ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
“ฉันยอมเป็นของคุณแล้ว แต่ทำไมคุณยังไม่เลิกกับชูจี้อีกล่ะคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้ลุ่มหลง พลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขณะที่นั่งอยู่บนตักของชายหนุ่มด้วยร่างที่เปือยเปล่าครึ่งท่อน
“เวลาอยู่บนเตียงอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก” ชายหนุ่มกำลังอารมณ์พลุ่งพล่าน เขาเอื้อมมือไปเค้นคลึงอกที่อวบอิ่มของหญิงสาวอย่างเบามือ
หญิงสาวไม่พอใจนัก เมื่อไม่ได้รับคำตอบตามที่ต้องการ “ฉันจะพูด! ก็แค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยง แม้แต่หมาของฉันยังมีค่ากว่าหล่อนเลย หล่อนมีอะไรดีนักหนาคะ? ”
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เขาประคองเอวบาง แล้วเร่งจังหวะขยับเข้าออกแรงขึ้น ทำให้เธอถึงกับร้องครวญครางออกมาอย่างไม่ขาดสาย
หลินชูจี้ที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู ใบหน้าที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เธอได้ยินสิ่งที่ทั้งคู่คุยกันทั้งหมด นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
เธอเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล
ยายซุนผู้ซึ่งเลี้ยงดูชูจี้มาตั้งแต่เด็ก ถูกตรวจพบว่าเป็นโรคตับแข็งระยะสุดท้าย คุณยายจำเป็นจะต้องได้รับการปลูกถ่ายตับอย่างรวดเร็ว และชูจี้จำต้องหาเงินมาเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาล
แต่แล้วเรื่องแย่ ๆ ในชีวิตเธอยังไม่หมดแต่เพียงเท่านั้น ทันทีที่เธอกลับมาถึงบ้านเธอก็ได้รู้ว่าน้องสาวของเธอกำลังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟนหนุ่มของเธออยู่ ชูจี้รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบได้พังทลายลงตรงหน้าเธอ
“ฉันไม่สน? คืนนี้คุณต้องจัดการให้เรียบร้อย คุณจะเลือกใคร ระหว่างเธอกับฉัน?” หลินชูเสวขมวดคิ้วแน่น พลางเอากำปั้นทุบลงไปที่หน้าอกของจือหยวนเบา ๆ เพื่อต้องการคำตอบ
ชูจี้เอาเท้าเตะไปที่ประตูให้เปิดออก แล้วจ้องมองชายชั่ว และหญิงสารเลวที่อยู่ตรงหน้าเธอ “ไม่ต้องเสียเวลาหรอก ก็แค่ผู้ชายคนเดียว ถ้าเธออยากได้ ฉันยกให้”
แม้สีหน้าท่าทางของเธอจะดูเฉยเมยเหมือนไม่แคร์ มีแต่เธอเองเท่านั้นที่รู้ว่าภายในใจของเธอนั้นเจ็บปวดมากมายเพียงใด
จือหยวนเป็นเพื่อนที่เรียนวิทยาลัยมาด้วยกันกับเธอ เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ และมีฐานะดี เขาตามจีบชูจี้มากว่าสามปีแล้ว
ก่อนเรียนจบ เขาได้สารภาพรักกับเธออีกครั้ง
ที่สนามกีฬาของวิทยาลัย วันนั้นมีผู้คนมากมายมาลุมล้อม และส่งเสียงเชียร์ สุดท้ายชูจี้ก็ตกลงยอมที่จะคบกับเขา
ความเจ็บปวดจากการถูกหักหลังกัดกินหัวใจเธออย่างโหดร้าย เธอมองไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ พลางกำมัดแน่น จนเล็บจิกลงไปที่ฝ่ามือของเธอ
จือหยวนผลักชูเสวออกไปทันที ก่อนจะหยิบกางเกงขึ้นมาใส่ แล้วลุกออกจากเตียงอย่างเร็ว
ชูเสวเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้นเพราะแรงผลัก คำพูดของชูจี้จุดชนวนความโกรธของเธอให้ลุกโชน
เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะจับผู้ชายหล่อ และรวยอย่างจือหยวนได้
ในขณะที่ชูจี้ได้ใจเขาไปง่าย ๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ นั่นเป็นต้นเหตุให้ชูเสวไม่พอใจ
‘แกมันก็แค่เศษสวะที่ถูกเก็บมาเลี้ยง’
“เหอะ ยกให้ฉันงั้นเหรอ? ทำอย่างกับแกเป็นคนทิ้งจือหยวน เขาต่างหากที่ไม่เอาแก นังเศษสวะ!“ ชูเสวเย้ยหยันเธอ พลางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่าง ก่อนจะหันไปทางจือหยวน แล้วพูดขึ้นว่า “จือหยวน เมื่อกี้คุณพูดว่ายังไง บอกชูจี้ไปสิ!”
การที่จือหยวนมีอะไรกันกับชูเสวเป็นเพราะเธออ่อยเขา เขาแค่หน้ามืดตามัว ควบคุมตัวเองไม่ได้จึงพลั้งเผลอมีอะไรกับเธอเข้า
ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าต่อหน้าชูจี้ ก่อนจะคว้ามือของชูจี้ขึ้นมากุมไว้ “ชูจี้ยกโทษให้ผมเถอะนะ ผมผิดไปแล้ว”
แม้น้ำตาของเธอจะไหลเอ่อ แต่ชูจี้ก็เลือบไปมองเขาอย่างรังเกลียด หากเธอได้ตัดสินใจทำอะไรแล้ว เธอไม่มีทางเปลี่ยนใจเป็นอันขาด
เธอสะบัดมือของจือหยวนออก ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ขอโทษด้วยจือหยวน ฉันไม่ต้องการของเหลือจากชูเสว พวกคุณสองคนดูเหมาะสมกันดีออก เราเลิกกันเถอะ”
ชูเสวได้ยินดังนั้นถึงกับตะลึง จือหยวนถึงกับดิ้นพล่าน ในทางกลับกันสีหน้าของชูจี้กลับไม่มีร่องรอยความเสียใจใด ๆ เลย ความโกรธของชูเสวค่อย ๆ เพิ่มพูนขึ้น เพราะสิ่งที่เธอต้องการจะเห็นมันกลับไม่ได้เกิดขึ้น
ชูจี้ไม่ต้องการจะเสวนากับทั้งคู่อีก ชูเสวชอบแย่งของ ๆ เธอมาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนชูเสวแค่แย่งของเล่นของเธอ แต่ตอนนี้ชูเสวก็มาแย่งแฟนหนุ่มของเธอ
และตอนนี้ชูจี้ชินชากับมันเสียแล้ว สิ่งที่เธอกังวลตอนนี้มีเพียงเรื่องค่ารักษาพยาบาลของคุณยายซุนเท่านั้น
ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวขาออกจากห้อง เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาที่ทางเดิน
“ดึกดื่นป่านนี้แล้ว เอะอะโวยวายอะไรกัน”
หลินปินและรั่วเฟย พ่อแม่บุญธรรมของชูจี้ เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็พากันเดินเข้ามาดู
หลินปินที่เดินเข้ามาในห้องก่อน เมื่อเห็นลูกสาวแท้ ๆ นั่งอยู่บนเตียงด้วยร่างกายที่เปือยเปล่า ก็ถึงกับตาถลน ก่อนจะตะโกนเสียงดังออกมาว่า “แกทำบ้าอะไรเนี่ย? แกกำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว ไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นอย่างนี้ได้ยังไง?” เขาตะโกนออกมาอย่างดุดัน
ชูเสวกอดตัวเองเอาไว้ พลางหันไปมองหลินปินด้วยดวงตาแดงก่ำ เธอกัดฟันแน่นเพื่อระงับความโกรธที่กำลังประทุ
ตระกูลลู่ และตระกูลหลินมีข้อตกลงที่จะให้ลูก ๆ ของพวกเขาแต่งงานกัน เมื่อพวกเขาโตขึ้น และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว คู่หมั้นของเธอเป็นลูกนอกกฎหมาย ที่ตระกูลลู่ขับไล่เขาออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว เขายากจนแถมยังตกงาน เป็นแค่คนเกียจคร้านที่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปวัน ๆ โดยไม่ทำอะไร ชูเสวไม่ต้องการแต่งงานกับเขา
เธอคิดว่าเธอคู่ควรกับคนที่ดี และเพียบพร้อมมากกว่าเขา
“หนูท้อง!” ชูเสวตะโกนขึ้นพลางชี้ไปยังจือหยวน “หนูกำลังท้องลูกของจือหยวนอยู่ หนูจะไปแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง? คุณพ่อยกเลิกงานแต่งไปเถอะค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น จือหยวนถึงกับตะลึงที่ชูเสวพูดมาอย่างนั้น เขาเคยมีอะไรกับเธอแค่ไม่กี่ครั้งเอง เธอจะท้องได้อย่างไร?
“แกพูดบ้าอะไร! ยังไงแกก็ต้องแต่งกับลูกชายของตระกูลลู่!” หลินปินโกรธจนควันออกหู เขาอยากจะตบชูเสวที่ทำตัวโง่เง่าเสียเต็มประดา
งานแต่งงานครั้งนี้ถือเป็นหน้าเป็นตากับเขามาก หากตระกูลลู่ถามถึงสาเหตุที่ต้องยกเลิกงานแต่งงาน เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
รั่วเฟยยืนประจันหน้ากับสามีเพื่อปกป้องลูกสาว เธอคอยปกป้อง และแทบไม่เคยดุด่าว่ากล่าวชูเสวเลยด้วยซ้ำ สามีของเธอกำลังโกรธแทบขาดสติ และเธอทนไม่ได้ที่เห็นเขาตะคอกใส่ลูกสาวสุดที่รักของเธอ
“หลินปิน คุณจะโกรธชูเสวทำไมคะ?” รั่วเฟยร้องไห้ออกมา “ชูจี้ก็เป็นลูกสาวตระกูลหลินเหมือนกันนี่คะ ให้เธอแต่งงานกับลูกชายของตระกูลลู่แทนก็ได้”
หลินปินและรั่วเฟยแต่งงานกันมานานหลายปี แต่เขาทั้งคู่ก็ยังไม่มีทายาท เนื่องจากแรงกดดันของผู้ใหญ่ในตระกูลหลินที่ต้องการทายาทสืบสกุล พวกเขาจึงจำต้องรับชูจี้มาเลี้ยง ในปีต่อมา ในที่สุดรั่วเฟยก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดชูเสว
และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเกลียดชูจี้ การได้เห็นหน้าชูจี้ ทุก ๆ วันเหมือนเป็นการตอกย้ำว่าเธอไม่มีน้ำยา พอที่จะให้กำเนินลูกได้ ทุกครั้งที่ลูกสาวบุญธรรมมองมาที่เธอ เธอก็มีแต่รู้สึกหงุดหงิด
หลังจากที่ชูเสวเกิด รั่วเฟยก็คอยเอาอกเอาใจ และเข้าข้างแต่ชูเสว ไปพร้อม ๆ กับรังเกียจชูจี้
เวลาผ่านไป เมื่อชูจี้โตขึ้นเธอกลับมีดีกว่าลูกสาวแท้ ๆ ของรั่วเฟยในทุก ๆ ด้าน นั่นยิ่งทำให้ความเกลียดชังที่เธอมีต่อชูจี้เพิ่มพูนมากขึ้น
คำพูดของรั่วเฟยทำให้ชูจี้โกรธ “คนที่คุณพ่อคุณแม่ตกลงว่าจะให้แต่งงานกับคนตระกูลลู่ คือชูเสว ไม่ใช่หนู” เธอเอ่ยออกมาอย่างขุ่นเคืองใจ “อยู่ดี ๆ คุณแม่ก็จะให้หนูแต่งงานแทน เพราะลูกสาวคนดีของคุณแม่ ไปมีอะไรกับคนอื่นงั้นเหรอคะ?”
“เราเลี้ยงดูแกมาตั้งหลายปี ถึงเวลาที่แกต้องตอบแทนบุญคุณเราบ้างแล้วชูจี้” รั่วเฟยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา นัยน์ตาของเธอเหมือนมีอะไรแฝงอยู่ “แกไม่อยากให้ยายแก่นั่นได้ผ่าตัดเหรอ? ถ้าแกยอมแต่งงานแทนชูเสว ฉันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ยายแก่นั่นเอง”
ชูเสวยิ้มออกมาอย่างพอใจ เธอคิดว่ากาฝากแบบชูจี้ ก็เหมาะแล้วกับหมาหัวเน่าอย่างลูกชายนอกสมรส ของตระกูลลู่
เมื่อได้ยินคำพูดของรั่วเฟย ชูจี้ก็กัดฟันแน่นเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังเดือดดาล ทันใดนั้น คำพูดของคุณหมอก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ ยายซุนมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว
ชูจี้เพิ่งจะเรียนจบ เธอไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ทันเวลาแน่
แม้หลินปินและรั่วเฟยจะรับเลี้ยงเธอ แต่พวกเขาก็ไม่เคยมาดูดำดูดีเธอเลย คนที่เลี้ยงดูเธอคือยายซุน ที่เป็นคนใช้ของตระกูลหลิน ยายซุนเป็นเหมือนยายแท้ ๆ ของเธอ เธอไม่สามารถทอดทิ้งยายซุนได้
เมื่อสังเกตเห็นความลังเลที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของชูจี้ รั่วเฟยก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเธอ “ถึงยังไงสักวันแกก็ต้องแต่งงานกับใครสักคนอยู่แล้ว ทำไมแกไม่ช่วยเราด้วยการแต่งงานกับลูกชายของตระกูลลู่ล่ะ? ฉันจะจ่ายเงินให้แกทันทีที่แกแต่งงานกับเขา”
ขาของเธอสั่นรัว เมื่อทุกคนในห้องกำลังจ้องมองมาที่เธออย่างรอคอยคำตอบ เธอต้องการเงินเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ยายซุนจริง ๆ
ในที่สุดน้ำตาอุ่น ๆ ก็ไหลลงมาอาบแก้มนวล ๆ ของเธอ ชูจี้ก้มหน้าลง แล้วตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “ค่ะ หนูจะแต่งงานกับเขา”
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…