กู้หลินฟางยืนขึ้นเต็มความสูง เดินออกมาจากห้องโดยไม่สนใจอีกฝ่าย มีเสียงเรียกตะโกนไล่หลังมา แต่นางก็หาได้หันหลังกลับไป
เมื่อออกมาพ้นร้านน้ำชา สาวใช้คนสนิทก็เอ่ยกับนางด้วยความอึดอัดใจ
“คุณชายคนนั้นนิสัยแย่เกินไปแล้วนะเจ้าคะ”
“ใช่เจ้าค่ะ ดีจริง ๆ ที่คุณหนูไม่ได้เกี่ยวดองกับคนแบบนั้น ขืนแต่งกันไปก็คงดูถูกดูแคลนคุณหนูทุกวันแน่”
กู้หลินฟางถอนหายใจ เหมือนนางเกิดมาผิดยุคผิดสมัย หรือไม่ก็ผิดแผ่นดิน ความคิดอ่านถึงได้ไปคนละทางกับคนแถวนี้
“ช่างเถอะ อาจจะไม่มีคนแบบนั้นที่แคว้นนี้ก็ได้” นางหมายถึงว่าที่คู่ครองที่เหมาะสมกับตน ถึงจะพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไรอย่างนั้น แต่นางก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่ลึก ๆ เช่นกัน
กู้หลินฟางเป็นบุตรีในตระกูลพ่อค้า ด้วยการเลี้ยงดูมาอย่างทัศนคติของผู้สืบทอด นางต้องหาบุรุษมาแต่งงานด้วย และต้องเป็นการแต่งเข้าเท่านั้น ซึ่งแนวคิดนี้ยังไม่ค่อยแพร่หลายในแคว้นอ้าย ตอนวัยแรกปักปิ่นนางคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น แต่จากเรื่องที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่ามันล้มเหลว
หญิงสาวก็มีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ บิดาให้ความรักและคาดหวัง ให้ความรู้แบบที่ผู้นำตระกูลควรมี
แต่ดูเหมือนความคิดเช่นนี้ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับพอ ๆ กับที่จะให้บุรุษแต่งเข้า พวกชาวเมืองไม่ได้มีปัญหาเมื่อกล่าวถึงเรื่องเช่นนี้ เพราะว่าเป็นเรื่องของคนอื่น แต่หากจะให้บุตรชายตนเองแต่งเข้ามาอยู่ใต้อิทธิพลภรรยาก็แสดงออกชัดเจนว่า ยอมรับไม่ได้กันทั้งนั้น
“ข้าทำท่านพ่อผิดหวังแล้ว”
“โธ่คุณหนู คุณหนูไม่ผิดเสียหน่อยเจ้าค่ะ คนพวกนั้นดูถูกเรา ยอมไม่ได้นะเจ้าคะ”
“ช่างเถอะ ๆ พูดถึงไปก็อารมณ์เสีย ซื้ออะไรหน่อยค่อยกลับบ้านแล้วกัน”
“ล้มเหลวรึ?”
“พังไม่เป็นท่าเลยเจ้าค่ะท่านพ่อ”
ประมุขตระกูลพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
กู้หยวนเป็นคนแคว้นอ้าย แต่ก็ไม่เหมือนคนแคว้นอ้าย เขาเกิดที่นี่ แต่เติบโตอยู่บนเรือสำเภา ไปมาหลายทวีป เจอผู้คนหลากหลาย พอบิดามารดาเข้าสู่วัยบั้นปลายจึงกลับมาบ้านเกิดที่กู้หยวนมีความทรงจำเพียงผิวเผิน
เขารู้ว่าที่แห่งนี้สตรียากจะโดดเด่นในฐานะผู้นำ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะขนาดนี้
ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้จนลูกสาวข้าโตก็ยังไม่เปลี่ยนคงพานางไปเรียนรู้บนเรือเสียนานแล้ว
“หรือลูกลองมองหาบุรุษจากเมืองอื่นไว้ดีหรือไม่”
กู้หยวนก็จนใจแล้วเช่นกัน
“ลูกยังไม่รีบร้อนหรอกเจ้าค่ะท่านพ่อ เรื่องนี้ค่อย ๆ คิดไปก็ได้ ว่าแต่เรื่องการเปิดเส้นทางการค้าใหม่จะเอาอย่างไรดีเจ้าคะ”
“เรื่องนั้นพ่อให้ลูกจัดการแล้วกัน”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ ลูกจะรีบหาวันเดินทาง”
สองพ่อลูกเงียบลงครู่หนึ่ง กู้หยวนมองหน้าบุตรสาวจนนางรู้สึกตัว บิดาทำสีหน้าลำบากใจก่อนเอ่ยออกมา
“หลินเอ๋อร์ เรื่องคู่ของลูกไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีฐานะใกล้เคียง หรือผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นหรอกนะ
ถึงมีแล้วมันจะส่งผลต่อธุรกิจให้มากกว่า แต่ตระกูลกู้ไม่ได้ไร้หนทางเพียงเพราะเรื่องแค่นั้น เรามีดีกว่านั้นมากมาย คิดถึงความสุขและความต้องการของตัวเองเข้าไว้เถอะ”
“...” กู้หลินฟางชะงักนิ่งไปก่อนจะเผยรอยยิ้มน้อย ๆ “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ลูกจะจำไว้”
เมื่อคุยธุระเสร็จแล้วนางก็ออกมาจากห้องหนังสือ
กู้หลินฟางเดินผ่านเรือนใหญ่จะกลับเรือนนอนของตัวเอง ขณะนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกว่าพุ่งเข้ามาหา
นางก้มมองเด็กหญิงตัวน้อย
“หรูอัน? ทำไมเจ้ามาอยู่ตรงนี้เล่า?”
“ข้ามารับท่านพี่” นางแย้มยิ้มแล้วเอาหน้าซุกกับหน้าท้องของพี่สาว
กู้หรูอันเป็นคุณหนูเล็กของตระกูล สกุลกู้รุ่นปัจจุบันมีบุตรสาวสองคน แม้ห่างจากพี่สาวเพียงสามปี แต่นางก็ตัวเล็กมากเพราะป่วยง่ายตั้งแต่ยังเด็ก หากไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนคงนึกว่าพวกนางห่างกันหลายปีกว่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นไปกินขนมที่เรือนพี่กันเถอะ”
“เจ้าค่ะ” นางขานรับอย่างกระตือรือร้นพี่สาวจึงยิ้มกว้างขึ้น
ระหว่างเดินทางกลับก็ไปทักทายมารดา และแจ้งว่านางกลับมาแล้ว วันนี้คุณหนูใหญ่ออกไปแต่เช้าตรู่จึงไม่ทันได้ทักทายคนในครอบครัวก่อนไปเลย
“ดูจากสีหน้าเจ้า การดูตัววันนี้ก็ล้มเหลวสินะ”
“ปิดบังท่านแม่ไม่ได้จริง ๆ เจ้าค่ะ”
สองพี่น้องนั่งลงริมระเบียงข้างมารดา ฉู่หลานมองหน้าบุตรสาวทั้งสองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิดเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอเวลาที่บุตรสาวถูกปฏิเสธแค่เพราะว่านางเป็นบุตรีสกุลกู้