ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ครืด ๆ...
เสียงมือถือสั่นขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงบภายในห้อง ซูจิ้งสะลึมสะลือพลันเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมา เมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใคร เธอก็กดรับอย่างไม่ลังเล
เธอเกรงว่าหากไม่รีบรับสาย สายอาจจะตัดไป
“ฮัลโหลค่ะ” เธอตื่นเต้นจนพูดจาตะกุกตะกัก
เมื่อใดก็ตามหากเธอต้องรับสายนี้ เธอมักจะประหม่าอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าปลายสายจะมองไม่เห็นเธอ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเอามือขึ้นสางผม
“วันนี้ผมจะกลับบ้าน” เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังมาจากปลายสาย
หัวใจของซูจิ้งเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ หลังจากนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอเอ่ยถาม “แล้วคุณอยากให้ฉันทำอะไรให้ไหม? คุณอยากทานอะไร? หรืออยากให้ฉันเตรียมอะไร...”
“ไม่ต้อง” เขาพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ราวกับปลายสายไม่ใช่ภรรยาของตน
เขาเป็นสามีของเธอ แต่เพราะเขามีท่าทีเยี่ยงนี้กับเธอแต่แรก เธอเลยชินซะแล้ว
“ซีเจว๋...” ซูจิ้งเอามือกุ้มที่หน้าท้องของเธอ เธอกัดริมฝีปากล่างเบาๆแล้วตัดสินใจที่จะบอกข่าวนี้กับเขา “ฉัน ฉันอาจจะ...”
“ผมต้องไปแล้ว”
เขาตัดสายอย่างกะทันหัน
ซูจิ้งจับมือถือไว้ ยิ้มอย่างหม่นหมอง พลันเอ่ยประโยคที่ค้างไว้ออกมา “ฉันอาจจะท้อง”
ซูจิ้งและซีเจว๋ แต่งงานกันมาได้สามปีแล้ว เธออาศัยอยู่กับครอบครัวของเขา ในขณะที่เขาใช้ชีวิตตามลำพังในหวาถิง วิลล่า ช่วงสามปีของชีวิตคู่ พวกเขาเคยนอนด้วยกันเพียงหนเดียว คือเมื่อช่วงเดือนกว่าๆที่ผ่านมา คืนนั้นเขากลับมานอนที่บ้านตระกูลหยง ไม่ได้กลับวิลล่าของตน เรื่องคืนนั้นซูจิ้งรู้อยู่เต็มอก เขาอาจจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากเธอเริ่มรู้ตัวว่าเป็นเสมือนส่วนเกินของบ้าน แต่เธอกับพบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์
แต่เธอก็ยังลังเลที่จะบอกเรื่องนี้กับสามี เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาจะมีท่าทียังไง
เธอส่ายหัว และบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องนี้ สุดท้ายไม่ว่าซีเจว๋จะปฏิบัติกับเธอยังไงก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเขาก็ทำให้ความฝันในวัยเด็กของเธอเป็นจริง นั่นคือการที่เธอได้แต่งงานกับเขา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้แล้ว
ซูจิ้งลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินลงไปยังชั้นล่าง เพื่อเตรียมอาหารเช้า แม้จะยังเช้าเกินไปที่จะเตรียมอาหารเช้าในตอนนี้ แต่เธอเกรงว่าสามีจะกลับมาถึงก่อน หากเธอไม่รีบเตรียมอาหารเช้าไว้ อาจทำให้สามีของเธอต้องนั่งรอ
ซูจิ้งง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารในครัวกว่าสองชั่วโมง เธอเฝ้ามองจนสมาชิกทุกคนในตระกูลหยงออกไปข้างนอกกันหมดแล้ว แต่สามีของเธอก็ยังไม่กลับมา
เธอไม่ต้องการให้ตัวเองว่าง เธอยุ่งอยู่กับการทำงานบ้านที่ชั้นล่างทั้งวัน พอตกค่ำเธอก็จัดโต๊ะอาหาร พร้อมชำเลืองมองไปยังประตูเป็นพัก ๆ
“ซูจิ้ง ทำไมมัวแต่มองไปที่ประตู? ซีเจว๋จะกลับบ้านงั้นเหรอ” ถาวหยัน เหลือบมองซูจิ้งด้วยความสงสัย ขณะนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น
“ค่ะ”
ถาวหยันไม่พอใจกับคำตอบแบบขอไปทีของเธอ “เธอนี่มันไร้มารยาทจริง ๆ ไม่รู้เหรอว่า จะต้องพูดกับฉันยังไง ถึงฉันจะไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของซีเจว๋ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะมาพูดจาห้วนๆแบบนี้กับฉัน?”
ซูจิ้งไม่ได้ตอบโต้ เธอเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดโต๊ะต่อไป ในช่วงสามปีมานี้ หลังจากที่เธอแต่งเข้าตระกูลหยง ถาวหยันเป็นคนที่เธอต้องรับมือด้วยมากที่สุด นานวันเข้าเธอก็เริ่มเรียนรู้ว่า หากถาวหยันต้องการหาเรื่องเธอ การนิ่งเงียบคือทางออกที่ดีที่สุด เมื่อถาวหยันด่าทอเธอจนพอใจ ถาวหยันก็จะหยุดไปเอง แต่ถ้าเธอตอบโต้ ถาวหยันก็จะสรรหาเรื่องราวมาด่าทอเธอไม่จบไม่สิ้น
“นี่ฉันกำลังคุยกับเธออยู่นะ เป็นใบ้รึไง?” ทันทีที่ถาวหยันเห็นว่าซูจิ้งไม่สนใจเธอ ถาวหยันเลยขึ้นเสียงใส่เธอ
“เธอแต่งงานมาก็ตั้งสามปีแล้ว แต่ซีเจว๋ไม่ค่อยกลับมาที่บ้านหลังนี้เลย ไม่ส่องกระจกมองดูสารรูปตัวเองบ้างเหรอ” ถาวหยันเดินเข้าไปหาซูจิ้ง และมองเธอด้วยสายตาดูแคลนตั้งแต่หัวจรดเท้า “เธอมันไม่ได้เรื่อง เธอคิดเหรอว่าหากไม่ใช่เพราะซีเจว๋ต้องการพึ่งบารมีของครอบครัวเธอ ซีเจว๋จะแต่งงานกับเธอ”
ซูจิ้งกำหมัดแน่น เพื่อระงับความโกรธของตนเอง และไม่คิดใส่ใจกับคำพูดของถาวหยัน
เหล่าคนใช้ในห้องต่างก็มองซูจิ้งด้วยความเห็นใจ แต่ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย
พอเห็นว่า ซูจิ้งยังคงนิ่งเฉย ถาวหยันก็ยิ่งวางอำนาจหนักขึ้นไปอีก “เธอนี่เล่นละครเก่งจริง ๆ ! ปกติถ้ายังไม่เที่ยงก็ไม่เห็นจะตื่น แสดงเป็นภรรยาผู้แสนดี เพราะเห็นว่าซีเจว๋จะกลับมาวันนี้สินะ
พอได้ยินแบบนั้น ซูจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบโต้อีกฝ่ายอยู่ดี
ซูจิ้งยังไม่ได้บอกใครเรื่องที่เธอตั้งท้อง เพราะอยากให้สามีของเธอรู้ข่าวดีเป็นคนแรก สิ่งที่ถาวหยันพูดเป็นเรื่องจริง ช่วงนี้เธอรู้สึกง่วงเป็นพิเศษ และตื่นสายเป็นประจำ แต่ทั้งหมดนี้อาจเป็นเพราะว่า เธอกำลังท้อง
“หึ อีกไม่นานเดี๋ยวซีเจว๋ก็ไล่เธอออกจากบ้านหลังนี้! เธอไม่เห็นจะมีดีอะไร เธอไม่มีวันจับเขาได้หรอก พวกเธอไม่เหมาะสมกันสักนิด”
หลังจากพูดจบ ถาวหยันก็ยิ้มที่มุมปากเผยให้เห็นดวงตาเล็กน้อย
ขณะนั้นเหล่าคนใช้ที่อยู่ในห้องนั่งเล่น ต่างแสดงความเคารพให้ใครบางคน พร้อมกล่าวขึ้นว่า “นายท่านกลับมาแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของถาวหยันก็เปลี่ยนไป
เธอหันไปมองที่ประตูอย่างช้าๆ เมื่อเห็นซีเจว๋ยืนอยู่ตรงนั้น เธอถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เมื่อเธอได้สติเธอก็รีบรุกขึ้น แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
หลังจากชำเลืองมองถาวหยันที่กำลังชิ่งหนีไป ซูจิ้งก็เดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตู
“คุณกลับมาแล้ว เหนื่อยมั้ยคะ อยากทานอะไรมั้ย” เธอเดินเข้าไป แล้วช่วยชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมออกอย่างเต็มใจ ซึ่งเป็นหน้าที่ภรรยาอย่างเธอ แม้ว่าซีเจว๋จะไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ซูจิ้งจะดูแลเขาอย่างดีทุกครั้งที่เขากลับมา
ซีเจว๋ยืนอยู่ที่ประตูโดยไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าของเขาดูไร้อารมณ์ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขามีอารมณ์ร้ายดียังไง
ถึงยังงั้น ตอนที่ซูจิ้งช่วยซีเจว๋ถอดเสื้อคลุม เขากลับไม่ได้ยกแขนขึ้น แม้ว่าเขาไม่เคยชอบให้เธอมาปรนนิบัติเขาสักเท่าไร แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเธอ แต่วันนี้เธอรู้สึกบรรยากาศแปลกๆ
เธอเงยหน้ามองไปที่เขา และพยายามเดาว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่ “วันนี้เป็นไงบ้างคะ คุณคงรู้สึกเหนื่อยหลังจากทำงานมาทั้งวันแน่เลย ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ค่ะ”
ซีเจว๋ยังคงเงียบไม่ตอบคำถามของเธอ และไม่แม้จะชายตามองเธอ
ผ่านไปสักพัก ซีเจว๋ก้าวเท้าเพื่อเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกล่าวว่า “ตามไปที่ห้อง ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
เมื่อมองผ่านแผ่นหลังของสามี ขณะเดินขึ้นบันได ซูจิ้งก็รู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก ความจริงแล้วเธอรู้สึกไม่สบายใจ ตั้งแต่ได้รับสายจากเขาเมื่อเช้านี้ ความรู้สึกนี้มันแตกต่างจากความรู้สึก ที่เธอตื่นเต้นป่นดีใจ ยามรอคอยเขา และหวังจะได้เจอเขา
หลังจากยืนลังเลอยู่ชั้นล่างเป็นเวลานาน ในที่สุดซูจิ้งก็ตัดสินใจเดินตามเขาขึ้นไปยังชั้นบน
ประตูห้องนอนยังเปิดอยู่ เขายืนหันหลังให้เธออยู่ตรงหน้าต่าง
ซีเจว๋ชายหนุ่มรูปหล่อ รูปร่างสูงโปร่ง ราวกับเทพบุตร ชายหนุ่มที่สมบูรณ์เพียบพร้อมเช่นนี้ เป็นสามีของเธอจริง ๆ เธอมักจะรู้สึกเหมือนตัวเองฝันไป แต่ในขณะเดียวกัน เธอกับหัวใจพองโต และรู้สึกภาคภูมิใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ซีเจว๋คะ ฉันทำอาหารเย็นให้คุณด้วยนะ ทานอะไรสักหน่อยนะคะ อาหารโปรดของคุณทั้งนั้นเลย” เธอเดินเข้ามาในห้องพร้อมถาดอาหาร
สิ้นเสียงของหญิงสาว ซีเจว๋ก็หันกลับไปมองที่ใบหน้าอันงดงามของเธออย่างรวดเร็ว “ผมคิดเรื่องนี้อยู่นาน และวันนี้ ผมก็ตัดสินใจได้แล้ว”
ซูจิ้งจงใจหลบนัยตากลมสีดำคู่นั้นของซีเจว๋ แล้วเดินไปหาเขาพร้อมกับรอยยิ้ม “ทานข้าวก่อนนะคะ”
รอยยิ้มของซูจิ้งแฝงไปด้วยความประหม่า เธอไม่อยากรับรู้เรื่องที่สามีของเธอกำลังจะพูดต่อจากนี้
ทันใดนั้น ซีเจว๋ก็ก้าวเท้าเข้ามาหาเธอ แต่ละย่างก้าวนั้นช่างดูหนักแน่น ราวกับว่า เขากำลังโกรธเธออยู่
ซูจิ้งรีบวางถาดลงอย่างรวดเร็ว และหันหลังเดินจากไป “ทานไปก่อนนะคะ ฉันจะไปเอาน้ำมาให้”
เธอพยายามจะเดินหนีออกจากห้อง แต่เขาไม่เปิดโอกาสให้เธอทำเยี่ยงนั้น “เราหย่ากันเถอะ”
ทันใดนั้น ซูจิ้งรู้สึกราวกับว่า โลกกำลังหยุดหมุน เธอหันหลังให้ซีเจว๋ ร่างกายไม่สามารถขยับเขยือนได้
ซูจิ้งยืนอยู่ตรงนั้นได้สักพัก แล้วจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน พลันรีบเดินหลบออกไปอย่างรวดเร็ว “เดี๋ยวฉันลงไปเอาของก่อนนะคะ”
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"