ป๋อซือเหนียนตกใจและตื่นตระหนก รีบโอบฉันแน่น
“ซวงซวง อย่าทิ้งฉันนะ ฉันรักเธอคนนั้น แต่ฉันรักเธอมากกว่า อย่าโกรธฉันเลย อย่าทะเลาะกับฉันนะ”
ฉันยิ้มเจื่อนๆ ออกมา
“ไม่หรอก”
คนที่กำลังจะตายแล้ว ไม่มีอะไรต้องร้องไห้ฟูมฟายอีก
1·
ป๋อซือเหนียนโล่งอก จับมือที่เย็นเฉียบของฉันไว้แน่น
“ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ อีกแล้วใช่ไหม กระเพาะไม่สบายอีกแล้วหรือเปล่า ”
ความปวดบิดในท้องกลับมาเล่นงานอีกครั้ง
ฉันอยากบอกเขาว่าฉันเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย เหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ฉันกำลังจะตายแล้ว
ถึงเขายังห่วงใยฉัน แต่ฉันกลับเห็นได้ชัดว่าใจเขาลอยไปที่อื่นแล้ว
“คุณมีอะไรอยากบอกฉันอีกหรือเปล่า”
สายตาของเขาหลบเลี่ยง ไม่มองหน้าฉัน ก้มมองปลายเท้าตัวเอง ตะกุกตะกักไม่พูดออกมา
ฉันสูดหายใจลึก
“พูดมาเถอะ ฉันเตรียมใจไว้แล้ว ”
ป๋อซือเหนียนเอ่ยอย่างลังเล เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่กลับดังเหมือนฟ้าผ่าในหูฉัน
“เซียวเซียวท้องได้เก้าเดือนแล้ว ”
สมองฉันอื้อไปหมด
เขารีบพูดแก้ตัวอย่างลนลาน
“ฉันกับเซียวเซียวไม่ได้มีอะไรทางร่างกาย เด็กคนนั้นเกิดจากการใช้เทคโนโลยีช่วยในการมีลูก”
กลัวฉันจะรับไม่ไหว เขาจึงพยายามอธิบายด้วยเหตุผลที่มีช่องโหว่มากมาย
“ซวงซวง เธอเคยอยากมีลูกมาตลอด แต่เพราะร่างกายเลยไม่สามารถมีได้ พอเซียวเซียวคลอดแล้ว เราสองคนก็จะเลี้ยงเด็กด้วยกัน เด็กจะเรียกเธอว่าแม่ เขาก็เป็นลูกของเราเหมือนกัน”
ฉันนั่งนิ่งมองริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงของเขา เสียงหึ่งดังในหูจนจับความหมายแทบไม่ได้
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ในแววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังและความลำบากใจของเขา ฉันได้ยินเสียงของตัวเอง
“ตกลง”
ป๋อซือเหนียนชะงักไป ก่อนจะตื่นเต้นดีใจ รีบกอดฉันแน่น น้ำตาแห่งความจริงใจเอ่อออกมาจากดวงตา
“ซวงซวง ขอบคุณนะ”
เขากอดฉันแรงมาก จนกระเพาะถูกกดดัน กลิ่นเลือดผสมกรดในกระเพาะลอยขึ้นมาถึงลำคอ
ฉันรีบหันหน้าหนี ลุ้นว่าป๋อซือเหนียนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของฉันหรือไม่
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอก โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร
แต่เวลานี้เขามัวแต่มีความสุข แววตาที่ดำลึกของเขาส่องประกายที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
“เซียวเซียวเป็นผู้หญิงที่ดีมาก ฉันมั่นใจว่าเมื่อเธอได้เจอ เธอก็จะชอบเธอเหมือนกัน!”
หัวใจฉันเต้นช้าลงครึ่งจังหวะ ยิ้มทั้งขมขื่นทั้งโล่งใจ
ใจของเขาไม่ได้อยู่กับฉันมานานแล้ว วันที่ฉันจากไป เขาคงไม่เสียใจนัก
จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ป๋อซือเหนียนรีบไปเปิดประตูด้วยท่าทีร้อนรน
เธอเพิ่งก้มลง เขาก็รีบคุกเข่าครึ่งตัวช่วยเธอถอดรองเท้าเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะ
ทันทีที่เข้ามา เธอก็ทรุดตัวลงคำนับตรงหน้าฉัน
“พี่คะ ขอโทษนะ”
ป๋อซือเหนียนก็คำนับตามไปด้วย รีบพูดปกป้องเธอ
“ซวงซวง นี่คือเซียวเซียว ความผิดเป็นของฉันเอง ฉันห้ามใจไม่ได้เลยเผลอไปใกล้ชิดกับเธอ”
ตรงอกฉันเจ็บราวกับถูกทุบ ความเจ็บปวดในกระเพาะถูกกลบลงไปทันที
เห็นทั้งคู่คำนับต่อหน้าฉัน ภายในใจฉันกลับแวบผ่านความรู้สึกประหลาดที่บอกไม่ถูก ทั้งอึดอัด ทั้งคันคะเยอ ทั้งเจ็บแปลกๆ
พูดตามตรง ถ้าป๋อซือเหนียนไม่ใช่สามีของฉัน ฉันคงคิดว่าพวกเขาคู่ควรกันจริงๆ
เธอมีผมดำยาวเป็นลอน ริมฝีปากแดงสด บุคลิกสดใส แม้ท้องโตนูนก็ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์
สองคนที่คำนับตรงหน้าฉัน เหมือนคู่รักที่ถูกครอบครัวกีดกันแต่ก็ยังอยากอยู่ด้วยกัน
แต่หนึ่งคือสามีที่รักกันมาสิบปี อีกหนึ่งคือคนที่เขาเผลอใจไปหา
ฉันกดกลืนรสเลือดคาวในลำคอ พยายามจะเอื้อมมือพยุงเซียวเซียวขึ้น
“เธอตั้งครรภ์อยู่ พื้นเย็น ระยะคลอดก็คงใกล้แล้ว ถ้าไม่รังเกียจ ก็มาพักอยู่ที่นี่เถอะ ป๋อซือเหนียนจะได้ดูแลเธอง่ายขึ้น”
พอพูดออกไป ฉันกลับรู้สึกโล่งใจ
ฉันเหลือเวลาไม่มากแล้ว ส่วนในท้องของเซียวเซียวกำลังมีชีวิตใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลก ฉันควรหลีกทางให้แล้ว
“ไม่ต้องหรอก”
ป๋อซือเหนียนรีบประคองเธอขึ้นมา ระวังปกป้องทั้งตัวเธอและท้องที่โต
หัวใจฉันถูกบาดเจ็บอีกครั้ง ความปวดบิดในท้องพุ่งกลับมาอีก
เซียวเซียวมองเขาอย่างตัดพ้อ แต่หันมาหาฉันด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด ไม่กล้าสบตา
“พี่คะ ฉันรู้ว่าพูดขอโทษแค่ไหนก็ไม่พอ ถ้าพี่ไม่รังเกียจ ขอให้ฉันได้โอกาสชดใช้บ้าง”
แววตาเธอเปล่งประกาย ด้วยความจริงใจที่สุด
“ซือเหนียนบอกว่าพี่สุขภาพไม่ดี กระเพาะก็ไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก ฉันเคยเรียนโภชนาการมา อาจช่วยดูแลกระเพาะให้พี่ดีขึ้นได้ ”
ความปวดร้อนในกระเพาะทวีความรุนแรง ฉันทนไม่ไหวแล้ว รีบเอามือปิดปากปิดจมูก วิ่งโซเซเข้าไปในห้องน้ำ
ฉันกอดโถส้วม ไอพ่นเลือดออกมาเป็นสาย กรดในกระเพาะเผาลำคอจนแสบ
ไหล่ฉันถูกสัมผัสด้วยความอบอุ่น เสียงห่วงใยดังขึ้นเหนือหัว
“ซวงซวง เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
ฉันรีบเช็ดปาก กดชักโครกอย่างร้อนรน แต่ดันเสียการทำงานในเวลานี้
ป๋อซือเหนียนปากก็บอกว่าห่วง แต่สายตาเขาไม่เคยละไปจากเงาร่างที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
ฉันโล่งใจที่เขาไม่สังเกตเห็น
ไม่รู้ทำไม ฉันถึงกลัวเหลือเกินว่าเขาจะรู้ว่าฉันกำลังจะตาย
ฉันกดความขมขื่นในใจไว้ หยิบสัญญาหย่าที่เตรียมไว้ล่วงหน้า หลอกให้เขาเซ็น
“อีกหนึ่งเดือน ลูกของพวกเธอจะเกิดแล้ว นี่คือของขวัญแต่งงานให้”