ในเมื่อเขาเมินเธอก็พร้อมทำทุกวิถีทางให้เขาหันมารักเธอ
จันทร์เจ้ากำลังนั่งวาดรูปขนมไทยที่ถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงามอยู่ด้านหน้า คุณยายเทียนหอมก็เดินมาหาหลานสาวด้วยรอยยิ้ม
“หลานสาวของยายฝีมือดีจริง ๆ เลย” คุณยายเอ่ยชมหลานสาวคนสวย
“คุณยายมีอะไรให้หนูรับใช้หรือเปล่าคะ” คนเอ่ยถามยิ้มหวานส่งกลับไปให้
“ใครจะกล้าไปใช้เรายายตัวแสบ”
“เดี๋ยวนี้หนูกลายเป็นยายตัวแสบของคุณยายไปแล้วเหรอคะ” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะ
“ถึงเป็นยายตัวแสบยายก็รักจ้ะ”
“คุณยายมีอะไรหรือเปล่าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
“วันนี้คุณย่าดารินของหลานชวนไปกินข้าวด้วยกันจ้ะ”
“แน่ะ คุณย่าดารินมาเป็นของหนูตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ เป็นของพี่รัฐต่างหาก” เขาหมายถึงทรงรัฐคู่หมั้นของเธอ
เธอไม่อยากหมั้นกับเขาหรอก แต่ผู้ใหญ่จับหมั้นกันตั้งแต่เด็ก เธอคิดว่าโตขึ้นจะถอนหมั้นกับเขาและแยกย้ายไปมีคนรักของตัวเอง แต่พอโตขึ้นก็คิดว่าคงจะไม่แต่งงานเพราะชอบชีวิตโสดมากกว่า
“เอาล่ะจ้ะ เย็นนี้เราเปลี่ยนสถานที่ไปกินข้าวบ้านคุณย่าดารินกัน”
“ค่ะคุณยาย” บ้านของคุณยายเทียนหอมใกล้กับคุณย่าดารินและทั้งสองก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เล็ก จึงมีความผูกพันแน่นแฟ้น ถึงขนาดว่าจับเธอกับทรงรัฐหมั้นกัน
เธอเรียนจบมัธยมปลายโรงเรียนหญิงล้วนก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ในขณะที่ทรงรัฐเรียนโรงเรียนชายล้วน เขาเรียนจบมัธยมหกก็ไปเรียนต่อต่างประเทศหลายปี เรียนจบแล้วก็ทำงานที่โน่นและเรียนต่อปริญญาโท ใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นอีกหลายปี เธอคิดว่าป่านนี้เขาคงมีคนรู้ใจไปแล้วล่ะ ดังนั้นการยกเลิกแต่งงานในครั้งนี้เขาเองก็คงเห็นด้วยกับเธอ
ตอนเย็นคุณยายให้สาวใช้นำอาหารจากที่บ้านไปด้วย อาหารมากมายทำให้จันทร์เจ้ามองด้วยความสงสัย เป็นปกติว่ามากินข้าวบ้านของคุณย่าดาริน คุณยายก็มักจะนำอาหารและขนมหวานรวมถึงผลไม้ไปฝากอีกฝ่ายด้วย แต่มันก็ไม่ได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้ ทำเอาเธอสงสัยว่าที่บ้านคุณย่าดารินมีแขกหรืออย่างไรกัน
สองยายหลานชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนสองคนคุยกัน ในขณะที่สาวใช้ลำเลียงอาหารเข้าไปไว้ในห้องครัวของคุณย่าดารินด้วยความคุ้นเคย
“ผมอยากถอนหมั้นกับจันทร์เจ้าครับคุณย่า”
“ทำไมล่ะจ๊ะ หนูจันทร์เจ้าไม่ดีตรงไหน”
“ไม่ดีทุกตรงครับ หน้าตาขี้เหร่ อ้วนก็อ้วน แถมยังนิสัยไม่ดีอีก”
อีตานี่ กล้าว่าเธอถึงขนาดนี้เชียวหรือ จันทร์เจ้าทำท่าจะเข้าไปจัดการ แต่คุณยายรีบดึงแขนเอาไว้
“เขาด่าว่าหนูนิสัยไม่ดีนะคะคุณยาย”
“ก็ตอนเด็กเราชอบไปแกล้งพี่เขานี่นา”
“คุณยายเข้าข้างเขาเหรอคะ”
“ยายพูดไปตามจริง” ประโยคของคุณยายทำให้จันทร์เจ้ากอดอกอย่างงอน ๆ แต่ก็ยืนฟังว่าทรงรัฐจะพูด
อะไรกับคุณย่าของเขาต่อ
“ตอนนั้นน้องยังเด็ก” คุณย่าดารินพูดกับหลานชายอย่างใจเย็น
“ไม่เด็กแล้วนะครับ ตอนเรียนมัธยมปลายยายตัวแสบนั่นก็ยังไม่รู้ความ ไม่ใช่แค่ผม เธอชอบแกล้งคนอื่น
ด้วยครับ ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน ผมไม่มีวันแต่งงานกับเธอหรอกครับ” ประโยคของทรงรัฐทำให้จันทร์เจ้าหันมาหาผู้เป็นยาย
“ดูเขาพูดสิคะคุณยาย งั้นเราถอนหมั้นไปเลยค่ะ เราอย่าให้เขามาดูถูกเราถึงขนาดนี้นะคะคุณยาย”
“เราไม่ต้องมายุยาย ไม่อยากหมั้น จะถอนหมั้นก็ได้นะ ยายไม่ได้บังคับเรา แต่เราเป็นคนสัญญากับยายเองว่าถ้าไม่แต่งกับพ่อรัฐ เราจะหาหลานเขยที่ดีกว่ามาแต่งงานแทน”
“คุณยายนี่ความจำเป็นเลิศดีจังเลยนะคะ” จันทร์เจ้าประชด จริง ๆ ถ้ารู้ว่าคุณยายไม่ได้บังคับตั้งแต่แรก แล้วให้ถอนหมั้นกันง่าย ๆ เธอคงไม่ไปบอกว่าจะหาหลานเขยที่ดีกว่าทรงรัฐมาให้ท่านหรอก
ปากไวแท้ ๆ นี่ล่ะหนาเขาบอกว่าคำพูดเป็นนาย พูดไปแล้วจะกลับคำก็กลายเป็นคนกลับกลอกไป
“แต่พูดไปพูดมาพ่อรัฐเขาก็ดูถูกหลานสาวของยายเกินไป งั้นก็ถอนหมั้นกันไปเลย เราก็สวยรวยเก่ง ไม่เห็นต้องง้อผู้ชายเลย”
“จริงด้วยค่ะคุณยาย”
“แต่หลานสาวของยายจะโดนนินทาหรือเปล่าว่าผู้ชายถอนหมั้น เขาไม่เอาเราน่ะ”
“ช่างเถอะค่ะคุณยาย เราไม่ได้ขอข้าวใครกินเสียหน่อย ใครจะนินทาก็ช่างหัวมันค่ะ”
“ใช่จ้ะ”
“แต่เขากล้าดียังไงมาหาว่าหนูนิสัยไม่ดี” จันทร์เจ้ารู้สึกหงุดหงิดตรงนี้แหละ
“แล้วหนูจะเอายังไงคะ”
“ถ้าต้องถอนหมั้นหรือใครต้องทิ้งใครสักคนมันต้องเป็นหนูสิคะ ไม่ใช่เขา หนูไม่ยอมหรอก”
“นั่นน่ะสิ” คุณยายแกล้งเออออห่อหมก ก่อนจะยุต่อ
“มีผู้ชายมาชอบมาจีบหนูตั้งมากมาย หนูยังไม่เอาเลย เขามีสิทธิ์อะไรมาบอกไม่เอาหนู ต้องหนูสิเป็นคนบอกว่าไม่เอาเขา” เธอพูดอย่างหงุดหงิด
“หลานสาวของยายเสน่ห์แรงหัวกะไดบ้านไม่แห้ง ยายเองก็โกรธนัก มาดูถูกกันถึงขนาดนี้ ถึงไม่แต่งงานกับเขาก็ใช่ว่าจะขายไม่ออก”
“ดังนั้นหนูจะไม่ยอมถอนหมั้นง่าย ๆ ค่ะ”
“ดีจ้ะ อ้าว... ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ” คุณยายเห็นด้วยก่อนจะแกล้งอุทานออกมา
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
เธอต้องหมั้นหมายกับหลานชายของเขา แต่เพราะประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดผลข้างเคียงกลายเป็นผู้หญิงอ้วนสุดแสนอัปลักษณ์ หลานชายของเขาจึงขอถอนหมั้น แต่เธอไม่คิดว่าเขาผู้มีศักดิ์เป็นอาจะเป็นคนหมั้นหมายกับเธอแทน คุณอาหนุ่ม เพื่อนรุ่นน้องของบิดามารดาที่เธอแอบชอบมานานหลายปีแล้ว ในที่สุดจะได้เป็นสามีของเธอจริงๆ
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี