เธอเคยเห็นคนอื่นโดนจับคลุมถุงชนแต่งงาน แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง แรกเริ่มเดิมทีจะปฏิเสธหัวชนฝา แต่ที่ไหนได้ รู้ตัวอีกทีก็ตอบตกลงไปเสียแล้ว หลังจากได้เห็นหน้าคุณหมอหนุ่มแสนสุภาพ ปากแดงแก้มใสน่าลูบไล้เสียเหลือเกิน!
เธอเคยเห็นคนอื่นโดนจับคลุมถุงชนแต่งงาน แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง แรกเริ่มเดิมทีจะปฏิเสธหัวชนฝา แต่ที่ไหนได้ รู้ตัวอีกทีก็ตอบตกลงไปเสียแล้ว หลังจากได้เห็นหน้าคุณหมอหนุ่มแสนสุภาพ ปากแดงแก้มใสน่าลูบไล้เสียเหลือเกิน!
คู่บ่าวสาวที่เพิ่งเดินลงมาจากบนห้องทำให้คุณย่าภัทรลดายิ้มหวานออกมาในทันที ในขณะที่รัศมีกับจิราพรหันไปมองหน้ากันก่อนที่จะแอบเบ้ปากออกมาเพราะไม่ชอบวิรากานต์ สะใภ้คนใหม่ของตระกูล
“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ มากินข้าวกันจ้ะ” คุณย่าเอ่ยกับหลานชายและหลานสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม
ชยันต์ทำท่าจะนั่งลงที่เก้าอี้ประจำของตัวเอง แต่คุณย่าก็รีบพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เลื่อนเก้าอี้ให้เมียเราด้วยสิ” เขาทำตามอย่างไม่เกี่ยงงอน
คุณหมอหนุ่มใบหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ทำให้ทุกคนไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แม้แต่คนเป็นภรรยาอย่างวิรากานต์
วิรากานต์เหลือบมองเขาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปขอบใจสาวใช้ที่เริ่มตักข้าวใส่จานให้
เธอเข้าห้องหอกับเขาแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ไล่ไปนอนบนพื้นหรือบนโซฟา แต่แบ่งเตียงให้นอนครึ่งหนึ่ง โดยมีหมอนข้างกั้นเอาไว้
หญิงสาวแอบคิดว่าเขาอาจจะเป็นเกย์ก็ได้ เพราะตั้งแต่รู้จักกันก่อนแต่งงานเขาทำตัวห่างเหินจนน่าสงสัย
ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอกับเขาเจอกันแค่ครั้งเดียวจริงๆ ตอนที่เขานัดเธอไปดูชุดแต่งงานก่อนแต่งงาน จึงไม่ได้ทำความรู้จักกันมากกว่านั้นเลย
เธอไม่รู้ว่าเขามีเหตุผลอะไรที่ยอมมาแต่งงานกับลูกหนี้เช่นเธอ เพราะเขามีความเพียบพร้อมทั้งฐานะและหน้าที่การงาน แถมการศึกษาก็ดี หน้าตาก็ยังหล่อเหลาเสียอีก
“ตักอาหารให้เมียเราบ้างสิ เมื่อคืนหนูนอนหลับสบายไหมจ๊ะ” คุณย่าภัทรลดาเอ่ยถามหลานสะใภ้ด้วยรอยยิ้มมีความสุข
“นอนหลับสบายค่ะคุณย่า” วิรากานต์เอ่ยตอบอย่างสุภาพ ก็เมื่อวานเหนื่อยทั้งวัน พอทิ้งตัวลงนอนก็ระแวงว่าคนข้าง ๆ จะทำอะไร แต่ที่ไหนได้ เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองหลับจนถึงเช้า
“ดีแล้วจ้ะ หนูมาอยู่ที่นี่ก็ให้ถือว่าเป็นบ้านของหนูนะจ๊ะ มีปัญหาอะไรก็บอกย่าได้เลย”
“ค่ะคุณย่า” วิรากานต์รับคำ เธอรับรู้ได้ถึงสายตาอำมหิตของแม่สามีและน้องสาวของสามีอย่างจิราพรที่ไม่ชอบใจเธอนัก แต่จิราพรรณน้องสาวของชยันต์อีกคนกลับยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร เธอจึงยิ้มตอบกลับไปอย่างเป็นมิตรเช่นกัน
“แต่งงานแล้วจะให้มานั่ง ๆ นอน ๆ เป็นคุณนายคงไม่ได้หรอกนะคะคุณแม่ ถ้าไม่ทำงานนอกบ้านก็ต้องทำงานในบ้าน” รัศมีพูดขึ้น เธอเป็นสะใภ้ของที่นี่ก็ต้องทำงานเหมือนกัน
“หนูกานต์เขามีความสามารถหลายอย่าง หล่อนไม่ต้องกลัวหรอกว่าเขาจะทำอะไรไม่เป็นเลย เขาเป็นผู้ดีมีการศึกษา ไม่ใช่คนกระจอกงอกง่อยเสียหน่อย ฉันหาภรรยาให้หลานชายของฉันก็ต้องเลือกดี ๆ อยู่แล้ว ไม่ใช่ไปคว้าผู้หญิงที่ไหนมาก็ไม่รู้” ภัทรลดาเหน็บลูกสะใภ้ที่นั่งหน้าตึงอยู่อีกด้านของโต๊ะอาหาร
“ไม่กระจอกแต่ติดหนี้บ้านเรามหาศาลนี่เหรอคะ แหม... คุณแม่นี่ช่างยกยอเสียจริงนะคะ” รัศมีเหน็บกลับ
“เขาเป็นหนี้จริง แต่หนูกานต์แต่งงานกับชยันต์แล้วก็ถือว่าหนี้สินจบสิ้นกันไป” ภัทรลดาสวนกลับอีกดอก
วิรากานต์มองคนทั้งสองโต้ตอบกันไปมาก็พบว่าแม่สามีกับลูกสะใภ้ไม่กินเส้นกัน เธอเหลือบมองสามี ก็เห็นว่าอีกฝ่ายกินข้าวเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร สงสัยจะชินกระมัง
ท่าทีของเขาดูดีทุกระเบียบนิ้ว สมกับมีอาชีพที่เขาทำอยู่
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน คุณย่าอยู่บนตึกใหญ่ เธอกับชยันต์อยู่ปีกซ้ายของตึก ส่วนแม่สามีของเธอกับลูกสาวของพวกนางอยู่ปีกขวา คิดว่าคงไม่ต้องเจอหน้ากันหรือเกี่ยวข้องอะไรกันมาก แต่ที่ไหนได้!
“หล่อนมาอยู่ที่นี่จะงอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเลยไม่ได้นะ อย่างน้อยก็ต้องทำงานบ้าน” รัศมีเจอหน้าลูกสะใภ้ก็ใส่เต็มที่ ถ้าไม่เพราะแม่สามีคิดสั้น เรียกร้องให้ลูกชายของนางต้องแต่งงานเพื่อมีทายาทสืบสกุล นางไม่มีวันยอมให้วิรากานต์มาแต่งงานกับลูกชายของนางแน่ เพราะหมายตาศิรินภาเอาไว้ให้ลูกชายแล้ว
“คุณแม่จะให้ช่วยอะไรบอกมาได้เลยนะคะ หนูเต็มใจค่ะ” วิรากานต์คิดว่าการทำดีเอาใจแม่สามีไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เป็นธรรมดาที่แม่สามีกับลูกสะใภ้ย่อมเขม่น
กันเป็นธรรมดา แต่ถ้าเธอทำดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ ยังไงก็ต้องเอาชนะใจแม่สามีได้แน่นอน
“หล่อนเต็มใจแน่นะ”
“ค่ะคุณแม่” วิรากานต์ยิ้มหวานให้แม่สามี
“หล่อนไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่หรอก ฉันฟังแล้วขนลุก”
“งั้นจะให้หนูเรียกว่าอะไรเหรอคะ” วิรากานต์เอ่ยถามกลับ เธอเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ๆ นางไม่ชอบให้เรียกว่าอย่างไร เธอก็ไม่เรียกอย่างนั้น
“เรียกชื่อฉันดีกว่า ฉันมีลูกชายกับลูกสาวแค่สามคน ไม่มีลูกสาวที่ไหนอีก”
“ค่ะคุณรัศมี”
“งั้นไปซักผ้าด้วย ผ้าวางไว้ที่ลานซักล้าง หล่อนต้องซักให้หมดภายในวันนี้”
“ค่ะ ได้อยู่แล้ว” วิรากานต์ยิ้มแฉ่ง ก็แค่ซักผ้ามันจะไปยากอะไร
“ห้ามให้คนอื่นช่วยเด็ดขาด”
“อ้อ... ค่ะ” เธอรับคำก่อนจะเดินไปยังลานซักผ้าหลังบ้าน แล้วก็ต้องอ้าปากค้างตาโตเมื่อเห็นผ้ากองโตตรงหน้า
“แต่งเพราะหนี้ อยู่ต่อเพราะหัวใจ” ภควัตแต่งงานตามใจมารดา หวังบีบให้ปิ่นมุกขอหย่า แต่ยิ่งเมินยิ่งเห็นว่าเธออยู่ได้อย่างมีความสุข และทำให้ “บ้าน” อบอุ่นขึ้น จนดึงดูดเขาอย่างประหลาด
เธอรักเขาคือเรื่องจริง แต่เขาโกรธเกลียดเธอคือเรื่องจริงเช่นกัน ในเมื่อความรักมันเหนื่อยนัก เธอก็ขอพักใจ ถอยห่างออกมา รอวันหย่าขาดจากพ่อของลูกที่ไม่เคยรักเธอเลย
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
ในฐานะที่เธอมีทรัพย์สินนับพันล้านและเป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ โดยรัฐบาล เฉียววานก็ถูกจัดสรรพ่อแม่ให้ในที่สุด แต่ไม่คาดคิด เธอถูกขับออกจากครอบครัวถึงสามครอบครัว การฝึกฝนความสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องก็ล้มเหลวซ้ำๆ จนกระทั่งเธอถูกตระกูลฮั่วรับอุปการะ เฉียววานที่น่าสงสารถูกพ่อแม่บุญธรรมทุ่มเงินให้ตามใจ แสดงความรักอย่างสุดโต่งจนดูเหนือจริง ทำให้บางคนอิจฉาจนบ้าคลั่ง ปล่อยข่าวลือว่า "เฉียววานไม่มีความสามารถใดๆ เลย ต้องอาศัยการทำตัวน่าสนสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตระกูลฮั่ว!" แต่วันถัดมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศยืนต้อนรับด้วยตัวเอง “ศาสตราจารย์เฉียว ห้องแล็บของคุณเตรียมพร้อมแล้ว” มหาเศรษฐียื่นสัญญาให้ “บอส รายงานการเงินปีนี้กำไรเพิ่มขึ้น 300%!” องค์กรแฮกเกอร์นานาชาติก็เกิดความวุ่นวาย “พี่ใหญ่ ถ้าคุณไม่ออนไลน์ ระบบการเงินจะล่มแล้ว” เมื่อความลับของเฉียววานถูกเปิดเผยทีละอย่าง ทั้งโลกออนไลน์ก็เดือดดาล กู้ซือหาน ผู้ทรงอำนาจและเย็นชาแห่งเมืองจิง จู่ๆ ก็จับเธอไว้ที่มุมกำแพง นิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ “คุณนายกู้ เล่นสนุกมากพอหรือยัง? ถึงเวลากลับบ้านไปมีลูกได้แล้ว” เฉียววานหน้าแดงก่ำ “ใคร ใครจะไปมีลูกกับคุณล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ และหยิบบัตรดำวงเงินไม่จำกัดใส่มือเธอ “มีลูกคนหนึ่ง จะมอบเกาะส่วนตัวให้ให้หนึ่งเกาะ”
เพื่อแคว้นนางเสียสละ เพื่อบิดานางกตัญญู จำใจรับสถานะพระชายาที่พระสวามีไม่ยินดี ได้ครองร่างกายแต่มิอาจได้ครองใจ เพราะมิอาจขัดขืนคำสั่งพระบิดา ฟางหลินจึงต้องอภิเษกกับองค์ชายต่างแคว้นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ทว่าองค์ชายผู้นั้นกลับมีสตรีในดวงใจแล้ว เห็นทีชีวิตการแต่งงานของนางคงไม่พ้นต้องแบกรับความไม่เป็นธรรม
เมื่อคุณแม่มีสามีใหม่แตงโมและพี่ส้มโอก็ต้องเจอกับพ่อเลี้ยงสายหื่นไปโดยปริยาย แรกๆทุกคนก็อยู่กันมีความสุขดี ไปๆมาๆพี่สาวก็เสียตัวให้พ่อเลี้ยงสุดหล่อ หลังๆแตงโมก็คงไม่รอด ที่น่าแปลกใจคือทุกคนในบ้านหลงเค้าหัวปักหัวปำ ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงคนนี้มีอะไรดี ระหว่าง ความรวย ความหล่อ หรือลีลา ...
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY