเธอ คือทายาทที่เกิดจากการขโมยสเปิร์มของเขา หญิงสาวจึงจำใจสุ่มเสี่ยงต่อความหวั่นไหว แล้วยอมใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกัน กับเจ้าชายหนุ่มผู้เร่าร้อนตลอดหนึ่งสัปดาห์ เพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ในตัวเด็กน้อย โดยไม่ให้สูญเสียพรหมจรรย์ของตัวเอง
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
© 2018-now MeghaBook
บนสุด