มือที่หยาบกร้านของชายผู้นั้นลูบไล้ไปตามตัวของนาง ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างหื่นกามพลางตอบว่า “อย่ามาโทษพวกเราเลย นี่เป็นคำสั่งของคุณหนูใหญ่ พวกเรามิสามารถขัดคำสั่งของนางได้”
“เจ้าทำตัวดี ๆ เถิด พวกเราจะได้อ่อนโยนกับเจ้าเยี่ยงไรเล่า ฮ่า ๆ ๆ......”
หญิงสาวรู้สึกผิดหวังมากยิ่งขึ้นไปอีก เย่วเทียนเจียว ตระกูลเย่ว…… หลังจากที่นางจดจำผู้คนทั้งหมดที่ทำร้ายนางได้หมดแล้ว นางก็เลือกที่จะกัดลิ้นตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย
“เชี้ย! เหตุใดถึงได้ตายเสียแล้วเล่า?! นางตายเช่นนี้แล้ว พวกเราจะสนุกได้เยี่ยงไร!”
“เร็วเข้า รีบฉวยโอกาสตอนที่ศพนางยังอุ่นอยู่เปิดพรหมจรรย์ของนางก่อน.....”
ลมหนาวพัดกระโชกแรง ไม่รู้ว่าควันสีดำจากที่ใดค่อย ๆ ลอยมาในอากาศ จากนั้นก็ห่อหุ้มร่างกายของหญิงสาวเอาไว้แน่น สุดท้ายก็ไหลรวมเข้าสู่ร่างของนาง
หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาที่ว่างเปล่าของหญิงสาวก็กลอกไปมาเล็กน้อย
ชายผู้ที่นั่งทับตัวของนางอยู่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวใด ๆ ก็ถูกนางบีบคอเอาไว้แน่น เขายังไม่ทันจะได้ร้องออกมา กระดูกคอก็ถูกบีบจนหักไปก่อนเสียแล้ว!
“นี่มันอันใดกัน? !”
ชายอีกคนเเมื่อเห็นสหายของตนเองถูกบีบคอตายเช่นนี้ สีหน้าก็ซีดเผือดขึ้นมาพลางเตรียมจะหันหลังเพื่อหนีไป นังสารเลวนี้ก็แค่คนไร้ความสามารถคนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่หรือ? แล้วนางไปเอาเรี่ยวแรงในการฆ่าคนมาจากที่ใดกัน?!
แต่หญิงสาวกลับไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาเลย นางเตะศพที่อยู่บนตัวออก จากนั้นก็รีบหยิบก้อนหินที่ข้างเท้าขึ้นมาก้อนหนึ่งและขว้างไปที่ท้ายทอยของชายคนนั้นอย่างแรง
ก้อนหินโดนชายคนนั้นเข้าอย่างจัง ทำให้เขาล้มลงในทันที ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้ลุกขึ้นมา หญิงสาวก็พุ่งเข้าไปใช้ก้อนหินที่แหลมคมทุบเข้าไปที่ศีรษะของเขาอย่างสุดกำลัง!
เลือดร้อน ๆ ที่กระเซ็นออกมาเลอะตัวของหญิงสาวเต็มไปหมด
จนกระทั่งศีรษะของชายผู้นั้นถูกทุบจนเละเป็นโจ๊กไปหมดและสิ้นลมหายใจแล้ว เย่วเฉิงเฟิงถึงได้หยุดทุบ สายตาของนางกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างว่างเปล่า
ที่นี่…… คือที่ไหนกัน?
ความทรงจำนับไม่ถ้วนที่ไม่ได้เป็นของนางผุดขึ้นมาในหัวอย่างรวดเร็ว กระตุ้นจนเย่วเฉิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะเอามือขึ้นมากุมหน้าผากเอาไว้
นางเป็นทหารรับจ้างอันดับหนึ่งในศตวรรษที่ยี่สิบหก ขณะที่กำลังปฏิบัติภารกิจ นางประสบอุบัติเหตุถูกระเบิดแรงสูงจนเสียชีวิต แล้ววิญญาณของนางก็ได้กลับชาติมาเกิดใหม่เป็นหญิงสาวที่มีชื่อเดียวกันในโลกใบนี้โดยไม่คาดคิด
เดิมทีเจ้าของร่างเดิมคือคุณหนูห้าของตระกูลเย่วซึ่งเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในแคว้นชิงซวน ณ โลกมนุษย์ ถึงแม้ว่านางจะเป็นลูกเลี้ยง แต่นางก็ยังต้องเข้านับการทดสอบมนต์ดำเมื่ออายุสิบขวบเช่นเดียวกับลูกหลานคนอื่น ๆ ของตระกูลเย่ว เนื่องจากนางไม่สามารถรวมพลังมนต์ดำได้ นางจึงถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก
วันนี้เจ้าของร่างเดิมถูกเย่วเทียนเจียวผู้เป็นคุณหนูใหญ่ของเรือนตระกูลเย่วนำตัวมาโยนทิ้งไว้ที่เขาหัวโล้น แล้วก็เรียกชายสองคนนี้มาปู้ยี่ปู้ยำนาง หญิงสาวจึงกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปด้วยความแค้น
ส่วนนางก็ได้เข้ามาสิงในร่างของเจ้าของร่างเดิม ทำให้ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
หลังจากที่เย่วเฉิงเฟิงย่อยความทรงจำในหัวเสร็จ นางก็เลียริมฝีปากที่แตกไปหมดก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า “เฉิงเฟิงนะเฉิงเฟิง เจ้ามีชื่อที่สูงส่ง แต่เจ้ากลับมีจุดจบเช่นนี้……”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะแก้แค้นให้เจ้าเอง ข้าจะทำให้คนพวกนั้นที่เคยทำร้ายเจ้าต้องประสบชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าก่อนที่เจ้าจะตายให้จงได้!”
สายลมเย็น ๆ พัดโชยมา ทันใดนั้นเย่วเฉิงเฟิงก็จามออกมาครั้งหนึ่ง เวลานี้นางถึงตระหนักได้ว่าเสื้อผ้าที่ตัวของนางขาดวิ่นไปหมด นางจึงสบถคำด่าออกมา
แล้วในขณะเดียวกัน นางก็ค้นพบว่ารอบตัวของนางมีควันสีดำลอยอยู่ ราวกับมันจะกลืนกินนางเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น
สิ่งเหล่านี้คือ…...
เย่วเฉิงเฟิงสัมผัสมันอย่างระมัดระวัง แล้วก็อึ้งไป
ควันสีดำเหล่านี้ แท้จริงแล้วคือพลังงานหยิน!
มิน่าล่ะถึงได้มีพลังงานหยินรายล้อมอยู่รอบตัวมากขนาดนี้...... ที่แท้ก็เพราะว่าร่าง ๆ นี้ คือพลังหยินขั้นสูงในตำนานนี่เอง!
เย่วเฉิงเฟิงบิดข้อมือไปมา นางพอจะคาดเดาอะไรบางอย่างขึ้นมาได้บ้างแล้ว บางทีพลังหยินขั้นสูงนี้อาจจะช่วยเปิดทางการฝึกฝนให้กับนางได้ก็เป็นได้
ในวินาทีถัดมา เย่วเฉิงเฟิงก็รู้สึกได้ถึงพลังอัญเชิญบางอย่างจากด้านหน้า
มีอะไรบางอย่างกำลังเรียกนางอยู่งั้นหรือ?
เย่วเฉิงเฟิงขมวดคิ้ว แล้วก็เดินเหยียบกระดูกที่อยู่เกลื่อนพื้นไปยังถ้ำ ๆ หนึ่ง ข้างหน้า
หลังจากเข้าไปในถ้ำแล้ว เย่วเฉิงเฟิงก็เห็นคนสวมชุดสีขาวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินก้อนหนึ่ง เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม คิ้วคม จมูกโด่ง ใต้หางตาขวามีไฝเล็ก ๆ อยู่เม็ดหนึ่ง ริมฝีปากที่เป็นทรงงดงามกำลังเม้มเบา ๆ สีผิวดูซีดเซียวจากการป่วยอย่างเห็นได้ชัดเจน
เขาสวมชุดคลุมผ้าแพรสีขาวสะอาดตา นั่งเงียบ ๆ อยู่ท่ามกลางสถานที่ทิ้งศพที่มีกลิ่นเลือดคละคลุ้งไปหมด ซึ่งเป็นอะไรที่ดูขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง
เขาเหมือนทวยเทพที่ถูกเนรเทศลงมายังนรกอย่างไรอย่างนั้น
เย่วเฉิงเฟิงมองดูชุดคลุมที่เขาสวมอยู่ ทันใดนั้นแววตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมา เวลานี้เสื้อผ้าของนางอยู่ในสภาพที่ขาดรุ่งริ่งและกำลังต้องการชุดใหม่อยู่พอดีเลย......
ทันใดนั้นนางก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เอื้อมมือไปถอดเสื้อของเขาออกโดยพลัน——
“แกร๊ง……”
กระดิ่งอันหนึ่งหลุดออกมาจากเสื้อของเขา
เย่วเฉิงเฟิงก้มหน้าลงไปมอง ทันใดนั้นแววตาของนางก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ
นางหยิบกระดิ่งขึ้นมาดูอย่างละเอียด ตัวกระดิ่งเป็นสีแดงเข้ม ด้านบนมีควันสีดำล้อมรอบสีแดงเอาไว้อยู่ ด้านหน้าของกระดิ่งยังแกะสลักเป็นรูปหัวกะโหลกสีทองเอาไว้อีกด้วย
เย่เฉิงเฟิงรู้สึกได้ทันทีว่ากระดิ่งนี้จะต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน นางจึงไม่อยากที่จะหาเรื่องใส่ตัว
ในขณะเดียวกัน จู่ ๆ กระดิ่งก็เริ่มสั่นไหวไปมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ทันใดนั้นแสงสีแดงเลือดก็ปรากฏขึ้นมาบนกระดิ่ง!
เย่วเฉิงเฟิงรู้สึกชากระดูกสันหลังและเจ็บจี๊ด ๆ ที่ปลายนิ้ว ราวกับมีใบมีดงอกออกมาจากกระดิ่งและบาดเข้าที่นิ้วของนางอย่างไรอย่างนั้น ทันใดนั้นเลือดหลายหยดก็กระเด็นออกไปจนเปื้อนที่กระดิ่ง
เส้นไหมสีแดงเส้นหนึ่งปรากฏออกมาทะลุกระดิ่ง แล้วก็เชื่อมเย่วเฉิงเฟิงและบุรุษผู้นั้นเข้าด้วยกัน!
เย่เฉิงเฟิงตกใจกลัวมากจนจิตใต้สำนึกอยากจะโยนกระดิ่งทิ้งไป แต่บุรุษที่นั่งหลังตรงอยู่บนหินจู่ ๆ กลับลืมตาขึ้นมา!
ก่อนที่เย่วเฉิงเฟิงจะทันได้ตั้งตัว บุรุษผู้นั้นก็ยื่นนิ้วที่เรียวยาวทั้งห้านิ้วออกมาและบีบคอของนางเอาไว้อย่างแรง จากนั้นก็กดนางไว้กับพื้น “เจ้าเป็นใคร? !”