วันนี้เธอนัดเจอกับเพื่อนสนิทหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายสัปดาห์เนื่องจากเธอวุ่นอยู่กับการสอบปลายภาคและการสำเร็จการศึกษา
เธอมีเรื่องราวมากมายที่ต้องการเล่าและอัปเดตให้กับ เอวา เพื่อนของเธอให้ได้ฟัง
ไม่นานก็ปรากฏหญิงสาวที่เดินมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ผมยาวสยายพลิ้วไหลเคลียไปบนไหล่ เสื้อยืดที่สวมมีร่อยรอยเปรอะเปื้อนรอยสี แต่นั่นไม่ได้ทำให้ดูสกปรกหรือน่ารังเกียจ กลับกัน มันสะท้อนความคิดสร้างสรรค์และอิสระอันเต็มเปี่ยมของเธอในทุกย่างก้าวที่เดิน
หญิงสาวเดินไปสั่งอาหารและลาเต้ก่อนที่จะหันกลับมามองยังที่หมาย เธอยิ้มสดใสพร้อมกับเดินมานั่งลงที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามกับธาริกา
“ฉันกะแล้วว่าเธอจะต้องนั่งตรงนี้ นี่มันที่ประจำเธอ”
ธาริกายิ้มพลางกัดครัวซองต์ที่อยู่ในมือ “แล้วช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง ฉันมัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องเรียนจบ เลยไม่ได้คุยกันเลย”
“อ๋อ อย่างที่เคยน่ะ ฉันกลับมาวาดรูปอีกครั้งตามที่แม่เธอแนะนำ ท่านได้ช่วยให้ฉันได้เข้าร่วมงานนิทรรศการจัดแสดงศิลปะต่าง ๆ แล้วครั้งที่จะถึงนี้ฉันอยากให้เธอมาร่วมงานเปิดนิทรรศการด้วย ไม่รู้ว่าวันเสาร์นี้เธอจะว่างรึเปล่า”
“ว่างสิ ฉันอยากไปมากเลย!” ธาริกาตอบด้วยความตื่นเต้นทันที เธอชอบไปงานแสดงศิลปะกับเอวา และยิ่งชอบผลงานของเพื่อน เพราะเหมือนได้ถ่ายทอดจินตนาการให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างแท้จริง
นั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่แม่ของเธอ ผู้หลงใหลในศิลปะและเป็นเจ้าของแกลเลอรี่ ได้สนับสนุนเอวาอยู่เสมอ หากไม่มีการสนับสนุนนี้ เอวาอาจต้องหางานจริงจัง เพื่อหาเลี้ยงชีพแทนที่จะได้ตามความฝันที่เธอรัก
“งั้นฉันจะไปรับเธอเอง เธอไม่ได้มีแพลนจะไปไหนใช่ไหม”
ธาริกายักไหล่ คิดในใจว่าเธอจะไปไหนได้ พ่อแม่แม้จะสนับสนุนเธอทุกอย่าง เธอสามารถมีทุกสิ่งที่ต้องการ มีความเป็นอยู่สุขสบาย เรียกได้ว่าใช้ชีวิตเป็นคุณหนูอย่างแท้จริง แต่กลับถูกตีกรอบไว้เสมอ เธอก็ยังไม่แน่ชัดว่าพ่อแม่จะมองเธอเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ หรือไม่
“ไม่มี แต่ฉันกำลังจะเริ่มทำงานแล้วนะ หรือบางทีอาจจะเป็นการฝึกงาน…ยังไม่แน่ว่าเป็นแบบไหน”
“ยังไง? แล้วที่ไหนล่ะ?” เอวาถามพลางโน้มตัวเข้ามาใกล้ “เธอกำลังจะทิ้งฉันไปหรือ?”
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ เธอรู้จักคุณหมอจักรินทร์ไหม พ่อแม่ฉันเป็นเพื่อนกับเขา เลยจะฝากให้ฉันไปทำงานที่โรงพยาบาลเขาสักระยะหนึ่ง พวกท่านบอกว่าคุณหมอเป็นคนเก่งและอยากให้ฉันมีประสบการณ์จริง แต่ฉันว่ามันเป็นเพราะโรงพยาบาลนั้นอยู่ใกล้บ้านมากกว่า พวกท่านจะได้วางใจ”
“อืม ก็ถูกของเธอ” เอวาถอนหายใจ เข้าใจความรู้สึกเพื่อน “แต่จะวางใจได้จริงหรือ คุณหมอจักรินทร์น่ะ...”
“ทำไมหรือ” ธาริกาถามด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับนายจ้างในอนาคตของเธอ
“ฉันไม่แน่ใจว่าการที่คุณลุงคุณป้าจะไว้วางใจให้คุณหมอจักรินทร์คอยดูแลเธอนั้นจะเป็นความคิดที่ดีหรือเปล่าน่ะสิ” เอวาเอ่ยก่อนจะลดเสียงลง “ฉันได้ยินมาว่าเขาขึ้นชื่อในเรื่อง...บางอย่างอยู่”
“เรื่องอะไรอะ” ธาริกายิ่งอยากรู้ “ที่จริงคืนนี้ฉันจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่เขาจัดอยู่เหมือนกัน พ่อแม่อยากแนะนำฉันให้รู้จักเขาด้วย”
“ฉันได้ยินมาว่าคุณหมอจักรินทร์เป็นคาสซาโนว่าตัวพ่อ” เอวาโน้มหน้ามากระซิบ
“จริงหรอ!”
“ก็เท่าที่ฉันได้ยินมามันก็ประมาณนั้นแหละ เขาจัดงานเลี้ยงแล้วเชิญคนไปร่วมบ่อย ๆ พวกผู้หญิงอยากไปงานนั่นจะตาย เพราะเขาหล่อและรวยมาก แต่ว่านะ เขาเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยจะตาย พอเบื่อก็สลัดทิ้งแบบไม่ใยดี เธอเองก็ต้องระวังตัวไว้นะยัยแสตมป์”
ธาริการู้สึกกังวลเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาในแบบนั้นหรอก เขาอายุมากกว่าฉันพอสมควรนะ แล้วคุณหมอเขาก็เป็นเพื่อนกับพ่อแม่ฉัน”
ไม่ต้องตกใจนะคะ ไรต์ได้ทำการรีไรต์และเริ่มลงเนื้อหาฉบับรีไรต์ให้อ่านตั้งแต่แรกค่ะ