รวมเรื่องสวิงกิ้งจากสาวๆและสามีหลายๆท่าน มีหลายตอน หลายเหตุการณ์ สัมผัสถึงรสชาติสัมพันธ์แบบแปลกใหม่ นอกกายแต่ไม่นอกใจ
รวมเรื่องสวิงกิ้งจากสาวๆและสามีหลายๆท่าน มีหลายตอน หลายเหตุการณ์ สัมผัสถึงรสชาติสัมพันธ์แบบแปลกใหม่ นอกกายแต่ไม่นอกใจ
รวมประสบการณ์สวิงกิ้ง
ตอน สามีพาไปโดนหมอนวดผู้ชาย
ฉันชื่อ พิมพ์ อายุสามสิบต้นๆ แต่งงานกับคุณากรณ์ สามีที่ฉันรักมาก เขาเป็นคนเปิดเผยและมักจะชวนฉันทำกิจกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ ชีวิตคู่ของเราโดยรวมมีความสุขดี แม้ว่าบางครั้งความซ้ำซากจำเจจะเริ่มเข้ามาบ้าง
วันนี้ คุณากรณ์ชวนฉันมาพักผ่อนที่รีสอร์ทเงียบสงบแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด เขาบอกว่ามีสปาที่ขึ้นชื่อเรื่องการนวดแผนไทย และอยากให้ฉันได้ลองผ่อนคลายอย่างเต็มที่
เมื่อมาถึงสปา บรรยากาศเงียบสงบและหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำมันอโรมา ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นทันที พนักงานต้อนรับยิ้มแย้มและให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี
คุณากรณ์เลือกโปรแกรมนวดแผนไทยสำหรับสองคน แต่เขาบอกว่าอยากลองนวดกับหมอผู้ชายดูบ้าง ส่วนฉันก็ตามใจเขา เราถูกพาไปยังห้องนวดคู่ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่สวยงาม
ฉันเปลี่ยนเป็นชุดคลุมผ้าฝ้ายเนื้อนุ่ม นอนลงบนเตียงนวดข้างๆ คุณากรณ์ หมอนวดชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีแทน แนะนำตัวว่าชื่อนนท์ จะเป็นหมอนวดของฉัน ส่วนคุณากรณ์ได้หมอนวดอีกคนชื่อสมชาย
การนวดเริ่มต้นขึ้นอย่างนุ่มนวล คุณนนท์คลึงและกดจุดต่างๆ บนร่างกายของฉันอย่างชำนาญ มือของเขามีน้ำหนักกำลังดี ทำให้ฉันรู้สึกสบายตัวมาก คุณากรณ์ที่เตียงข้างๆ ก็ดูผ่อนคลายเช่นกัน
คุณนนท์ค่อยๆ เลื่อนมือลงมานวดบริเวณบ่าและไหล่ของฉัน สัมผัสที่แข็งแรงแต่ก็อ่อนโยนนั้น ทำให้ความเมื่อยล้าของฉันค่อยๆ คลายลง
จากนั้น เขาก็เริ่มนวดบริเวณแขนและขาของฉัน มือของเขาลูบไล้ไปตามผิวเนื้ออย่างแผ่วเบา แต่ในบางจังหวะปลายนิ้วของเขาก็สัมผัสบริเวณที่ใกล้เคียงกับจุดสงวนของฉันอย่างไม่ได้ตั้งใจ สัมผัสเพียงเล็กน้อยนั้นกลับทำให้เกิดความรู้สึกวาบหวามแล่นปราดไปทั่วร่างกาย
ฉันพยายามข่มความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นไว้ หลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
คุณนนท์ค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นมานวดบริเวณต้นขาของฉัน สัมผัสของเขายังคงนุ่มนวล แต่บริเวณที่ถูกสัมผัสมันใกล้กับจุดที่ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหวมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกเสียวซ่านเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
ฉันรู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า พยายามเบี่ยงเบนความคิดไปยังเรื่องอื่น แต่สมาธิของฉันเริ่มกระเจิงไปหมด ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นมันช่างแตกต่างจากการถูกสัมผัสโดยคุณากรณ์
แล้วคุณากรณ์ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ "พิมพ์ นนท์นวดดีไหม?"
ฉันลืมตาขึ้นเล็กน้อย มองไปยังคุณากรณ์ที่กำลังยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร หมอนวดของเขาก็กำลังนวดบริเวณบ่าของเขาอยู่
"ดีค่ะคุณ" ฉันตอบยิ้มกลับไป แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความกระวนกระวายอย่างประหลาด กลิ่นอโรมาในห้องเริ่มให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
คุณนนท์ค่อยๆ เปลี่ยนท่านวด เขาให้ฉันนอนตะแคง มือของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงมาบริเวณสะโพก สัมผัสที่นุ่มนวลนั้นทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ใจของฉันเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย
จากนั้น เขาก็เริ่มนวดบริเวณบ่าและไหล่อีกครั้ง มือของเขากดคลึงบริเวณที่เมื่อยล้าอย่างชำนาญ แต่ในบางจังหวะ มือของเขาก็สัมผัสกับบริเวณใกล้เคียงกับทรวงอกของฉันอย่างไม่ได้ตั้งใจ สัมผัสเพียงเล็กน้อยนั้นกลับทำให้เกิดความรู้สึกวาบหวามอีกครั้ง
ฉันรู้สึกถึงความกระวนกระวายที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ พยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ แต่ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นมันช่างแตกต่างและห้ามใจยาก
คุณากรณ์ที่เตียงข้างๆ ก็พลิกตัวนอนหงาย มองมาทางฉันด้วยรอยยิ้ม "สบายไหมพิมพ์? หมอนวดคนนี้มือหนักใช้ได้เลยนะ"
ฉันยิ้มตอบ "สบายดีค่ะคุณ" แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า ฉันไม่กล้าสบตาสามีนานๆ
คุณนนท์ค่อยๆ เลื่อนมือลงมานวดบริเวณแขนอีกครั้ง มือของเขาลูบไล้ไปตามผิวเนื้ออย่างแผ่วเบา แต่ในบางจังหวะปลายนิ้วของเขาก็สัมผัสกับบริเวณที่ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหวมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกเสียวซ่านเริ่มรุนแรงขึ้นอย่างช้าๆ
ฉันรู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้าอีกครั้ง พยายามข่มความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้น แต่สมาธิของฉันเริ่มกระเจิงไปหมด ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นมันช่างแตกต่างและห้ามใจยาก
ร่องรอยผ่อนคลายบนเตียงนวด อาจกำลังนำพาไปสู่ความรู้สึกอื่นที่ซ่อนลึกกว่านั้น... ความรู้สึกที่เริ่มแฝงไว้ด้วยความนัยบางอย่าง... และสายตาของคุณากรณ์ที่มองมาด้วยรอยยิ้มนั้น... มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่
คุณนนท์ค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากลงต่ำจากทรวงอกของฉัน ไปยังบริเวณหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนต่ำลงไปยังขอบกางเกงที่ฉันสวมอยู่ มือของเขาลูบไล้บริเวณนั้นอย่างแผ่วเบา แต่กลับกระตุ้นความรู้สึกวาบหวามอย่างประหลาด
ฉันหายใจถี่กระชั้น มองไปยังคุณากรณ์ที่ยังคงยิ้มอย่างมีเลศนัยมาทางฉัน หัวใจของฉันเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไร
คุณนนท์ค่อยๆ รูดขอบกางเกงของฉันลงเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงต่ำ ริมฝีปากอุ่นชื้นของเขาสัมผัสกับบริเวณหว่างขาของฉันอย่างแผ่วเบา แล้วค่อยๆ เลื่อนลงต่ำไปยังจุดที่ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหวที่สุด
ทันใดนั้นเอง ลิ้นร้อนของเขาก็แตะลงบนกลีบเนื้ออ่อนนุ่มของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ ความรู้สึกเสียวซ่านที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแล่นปราดไปทั่วร่างกายของฉัน น้ำเสียวพุ่งออกจากรูอย่างห้ามไม่อยู่
ฉันเผลอกรีดร้องครางกระเส่า สะโพกของฉันยกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว มือของฉันจิกผ้าปูเตียงแน่น
คุณนนท์ค่อยๆ แหกกลีบเนื้อของฉันออกอย่างช้าๆ แล้วตวัดลิ้นร้อนของเขาลงไปอย่างลึกซึ้ง ความรู้สึกเสียวซ่านมันรุนแรงจนตัวของฉันสั่นเทิ้มไปหมด ฉันร้องดังโหยหวนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ในขณะนั้นเอง ฉันก็รู้สึกถึงสัมผัสอีกสองคู่ที่บริเวณทรวงอกของฉัน ฉันลืมตาขึ้นอย่างเลือนราง เห็นคุณากรณ์โน้มตัวลงมาดูดดึงยอดอกข้างหนึ่งของฉันอย่างกระหายใคร่ ส่วนหมอนวดอีกคนชื่อสมชายที่นวดให้คุณากรณ์ ก็โน้มตัวลงมาดูดดึงยอดอกอีกข้างหนึ่งของฉันเช่นกัน
ความรู้สึกเสียวซ่านมันยุ่บยั่บไปหมด ฉันไม่รู้ว่าปากใครเป็นปากใคร รู้สึกเพียงแต่ความร้อนชื้นและการดูดดึงที่ทำให้ร่างกายของฉันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ความมึนงงและความปรารถนาถาโถมเข้ามาจนฉันแทบขาดสติ... โลกทั้งใบของฉันหมุนคว้างไปหมด
นิยายสายบาป อีโรติค เรื่องราวของแม่เลี้ยงแสนสวยที่มีสัมพันธ์สวาทกับลูกเลี้ยงชายทั้งสามคน แถมยังแอบมีชู้นอกบ้านอีกมากหน้าหลายตา...
เมื่อคุณแม่มีสามีใหม่แตงโมและพี่ส้มโอก็ต้องเจอกับพ่อเลี้ยงสายหื่นไปโดยปริยาย แรกๆทุกคนก็อยู่กันมีความสุขดี ไปๆมาๆพี่สาวก็เสียตัวให้พ่อเลี้ยงสุดหล่อ หลังๆแตงโมก็คงไม่รอด ที่น่าแปลกใจคือทุกคนในบ้านหลงเค้าหัวปักหัวปำ ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงคนนี้มีอะไรดี ระหว่าง ความรวย ความหล่อ หรือลีลา ...
แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p
นิยายอีโรติก แนวเรื่องจริง นอกใจ มีชู้ เผลอใจ ไม่ตั้งใจ nc 18+ รวมเรื่องสั้นแนวนอกใจ นอกกาย สายบาป เป็นเรื่องแต่งเสริมเรื่องจริง สั้นๆจบในตอน มีหลายแนว หลายเหตุการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ อายุ18ปีขึ้นไป
นิยายผู้ใหญ่ แนวฮาเร็มชาย นางเอกเป็นคุณหนูวัย18ปี เธอชอบยั่วคนสวน คนขับรถ ใจแตก มั่วสวาท nc 18+
ในยุคก่อนสงครามโลก ยังมีการค้าทาส ในดินแดนแถบเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและสถานที่ตั้ง มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ริมหน้าผาบนเขาสูง เจ้าปราสาทคือสามีนางเอก เขาเป็นขุนนางชั้นสูง เขาชอบซื้อทาสชายหลากเชื้อชาติมาเลี้ยง ใช้งานพวกเขาหนัก และมักจะให้นางเอกมีอะไรกับคนแปลกหน้าพวกนั้นเพื่อให้เขานั่งดูอย่างมีอารมณ์
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
" ถ้าฉันยังไม่เบื่อเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ...นอกจากเธอจะนอนถางขาให้ฉันเอาจนกว่าฉันจะเบื่อไปเอง! "
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY