เธอเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับเขามานานหลายปี แต่เขาไม่อยากหมั้นและแต่งงานกับเธอ เขามีคนที่รักอยู่แล้ว เธอจึงกลายเป็นส่วนเกิน บิดามารดามาเสียชีวิตกะทันหัน ทำให้เธอไร้ที่พึ่งพิง ในเมื่อเขาไม่รักใคร่ไยดี เธอก็พร้อมถอยห่าง แต่เขากลับตามติดไม่ยอมให้เธอออกไปจากชีวิตของเขา
ควันจากปล่องเมรุสีดำทะมึนทำให้ผกามณีน้ำตาซึม บิดามารดาจากไปแล้ว เธอรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวเพราะไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก
“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ ไปอยู่กับลุงกับป้านะ”
“หนูเกรงใจน่ะค่ะ” ผกามณีเอ่ยอย่างเกรงใจ
“ผิงจะอยู่คนเดียวได้ยังไงลูก ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วยิ่งอยู่คนเดียวไม่ได้ ในสวนก็ไกลผู้ไกลคน” ธาริณีลูบหลังลูบไหล่ สีหน้าท่าทีเป็นห่วงเป็นใยไม่น้อย
“จริงด้วย พ่อกับแม่ของเราน่ะฝากเราเอาไว้กับลุงกับป้า ถ้าลุงกับป้าต้องปล่อยให้หนูอยู่คนเดียว คงไม่ดีแน่” ศุภกรเองก็ไม่อยากให้ผกามณีอยู่เพียงลำพังที่บ้านสวนห่างไกลเช่นนี้
“เขาไม่อยากไปอยู่กับเรา แล้วเราจะไปบังคับเขาทำไมกันครับ” ประโยคของตะวัน ทำให้ผกามณีต้องเม้มปากเข้าหากัน
ตะวันเป็นคู่หมั้นของเธอ และเป็นลูกชายคนเดียวของศุภกรและธาริณี เพื่อนรักของบิดามารดา แต่เขาไม่ได้ยินดีกับการหมั้นในครั้งนี้ มีแค่เธอเท่านั้นที่แอบรักเขาข้างเดียว
“ปากเราเหรอนั่น ถ้าพูดแล้วฟังไม่เข้าหูแบบนี้เงียบไปเสียดีกว่า” ธาริณีหันไปบ่นกับลูกชาย ทำให้ตะวันต้องขอตัวไปรอที่รถ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวจะพูดไม่เข้าหูหลานสาวสุดที่รักของคุณแม่อีก”
“อย่าไปถือสาเฮียเขาเลยนะลูก ลุงกับป้าจะดูแลหนูเอง”
“หนูขอนอนที่บ้านสวนสักสองสามคืนได้ไหมคะ” เพราะคิดถึงบิดามารดามาก ๆ บ้านหลังนี้มีแต่ความทรงจำดี ๆ ระหว่างเธอกับบิดามารดา
“เอางั้นเหรอจ๊ะ ให้ป้านอนเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ที่นี่หนูนอนมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“ให้สาวใช้ที่บ้านของป้ามานอนเป็นเพื่อนดีกว่าจ้ะ”
“เกรงใจคุณป้าจังเลยค่ะ”
“เกรงใจอีกแล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ ต่อไปหนูก็จะกลายมาเป็นลูกสาวป้าอีกคน” ท่านหมายถึงเธอต้องแต่งงานกับลูกชายของท่าน กลายไปเป็นสะใภ้ ก็เหมือนเป็นลูกสาวอีกคนของท่านนั่นเอง
“หนูขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากนะคะที่เอ็นดูหนูถึงขนาดนี้”
“เรื่องเรียนของหนูว่ายังไงจ๊ะ” ขณะเดินไปขึ้นรถ ธาริณีก็สอบถามไปด้วย
“หนูสอบได้หลายที่ค่ะ กำลังตัดสินใจอยู่น่ะค่ะว่าจะเลือกที่ไหน” ตอนนี้ยังสามารถเลือกได้ว่าจะเรียนมหาวิทยาลัยไหน
“อันดับหนึ่งได้มหาวิทยาลัยที่ไหนจ๊ะ”
“ที่กรุงเทพฯ ค่ะ” เธอบอกชื่อมหาวิทยาลัยให้ท่านทั้งสองได้รับรู้
“เรียนเก่งเสียด้วย สอบติดที่นี่ถือว่าเก่งมากเลยจ้ะ เกรดเฉลี่ยของหนูได้สี่จุดศูนย์ศูนย์ใช่ไหม พ่อกับแม่ของหนูคงภูมิใจที่ลูกสาวขยันเรียนแบบนี้”
“หนูอยากเรียนเกษตรน่ะค่ะ เพราะชอบปลูกต้นไม้เหมือนคุณพ่อกับคุณแม่ คิดว่าเรียนจบจะกลับมาพัฒนาที่ดินน่ะค่ะ”
“ดีแล้วจ้ะ เลือกเรียนที่ตัวเองชอบ” ธาริณีพูดแล้วยิ้มกว้าง ครอบครัวของนางก็ทำไร่ทำสวน มีที่ดินมากมาย ถ้าลูกชายและลูกสะใภ้มุ่งมั่นไปกับการพัฒนาที่ดินก็ถือว่าดีมาก ๆ จะได้มีคนดูแลทรัพย์สินที่พ่อแม่ทิ้งเอาไว้ให้
“ตะวันไปส่งน้องที่บ้านสวนก่อนนะลูก” ธาริณีเอ่ยบอกลูกชายเมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“หลานสาวคนดีของคุณแม่ ไม่ไปอยู่กับคุณแม่เหรอครับ” ตะวันเอ่ยถาม
“น้องอยากนอนค้างที่บ้านน่ะจ้ะ คงจะคิดถึงพ่อกับแม่ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็ต้องเก็บกระดูกด้วย”
“ครับ”
“ป้าไม่ยอมให้หนูนอนคนเดียวหรอกนะ” ธาริณีพูดขึ้นเมื่อลูกชายออกรถ
“คุณป้าจะนอนค้างที่บ้านหนูด้วยเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ คุณลุงด้วย เฮียเขาด้วย” ใครจะให้เด็กสาวแสนสวยนอนบ้านสวนคนเดียวกันล่ะ แต่ในความคิดของผกามณี เธออยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก จึงไม่คิดว่าที่นี่น่ากลัวหรืออันตรายอะไร เพราะไม่เคยมีขโมยขโจรเข้ามาขโมยของหรือมาปล้นจี้ทำร้าย เธออยู่ที่นี่กับพ่อแม่อย่างสงบสุขมาตลอด
“ค่ะ” ผกามณีรับคำ
“ผมด้วยเหรอครับคุณแม่” คนขับรถเอ่ยถาม
“เราต้องขับรถให้พ่อกับแม่แล้วก็น้อง เราไม่นอนใครจะขับรถให้ พ่อเราน่ะหูตาไม่ค่อยดีแล้วนะ” ธาริณีค้อนลูกชาย
“เดี๋ยวหนูขับให้ก็ได้ค่ะ” บิดาสอนให้เธอหัดขับรถ ซึ่งเธอก็ขับรถเป็นและคล่องด้วย
“ขืนให้เธอขับ ได้พาพ่อกับแม่ฉันลงคูข้างทาง” ตะวันทำเสียงดุใส่
“อย่ามาดูถูกกันนะคะ ผิงขับรถคล่องแล้ว”
“อย่างนั้นเหรอ” เขายั่วแหย่ ทำเอาเธอต้องค้อนเขาเสียวงใหญ่
“ให้เฮียเขาขับน่ะดีแล้วจ้ะ” ธาริณีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ว่าที่ลูกสะใภ้ของนางไม่รู้จักทำตัวให้ผู้ชายอยากช่วยเหลือเลย พูดออกไปว่าขับรถเก่ง จะเปิดช่องให้ผู้ชาย
มาช่วยขับรถมาดูแล พาไปโน่นไปนี่ก็หมดโอกาสน่ะสิ นางไม่มีทางยอมแน่นอน
ลูกสะใภ้ของนางจะต้องเป็นผกามณีเท่านั้น คนอื่นนางไม่ต้องการ
บ้านเรือนไทยหลังใหญ่อันร่มรื่นด้านหลังบ้านมีคลอง ซึ่งที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ ถ้าต้องการอาศัยกันอยู่เป็นครอบครัวและต้องการความสันโดษถือว่าโอเคทีเดียว แต่ถ้าต้องอยู่คนเดียวเป็นผู้ชายไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ดูจะอันตรายเกินไปในสังคมสมัยนี้
บ้านช่องของผกามณีสะอาดสะอ้าน รอบบ้านเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ บ่งบอกว่าเจ้าของบ้านดูแลเอาใจใส่บ้านช่องเป็นอย่างดี จึงทำให้น่าอยู่เช่นนี้
เขาเจอเธอเมื่อวันก่อน ทำให้เขาตกหลุมรักเธอในทันที เขาได้เจอเธออีกครั้งในสภาพบาดเจ็บและความจำเสื่อม โดยไม่รู้ว่าแท้ที่จริงเธอคือคู่หมั้นวัยเด็กของเขา แต่เพราะเขาตกหลุมรักเธอ จึงโกหกเธอไปว่าเขาคือสามี!
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
“อ๊ะ… อ๊อย... ” ดวงตาของฝ้ายคำหลับพริ้ม เม้มปากแน่น เมื่อโดนสามีกดใบหน้าแนบเน้นซุกไซ้เข้าหาความเป็นสาว ฉั่วๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงลิ้นสากเฉาะรัว ลากเลียเลยขึ้นเป็นจังหวะยาวๆ ตามรูปทรงของกลีบสวาท เบียดกันแน่นเป็นพูงามอร่ามอะร้าอยู่ตรงง่ามขาของหญิงสาวที่เข่าสองข้างโดนดันแบะอ้า แอ่นร่องสวาทให้สามีเบิร์นอย่างดิบเถื่อน “อ๊า... ซี้ด... อูย... เสียวค่ะ... ฮึ่ก” ทั้งที่หล่อนพยายามกัดฟัน เม้มริมฝีปากแน่น สะกดกลั้นเสียงคราง กลัวว่าจะหลุดออกมาน่าอาย หากความเสียวซ่านก็ทำให้เสียงของคนโดนเลียร่องหอย เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นระริก ปลายลิ้นของอลังค์จุ่มจ้วงทะลวงเลียกลีบมาลีสีชมพูสดสวยอย่างโหยหา “อ๊า... อ๊า... อ๊า... ” หญิงสาวร้องครางตามจังหวะลิ้นปาดเลียรัวๆ สลับลากเสยขึ้นๆ ลงๆ ตามแนวความยาวของร่องสวาท เรียกน้ำเสียวของหญิงสาวให้สาดทะลักออกมาอย่างมิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ “อ๊า... ที่รักจ๋าฝ้ายเสียวเหลือเกิน... ซี้ดอูย... สะ... เสียวมาก” คนโดนจู่โจมหนอกเนินสวาท เปล่งเสียงร้องครางครวญออกมาอย่างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง ปลายลิ้นของอลังค์เสียบรัวเข้าใส่กลีบบอบบาง โดนแบะบีบจนเบ่งบวมขึ้นมารับปลายลิ้น บดขยี้ลงบนความนุ่มอ่อน ไชชอนสำรวจซอกหลืบอย่างมีลีลา สมกับเป็นสายเบิร์นตัวจริง อลังค์ไม่ทำให้หญิงสาวผิดหวัง ทำเอาผู้หญิงสามคนที่กำลังมองดูภาพของการเล้าโลมสุดเร่าร้อนผ่านหน้าจอมอนิเตอร์จนเกิดอาการน้ำเดินไปตามๆ กัน
นั่งรีวิวนิยายอยู่ดีๆ จ้าวลี่หลินก็ทะลุมิติมาเกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยายตรงหน้า สวรรค์ข้าเพียงด่านางร้ายผู้นี้ไปสองสามประโยคเท่านั้น เหตุใดต้องกลั่นแกล้งกันถึงเพียงนี้ แล้วสามีผู้นี้มิใช่ว่าเขาคือแม่ทัพผู้เก่งกาจหรือไร เกิดอะไรขึ้นจึงได้มาเป็นชาวสวนแบบนี้ แต่ถึงจะถูกไล่ออกมาเป็นชาวสวนแล้วอย่างไร ไม่ได้เป็นขุนนางก็เป็นคนร่ำรวยได้ มีเงินย่อมมีอำนาจมิใช่หรือ แต่หากอยากกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้งก็ต้องฟังภรรยาอย่างข้า สามี...อยากรวยต้องช่วยข้าทำสวน
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"