เขาผู้ไม่เชื่อในรัก แต่ความสัมพันธ์ครั้งเดียวกลับเปลี่ยนเขาไปตลอดกาล ธาริกา สาวน้อยแสนสวยที่ดันไปเข้าตา จักรินทร์ คุณหมอที่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นคาสซาโนว่า เธอเป็นคุณหนูที่ถูกพ่อแม่เลี้ยงดูมาราวกับไข่ในหิน ซึ่งความรักของพ่อแม่ที่คอยปกป้องดูแลอย่างไม่ให้คลาดสายตาทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด เธอไม่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระโดยไม่แจ้งให้พ่อแม่ได้รับรู้ ด้วยเหตุนี้ประสบการณ์รักเหมือนเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันจึงเป็นศูนย์ แน่นอนว่าเรื่องนั้น...เธอยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาเป็นคุณหมอหนุ่มที่ไม่เชื่อเรื่องความรัก เมื่อเขาเจอเธอ เขาถูกความงามของเธอดึงดูดจนไม่อาจปล่อยวางได้ เขาต้องได้เธอ เขาใช้ประสบการณ์อันโชกโชนล่อลวงสาวน้อยที่หมายปองได้สำเร็จ โดยการทำข้อแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เขาจะสอนประสบการณ์บนเตียงให้เธอ แต่ทั้งหมดนี้ ไม่มีเรื่องหัวใจมาเกี่ยวข้อง ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อความหวั่นไหวเกิดขึ้นในใจ ด้วยอายุที่หางกันมาก อีกทั้งสถานะทางสังคม กลับเป็นอุปสรรคขัดขวางเส้นทางรักของทั้งคู่ สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร โปรดไปติดตามกันค่ะ
ร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ แห่งนี้ดูอบอุ่นและน่ารักตั้งแต่ก้าวแรกที่ ธาริกา เดินเข้าไป กลิ่นหอมหวานของขนมอบสดใหม่อวบอวลแทรกอยู่ในอากาศ ผนังร้านทาสีโทนพาสเทลอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกสบายตา ชั้นวางขนมเรียงรายอยู่ด้านหน้า เต็มไปด้วยครัวซองต์สีทองกรอบ ชิ้นพายผลไม้ที่ดูน่าทาน และเค้กชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ตกแต่งอย่างประณีต
ธาริกาเลือกนั่งยังที่นั่งริมหน้าต่างบานใหญ่ ที่ประดับด้วยผ้าม่านลายดอกไม้สีอ่อน เก้าอี้เบาะนุ่มสีครีมและโต๊ะไม้เล็ก ๆ ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย เหมาะแก่การนั่งจิบชาและเพลิดเพลินกับขนมอบร้อน ๆ เสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ ดังลอยมาจากลำโพง ทำให้บรรยากาศในร้านรู้สึกผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว
วันนี้เธอนัดเจอกับเพื่อนสนิทหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายสัปดาห์เนื่องจากเธอวุ่นอยู่กับการสอบปลายภาคและการสำเร็จการศึกษา
เธอมีเรื่องราวมากมายที่ต้องการเล่าและอัปเดตให้กับ เอวา เพื่อนของเธอให้ได้ฟัง
ไม่นานก็ปรากฏหญิงสาวที่เดินมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ผมยาวสยายพลิ้วไหลเคลียไปบนไหล่ เสื้อยืดที่สวมมีร่อยรอยเปรอะเปื้อนรอยสี แต่นั่นไม่ได้ทำให้ดูสกปรกหรือน่ารังเกียจ กลับกัน มันสะท้อนความคิดสร้างสรรค์และอิสระอันเต็มเปี่ยมของเธอในทุกย่างก้าวที่เดิน
หญิงสาวเดินไปสั่งอาหารและลาเต้ก่อนที่จะหันกลับมามองยังที่หมาย เธอยิ้มสดใสพร้อมกับเดินมานั่งลงที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามกับธาริกา
“ฉันกะแล้วว่าเธอจะต้องนั่งตรงนี้ นี่มันที่ประจำเธอ”
ธาริกายิ้มพลางกัดครัวซองต์ที่อยู่ในมือ “แล้วช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง ฉันมัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องเรียนจบ เลยไม่ได้คุยกันเลย”
“อ๋อ อย่างที่เคยน่ะ ฉันกลับมาวาดรูปอีกครั้งตามที่แม่เธอแนะนำ ท่านได้ช่วยให้ฉันได้เข้าร่วมงานนิทรรศการจัดแสดงศิลปะต่าง ๆ แล้วครั้งที่จะถึงนี้ฉันอยากให้เธอมาร่วมงานเปิดนิทรรศการด้วย ไม่รู้ว่าวันเสาร์นี้เธอจะว่างรึเปล่า”
“ว่างสิ ฉันอยากไปมากเลย!” ธาริกาตอบด้วยความตื่นเต้นทันที เธอชอบไปงานแสดงศิลปะกับเอวา และยิ่งชอบผลงานของเพื่อน เพราะเหมือนได้ถ่ายทอดจินตนาการให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างแท้จริง
นั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่แม่ของเธอ ผู้หลงใหลในศิลปะและเป็นเจ้าของแกลเลอรี่ ได้สนับสนุนเอวาอยู่เสมอ หากไม่มีการสนับสนุนนี้ เอวาอาจต้องหางานจริงจัง เพื่อหาเลี้ยงชีพแทนที่จะได้ตามความฝันที่เธอรัก
“งั้นฉันจะไปรับเธอเอง เธอไม่ได้มีแพลนจะไปไหนใช่ไหม”
ธาริกายักไหล่ คิดในใจว่าเธอจะไปไหนได้ พ่อแม่แม้จะสนับสนุนเธอทุกอย่าง เธอสามารถมีทุกสิ่งที่ต้องการ มีความเป็นอยู่สุขสบาย เรียกได้ว่าใช้ชีวิตเป็นคุณหนูอย่างแท้จริง แต่กลับถูกตีกรอบไว้เสมอ เธอก็ยังไม่แน่ชัดว่าพ่อแม่จะมองเธอเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ หรือไม่
“ไม่มี แต่ฉันกำลังจะเริ่มทำงานแล้วนะ หรือบางทีอาจจะเป็นการฝึกงาน…ยังไม่แน่ว่าเป็นแบบไหน”
“ยังไง? แล้วที่ไหนล่ะ?” เอวาถามพลางโน้มตัวเข้ามาใกล้ “เธอกำลังจะทิ้งฉันไปหรือ?”
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ เธอรู้จักคุณหมอจักรินทร์ไหม พ่อแม่ฉันเป็นเพื่อนกับเขา เลยจะฝากให้ฉันไปทำงานที่โรงพยาบาลเขาสักระยะหนึ่ง พวกท่านบอกว่าคุณหมอเป็นคนเก่งและอยากให้ฉันมีประสบการณ์จริง แต่ฉันว่ามันเป็นเพราะโรงพยาบาลนั้นอยู่ใกล้บ้านมากกว่า พวกท่านจะได้วางใจ”
“อืม ก็ถูกของเธอ” เอวาถอนหายใจ เข้าใจความรู้สึกเพื่อน “แต่จะวางใจได้จริงหรือ คุณหมอจักรินทร์น่ะ...”
“ทำไมหรือ” ธาริกาถามด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับนายจ้างในอนาคตของเธอ
“ฉันไม่แน่ใจว่าการที่คุณลุงคุณป้าจะไว้วางใจให้คุณหมอจักรินทร์คอยดูแลเธอนั้นจะเป็นความคิดที่ดีหรือเปล่าน่ะสิ” เอวาเอ่ยก่อนจะลดเสียงลง “ฉันได้ยินมาว่าเขาขึ้นชื่อในเรื่อง...บางอย่างอยู่”
“เรื่องอะไรอะ” ธาริกายิ่งอยากรู้ “ที่จริงคืนนี้ฉันจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่เขาจัดอยู่เหมือนกัน พ่อแม่อยากแนะนำฉันให้รู้จักเขาด้วย”
“ฉันได้ยินมาว่าคุณหมอจักรินทร์เป็นคาสซาโนว่าตัวพ่อ” เอวาโน้มหน้ามากระซิบ
“จริงหรอ!”
“ก็เท่าที่ฉันได้ยินมามันก็ประมาณนั้นแหละ เขาจัดงานเลี้ยงแล้วเชิญคนไปร่วมบ่อย ๆ พวกผู้หญิงอยากไปงานนั่นจะตาย เพราะเขาหล่อและรวยมาก แต่ว่านะ เขาเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยจะตาย พอเบื่อก็สลัดทิ้งแบบไม่ใยดี เธอเองก็ต้องระวังตัวไว้นะยัยแสตมป์”
ธาริการู้สึกกังวลเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาในแบบนั้นหรอก เขาอายุมากกว่าฉันพอสมควรนะ แล้วคุณหมอเขาก็เป็นเพื่อนกับพ่อแม่ฉัน”
ไม่ต้องตกใจนะคะ ไรต์ได้ทำการรีไรต์และเริ่มลงเนื้อหาฉบับรีไรต์ให้อ่านตั้งแต่แรกค่ะ
เขาต้องกดเก็บความต้องการของตัวเองไว้ภายใต้หน้ากากเย็นชา เพียงเพื่อถูกเธอกระชากออกด้วยความเร่าร้อนเกินต้าน ยั่วรักนายบอดี้การ์ดจอมโหด เรื่องราวของลูกสาวมาเฟียกับบอดี้การ์ดมาดเข้มที่แสนจะเร้าใจ นอกจากปกป้องชีวิตแล้ว เซียวเฟิง ยังได้รับคำสั่งกระชับเป็นพิเศษให้ปกป้องพรหมจรรย์ของหญิงสาว แต่ทว่า เมริสา กลับไม่ยอมให้ความร่วมมือเอาเสียเลย ยิ่งทั้งคู่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามลำพัง ระหว่างหน้าที่และความต้องการของตัวเอง เขาจะเลือกอะไร เพราะเธอแน่ใจอยู่แล้วว่าต้องการเขาแน่นอน
เธอสวยเลือกได้จนสามารถปรายเสือร้ายให้เป็นแมวเชื่อง ๆ ได้ “จีบฉันไม่ง่ายหรอกนะคะ ฉันไม่สนใจจะเป็นของเล่นบนเตียงให้ใคร” “แหมใครจะใจร้ายให้คุณอยู่ในฐานะของเล่นกันล่ะครับ อย่างคุณต้องพิเศษกว่านั้นอยู่แล้ว” “พิเศษแบบไหนล่ะคะ คู่ขา คู่นอนหรือว่าเด็กคุณ” “นั่นสิครับ แบบไหนดี” “คู่นอนดีไหมคะ จบแล้วก็จบกัน ไม่ต้องยืดเยื้อ” “คุณชอบทำให้ผมประหลาดใจอยู่เรื่อยกับความตรงจนน่าใจหาย” “นักธุรกิจนี่คะ อ้อมค้อมไปก็เสียเวลาเปล่า ๆ สู้ยิงประตูเลยดีกว่า” “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เลยไหมล่ะครับ” ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเป็นคนเดียวกับผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้น เธอเปลี่ยนไปจนเขาแทบจำไม่ได้ ที่สำคัญเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างเธอนั้นลูกเขาแน่นอน เพราะฉะนั้นภาระกิจตามจีบแม่ของลูกจึงเริ่มขึ้น ‘กักหัวใจไว้ใกล้รัก’ เป็นเรื่องต่อจาก ‘กองหัวใจไว้ตรงรัก’ เขาเลขาฯ สายโหด เนื่องจากต้องช่วยเจ้านาย เขาจึงได้ทำลายผู้หญิงเลว ๆ คนหนึ่ง แต่ที่ไหนได้ เขากลับมาพบภายหลังว่าเธอยังบริสุทธิ์ ผิดกับทาทางร่านร้ายที่เธอแสดงออกภายนอก และความบริสุทธิ์ของเธอถูกทำลายด้วยน้ำมือเขาเอง เธอกลายมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอถูกตัดขาดจากครอบครัว ทว่าวันหนึ่งกลับต้องมาเจอคนที่คิดว่าไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนก็ไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว คนที่เป็นพ่อของลูกเธอ เมื่อค้นพบความจริงบางอย่าง การตกหลุมรักจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย เขาจึงเริ่มปฏิบัติการตามจีบแม่ของลูก เธอคิดว่าเขาจะพรากลูกไปจากเธอ แต่ผิดแล้ว เขาต้องการทั้งแม่และลูก และจะกักหัวใจท้องสองไว้กับเขาตลอดไป
เพื่อพิชิตใจแม่ทัพหนุ่มที่หมายปอง นางผู้เป็นองค์หญิงถึงกับปลอมตัวเข้าไปเป็นทหารเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดเขา แต่เหตุการณ์มันไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะเขาเข้าใจว่านางเป็นบุรุษ แล้วนางจะเกี้ยวเขาสำเร็จได้อย่างไร
ดวงใจของมาโปรด เขาคือคุณอาข้างบ้านและคนที่ยื่นมือมาช่วยเธอยามอ่อนแรง เธอ...เด็กสาวจอมซนที่หนีหายไปเสียนาน เมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เขาจะต้องกักเก็บเธอไว้ข้างกายตลอดไป +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ดวงใจอนันต์ เหมือนกามเทพเล่นตลกให้เธอต้องมาพัวพันกับคนที่แอบชอบ ทั้งที่รู้ว่าฐานะต่างกันเหลือเกิน แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับได้ที่ไหนล่ะ!
ความงกของนางทำเอาบุรุษทุกคนต้องถอยหนี แม้กระนั้นความงามทำให้คนมาติดพันนางมากมาย แต่นางเล่นเอาพวกเขาเหล่านั้นหมดตัวกันไปทุกครั้ง แล้วอย่างนี้จะมีบุรุษจวนไหนที่จะกล้าแต่งนางเข้าจวน ฉายาท่านหญิงตำลึงทองของนางไม่ใช่ได้มาเล่น ๆ “ข้าจะหาของมากมายมาให้เจ้า เมื่อนั้น เจ้าจะได้เข้าใจว่าในที่สุดแล้ว ของพวกนั้นก็หาได้มีราคาเทียบเท่ากับตัวเจ้า ที่ข้าทุ่มเททุกอย่างให้” ไป่ชางบอกพลางจ้องดวงตาดอกท้อสุกสกาวตรงหน้า มู่หรงเย่วชิงออกอาการเอียงอาย ก้มหน้าลงแล้วหันหนี สองมือจับอยู่ตรงสายชายอาภรณ์แล้วบิดไปมาระบายความเขิน ซึ่งดูได้ยากว่าเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงการซ่อนความดีอกดีใจที่จะได้รับพระราชทานสิ่งของราคาแพงถึงขนาดนั้นกันแน่ “มันจะเป็นของมากมายเพียงใดกันนะ” นางรำพึงรำพัน “มากจนเจ้าคาดไม่ถึงเลยทีเดียว” “หนึ่งหีบหรือเพคะ” “มากกว่านั้น” “หรืออาจจะเป็นสอง” “เจ้าพอใจเท่านั้นเองหรือ” “สตรีไม่ควรละโมบโลภมาก แม้บุรุษผู้นั้นจะนำมาเสนอให้ถึงที่ก็ตามที” นางช่างกล้าพูด! นี่เป็นความคิดของคนที่หลบซ่อนอยู่ องค์ชายชางทำหน้าไม่เห็นด้วย “ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านั้น” “ยิ่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเยว่ชิง ใช่หรือไม่เพคะ” นางแสร้งทำเป็นออกความเห็นแบบเด็ก ๆ อีกครั้ง ความฉลาดในการเอาตัวเองไปผูกกับบุรุษที่ร่ำรวยที่สุดในอาณาจักรทำให้หลี่อวี้ทั้งขำและเอ็นดูนางในคราวเดียวกัน และยิ่งขบขันมากขึ้น เมื่อเห็นว่าเจ้าหลานโง่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเจอกับอะไร
ครั้งเดียวจบแล้วไม่มีอยู่จริง เพราะดันติดใจรสสาวเวอร์จิ้น เมื่อคิดว่าเรือนร่างที่ตนประทับตราเป็นคนแรกจะถูกชายอื่นทับรอยก็แทบทนไม่ได้ เขาจึงต้องกักเก็บเธอไว้ตลอดไป โชติกา นักศึกษาสาวใจแตกที่ผิดหวังกับประสบการณ์ครั้งแรกกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ตั้งใจจะชดเชยด้วยการหาหนุ่มมากประสบการณ์มาเปิดซิง ชายหนุ่มวัยทำงานย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ระหว่างที่ค้นหาภาพหนุ่มฮอตจากอินเทอร์เน็ต ดันสะดุดตาเข้ากับคาร์ล เฟรเดอริก เจ้าของโรงงานช็อกโกแลตอันดับหนึ่ง คิดเล่น ๆ ว่า แบบเขาเนี่ยแหละที่เธออยากให้เป็นผู้ชายคนแรก แต่คงเป็นได้แค่ความฝัน เขากับเธอเหมือนอยู่คนละโลก อย่างไรก็ตามโชคชะตาก็พาให้ทั้งคู่ได้มาเจอกัน ชายหนุ่มทำให้หญิงสาวสมปรารถนา มันควรจะเป็นครั้งเดียวจบสิ แล้วครั้งที่สอง สาม สี่...ตามมาได้อย่างไร
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"