ไคด้า ดาริน ลูกสาวพราวเสน่ห์อดีตเจ้าพ่อมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ มีปมชีวิตกับการสูญเสียคนที่รักไปทั้งครอบครัว จากฝีมือคู่อริของพ่อ การแก้แค้นจึงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เธอได้ทุกสิ่งคืนมา แล้วเธอจะมีวิธีอะไรที่ทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นของเธออีกครั้ง
ไคด้า ดาริน ลูกสาวพราวเสน่ห์อดีตเจ้าพ่อมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ มีปมชีวิตกับการสูญเสียคนที่รักไปทั้งครอบครัว จากฝีมือคู่อริของพ่อ การแก้แค้นจึงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เธอได้ทุกสิ่งคืนมา แล้วเธอจะมีวิธีอะไรที่ทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นของเธออีกครั้ง
เป็นเวลาเกือบสิบปีเต็มที่ฉันต้องนั่งกินข้าวคนเดียวในห้องอาหารที่แสนจะใหญ่โต เก้าอี้ถูกจัดวางเรียงเป็นแถวสองด้านของโต๊ะรับประทานอาหาร ยิ่งฉันได้เห็นทำให้ฉันรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้นที่เคยนั่งกินข้าวพร้อมหน้ากัน พ่อ แม่ ลูก
ฉัน ‘ไคด้า’ เป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน เป็นสาวน้อยสามสัญชาติด้วยกันคือ ไทย จีนและอังกฤษ ฉันมีพี่ชายอีกสองคนคือ พี่เดรโกและพี่เดร็ค ซึ่งชื่อของเราสามพี่น้องจะมีความหมายว่า ‘มังกร’ ทุกคนตามที่คุณพ่อกับคุณแม่ต้องการแต่ทุกคนที่เคยอยู่ร่วมกันพร้อมหน้า พวกเขาได้จากฉันไปอย่างไม่มีวันหวนกลับแล้วค่ะ จากวันงานฉลองตำแหน่งใหม่ของคุณพ่อ
คุณพ่อท่านเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในแวดวงนักธุรกิจและกลุ่มแก๊งต่างๆ ของทางเมืองจีนที่ย้ายรกรากแบ่งสาขามาตั้งถิ่นฐานที่เมืองไทย รวมถึงของเมืองไทยด้วยเช่นกัน ด้วยฐานะ อำนาจบารมีที่คุณพ่อมีด้วยลักษณะนิสัยของท่านที่เป็นคนใจเด็ด มีเมตตาปราณี ทำให้ทุกคนเคารพรักนับถือท่านมาก ไม่นานนับจากนั้นท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้คุณพ่อของฉันเป็นหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มแก๊งต่างๆ ของประเทศ เมื่อทุกคนได้ยินชื่อของท่านต่างเรียกขานเป็นเสียงเดียวกันว่า 'เจ้าพ่อมาเฟีย'
ก็อย่างว่าอีกนั่นแหละค่ะคนทุกคนเมื่อมีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียดเป็นธรรมดา จึงเป็นเหตุให้คุณพ่อมีศัตรูอย่างไม่ตั้งใจ โดยที่ศัตรูคนนั้น ณ ตอนนี้มันกำลังดำรงตำแหน่งเจ้าพ่อมาเฟียแทนคุณพ่อของฉันไปเมื่อสิบปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน นับจากวันที่มันได้ตำแหน่งไปก็ไม่เคยมีใครได้ครองตำแหน่งนั้นอีกเลยนอกเสียจากคนในตระกูลของมัน
ยิ่งฉันหวนคิดถึงอดีตที่เลวร้ายในวันนั้นมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกเสียใจและแค้นใจมากเท่านั้น แต่ฉันไม่อาจทำอะไรได้ในตอนนี้ ความรู้สึกทั้งหมดยังถูกซ่อนไว้ภายใต้หัวใจที่เจ็บปวดมาโดยตลอด สิ่งที่เดียวที่ฉันพอจะทำได้คือรอวันที่จะได้ปลดปล่อยความแค้นกับคนที่มันมาทำร้ายครอบครัวของฉันไม่วันใด ก็วันหนึ่ง
เมื่อสิบปีก่อน วันนั้นเป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิตช่วงวัยเด็ก ตอนนั้นฉันมีอายุเพียง 9 ขวบ นับว่ายังไม่รู้เดียงสาอะไรมากนัก ฉันได้เห็นรอยยิ้มของคุณพ่อ ได้ยินเสียงหัวเราะของท่านที่ร่วมพูดคุยสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน ทุกคนดูมีความสุขมาก โดยมีคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายทั้งสองคนนั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับฉัน ทุกคนต่างช่วยกันตักอาหารมาใส่จานข้าวของฉันเต็มไปหมด ทั้งยังขยันขยอให้ฉันทานให้หมดอีกต่างหาก เราทั้งห้าคนล้วนมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
อาหารการกินถูกจัดขึ้นแบบบุฟเฟ่ต์ภายในห้องบอลลูมสุดหรูของโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางกรุง แขกเหรื่อมากมายมาร่วมแสดงความยินดีกับคุณพ่อ ความสุขสนุกสนานบวกกับเสียงหัวเราะชอบใจดังร่วนขึ้นเป็นระยะๆ โดยไม่มีใครคาดคิดเลยว่าวันแห่งความสุขของคุณพ่อจะกลายเป็นวันที่ฉันต้องสูญเสียคนในครอบครัวไป
ภาพเหตุการณ์ตอนนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำของฉันเสมอมา ไม่มีค่ำคืนใดที่ฉันจะไม่นอนผวาหรือไม่นอนฝันร้าย เรื่องเลวร้ายมันเกิดขึ้นกะทันหันตอนที่คุณพ่อขึ้นไปบนเวทีเพื่อเตรียมดื่มไวน์ฉลองรับตำแหน่งสำคัญกับคุณแม่พร้อมกับพี่ชายอีกสองคนและยังมีหัวหน้ากลุ่มแก๊งต่างๆ อีกหลายคนที่อยู่บนเวทีนั้นด้วย หากวันนั้นคุณพ่ออนุญาตให้ฉันขึ้นไปบนเวทีด้วยได้ คงไม่มีฉันมานั่งเล่าเรื่องราวอยู่ตอนนี้ เหมือนฟ้าแกล้งให้ฉันต้องมารับรู้เรื่อราวความสูญเสียตั้งแต่ยังเด็ก มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
หลังจากที่คุณพ่อรับตำแหน่งเสร็จ ซึ่งจะมีพิธีชนแก้วดื่มไวน์เพื่อแสดงความยินดีส่งท้าย...
"เอ้าชน! ไชโยๆๆ..." ทันทีที่คุณพ่อยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแล้วเตรียมจะนั่งบนเก้าอี้ตำแหน่งอันสูงเกียรติซึ่งมีคุณแม่ยืนอยู่ทางด้านหลังและพี่ๆ ยืนประกบสองข้างของท่าน จังหวะนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวตรงบริเวณเวทีด้านหน้าฉัน
ตู้มม!
มันเกิดขึ้นเร็วมาก ทุกคนในงานแตกตื่นวิ่งหนีตายกันอลหม่าน ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้รับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว ฉันตะลึงกับภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง คนบนเวทีเกือบทั้งหมดนอนตายอย่างอนาถ ที่รอดชีวิตก็ส่งเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ฉันมีอาการมือชา ยืนตัวสั่น น้ำตาไหลนองหน้าอัตโนมัติ เมื่อพอได้สติขึ้นมาบ้างฉันก็ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาคนที่ฉันรักที่เวทีทันที แต่กลับถูกบอดี้การ์ดกันเอาไว้เสียก่อนเพื่อความปลอดภัย ฉันทั้งร้องทั้งตะโกนสั่งให้บอดี้การ์ดปล่อยตัวฉันเพื่อจะไปยังเวที บัดนี้แม้แต่เวทีเองก็ไม่เหลือสภาพเค้าโครงเดิม แล้วคนบนนั้นจะเป็นอย่างไร…
ทันทีที่บอดี้การ์ดปล่อยตัว ฉันจึงรีบวิ่งเข้าไปหาคนที่ฉันรักแต่มันสายไปเสียแล้ว ทุกคนจากฉันไปหมด ฉันยืนหมดแรง ขาอ่อน ล้มทั้งยืนพลางร่ำไห้อย่างไม่อายใครตามประสาเด็ก แม้กระทั่งหัวหน้ากลุ่มแก๊งต่างๆ บางคนก็ตายเหมือนกัน จากเสียงระเบิดเพียงครั้งเดียวกลับสร้างความเสียใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก เสียงร่ำไห้แก่ผู้ที่จากไปดังระงมห้องบอลลูมที่จัดงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยกู้ชีพต่างกรูเข้าตรวจสอบพื้นที่นับร้อยชีวิต
ทันทีที่ฉันมีสติครบถ้วนสายเลือดมังกรในตัวฉันก็แสดงปาฏิหาริย์ความเป็นผู้นำออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันลุกขึ้นยืนตระหง่านท่ามกลางการแวดล้อมของลูกน้องและบอดีการ์ดกว่าร้อยชีวิต ก่อนจะตะเบ็งเสียงออกคำสั่งให้ลูกน้องของคุณพ่อรวมถึงบอดี้การ์ดทั้งหมดในบริเวณนั้นให้ช่วยกันตามล่ามือวางระเบิดกับคนบงการให้ได้ตัวมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนทางเจ้าหน้าที่กฎหมายก็ทำหน้าที่ของพวกเขาไป
แต่ผ่านไปหลายปีก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าหรือจะพูดสั้นๆ คือยังจับตัวคนร้ายมาลงโทษไม่ได้สักที ซึ่งมันคนนั้นที่เป็นผู้บงการเรื่องเลวร้ายทั้งหมดก็เป็นผู้มีอิทธิพลไม่ต่างจากคุณพ่อ ทั้งยังมีนายใหญ่คอยคุ้มครองมันอยู่ กฎหมายบ้านเมืองเลยทำอะไรมันไม่ได้ สักวันฉันจะแก้แค้นมันด้วยตัวของฉันเอง ฉันจะทำให้มันได้รับความเจ็บปวดเหมือนอย่างที่ฉันเจออยู่ในตอนนี้
ทุกๆ ปีฉันจะไปไหว้ดวงวิญญาณของคนที่ฉันรัก ในวันที่พวกเขาจากไปด้วยตัวฉันเอง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันได้มาเยี่ยมทุกคนที่จากไปเพื่อเซ่นไหว้ดวงวิญญาณพวกเขาหลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ ฉันจึงสั่งให้ทุกคนในบ้านจัดเตรียมข้าวของ อาหารหวานคาวทุกอย่างให้พร้อมและต้องเป็นของกินที่พวกเขาชอบทาน
ชีวิตที่พลิกผันเปลี่ยนเด็กหนุ่มกำพร้าให้มีเจ้าพ่อมาเฟียรับเขาไปอุปการะเลี้ยงดูราวกับน้องชายร่วมสายเลือด ความสัมพันธ์ของทั้งสองแปรเปลี่ยนเป็นคนรักในเวลาต่อมา จึงตัดสินใจที่จะมีลูกน้อยด้วยกัน แต่ใครจะรู้ว่าคนที่เด็กน้อยรักและเทิดทูนที่สุดในชีวิตจะกลายเป็นคนที่ทำลายชีวิตเขาให้พังพินาศที่สุดด้วยเช่นกัน การตัดสินใจที่จะหนีออกมาจากคฤหาสน์สุดหรู เพราะเขาไม่สามารถทนกับความรุนแรงและความเจ้าชู้ได้ ในที่สุดเด็กหนุ่มกลับได้พบรักกับนายแบบนู้ดชื่อดังอย่างไม่ตั้งใจ… เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ชีวิตของเขาจะพลิกผันอีกหรือไม่ไปติดตามพร้อมๆกันค่ะ
ดาราชื่อดังอย่างทิชาพบรักกับจันทร์ จันทร์หอมที่เป็นพ่อค้าขายผักในตลาด คนทั้งสองต้องร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ โดยมีแม่ของทิชาเป็นต้นเหตุที่คอยกีดกันความรักของเขาทั้งสองคนตลอดเวลา จนกระทั่งแม่ทิชานำตัวเองเป็นข้อต่อรองเพื่อที่จะให้ทิชาได้แต่งงานกับหลานชายของตน ซึ่งเป็นการกีดกันไม่ให้ทิชาได้สมหวังในความรักกับคนธรรมดาอย่างจันทร์ ความรักของคนทั้งสองจะเป็นอย่างไรและไปในทิศทางไหน มาติดตามกับความรักของคนทั้งคู่ไปพร้อมๆ กันค่ะ
'วายุ' หรือ 'วา' นายแบบหนุ่มหน้าหวาน ผู้มีรูปร่างสวยสง่า ปานอิสตรีผู้เลอโฉม มีชีวิตเฉิดฉายบนเส้นทางสายบันเทิงและแคทวอล์ค... เขา 'ณธีร์' หรือ 'ธีร์' ข้าราชการหนุ่มผู้มีอนาคตไกล ที่เปี่ยมไปด้วยความสุขุม นายแบบเนื้อหอมอย่างวา กำลังตามหาชายหนุ่มอย่างเขามาแสนนาน ….หนุ่มหน้าหวานที่ร้อนรุ่มดังสายลมร้อนเฉกเช่นวายุไฟอันระอุ แรงปรารถนาของเขาจะเป็นจริงหรือไม่... ติดตามได้แล้วที่นี่ค่ะ!!
องค์รัชทายาทตกอับถูกท่านน้าขับไล่ออกจากพระราชวังเพื่อหวังตั้งตนเป็นใหญ่ กระทั่งรัชทายาทหนุ่มต้องเร่ร่อนมาเป็นพ่อบ้านของมหาเศรษฐีคนหนึ่ง แต่แล้วเขาก็ถูกกลั่นแกล้งจนต้องลาออกจากงานที่นั่นไปทำงานเป็นพ่อบ้านที่บ้านของคุณชายทายาทของตระกูลใหญ่และเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย ในที่สุดท่านน้าเกิดสิ้นพระชนม์จึงมีคำสั่งให้องค์รัชทายาทกลับไปดำรงตำแหน่งรัชทายาทผู้ครองพระราชวังตามพินัยกรรมของพระมารดาโดยทันที LIPPO
รักคือการให้ยังได้ยินอยู่ทุกยุคสมัยและเป็นคติประจ าใจของ ‘เมฆ’ เสมอมา ตั ้งแต่ได้มาพบกับ ‘ก๊อป’ เด็กหนุ่มผู้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึง กับน้องชายผู้จากไป ท าให้เขาอดคิดถึงอีกคนเสียไม่ได้ เมฆจะมีวิธี อย่างไรเมื่อฟ้าลิขิตให้ก๊อปเดินเข้ามาในวันที่เขาสูญเสียน้องชายไปตลอด กาล... ความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่เขาวาดไว้กลับแปรเปลี่ยนกลายเป็น ความเกลียดชังแก่อีกฝ่ายเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ..." LIPPO
ลี่สิงหยวนมีอาการเสพติดเซ็กส์กำเริบเป็นครั้งแรก แล้วก็เผลอมีอะไรกับเจียงหว่านหนิงโดยไม่รู้ตัว ตลอดสามปีหลังจากนั้น เขาไม่เคยเอ่ยปากสารภาพรัก แต่กลับหลงใหลในร่างกายของเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น เจียงหว่านหนิงคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานพอ จะสามารถละลายหัวใจของเขาได้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือข่าวว่าเขากำลังคบกับรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่ง “ตามจีบเธอมาตั้งนาน ในที่สุดเธอก็ยอมเป็นแฟนฉันสักที” ชายหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาของเธอแล้วพูดว่า “จากนี้ไปเราอย่าติดต่อกันอีกเลย” หลังจากนั้น เจียงหว่านหนิงก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตามที่เขาต้องการ แต่ลี่สิงหยวนกลับเสียใจ แล้วออกตามหาเธอไปทั่วอย่างคนเสียสติ ชายหนุ่มคุกเข่าลงตรงหน้าเธออย่างต่ำต้อย วิงวอนว่า “หว่านหนิง กลับมาอยู่ข้าง ๆ ฉันได้ไหม?”
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ขวัญรดาไม่รู้ว่าเช้าวันแรกของชีวิตแต่งงานสำหรับผู้หญิงคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร แต่สำหรับเธอ มันมีแต่ความหวาดหวั่นและไม่มั่นใจเอาเสียเลย... --------- ‘เอามาปั๊มลูกเฉยๆ ไม่ได้แต่งมาเป็นเมียเชิดหน้าชูตา เรื่องนี้คนวงในเขารู้ เขาอยากให้มีทายาทรุ่นสามหลายคน เธอสังเกตหรือเปล่าว่าที่ผ่านมาพวกเขามีลูกชายแค่คนเดียว ส่วนลูกสาวก็ไม่มีสักคน เหมือนพวกเขามีกรรม เธอลองไปค้นข่าวเก่าๆ ดู ท่านประธานแต่งงานกับแม่ของคุณติณณ์ไม่กี่ปีก็หย่า มีลูกคือคุณติณณ์คนเดียว พอแต่งงานใหม่ก็กลายเป็นว่าภรรยาใหม่มีลูกไม่ได้ เพราะมดลูกไม่แข็งแรง’ คนที่ถูกยัดเยียดให้กลายเป็นผู้ลอบฟังเกือบหลุดเสียงอุทาน... คนอะไรรู้ถึงมดลูกของคนอื่น บ้ากันหรือเปล่า ------- ‘หนูอยู่ในนี้ใช่ไหม แม่ยังไม่บอกเรื่องของหนูให้ใครรู้ แต่อีกไม่นานหรอก แม่จะพาหนูไปรู้จักกับคุณตาคุณยาย พวกท่านจะต้องดีใจที่หนูมาแล้ว อ้อ! หนูยังมีคุณป้าคนสวยด้วยนะ’ มือบางวางทาบบนหน้าท้องที่ยังแบนราบ เธอทักทายลูกน้อยด้วยการไล้วนรอบๆ ท้องอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน ขวัญรดาเชื่อว่าชีวิตน้อยๆ ที่ก่อเกิดขึ้นมาสามารถรับรู้สิ่งที่เธอสื่อไปถึง เธอพูดคุยและสัมผัสลูกทุกวันตั้งแต่รู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ในท้องของเธอ ‘ส่วนพ่อของหนู...’ ก้อนบางอย่างถูกกลืนลงในลำคอ ขวัญรดาส่ายหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ‘พ่ออยู่กับเรา พ่ออยู่ใกล้ๆ เราทุกวัน แต่แม่ยังไม่บอกพ่อว่าแม่มีหนูแล้ว... แม่โกหกพ่อว่าแม่คุมกำเนิด แม่ไม่รู้ว่าถ้าพ่อรู้ความจริง เขาจะโกรธแม่ที่ปิดบังเขาหรือเปล่า’
© 2018-now MeghaBook
บนสุด