ถ้าคุณเปิด Google แล้วพิมพ์คำว่า “วิธีไม่ตกหลุมรักไกด์สาวในปารีส”... คุณจะไม่เจอคำตอบและ Luc Morel ก็รู้ดีว่าทันทีที่เขาเห็นหญิงสาวในเสื้อโค้ตสีแดง ผู้ถือป้ายทัวร์พร้อมรอยยิ้มสุดแพรวพราวเขารักเธอทันที
ถ้าคุณเปิด Google แล้วพิมพ์คำว่า “วิธีไม่ตกหลุมรักไกด์สาวในปารีส”... คุณจะไม่เจอคำตอบและ Luc Morel ก็รู้ดีว่าทันทีที่เขาเห็นหญิงสาวในเสื้อโค้ตสีแดง ผู้ถือป้ายทัวร์พร้อมรอยยิ้มสุดแพรวพราวเขารักเธอทันที
ไกด์สาวสายเฟียส ปารีสก็ยังต้องยอม
“Bonjour, mes chéris! ยินดีต้อนรับสู่ปารีส เมืองแห่งความรักและการเดินเยอะมากจนขาจะหลุด”
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากนักท่องเที่ยวประมาณสิบกว่าคนที่ยืนล้อมเธออยู่หน้าโบสถ์ Notre-Dame
คามีย์ ดูบัวส์ ไกด์สาววัย 27 ปี ผมบ็อบสีน้ำตาลเข้ม ใส่เสื้อโค้ตสีแดงสดที่โดดเด่นท่ามกลางนักท่องเที่ยว พูดได้สามภาษา ถามมาตอบได้หมด ยกเว้น “เมื่อไหร่จะมีแฟน?”
“อย่าคาดหวังกับ Wi-Fi ที่นี่นะคะ เพราะมันจะทำให้คุณคิดถึงอดีตสมัยใช้ BBM โดยไม่มีเหตุผล”
เธอยิ้ม ขณะที่ยกป้ายกลุ่มขึ้นเหนือหัว
เสียงหัวเราะมาอีกระลอก พร้อมการหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเธอเหมือนเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์ก
และในกลุ่มนั้น...มีชายคนหนึ่งที่ไม่ได้หัวเราะ แต่กำลังจ้องเธออยู่เงียบๆ พร้อมรอยยิ้มมุมปาก
เขาชื่อ ลุค โมแรล หนุ่มนักเขียน/บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวจากฝรั่งเศสตอนใต้ มาปารีสครั้งแรกในรอบสิบปี และครั้งนี้…เขาไม่ได้อยากดูหอไอเฟล แต่เหมือนอยากดูผู้หญิงถือป้ายทัวร์มากกว่า
“คุณนี่ไกด์เหรอ?” เขาถามเมื่อมีโอกาสแทรกตัวเข้าไปใกล้
“เปล่าค่ะ ฉันแค่ชอบยืนถือป้ายกับพูดมากต่อหน้าคนแปลกหน้าเป็นงานอดิเรก” คามีย์ตอบหน้าตาย ก่อนหันกลับไปพูดกับกลุ่ม “เดินตามฉันไปทางขวานะคะ ใครเดินช้ากว่าปารีเซียงในวันฝนตกจะถูกทิ้งไว้กับนกพิราบ”
“ผมเดินไว ถ้าจูงมือคุณนะ” ลุคพูดเบาๆ
คามีย์หันขวับ “คุณเป็นนักเขียนแน่เลย ประโยคเสี่ยงโดนตบระดับ 8/10 แบบนี้น่าจะมีสกิลภาษาอยู่บ้าง”
“ระดับ 10 คืออะไร?”
“ขอเบอร์ไกด์ต่อหน้ากลุ่มทัวร์ค่ะ”
คามีย์มองเขาอีกครั้ง เขาสูงกว่าที่คิด ใส่แจ็กเก็ตหนัง รองเท้าผ้าใบ และมีกล้องคอมแพคคล้องคอ ดูเป็นคนที่รักการเดินทางแต่ขี้เกียจวางแผนตรงข้ามกับเธอโดยสิ้นเชิง
“คุณชื่ออะไรคะ?” เธอถาม
“ลุค โมแรล”
“ชื่อดูเป็นพระเอกนวนิยายมาก”
“แล้วคุณล่ะ?”
“คามีย์ ดูบัวส์”
ลุคยิ้ม “แล้วคุณรู้ไหม…ว่าคำว่า ‘ดูบัวส์’ แปลว่า ‘จากป่า’ ”
“อืม แล้ว?”
“คุณอาจมาจากป่า…แต่น่าจะทำให้หัวใจผมหลงทาง”
คามีย์กลอกตา “โอเคค่ะ นักท่องเที่ยวเบอร์ 9 ขอให้เตรียมตัวโดนล้อไปทั้งทัวร์เลยนะคะ”
พวกเขาเริ่มเดินทัวร์กันผ่านถนน Saint-Michel แสงแดดอ่อน ๆ ในวันนั้นสะท้อนกระจกตึกเก่าแก่ในละแวกนั้น
คามีย์อธิบายประวัติศาสตร์ยุคกลาง พร้อมโยงเข้ามุกทันสมัย เช่น...
“ที่นี่เคยเป็นตลาดกลางของชาวปารีเซียงในศตวรรษที่ 14 ซึ่งก็แปลว่า...มีโอกาสสูงมากที่ใครบางคนจะโดนขโมยขนมปังแบบเดียวกับใน TikTok ตอนนี้ค่ะ”
เสียงฮาตามมาอีกระลอก
ส่วนลุค…ไม่ได้ฟังเนื้อหาประวัติศาสตร์แม้แต่ครึ่งเดียว
เขากำลังจด “ประโยคฮาที่น่าจะใช้จีบเธอวันหลัง” ลงในสมุดเล่มเล็กของเขาอย่างตั้งใจ
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของทัวร์ที่ควรเป็น “แค่การเดินชมเมือง”
แต่กลับกลายเป็นการเดินทางของหัวใจ...ที่อาจไม่มีแผนที่นำทางเลยสักนิด
โรงเรียนมัธยมปลายโยชิโนะในเช้าวันจันทร์ฮารุวิ่งกระหืดกระหอบเข้าห้องเรียนพร้อมขนมปังในปากแบบที่เห็นได้ตามสูตรพระเอกมังงะแต่สิ่งที่เขาสะดุดไม่ใช่ขนมปัง แต่เป็นสายตาขวาง ๆ ของชายคนหนึ่ง
ในโลกของคนที่มีหัวใจ ‘ไร้รัก’ การครอบครองคือวิธีเดียวที่จะผูกมัดเธอไว้ข้างกาย แม้จะต้องใช้ความแค้น…แม้จะต้องทำให้เธอเกลียดเขาก็ตาม
แสงแดดอ่อนยามสายลอดผ่านกระจกสูงของตึกสำนักงานหรูใจกลางเมือง ‘คิรัน’ เจ้าของใบหน้าคมเข้มในชุดสูทเทาเข้มเนื้อดี นั่งพิงพนักเก้าอี้หนังแท้ด้วยท่าทางสบายๆ ขณะจิบกาแฟจากถ้วยพอร์ซเลนราคาแพง เขายังคงเป็นผู้ชายในฝันของใครหลายคนทั้งพนักงานในบริษัท ทั้งผู้หญิงนอกบริษัท และแม้แต่ในงานสังคมระดับสูง หล่อ รวย เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของประเทศ แถมยังมีประวัติรักๆ เลิกๆ ที่ยาวเป็นหางว่าว แต่ถึงอย่างนั้น ไม่มีใครเข้าใกล้หัวใจของคิรันได้เลยสักคน ไม่ใช่เพราะเขาไร้หัวใจ…แต่เพราะเขา “ไม่คิดจะยกมันให้ใคร” จนกระทั่ง...วันนี้ “คุณคิรันคะ พนักงานใหม่ที่คุณสั่งให้ขึ้นมารายงานตัวด้วยตัวเอง...มาถึงแล้วค่ะ” เสียงเลขาส่วนตัวเอ่ยขึ้นพร้อมเคาะประตูเบาๆ “เข้ามาได้เลย” ชายหนุ่มตอบเรียบๆ ก่อนจะหันกลับไปมองวิวเมืองจากกระจกใส เขาจิบกาแฟต่อด้วยสีหน้าไม่แยแส เขาจำชื่อเธอได้ลางๆ จากโปรไฟล์ ‘มินนี่’...เด็กสาวจากบ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่พ่อแม่เขาเคยอุปถัมภ์ไว้เมื่อสิบปีก่อน เขาไม่ได้เจอเธอมานานนับสิบปี รู้แค่ว่าเธอขยันเรียนจนได้ทุนไปต่างประเทศ และเพิ่งกลับมาทำงาน เด็กคนนั้นโตพอจะมาทำงานในบริษัทของเขาแล้วจริงๆ หรือ? เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้น และเมื่อประตูเปิดออก คิรันหันกลับมาอย่างไม่คาดหวังอะไรเป็นพิเศษ แต่ภาพที่เห็นทำให้ปลายนิ้วเขาหยุดนิ่งอยู่ที่ขอบถ้วยกาแฟ หญิงสาวตรงหน้ามีผิวขาวอมชมพู ผมยาวสีน้ำตาลเข้มถูกมัดรวบไว้หลวมๆ ใบหน้าหวานซ่อนความมั่นใจ และดวงตาที่ทั้งใสและนิ่งในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่เด็กสาวตัวเล็กในชุดนักเรียนที่เขาเคยจำได้อีกต่อไป “สวัสดีค่ะ พี่คิรัน...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่สดใส คิรันชะงักไปครู่หนึ่ง หัวใจเขา…เหมือนสะดุดไม่ใช่เพราะเธอสวย ไม่ใช่เพราะเธอดูโตเป็นผู้หญิงเต็มตัว แต่เพราะคำว่า “พี่คิรัน” จากปากเธอ มันกระแทกหัวใจเขาอย่างจัง เขาไม่เคยถูกใครเรียกแบบนี้ แล้วใจเต้นแรงขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ “โตจนฉันจำไม่ได้แล้วนะ...มินนี่” เขายิ้มบาง แต่แววตากลับหลบเลี่ยงสายตาเธออย่างไม่รู้ตัว ขณะเดียวกัน หญิงสาวที่ชื่อมินนี่ ก็กำลังเก็บอาการไม่ให้ใจเต้นแรงไปกว่านี้ เธอเตรียมตัวมาพบเขาแล้ว…ชายหนุ่มที่เคยเป็น “พี่ชายบุญธรรม” และครั้งหนึ่ง เคยเป็นรักแรกแสนเงียบของเธอ เธอเติบโตขึ้นมาแล้วและเขา...ก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเธอรู้ดีว่าโลกของเขาเต็มไปด้วยผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่เธอไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง ไม่คิดจะหวั่นไหว …ทว่าหัวใจไม่ใช่สิ่งที่สั่งได้ และบางครั้งการกลับมาของใครบางคน อาจทำให้ทุกอย่างที่เคยแน่นอน…เริ่มสั่นคลอน
"เกมโกงมาเฟียซ่อนรัก"เมื่อเกมแห่งอำนาจไม่มีที่ว่างให้กับความรู้สึก แต่มาเฟียหนุ่มผู้แสนเย็นชา กลับต้องเดิมพันหัวใจกับศัตรูที่ไม่เคยพ่ายแพ้
ในโลกที่ถูกขับเคลื่อนด้วยอำนาจและเงินตรา หัวใจกลับกลายเป็นเครื่องเดิมพันที่ล้ำค่าที่สุด เมื่อเธอหญิงสาวผู้ไม่เคยข้องเกี่ยวกับอาณาจักรเงามืด ถูดึงเข้าสู่เกมอันตรายของมาเฟียผู้เย็นชาและไร้หัวใจ เมื่อเขาบุรุษที่วางกลลวงเป็นอาวุธ ต้องเผชิญกับความรู้สึกที่ไม่เคยคาดคิด ระหว่างเล่ห์เหลี่ยมและความจริง ระหว่างภารกิจและความรู้สึก หัวใจของพวกเขาจะเลือกอะไร
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
เล่อซานเป็นคนใบ้ เธอถูกสามีละเลยมาเป็นเวลาห้าปี ม้แต่เธอตั้งท้องยังถูกแม่สามาีทำร้ายจนแท้งลูก หลังจากการหย่าร้าง สามีของเธอก็ประกาศหมั้นกับคนรักในใจของเขาทันที เธอกุมท้องที่นูนเล็กน้อยไว้ ในที่สุดก็ได้สติและเข้าใจว่าเขาไม่เคยจริงจังกับเธอมาก่อน... เธอหันหลังจากไปอย่างเด็ดขาด และทั้งสองก็กลายเป็นคนแปลกหน้า หลังจากที่เธอจากไป ชายคนนั้นก็ตามหาเธอไปทั่วโลก เมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง เธอก็รักคนอื่นไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาถามอย่างถ่อมตัวว่า "ได้โปรดอย่าไป..." ทว่าคำแรกที่เธอพูดก็คือให้เขาไปให้พ้น!
ในคืนแต่งงาน ฟู่ฮันจุนบีบคอของเธอ “เจียงอี้หาน ยินดีกับเธอด้วยนะ ตั้งแต่วันนี้ไปชีวิตของเธอจะตกนรก! ” เขาเชื่อว่าเธอเป็นคนทำให้พี่ชายของเขาตาย แต่งงานกับเธอแต่ไม่แตะต้องเธอ ปล่อยให้เธอใช้ชีวิตโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต! แต่น่าเสียดายที่เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น เจียงอี้หานถูกบีบบังคับให้ใช้ร่างกายของเธอช่วยชีวิตฟู่ฮันจุน และตั้งท้องลูกของเขา เจียงอี้หานปกปิดท้องของเธอ ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังภายใต้สายตาของฟู่ฮันจุน ฟู่ฮันจุนเกลียดเธอ ตั้งใจทำให้เธออับอายทรมาน แต่กลับไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ—— “คุณฟู่ คุณนายตบตีกับคนอื่นแล้วครับ! ” เขาแอบไปจัดการคนพวกนั้นจนสิ้นซาก “คุณฟู่ คุณนายบอกว่าทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลฟู่เป็นของเธอครับ! ” เขาแอบโอนหุ้นทั้งหมดให้เป็นชื่อของเธอ เจียงอี้หานไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ คิดแค่จะหนีให้พ้นอย่างเดียว ฟู่ฮันจุนใช้กำลังกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน “คุณนายฟู่ คุณจะพาลูกของเราไปไหนหรือ? ”
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY