รวมเรื่องเล่าประสบการณ์แอบมีชู้ นอกใจคนรัก ร้อนแรง ผิดบาป ncทุกตอน มีหลายเรื่องราว
รวมเรื่องเล่าประสบการณ์แอบมีชู้ นอกใจคนรัก ร้อนแรง ผิดบาป ncทุกตอน มีหลายเรื่องราว
หนูนาในวัยสามสิบสองปี เป็นที่จับตาของผู้คนเสมอ ด้วยรูปร่างระหงสมส่วน ผิวขาวเนียนละเอียดราวกับกลีบซากุระยามต้องแสงอาทิตย์ เรือนผมสีดำขลับยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นอย่างเรียบร้อย เผยให้เห็นลำคอระหงและใบหน้าเรียวสวยได้รูป ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นฉายแววฉลาดเฉลียวและอ่อนโยน จมูกโด่งเล็กรับกับริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ ยามเมื่อเธอแย้มยิ้ม จะปรากฏรอยบุ๋มเล็กๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง สร้างเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างเป็นธรรมชาติ
วันนี้หนูนาสวมชุดสูทกระโปรงสีเทาอ่อน เนื้อผ้าเรียบลื่นเข้ารูปพอดีตัว เสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาวสะอาดตาถูกสอดไว้ด้านในอย่างประณีต กระโปรงทรงดินสอผ่าด้านหลังเล็กน้อย เผยให้เห็นเรียวขาสวยเมื่อยามก้าวเดิน รองเท้าส้นสูงสีดำขลับช่วยเสริมให้รูปร่างของเธอสง่างามยิ่งขึ้น เครื่องประดับมีเพียงต่างหูมุกเม็ดเล็กๆ และนาฬิกาข้อมือเรือนบางสีเงิน ดูเรียบง่ายแต่ก็บ่งบอกถึงรสนิยมที่ดี
ชีวิตภายนอกของหนูนากับภัทร สามีนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ ดูราวกับภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง รถยนต์ราคาแพง และการเข้าสังคมในวงแคบๆ ที่ดูดี แต่ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่พวกเขาใช้ชีวิตร่วมกัน ความเงียบงันกลับเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างน่าอึดอัด ภัทรทุ่มเทเวลาให้กับธุรกิจจนแทบไม่มีเวลาให้หนูนา ความเอาใจใส่และความเสน่หาที่เคยมีในช่วงแรก กลับกลายเป็นความเคยชินและหน้าที่ ความโหยหาความรักและความเร่าร้อนในหัวใจของหนูนาจึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ เหมือนเมล็ดพันธุ์ที่รอวันผลิบาน
ธนาคารสาขาที่หนูนาทำงานตั้งอยู่ในอาคารสูงใจกลางเมือง แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านกระจกบานใหญ่เข้ามาในห้องโถง ทำให้บรรยากาศดูสว่างและพลุกพล่าน พนักงานต่างทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เสียงพูดคุยโทรศัพท์ เสียงพิมพ์เอกสาร และเสียงประกาศต่างๆ ดังคลอเคลียอยู่ตลอดเวลา รัฐ พนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มในชุดเครื่องแบบสีกรมท่าเข้ม ยืนตระหง่านอยู่บริเวณประตูทางเข้า รูปร่างสูงโปร่งของเขาอยู่ในชุดที่รีดเรียบ ใบหน้าคมสันดูเคร่งขรึม แต่แววตาที่ทอดมองผู้คนที่เดินเข้าออกกลับดูสุภาพและระมัดระวัง
รัฐมีอายุย่างเข้าสามสิบปี ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดรับกับโครงหน้าคมสัน ดวงตาเรียวคมสีดำสนิทมักจะซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ภายใต้รอยยิ้มบางๆ ที่นานๆ ครั้งจะปรากฏให้เห็น ไหล่กว้างและแผ่นหลังตรงของเขาบ่งบอกถึงความแข็งแรงและน่าเชื่อถือ หนูนาสังเกตว่ารัฐมักจะยืนประจำการอยู่บริเวณใกล้เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นจุดที่เธอต้องเดินผ่านอยู่เสมอ
ในวันที่วุ่นวาย หนูนาจะสังเกตเห็นรัฐคอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและพนักงานด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประตู การให้ข้อมูล หรือแม้แต่การช่วยเหลือยกของหนัก แววตาที่เขามองมายังเธอในบางครั้ง มันมีความแตกต่างจากสายตาของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ มันแฝงไปด้วยความชื่นชมอย่างเงียบๆ และความใส่ใจที่ทำให้หัวใจของหนูนาเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย
บ่ายวันหนึ่ง ฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงกลางวัน ทำให้ลูกค้าในธนาคารบางตา หนูนาต้องอยู่เคลียร์เอกสารสำคัญที่โต๊ะทำงานของเธอจนเย็นย่ำ แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว เหลือเพียงแสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์สีขาวสว่างจ้าในห้องทำงาน รัฐเป็นยามที่เข้าเวรดึกในคืนนั้น เดินตรวจตราความเรียบร้อยของธนาคารเป็นระยะ เสียงฝีเท้าหนักแน่นของเขาดังแว่วมาในความเงียบ
เมื่อรัฐเดินผ่านโต๊ะทำงานของหนูนา เขาลดความเร็วในการเดินลงเล็กน้อย หันมาสบตาเธอด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
"เลิกงานดึกนะครับคุณหนูนา ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนไหมครับ?" น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขากระซิบแผ่วเบา ท่าทางสุภาพและเป็นห่วงเป็นใยนั้น ทำให้ความรู้สึกเหงาในใจของหนูนาจางหายไปเล็กน้อย
"ค่ะ ใกล้เสร็จแล้วค่ะคุณรัฐ ขอบคุณมากนะคะที่ยังอยู่" หนูนาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มหวาน ดวงตาของเธอสบกับดวงตาคมเข้มของรัฐนานกว่าปกติ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นผ่านระหว่างกัน
"ยินดีเสมอครับ ถ้าต้องการอะไรเรียกผมได้เลยนะครับ" รัฐพูดจบก็เดินจากไป ทิ้งให้หนูนาอยู่กับความเงียบสงัดอีกครั้ง แต่ความรู้สึกอบอุ่นที่เขาเพิ่งมอบให้ยังคงอบอวลอยู่รอบตัวเธอ หนูนาเหม่อมองไปยังแผ่นหลังกว้างของรัฐที่เดินห่างออกไป แสงไฟสีขาวสว่างจ้าสะท้อนกับเครื่องแบบสีกรมท่าของเขาเป็นเงาเข้มยาวบนพื้น ความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนลึกอยู่ในใจของหนูนาเริ่มก่อตัวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ... ความรู้สึกที่อันตรายและเย้ายวนใจ
แสงไฟสีขาวนวลจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ยังคงส่องสว่างจ้าในห้องทำงานของหนูนา นิ้วเรียวยาวของเธอยังคงพิมพ์เอกสารบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างคล่องแคล่ว แต่ความคิดกลับล่องลอยไปยังร่างสูงสง่าของยามหนุ่มที่เดินตรวจตราอยู่ด้านนอก ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยที่รัฐมอบให้เมื่อครู่ยังคงอบอวลอยู่ในความทรงจำ ราวกับสัมผัสที่แผ่วเบาแต่กลับลึกซึ้ง
เวลาล่วงเลยไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งเอกสารกองสุดท้ายถูกจัดเก็บเข้าแฟ้ม หนูนาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก มองนาฬิกาข้อมือเรือนบาง บอกเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว เธอเก็บของบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย สะพายกระเป๋าถือหนังสีดำ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงาน
ห้องโถงธนาคารในยามดึกสงัดวังเวงกว่าที่คิด แสงไฟถูกหรี่ลงจนเหลือเพียงแสงสลัวตามทางเดินและบริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เสียงฝีเท้าของหนูนาดังสะท้อนก้องกังวานในความเงียบ ร่างสูงของรัฐยืนอยู่บริเวณประตูทางออกด้านหน้า มองตรงไปยังความมืดมิดภายนอก
เมื่อเห็นหนูนาเดินออกมา รัฐหันกลับมายิ้มให้เธออีกครั้ง รอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาคมของเขาดูอ่อนโยนลงอย่างน่าประหลาด
"เสร็จแล้วเหรอครับคุณหนูนา ให้ผมไปส่งที่รถไหมครับ?" รัฐเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
"ขอบคุณมากค่ะคุณรัฐ แต่รถจอดอยู่ในที่จอดรถของธนาคาร ไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ" หนูนาตอบกลับไป แต่ในใจกลับรู้สึกเสียดายที่ช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้เขาใกล้จะสิ้นสุดลง
"ถ้าอย่างนั้น... เดินทางปลอดภัยนะครับ" รัฐกล่าวลา
"ขอบคุณค่ะ คุณรัฐก็ดูแลความปลอดภัยด้วยนะคะ" หนูนาตอบกลับไป ก่อนจะหันหลังเดินไปยังประตูทางออก แต่แล้วเธอก็ชะงักเท้า หันกลับมาหารัฐอีกครั้ง
"เอ่อ... คุณรัฐคะ คือว่าลิฟต์มันปิดให้บริการแล้วหรือเปล่าคะ?" หนูนาถามด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นไม่แน่ใจ
รัฐขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยความสุภาพ "ครับคุณหนูนา ลิฟต์ปิดให้บริการหลังสี่ทุ่มครับ ถ้าอย่างนั้นคุณหนูนาต้องใช้บันไดหนีไฟ..." เขาผายมือไปยังประตูสีเขียวทึบที่อยู่สุดทางเดิน
"อ๋อ... ค่ะ" หนูนาตอบรับเบาๆ แต่ในใจกลับเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอเดินไปยังประตูบันไดหนีไฟ เปิดออกแล้วก้าวเข้าไปด้านใน ความมืดและกลิ่นอับชื้นปะทะเข้ามาเล็กน้อย แสงไฟสีส้มจากหลอดไฟฉุกเฉินส่องสว่างเป็นระยะตามขั้นบันได
หนูนาค่อยๆ ก้าวเท้าลงบันไดทีละขั้น เสียงส้นสูงสีดำกระทบกับพื้นปูนดังเป็นจังหวะเงียบๆ ความเงียบและความเปลี่ยวทำให้เธอรู้สึกใจหวิวอย่างประหลาด
ขณะที่เธอกำลังจะเดินลงไปถึงชั้นล่าง เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นมาจากด้านหลัง หนูนาหันกลับไปด้วยความสงสัย แสงไฟสลัวๆ ทำให้เธอเห็นร่างสูงของรัฐกำลังก้าวลงบันไดตามมา
"คุณรัฐคะ มีอะไรรึเปล่าคะ?" หนูนาถามด้วยความแปลกใจ
รัฐเดินลงมาจนถึงขั้นเดียวกับเธอ ยืนประจันหน้ากันในแสงไฟสลัวๆ ดวงตาคมของเขาจ้องมองมาที่ดวงตาของหนูนาอย่างลึกซึ้ง แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้หัวใจของหนูนาเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
"ผม... ผมเป็นห่วงคุณหนูนาครับ บันไดหนีไฟมันค่อนข้างเปลี่ยว" รัฐกระซิบเสียงแหบพร่า น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปจากความสุภาพตามปกติเล็กน้อย
ความเงียบปกคลุมระหว่างคนทั้งสอง มีเพียงเสียงลมหายใจถี่กระชั้นของพวกเขาที่ดังแข่งกัน หนูนาสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดที่รุนแรงระหว่างเธอกับรัฐ มันเป็นความรู้สึกที่อันตราย แต่ก็หอมหวานและเย้ายวนใจจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้
รัฐค่อยๆ เอื้อมมือมาสัมผัสแก้มเนียนของหนูนาอย่างแผ่วเบา สัมผัสนั้นนุ่มนวลและอบอุ่น ราวกับลูบไล้ความปรารถนาที่ซ่อนลึกอยู่ในใจของเธอให้ตื่นขึ้น
"คุณหนูนา..." รัฐเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อของเธอ
หนูนาหลับตาลง ปล่อยให้ความรู้สึกปรารถนาที่ท่วมท้นนำทางเธอ ริมฝีปากของรัฐแตะลงบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความหนักหน่วงและดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นจูบที่เต็มไปด้วยความโหยหาและความปรารถนาที่เก็บกดไว้เนิ่นนาน
มือเรียวของหนูนาค่อยๆ ยกขึ้นโอบรอบคอของรัฐอย่างแนบแน่น ตอบรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ ปล่อยให้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจางหายไปในความมืดสลัวของบันไดหนีไฟ
ร่างของทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ความรู้สึกร้อนรุ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของหนูนา เธอไม่เคยรู้สึกถึงความปรารถนาที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน มันเป็นความตื่นเต้น หวาดเสียว และความต้องการที่ถาโถมเข้ามาอย่างที่ไม่เคยมีใครมอบให้เธอ
มือที่แข็งแรงของรัฐเริ่มซุกซน ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของหนูนาภายใต้เสื้อสูทเนื้อดี ก่อนจะเลื่อนลงมาสัมผัสสะโพกกลมกลึงของเธออย่างแผ่วเบา หนูนาครางออกมาเบาๆ ในลำคอ ปล่อยให้ความรู้สึกเสียวซ่านครอบงำทุกสิ่ง
แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p
นิยายอีโรติก แนวเรื่องจริง นอกใจ มีชู้ เผลอใจ ไม่ตั้งใจ nc 18+ รวมเรื่องสั้นแนวนอกใจ นอกกาย สายบาป เป็นเรื่องแต่งเสริมเรื่องจริง สั้นๆจบในตอน มีหลายแนว หลายเหตุการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ อายุ18ปีขึ้นไป
นิยายผู้ใหญ่ แนวฮาเร็มชาย นางเอกเป็นคุณหนูวัย18ปี เธอชอบยั่วคนสวน คนขับรถ ใจแตก มั่วสวาท nc 18+
ในยุคก่อนสงครามโลก ยังมีการค้าทาส ในดินแดนแถบเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและสถานที่ตั้ง มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ริมหน้าผาบนเขาสูง เจ้าปราสาทคือสามีนางเอก เขาเป็นขุนนางชั้นสูง เขาชอบซื้อทาสชายหลากเชื้อชาติมาเลี้ยง ใช้งานพวกเขาหนัก และมักจะให้นางเอกมีอะไรกับคนแปลกหน้าพวกนั้นเพื่อให้เขานั่งดูอย่างมีอารมณ์
นางเอกแต่งงานกับสามีแก่ เขาเป็นเสี่ยเจ้าของร้านทองที่รวยมาก ทว่านกเขากลับไม่ขันและอ่อนปวกเปียก นานๆจะมีเซ็กกับเมียรัก เดือนละครั้งสองครั้ง นางเอกทนความอยากไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากมีชู้ ไม่อยากนอกใจสามี เธอจึงแอบมีอะไรกับเจ้าแสนรักที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ซ่งชิงเหอโดนหักหลังและกลายเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น เธอจึงหย่ากับสีจั้นถิง สามีของเธอ และเดินทางออกจากเมืองหวยไปด้วยความเกลียดชัง หกปีต่อมา เธอหวนกลับมาราวกับนกฟีนิกซ์พร้อมกับคู่แข่งของสามีเก่าเธอ เธอเติบโตขึ้นกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอสาบานกับตัวเองว่าจะทำให้ทุกคนต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับเธอ เธอยอมร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อแก้แค้น โดยไม่รู้เลยว่าเธอตกเป็นเหยื่อของเขาไปแล้ว ในเกมแห่งความรักและความปรารถนา ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะที่แท้จริงจะเป็นใคร
จะมีสิ่งใดน่าทุกข์ใจไปมากกว่าการถูกคนในครอบครัวรังเกียจภายหลังจากมารดาเสียชีวิตเด็กน้อยอายุห้าขวบต้องพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดพร้อมกับน้องสาวที่พึ่งลืมตาดูโลกอีกทั้งน้องชายฝาแฝดที่พึ่งเกิดมายังถูกพรากไป หลี่อันหนิง เด็กสาวผู้เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาที่ไม่เหมือนผู้ใดนอกจากต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากคนในครอบครัว ตลอดชีวิตนางยังไม่เคยได้รับอุ่นไอจากผู้เป็นบิดาที่ยังเหลืออยู่ จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต นางก็ยังไม่รู้เลยว่าเหตุใดสวรรค์ถึงได้กำหนดชะตาชีวิตเช่นนี้ให้กับตน เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เด็กสาวพบว่าตนเองกลับมายังอดีตในช่วงเวลาที่ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ พร้อมกับความสามารถที่ไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้เหมือนอย่างนาง หลี่อันหนิงได้เริ่มวางแผนแก้แค้นให้กับตนและช่วยเหลือน้องทั้งสองมิให้มีชะตากรรมดั่งชาติที่แล้ว ************************************************************ “ท่านแม่!! ท่านแม่!! ตื่นสิเจ้าคะ นอนที่นี่ไม่ได้นะเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” ร่างเล็กแกรนแกะเอาเสื่อที่ห่อม้วนร่างของมารดาออก ก่อนจะเขย่ากายที่เย็นชืดไปนานแล้วของนาง ทว่าในระหว่างที่สายฝนกำลังเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงร้องแผ่วเบาราวกับลูกแมวน้อยก็ดังขึ้น หลี่อันหนิงมองไปยังช่วงขาของมารดาเห็นบางสิ่งกำลังขยับไหว นางจึงเลิกชุดสีขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตของมารดาขึ้น บัดดลร่างเล็กของเด็กทารกที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดก็ปรากฏแก่สายตา ด้วยสัญชาตญาณ เด็กน้อยในวัยห้าขวบรีบถอดเสื้อคลุมด้านนอกอันเปียกชื้นไปด้วยละอองน้ำฝนออกมาห่อร่างเล็กของน้องสาวเอาไว้ ส่วนตนเองก็เอาแต่เอ่ยพึมพำว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พี่สาวจะดูแลน้องเอง หลี่อันหนิงกอดเด็กทารกเอาไว้ในอ้อมแขน ใช้ร่างกายเล็กจ้อยของตนกำบังลมฝนให้น้องน้อยอย่างกล้าหาญ ******************************************************** ร่างเล็กนั่งตากฝนอยู่บนเขาเป็นเวลาเนิ่นนาน เพราะหาหนทางกลับเรือนเฉกเช่นผู้ใหญ่ไม่ได้ กายของเด็กน้อยเริ่มสั่นสะท้านเสียงฟันของนางกระทบกันดังกึกกัก ก่อนสติสุดท้ายของเด็กหญิงจะดับวูบไป หลี่อันหนิงคล้ายมองเห็นมารดาของตนที่นอนอยู่เบื้องหน้าลุกขึ้นมาตระกองกอดนางเอาไว้แนบอก ก่อนกระซิบน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แม่อยู่นี่แล้ว เสียงเพลงกล่อมเด็กที่มารดาเคยร้องกล่อมตนยามค่ำคืนยังคงดังก้องประทับในโสต หลี่อันหนิงหลับไปทั้งรอยยิ้มโดยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นต่อจากนั้น
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY