เขาเจอเธอเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้ง เธอกลับจำเขาไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เธอสัญญากับเขาว่าเธอจะแต่งงานกับเขา พันธกานต์คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินที่ต้องการแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น แต่เขากลับพบว่าผู้ชายที่เธอต้องแต่งงานด้วยคือเขา!
เขาเจอเธอเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้ง เธอกลับจำเขาไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เธอสัญญากับเขาว่าเธอจะแต่งงานกับเขา พันธกานต์คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินที่ต้องการแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น แต่เขากลับพบว่าผู้ชายที่เธอต้องแต่งงานด้วยคือเขา!
“ถึงบ้านคุณยายแล้วโทร. หาพ่อด้วยนะ” ธนกรเอ่ยบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะคุณพ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ” มณีชนกรับคำพร้อมด้วยรอยยิ้ม เธอเพิ่งเรียนจบกลับมาอยู่บ้าน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงพักผ่อนก่อนเข้าทำงานในบริษัทใหญ่ที่จองตัวเธอเอาไว้
มณีชนกขึ้นรถไปแล้ว อรัญญาก็ค้อนหน้าคว่ำ ไม่รู้สามีจะรักอะไรลูกนักหนา ทั้ง ๆ ที่มารดาของมณีชนกก็เสียชีวิตไปนานมากแล้ว
“เรียนจบแทนที่จะทำงาน จะไปเยี่ยมยาย ลูกสาวของคุณนี่ดีจริง ๆ เลยนะคะ” อรัญญาบ่นอุบ
“ลูกเพิ่งเรียนจบก็ควรให้แก่พักผ่อนบ้าง และที่แกเรียนจบมาก็เพราะความสามารถตัวเองล้วน ๆ แกสอบชิงทุนได้ ไม่รบกวนผมเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นลูกจะทำงานหรือพักผ่อนผมก็ไม่ควรไปบังคับหรือก้าวก่ายชีวิตของแก แกโตแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าจะพักไปยาวๆ แล้วให้เราเลี้ยงหรอกนะคะ”
“คุณพูดอะไรของคุณ หยาดไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ถ้าเป็นยายยิ้มน่ะไม่แน่ คุณควรอบรมสั่งสอนแล้วก็ดูแลลูกให้ดี ยายยิ้มไม่สนใจเรียน ผมยอมรับว่ากังวล ไม่รู้เลยว่าลูกจะเรียนจบไหม”
“แล้วทำไมคุณไม่สั่งสอนแกบ้างล่ะคะ”
“ผมพูดได้เสียที่ไหน คุณเอาแต่เข้าข้างลูก ถ้าลูกเรียนไม่จบ ไม่มีงานทำ คุณนั่นแหละที่ต้องเลี้ยงลูกไปตลอดชีวิต”
“นี่คุณหาว่าฉันเลี้ยงลูกไม่ดีอย่างนั้นเหรอคะ ใช่สิ ใครมันจะเหมือนลูกสาวสุดที่รักของคุณล่ะคะ แตะต้องเป็นไม่ได้ ยิ่งกว่านางฟ้านางสวรรค์”
“คุณญานี่หยุดพูดจากระแหนะกระแหนะลูกสาวผมสักที ก่อนแต่งงานกัน คุณบอกว่าจะรักยายหยาดเหมือนลูกในไส้ แต่พอคุณมีลูกเป็นของตัวเอง คุณก็รักลูกของคุณมากกว่า ซึ่งผมก็ไม่ว่าอะไรแล้ว แต่ขอเถอะ อย่าทำนิสัยแบบนี้กับลูกผม”
“ลูกผม ลูกผม แล้วมณีกานดาไม่ลูกของคุณหรือไง”
“ใช่ แต่ผมพูดอะไรไม่ได้เลย คุณก็เข้าข้างลูกตลอด ตามใจจนเหลิง ถ้าลูกเสียผู้เสียคนขึ้นมา ผมจะไม่ยุ่งอะไรอีก” พูดจบธนกรก็เดินเข้าบ้านไปในทันที
“คุณกรกลับมานี่ก่อนนะ คุณกร!” อรัญญาตะโกนไล่หลังไปอย่างหงุดหงิดใจ
ทางด้านมณีชนก เธอเดินทางมาหาคุณยายที่บ้านสวนที่กาญจนบุรีอย่างมีความสุข หญิงสาวมองบรรยากาศรอบกายแล้วเผยยิ้มกว้างออกมา ถ้าไม่เพราะบริษัทใหญ่ ๆ จองตัวเธอเข้าทำงานแล้ว เธออาจจะมาอยู่บ้านสวนดูแลผู้เป็นยายแทน อยากสืบทอดสูตรทำขนมจากคุณยาย แต่อุตส่าห์เรียนมาแล้ว เธอก็อยากมีงานและอาชีพที่มั่นคงเลี้ยงตัวเองให้ได้
“คุณยายขา คิดถึงจังเลยค่ะ” มณีชนกโผเข้ากอดคุณยายแก้วกาญจน์ด้วยความคิดถึง
“ยายก็คิดถึงหนูจ้ะ ไหนมาดูซิ หลานสาวของยายสวยแค่ไหน”
“คุณยายน่ะ ปากหวานตลอดเลยนะคะ”
“หลานของยายสวยเสียจริง หน้าตาน่ารักขนาดนี้มีแฟนหรือยังจ๊ะ”
“ยังไม่มีค่ะคุณยาย หรือว่าคุณยายจะหาแฟนให้หนูคะ” ยังไม่ทันที่คุณยายจะตอบอะไร ก็มีเสียงเรียกดังอยู่หน้าบ้านเสียก่อน
“คุณยายครับ คุณลุงให้เอาปลากับผลไม้มาให้ครับ”
“เข้ามาก่อนสิจ๊ะพ่อหนึ่ง” ประโยคของคุณยายทำให้มณีชนกหันไปมองผู้มาใหม่ เขาเองก็มองเธออย่างตกตะลึง
ผู้หญิงตรงหน้าสวยเสียจนพันธกานต์ยืนนิ่งไม่ไหวติง
“ฮะแฮ่ม ขอบใจมากนะพ่อหนึ่ง ลุงของเรานี่มีน้ำใจเสียจริง วันนี้หลานสาวของยายมาเยี่ยม จะทำอาหารต้อนรับ ยายเชิญพ่อหนึ่งกับลุงของเรามากินข้าวด้วยกันเย็นนี้นะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับคุณยาย” พันธกานต์เอ่ยตอบ แต่สายตามองมณีชนกไม่วาง ทำเอาหญิงสาวประหม่าต้องหลบสายตาเป็นพัลวัน
“นี่หลานสาวของยายจ้ะ ชื่อมณีชนก เพิ่งเรียนจบกลับมาอยู่บ้าน เลยมาเยี่ยมยาย เดินทางมาถึงเมื่อกี้นี้เอง”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมพันธกานต์ครับ เรียกว่าพี่หนึ่งก็ได้”
“ค่ะพี่หนึ่ง เรียกฉันว่าหยาดก็ได้ค่ะ” สองหนุ่มสาวมองสบตากัน ด้วยความรู้สึกหัวใจเต้นแรงทั้งคู่
“มาดื่มน้ำกินขนมก่อนสิพ่อหนึ่ง”
“เอาไว้โอกาสหน้านะครับ ผมมีงานที่ยังต้องทำน่ะครับ” แม้จะอยากอยู่ต่อเพียงใด แต่เขามีงานต้องทำอีกหลายอย่าง เนื้อตัวของเขาเองก็เต็มไปด้วยเหงื่อและคราบโคลนสกปรก คิดว่าเอาไว้วันหลังค่อยคุยกันก็ได้
“งั้นก็ตามสบายจ้ะ” คุณยายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” พันธกานต์เอ่ยขอตัวอย่างสุภาพ สายตายังอ้อยอิ่งอยู่ที่หลานสาวคนสวยของคุณยายแก้วกาญจน์ แต่ร่างสูงก็จำต้องเดินกลับบ้านไปก่อน
“ใครกันเหรอคะคุณยาย” มณีชนกเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพื่อนบ้านใหม่ของคุณยายเป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน เพราะปิดเทอมทีไรเธอจะมาเยี่ยมผู้
เป็นยายทุกครั้ง รวมถึงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานหลายเดือน เพื่อเรียนรู้การทำขนมและการทำอาหารจากคุณยาย
“เพื่อนบ้านใหม่น่ะ พ่อหนึ่งกับลุงของเขามาซื้อที่ใกล้ ๆ บ้านเรา เลยย้ายมาอยู่ที่นี่หลายเดือนแล้ว เป็นคนดีมีน้ำใจมากนะ” เธอยิ้มตอบกลับไปเป็นการรับรู้กลายๆ
“ขนมกับของว่างของคุณยายน่ากินจังเลยค่ะ” เธอมองขนมไทยหลากหลายที่คุณยายทำเอาไว้ต้อนรับกับเครื่องดื่มสมุนไพรด้วยรอยยิ้มมากกว่าเดิม
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
"เราเคยสัญญากัน...ใต้ดาวดวงนั้น ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน แต่บางครั้ง...การจากลาไม่ได้เกิดจากคนที่อยากไป และเมื่อเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คำสัญญานั้น...ยังจะมีความหมายอยู่ไหม"
“เธอคือเจ้าสาวที่เขาไม่ต้องการ แต่กลับเป็นผู้หญิงที่เขาไม่อาจปล่อยไปได้” แต่เมื่อเขายิ่งอยู่ใกล้เธอ เขากลับยิ่งอยากครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ ทว่าเธอไม่ใช่หมากให้เขาควบคุม เขาต่างหากที่จะถูกเธอควบคุมและยอมจำนนรักต่อเธอ
คะนึงนิจรักเขาจึงยอมยกทุกอย่างให้เขาทั้งตัวและหัวใจ แต่เขาเพียงแค่หลอกกินฟรี เตะถ่วงเวลาออกไปเพื่อไปหาผู้หญิงที่ดีกว่า ในเมื่อเขาเห็นเธอเป็นของไร้ค่า เธอก็พร้อมที่จะเดินออกมาจากชีวิตของเขา โดยไม่เสียดายผู้ชายหลอกลวงอย่างฉัฐดนัยเลย
เมื่อสูญเสียคนรักก่อนวันแต่งงาน“เขา” จึงปักใจว่าไม่รักใครอีก ทว่าเเผนของย่าก็ทำให้ใจสั่นไหวอีกครั้ง เพราะต้องมาเจอกับ “เธอ” เข้ามาเพื่ออ่อย ...แล้ววันหนึ่ง หญิงสาวหน้าตาเหมือนคนรักที่จากไปปรากฏขึ้น เขาจะเริ่มต้นรักครั้งใหม่... หรือรักหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนคนรักเก่า?!
“เคลวิน อาร์มันโด” มหาเศรษฐีผู้ไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต ไม่คิดเลยว่าการมาเยี่ยมเยียนมารดาและน้องสาวที่เมืองไทยในครั้งนี้จะได้มาเจอกับกวางน้อยแสนสวยที่เคยทำเขาหัวใจแทบหยุดเต้นมาแล้วครั้งหนึ่ง! เขาวางแผนการบางอย่างเพื่อต้อนกวางน้อยเข้าสู่กรงทองแล้วครอบครองได้อย่างที่จะไม่ทำให้ต้องเสียหน้า แต่กลายเป็นว่านักล่าอย่างเขาพลาดท่าตกลงไปในกับดักนั้นเสียเอง เพราะหนีผู้ปกครองเที่ยวแท้เชียว เธอถึงต้องมาเจอเขาอีกครั้ง ผู้ชายวาจาร้ายกาจกับสถานการณ์น่าอับอาย “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมยินดีและเต็มใจ” “มีค่ะ” ตอบกลับเสียงแข็ง “เสร็จธุระแล้วก็ช่วยออกไปจากห้องด้วย เชิญค่ะ” ว่าพลางชี้ไปทางประตูห้องด้วยหางตา “เรื่องแค่นี้เองหรือที่ต้องการให้ช่วย” เคลวินหันมาถามหลังจากเดินมาถึงหน้าประตู คิ้วทรงดาบเลิกขึ้นสูง “ผมนึกว่าคุณอยากให้ช่วยแบบว่า... ช่วยติดขอเสื้อในนี่ให้ฉันทีสิคะฉันติดไม่ถึง อะไรแบบนี้เสียอีก” ว่าพลางส่งยิ้มยียวน ดวงตาพราวระยับจ้องนิ่งตรงทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเร็วแรง สาบานได้ว่านี่คือคำพูดของคนเพิ่งเจอกัน เขาเข้ามาในห้องเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังจ้องเธออย่างเสียมารยาทในขณะที่เธออยู่ในสภาพ... ล่อแหลม! “ลัลน์นารา” หวังอย่างยิ่งว่านั่นจะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิตกับความอับอายและผู้ชายแสนยียวน แต่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอ ให้กงล้อหมุนเวียนพาเธอกับเขามาเจอกันอีกครั้งและกลายเป็นผูกพันกันไปตลอดกาล... “พี่เค นี่มันบนเรือนะคะ” "บนเรือแล้วแปลกตรงไหน หาอะไรแปลกใหม่บ้าง ชีวิตจะได้มีสีสัน” “เรือจะล่มไหมคะ” คนถามออกอาการหวาดหวั่น เคลวินหัวเราะในลำคอกึ่งขบขันกึ่งสงสาร “พี่จะพยายามเบามือที่สุดค่ะ หยาดเองก็อย่ารุนแรงนักนะคะ”
เคลวิน แม็คคลาเรน ถูกคู่หมั้นหักหน้าด้วยการประกาศแต่งงานกับชายคนอื่น ด้วยความคั่งแค้นที่ถูกหยามหน้า ทำให้เขาว่าจ้างเด็กสาววัยกำดัดที่ตนเองอุปการะเอาไว้มาแต่งงานด้วย เพื่อเอาคืนคนเคยรักให้กระอักเลือด เพราะบุญคุณล้นหัว ทำให้เฌอปรางต้องยอมลงชื่อในสัญญาจ้างแต่งงาน แทนที่ผู้หญิงคนนั้นที่เขารักมาก "เธออ่านสัญญาละเอียดหรือยัง" "หนูอ่านละเอียดแล้วค่ะ" "ถ้าอ่านละเอียดแล้ว เธอคงรู้ข้อห้ามทั้งสามข้อที่เธอต้องทำให้ได้แล้วใช่ไหม" "ค่ะ หนูทราบแล้วค่ะ" "งั้นลองบอกฉันมาสิ ว่าข้อห้ามมีอะไรบ้าง" หล่อนช้อนตาขึ้นมองผู้มีพระคุณด้วยสายตาที่ซ่อนความเศร้าเอาไว้แทบไม่มิด "ข้อแรก หนูไม่มีสิทธิ์ในตัวของคุณค่ะ" "ถูกต้อง" เขายิ้มอย่างพอใจ "แล้วข้อสองล่ะ" หล่อนกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก "ห้ามรักคุณค่ะ" เขายิ้มอย่างพอใจอีกแล้ว "แล้วข้อสามล่ะ" "ห้าม... เอ่อ... ห้ามปล่อยให้ท้องค่ะ เพราะถ้าท้อง คุณจะไม่รับผิดชอบ" "ถูกต้อง และฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด" หล่อนไม่มีทางเลือกนอกจากฝืนยิ้มออกไป "แล้วถ้าครบสัญญาหกเดือนแล้ว เอ่อ... หนูต้องไปจากที่นี่ไหมคะ" "ฉันคิดว่ามันจะดีสำหรับเรา หากไม่ต้องเห็นหน้ากันอีก หรือเธอคิดว่าไง" ท่าทางของเขาเย็นชา ไร้หัวใจ ทำราวกับกำลังเจรจาธุรกิจไม่มีผิด "เอ่อ หนูแล้วแต่คุณค่ะ" เธอทำได้แค่ฝืนยิ้ม ซ่อนน้ำตา ให้กับผู้ชายที่ตรเองทั้งรักทั้งบูชาเท่านั้น แต่ใครจะรู้เล่าว่า เมื่อสัญญาจบสิ้นลง เธอได้เดินจากไปพร้อมกับเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
ก็เลิกกันไปแล้ว ไม่รักกันแล้ว ไม่มีสิทธิ์ทำตัวเป็นหมาหวงก้าง ขุนพลแฟนเก่าของนาเดียพยายามเข้าใกล้เธอเหมือนมีเจตนาแอบแฝง นาเดียไม่ไว้ใจเขาทั้งยังรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้พบหน้า เธอพยายามถอยห่าง เขาพยายามรุกคืบ และการกระทำนั้นทำให้เธอเริ่มสั่นคลอนลงทุกวัน เขายังทำตัวเป็นหมาหวงก้าง และระรานคนไปทั่ว ผู้ชายเฮ็งซวยที่เลิกกันไปหลายปีแล้วกำลังทำให้เธอเจอกับเรื่องยุ่งเหยิงที่ยิ่งแก้ก็เหมือนยิ่งพันตัวเธอจนติดหนึบกับเขา คำแนะนำ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นนะคะ หากชื่นชอบรบกวนผู้อ่านทุกท่านกดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยนะคะ และซื่อในเว็บหรือแอนดรอยจะราคาถูกกว่า แอปเปิ้ลนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด