นิยายรักโรแมนติก
นิยายรักโรแมนติก
"คุณชื่ออะไรคะ"
"ผมชื่อ ฮิโรชิ ครับ"
"คุณเป็นคนต่างชาติ หรือคะ "
"ใช่ครับ ผมเป็นคนญี่ปุ่น "
"ว้าวว ฉันชื่อ เชอร์รีล ค่ะ "
"คุณเป็นชาวต่างชาติ หรือครับ"
"ไม่ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนไทย ค่ะ "
"ชื่อของคุณน่ารักจังครับ "
"ขอบคุณค่ะ "
หญิงสาววัยยี่สิบสามปี หลังจากที่เธอทำธุระส่วนตัวเสร็จ ทุกครั้งเธอมักจะมาเล่นแอปหาคู่ ตามที่เพื่อนของเธอแนะนำมา และนี่ เป็นครั้งแรกที่เธอเล่น และได้คุยกับหนุ่มต่างชาติ ที่แอบอ้างเป็นชาวญี่ปุ่น
ทั้งคู่คุยกัน ตอบแชทไปมา อย่างสนิทสนม ซึ่งทำให้ตัวของเชอร์รีล พอใจไม่น้อย ด้วยโปรไฟล์ดี แถมพ่วงดีกรี จากนักเรียนนอก ทำให้เธอสนใจในตัวเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
เชอร์รีลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กับข้อความที่ปรากฏในหน้าจอมือถือ เธอเลื่อนมันไปมา และคิดว่านี่คง เป็นบุพเพสันนิวาส แน่นอน
รุ่งเช้า เธอรีบแต่งตัวและไปที่ทำงาน งานของเธอคือโรงเรียนกวดวิชาซึ่งเธอและเพื่อนๆ ได้ร่วมกันก่อตั้งมันขึ้นมา อย่างสุดฝีมือ
"นี่แก เป็นอะไร ตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว นั่งยิ้มอยู่ได้"
"นั่นสิ !! ดูมันสิ "
"พวกแก ฉันเล่นไอ้แอปหาคู่แล้วนะ "
"แล้ว "
"ก็เล่นแล้ว แล้วไปเจอหนุ่มคนหนึ่ง เค้าเป็นคนต่างชาติ "
" ใจเย็นๆ แก ฉันขอเตือน ให้ระวัง"
"ใช่ จริงอย่างที่ตันหยงพูดนะ เชอร์รีล "
" ฉันก็ระวังอยู่"
"เดมี่ ไหนแกลองเล่าประสบการณ์ ที่แกเล่นให้เชอร์รีลฟังซิ"
"นี่ฉันจะเล่าให้ฟัง"
ถ้าคุณเปิด Google แล้วพิมพ์คำว่า “วิธีไม่ตกหลุมรักไกด์สาวในปารีส”... คุณจะไม่เจอคำตอบและ Luc Morel ก็รู้ดีว่าทันทีที่เขาเห็นหญิงสาวในเสื้อโค้ตสีแดง ผู้ถือป้ายทัวร์พร้อมรอยยิ้มสุดแพรวพราวเขารักเธอทันที
โรงเรียนมัธยมปลายโยชิโนะในเช้าวันจันทร์ฮารุวิ่งกระหืดกระหอบเข้าห้องเรียนพร้อมขนมปังในปากแบบที่เห็นได้ตามสูตรพระเอกมังงะแต่สิ่งที่เขาสะดุดไม่ใช่ขนมปัง แต่เป็นสายตาขวาง ๆ ของชายคนหนึ่ง
ในโลกของคนที่มีหัวใจ ‘ไร้รัก’ การครอบครองคือวิธีเดียวที่จะผูกมัดเธอไว้ข้างกาย แม้จะต้องใช้ความแค้น…แม้จะต้องทำให้เธอเกลียดเขาก็ตาม
แสงแดดอ่อนยามสายลอดผ่านกระจกสูงของตึกสำนักงานหรูใจกลางเมือง ‘คิรัน’ เจ้าของใบหน้าคมเข้มในชุดสูทเทาเข้มเนื้อดี นั่งพิงพนักเก้าอี้หนังแท้ด้วยท่าทางสบายๆ ขณะจิบกาแฟจากถ้วยพอร์ซเลนราคาแพง เขายังคงเป็นผู้ชายในฝันของใครหลายคนทั้งพนักงานในบริษัท ทั้งผู้หญิงนอกบริษัท และแม้แต่ในงานสังคมระดับสูง หล่อ รวย เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของประเทศ แถมยังมีประวัติรักๆ เลิกๆ ที่ยาวเป็นหางว่าว แต่ถึงอย่างนั้น ไม่มีใครเข้าใกล้หัวใจของคิรันได้เลยสักคน ไม่ใช่เพราะเขาไร้หัวใจ…แต่เพราะเขา “ไม่คิดจะยกมันให้ใคร” จนกระทั่ง...วันนี้ “คุณคิรันคะ พนักงานใหม่ที่คุณสั่งให้ขึ้นมารายงานตัวด้วยตัวเอง...มาถึงแล้วค่ะ” เสียงเลขาส่วนตัวเอ่ยขึ้นพร้อมเคาะประตูเบาๆ “เข้ามาได้เลย” ชายหนุ่มตอบเรียบๆ ก่อนจะหันกลับไปมองวิวเมืองจากกระจกใส เขาจิบกาแฟต่อด้วยสีหน้าไม่แยแส เขาจำชื่อเธอได้ลางๆ จากโปรไฟล์ ‘มินนี่’...เด็กสาวจากบ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่พ่อแม่เขาเคยอุปถัมภ์ไว้เมื่อสิบปีก่อน เขาไม่ได้เจอเธอมานานนับสิบปี รู้แค่ว่าเธอขยันเรียนจนได้ทุนไปต่างประเทศ และเพิ่งกลับมาทำงาน เด็กคนนั้นโตพอจะมาทำงานในบริษัทของเขาแล้วจริงๆ หรือ? เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้น และเมื่อประตูเปิดออก คิรันหันกลับมาอย่างไม่คาดหวังอะไรเป็นพิเศษ แต่ภาพที่เห็นทำให้ปลายนิ้วเขาหยุดนิ่งอยู่ที่ขอบถ้วยกาแฟ หญิงสาวตรงหน้ามีผิวขาวอมชมพู ผมยาวสีน้ำตาลเข้มถูกมัดรวบไว้หลวมๆ ใบหน้าหวานซ่อนความมั่นใจ และดวงตาที่ทั้งใสและนิ่งในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่เด็กสาวตัวเล็กในชุดนักเรียนที่เขาเคยจำได้อีกต่อไป “สวัสดีค่ะ พี่คิรัน...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่สดใส คิรันชะงักไปครู่หนึ่ง หัวใจเขา…เหมือนสะดุดไม่ใช่เพราะเธอสวย ไม่ใช่เพราะเธอดูโตเป็นผู้หญิงเต็มตัว แต่เพราะคำว่า “พี่คิรัน” จากปากเธอ มันกระแทกหัวใจเขาอย่างจัง เขาไม่เคยถูกใครเรียกแบบนี้ แล้วใจเต้นแรงขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ “โตจนฉันจำไม่ได้แล้วนะ...มินนี่” เขายิ้มบาง แต่แววตากลับหลบเลี่ยงสายตาเธออย่างไม่รู้ตัว ขณะเดียวกัน หญิงสาวที่ชื่อมินนี่ ก็กำลังเก็บอาการไม่ให้ใจเต้นแรงไปกว่านี้ เธอเตรียมตัวมาพบเขาแล้ว…ชายหนุ่มที่เคยเป็น “พี่ชายบุญธรรม” และครั้งหนึ่ง เคยเป็นรักแรกแสนเงียบของเธอ เธอเติบโตขึ้นมาแล้วและเขา...ก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเธอรู้ดีว่าโลกของเขาเต็มไปด้วยผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่เธอไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง ไม่คิดจะหวั่นไหว …ทว่าหัวใจไม่ใช่สิ่งที่สั่งได้ และบางครั้งการกลับมาของใครบางคน อาจทำให้ทุกอย่างที่เคยแน่นอน…เริ่มสั่นคลอน
"เกมโกงมาเฟียซ่อนรัก"เมื่อเกมแห่งอำนาจไม่มีที่ว่างให้กับความรู้สึก แต่มาเฟียหนุ่มผู้แสนเย็นชา กลับต้องเดิมพันหัวใจกับศัตรูที่ไม่เคยพ่ายแพ้
ในโลกที่ถูกขับเคลื่อนด้วยอำนาจและเงินตรา หัวใจกลับกลายเป็นเครื่องเดิมพันที่ล้ำค่าที่สุด เมื่อเธอหญิงสาวผู้ไม่เคยข้องเกี่ยวกับอาณาจักรเงามืด ถูดึงเข้าสู่เกมอันตรายของมาเฟียผู้เย็นชาและไร้หัวใจ เมื่อเขาบุรุษที่วางกลลวงเป็นอาวุธ ต้องเผชิญกับความรู้สึกที่ไม่เคยคาดคิด ระหว่างเล่ห์เหลี่ยมและความจริง ระหว่างภารกิจและความรู้สึก หัวใจของพวกเขาจะเลือกอะไร
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ชาตินี้เสียลูกและสามี พอได้เกิดใหม่อีกทีขอเลี้ยงดูเจ้าให้ดีที่สุด นภาเสียชีวิตและได้ไปเกิดใหม่ในร่างของหลินเสี่ยวเหยา จิตใจที่โศกเศร้าของเธอ จะได้รับการเยียวยาหรือไม่ ต้องติดตาม
หลี่เหมยลี่ นักธุรกิจสาวร่างท้วม เจ้าของฉายา ‘เจ้าแม่เงินล้าน!’ ได้หลุดเข้าไปเป็นตัวละครในนิยายที่เพิ่งอ่านจบ! เธอต้องมาอยู่ในร่างองค์หญิงปัญญาอ่อนที่ถูกคนผลักตกน้ำตาย! องค์หญิงผู้อ่อนแอพี่สาวฝาแฝดของนางเอก ซึ่งเป็นตัวประกอบที่มีกล่าวถึงเพียงแค่ครั้งเดียวตอนต้นเรื่องในนิยายหงส์คู่บัลลังก์เท่านั้น!! แต่ถือว่าสวรรค์ยังไม่ไร้เมตตาจนเกินไป เพราะท่านได้มอบสกิลพิเศษให้เธอถึงสามอย่าง! ทั้งวิชาแพทย์ วิถีฝึกยุทธ์ และวิชาแปลงโฉม ด้วยสกิลพิเศษทั้งสามอย่างนี้เธอจะต้องช่วยเหลือตนเอง และน้องสาวกับพี่ชายให้หลุดพ้นจากการเป็นหมากของพวกคนชั่วในแคว้นจ้าวให้จงได้! แต่ไหนยังจะมีฝันประหลาดแสนวาบหวามกับบุรุษนัยน์ตาหงส์ผู้นั้นอีกเล่า!! ‘เพราะข้างกายข้ามีเจ้า… ชีวิตของข้าจึงมีความหมาย…’ *เรื่องนี้เป็นภาคต่อค่ะ เหตุการณ์จะต่อเนื่องจากภาคแรก แต่เล่าในพาร์ทของนางเอกที่ถูกผนึกความทรงจำทั้งหมดในแคว้นเว่ยไว้ค่ะ* และสำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านภาคนี้เป็นครั้งแรก ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้เรื่องนะคะ เพราะจะได้อรรถรสในการอ่านไปอีกแบบค่ะ *นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการและความชอบส่วนตัวของไรท์เท่านั้น มิได้อิงหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นจริงหรือประวัติศาสตร์แต่อย่างใด ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ* หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
เธอเป็นหมอเก่งๆ ระดับสากล เป็นประธานของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุด และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีอันดับหนึ่ง... ไม่นานมานี้ เจี่ยนอู่ ผู้มีความสามารถแข็งแกร่งกลับปกปิดตัวตนของนางและแต่งงานกับชายหนุ่มยากจนคนหนึ่ง โดยไม่คาดคิดก่อนวันแต่งงาน คู่หมั้นของเธอกลายเป็นนายน้อยที่หายไปจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขาไม่เพียงเสียใจกับการหมั้นหมายเท่านั้น แต่ยังปราบปรามและทำให้เธออับอายด้วยทุกวิถีทางอีกด้วย เมื่อความจริงถูกเปิดเผย อดีตคู่หมั้นของเธอตกตะลึง และขอร้องให้กลับมาคืนดีกัน ผู้คนใหญ่โตที่ร่ำรวยและน่านับถือคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าเจี่ยนอู่ "นี่คือภรรยาของผม ใครกล้าหวังกับเธอ"
หนูน้อย"อ้ายหลาน"เกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษไม่เหมือนใคร แม้นางจะเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ แต่นางก็มีพลังมหาศาลสามารถยกกระสอบข้าวด้วยมือเดียว ก้อนหินสิบคนโอบนางก็สามารถยกทุ่มได้อย่างง่ายดาย และจมูกนางไวต่อกลิ่นยิ่งนักแม้สิ่งนั้นจะอยู่ไกลเพียงใดโดยเฉพาะอาหาร นางมีจมูกที่พิเศษสามารถแยกแยะสิ่งมีพิษและไม่มีพิษได้
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด