“ขอจูบทีนึงนะ แล้วจะปล่อย”เขาบอกแล้วยิ้มทะเล้น“จะบ้าหรือไง บอกว่าชอบผู้ชายยังไงเล่า!”เธอตวาดเสียงขุ่นมองตาเขียวปัดอย่าให้หลุดไปได้จะคว้าโคมไฟเพ่นกบาลให้ “ถ้าไม่ให้จูบ จะไม่ปล่อย แถมจับแก้ผ้าด้วย" เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องปลอมเป็นชายเพื่อช่วยครอบครัว ทว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายเมื่อเธอได้พบกับเขา ชายเจ้าชู้ คู่สัญญาการค้าของบริษัท แต่คราวนี้เธอไม่ได้เปิดศึกอย่างที่เคยเป็น เพราะเขาหาหนทางช่วยเธอทุกวิถีทางให้รอดพ้นจากเงื้อมมื้อศัตรู เขาไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะได้พบกับหญิงสาวที่ตนปรารถนาอย่างได้มาครอบครอง ทว่าเธอไม่เหมือนสาวอื่นไม่ได้หลงรูปลักษณ์หรือฐานะ เหตุการณ์คับขันทำให้เขาและเธอต้องพบเจอกับความวุ่นวาย หัวใจสองดวงเริ่มผูกพัน เธอจะยอมลบอคติในหัวใจและยอมรับเขาได้หรือไม่ และเขาจะสามารถปกป้องผู้หญิงที่ตนเองหมายปองให้รอดพ้นจากอันตรายได้หรือเปล่า ฝากผลงานซีรีย์เรืองที่สอง ยอดดวงใจเทพบุตรร้อยเล่ห์ ต่อจากยอดดวงใจเทพบุตรน้ำแข็ง (คู่ของซาฟ และโมนา)
รัสตินยืนมองตนเองในกระจก ดวงตาหรี่ลง ดูท่าเขาคงแก่ไปมาก เวลาอันน้อยนิดที่เหลือ ต้องทำเป้าหมายของตนให้สำเร็จ เสียงฝีเท้าก้าวแผ่วทำให้เขาหยุดชะงัก แล้วหันมอง เห็นบุตรชายกำลังก้าวเข้ามาในห้อง รีออนนั่งลงบนโซฟา คนเป็นพ่อก้าวเข้ามาทรุดกายตรงข้ามเพื่อร่วมวงสนทนา
“ผมเตรียมเอกสารสำคัญ ที่ใช้ในการร่วมหุ้นกับสายการบินแฮปปี้ฟลายแล้วครับ”
“ดีมาก แกรีบไปเมืองไทยให้เร็วที่สุดอย่าให้พวกอัลเล็นโซ่ทำสำเร็จเด็ดขาด!”
“ถ้าหากว่าแฮปปี้ฟลายได้ร่วมหุ้นกับอัลเล็นโซ่แล้วล่ะครับ เราจะทำยังไง” รีออนย้อนถามบิดา
“แกก็หาทางทำให้มันยกเลิกสัญญาสิ บอกพวกมันว่าฉันจะจ่ายให้สำหรับเงินค่าเสียหายในการยกเลิกสัญญา” รัสตินบอกบุตรชาย
“ครับพ่อ”
เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า รีออนตีหน้าเครียด หากงานนี้ไม่สำเร็จพ่อจะต้องอาละวาดเขาแน่ๆ หลายชั่วโมงผันผ่าน เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เขาเดินออกมาพร้อมลูกน้อง
“ไปโรงแรมก่อนใช่ไหมครับ” ลูกน้องเอ่ยถาม ขณะเคลื่อนรถออกจากสนามบิน
“ไม่ ไปบริษัทแฮปปี้ฟลายก่อนเลย”
“ได้ครับ”
เสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานดังขึ้น รณเทพดำรงตำแหน่งประธานรับสาย ปลายสายบอกว่ามีแขกขอพบ ความจริงในบันทึกวันนี้เขาไม่ได้นัดหมายลูกค้าในเวลานี้เลย รณเทพรับคำให้เลขาเชิญเข้ามา พอเห็นใบหน้าของแขกกลับแปลกใจ ร่างสูงใหญ่ ผิวขาว ดวงตาสีฟ้าเข้ม ดูท่าเรื่องนี้คงไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“ผมชื่อรีออนครับ ผมเป็นตัวแทนของบริษัทมัสสิโม่อินเตอร์กรุ๊ปที่อิตาลีครับ” เขาแนะนำตัวพร้อมยื่นมือออกมา เพื่อให้จับทักทาย
“ครับ มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าครับ” รณเทพถาม แล้วผายมือเชิญแขกนั่ง
“พอดีผมมีเรื่องอยากจะเสนอกับ คุณพอมีเวลาคุยกันสักครู่ไหมครับ”
“อีกสักพักผมต้องประชุมแล้ว เป็นพรุ่งนี้ได้ไหมครับ ผมจะให้เลขาจดเวลานัดเอาไว้”
“ก็ได้ครับ แต่ผมอยากจะบอกคุณไว้อย่างหนึ่ง... ผมเป็นคนใจร้อนรอไม่ค่อยเป็นหากคุณไม่รีบระวังจะเสียโอกาสนะครับ” กระตุกยิ้มมุมปากแล้วลุกยืน เดินออกนอกห้องทำงาน
รณเทพหนักใจ ดูเหมือนทางอัลเล็นโซ่เดาถูก เพียงแค่ไม่กี่วันทางมัสสิโม่ติดต่อมา แถมยังส่งคนมาหาถึงเมืองไทยอีกด้วย คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว
ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน มาถึงทรุดลงกายลงบนโซฟา ภรรยารีบนำน้ำเย็นมาเสริฟ์ ทางด้านรณวิทย์รีบรุดมาร่วมวงสนทนาด้วย
“เอลี่ไปไหนเหรอคุณวิ” รณเทพถามภรรยา สีหน้าเครียด
“วันนี้ลูกเราติดถ่ายหนังค่ะ”
“แล้วคุณไม่ไปดูลูกหน่อยเหรอ”
“วันนี้เห็นว่าจะกลับเร็วค่ะ เลยไม่ได้ไปดู” เธอตอบแล้วนำน้ำผลไม้มาให้บุตรชายคนโต
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังเป็นระยะ ทำให้รณเทพมองด้วยความแปลกใจ จนกระทั่งสาวใช้เข้ามาในบ้านหน้าตาตื่น
“มีอะไรเหรอ”
“มีคนมาขอพบคุณท่านค่ะ”
“ใครเหรอ”
“ไม่ทราบค่ะ เห็นรถหลายคันมาจอดรออยู่ค่ะ”
เจ้าของบ้านตีหน้าเครียด ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นรีออนแน่นอน มัสสิโม่รอไม่ไหวเลยหรือไง ทั้งที่นัดหมายไว้พรุ่งนี้ ช่างทำตัวไร้มารยาทสิ้นดี
“ไปเชิญเขาเข้ามา”
“ได้ค่ะ” สาวใช้รับคำแล้วรีบออกไปเปิดประตูรั้ว
รอเบนซ์สีดำจอดเทียบหน้าบ้าน รีออนก้าวลงมาพร้อมลูกน้องนับสิบ รณเทพเดินมารับแขก
“สวัสดีครับคุณรณเทพ พอดีผมรอไม่ไหวเลยต้องมาก่อนคงไม่ว่าอะไรนะครับ”รีออนบอก แล้วทิ้งกายลงบนโซฟาราวกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง
วิอาภาได้แต่มองแขกของสามีด้วยความสับสนในขณะที่รณวิทย์เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ทำไมแขกบิดาถึงได้ไร้มารยาทเช่นนี้ รณเทพนั่งลงตรงข้ามกับเขาในขณะที่รีออนโยนเอกสารลงตรงหน้า
“นี่คือเอกสารข้อเสนอในการร่วมหุ้นของเรา ลองอ่านดูคุณได้ประโยชน์จากเรามากมายเลยทีเดียว”
รณเทพเปิดเอกสารออกอ่านในขณะที่บุตรชายคนโตช่วยพิจารณา ในเอกสารบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าโดยใช้สายการบินของเขา ชายกลางคนวางเอกสารลงตรงหน้า
“เป็นไงครับ”
“ผมขอตัดสินใจหน่อยนะครับ”รณเทพบอก
ร่างสูงกำยำลุกยืนเต็มความสูง หยิบบางอย่างโยนลงบนโต๊ะกระจกสีดำ รณเทพมองดูด้วยความแปลกใจ ห่อพลาสติกใสมีผงสีขาวอยู่ด้านในลักษณะคล้ายแป้งมัน
“อีกขอเสนอที่ผมอยากจะให้คุณ หากคุณยอมขนส่งสิ่งนี้ผมจะให้คุณสี่สิบเปอร์เซ็นต์”
รณเทพเอื้อมหยิบมาพิจารณา ดวงตาเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ สีหน้าเครียดขึ้นกว่าเดิม ช้อนสายตามองอีกฝ่ายด้วยความหนักใจ
“นี่มันหมายความว่ายังไงครับ?”
“ก็ตามที่เห็น หากคุณยอมช่วยเราขนสิ่งนี้เข้าประเทศ ผมจะแบ่งกำไรให้คุณสี่สิบเปอร์เซ็นต์”
รณเทพนิ่งไปพักใหญ่ แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว เขาไม่ละโมบโลภมากพอที่จะทำลายประเทศตนเองหรอก แต่ไม่อาจปฏิเสธตอนนี้ได้ ดูคนของรีออนแล้วอาจทำให้ครอบครัวเกิดอันตราย คงต้องหาทางผ่อนผันไปก่อน
“ผมขอเวลาคิดสักหน่อยนะครับ” เขาตอบเลี่ยง
“ได้ครับ ผมจะให้เวลา แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาเอาคำตอบ”
“ตกลงครับคุณรีออน”
เขาลุกยืนอีกครั้ง “ผมหวังว่าคงจะได้ร่วมหุ้นกันกับคุณนะครับ คุณรณเทพ”
“ครับ”
“ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวก่อน” รีออนบอกแล้วเดินออกนอกห้องรับแขก รณเทพเดินมาส่งด้านหน้า จนกระทั่งรถเคลื่อนหายลับจากสายตา สีหน้าเจ้าบ้านเครียดมากขึ้น ครอบครัวเขาไม่ปลอดภัยแน่หากไม่ยอมรับปากรีออนเรื่องการร่วมหุ้น
กลิ่นจันทร์ หญิงสาวมากความสามารถ หนีห่างไกลเมืองไทยเพราะเจ็บช้ำจากแฟนหนุ่มซึ่งนอกใจ ทว่าเมื่อกลับมาเขากลับกลายเป็นเจ้าของบ้านที่เธอเคยอาศัยตั้งแต่เด็ก แม่เลี้ยงและพี่สาวต่างบิดารวมหัวกันหักหลังเธอกับพ่อ ขายบ้านหลังนี้ กลิ่นจันทร์ต้องการได้คืน แต่เธอไม่มีเงินมากพอ เมื่อนั้น แฟนหนุ่มซึ่งอยู่ในหัวใจเธอตลอดเวลา แม้เขาทำเรื่องผิดมหันต์ เธอก็มิอาจทำใจให้ลืมลง คิมหันต์ ชายหนุ่มผู้ฝ่าฝันอุปสรรค จำตั้งตัวเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ได้สำเร็จ กระนั้นในหัวใจเขากลับเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง เพียงเพราะถูกแฟนสาวทรยศหนีไปต่างประเทศ เพียงเพราะได้พบกับผู้ชายคนใหม่ ความแค้นฝังแน่นในอก เขารอวันเอาคืน และโอกาสก็มาถึง “ผมจะคืนบ้านให้ ถ้าคุณยอมเป็นเมียผมเป็นเวลาหนึ่งปี”
เมื่อหนึ่งมีรักให้แต่ไม่อาจบอก กับอีกหนึ่งที่ไม่เคยรู้และตั้งหน้าตั้งตาชิงชัง การหมั้นหมายที่เกิดจากผู้ใหญ่ส่งผลให้นาฎสุรีย์ต้องจากลาไปไกลเพื่อรักษาแผลใจ ส่วนอีกคนที่ไม่เคยรับรู้ แท้จริงแล้วกลับห่วงหา ห้าปีต่อมา สองคนได้พบกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอเปลี่ยนไป ส่วนเขากลับรู้หัวใจตัวเอง ******************** เพียะ! ใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ ชายหนุ่มนิ่งงัน มันชาไปทั้งแถบ นาฎสุรีย์มองมือตัวเอง มันกำลังสั่น เมื่อเขาหันมาสบตา เห็นสีหน้าแววตามันเปลี่ยนไป เธอชะงักตัดสินใจหันหลังคิดวิ่งหนี แต่ทว่าเรียวแขนกลับถูกคว้าเอาไว้ “คิดว่าทำแบบนี้ แล้วจะหนีไปงั้นเหรอ มันง่ายไปมั้ง” พูดจบ เขาเหวี่ยงร่างบางลงบนเตียง แล้วใช้เท้าถีบประตูปิดลง ก่อนล็อคอย่างแน่หนา “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที!” หญิงสาวร้องลั่น “แหกปากไปเลย เอาให้ดัง ห้องฉันเป็นห้องเดียวที่ไม่มีกุญแจสำรองไข ถึงมีก็ไม่มีใครก็กล้ามายุ่งหรอกนะ เพราะฉันเป็นคนยังไง ทุกคนรู้ดี” เขาส่งเสียงข่มขู่ นาฎสุรีย์จ้องมองอีกฝ่าย กัดริมฝีปากครุ่นคิดหาทางเอาตัวรอด เธอไม่ได้อยากตบหน้าเขา แต่เพราะคำพูดนั้นมันทำให้ระงับความโกรธไว้ไม่ได้เลย “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็นายพูดจาไม่ให้เกียรติกันเลย!” หญิงสาวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ตอนนี้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ เสียเปรียบอย่างรุนแรง ทว่าแววตาของอีกฝ่าย กลับไม่เย็นลงเลยแม้แต่น้อย “ตอนนี้ต่อให้พ่นอะไรออกมา มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะฉันไม่ให้อภัยเธอ!” เขาตวาดลั่น คนใต้ร่างสะดุ้งสีหน้าตื่นกลัว มือหนาจับสาบเสื้อ ที่เคยถูกกระชากมาก่อนหน้า ออกแรงดึง แควก! มันขาดติดมือ เจ้าของเสื้อชะงักดวงตาเบิกกว้าง กรีดร้องขึ้นมาทันที พยายามดิ้นรนผลักดันอีกฝ่ายเพื่อให้พ้นจากการโดนกระทำ แต่ทว่าอารมณ์ของเขา กลับรุนแรงเกินกว่า เรี่ยวแรงเธอจะต้านทานเอาไว้ได้ “ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน ได้ยินไหม!” คนหน้ามืด ไม่ฟังเสียง ตอนนี้ในหัวเขาแค่ต้องการเอาคืน กับการกระทำไร้ซึ่งการไตร่ตรองของอีกคน คนอย่างพีรดล ไม่มีวันยอมให้ใครมาหยาม เท่าที่ผ่านก็ถือว่ายอมมามากพอแล้ว ริมฝีปากบางถูกฉกฉวยอย่างรวดเร็ว จนคนใต้ร่างร้องครางในลำคอ พยายามผลักไสอีกฝ่าย แต่ร่างกายนั้นกลับไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อยเลย มือหนาลูบไล้ไปตามสัดส่วน ทำเอาเลือดในกายชายหนุ่มเริ่มร้อนฉ่า กระโปรงนักศึกษาถูกรั้งออก เจ้าของน้ำตาเริ่มคลอ ความหวาดกลัวแล่นพล่าน เธอไม่น่าโมโหจนน่ามืด แล้วหลงลืมไปว่า แท้จริงแล้วพีรดลเป็นคนเช่นไร หมดสิ้นแล้วซึ่งหนทางเอาตัวรอด อยากหลับโดยไม่รับรู้อะไรอีกเลย เขาถอนริมฝีปากจ้องมองอีกคน เห็นน้ำตาเธอกำลังไหลรินออกมา ทว่ามันได้ทำให้รู้สึกสงสาร เมื่ออารมณ์ตอนนี้มันกระเจิงไปไกล นาฎสุรีย์มีดีกว่าที่คิด เรือนร่างเย้ายวน ตรงหน้าทำเอาหายใจแทบไม่ออก ตัวตนแข็งขืนจนแทบปริแตก มันกำลังต้องการปลดปล่อย “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง นายอย่าทำอะไรฉันเลยนะ...” เธออ้อนวอนทั้งน้ำตา “มันสายไปแล้ว เธอไม่ควรเข้ามาที่ห้องฉันตั้งแต่แรก...” เขาตอบเสียงรอดไรฟัน จะให้ผละไปได้ยังไง ในเมื่อเธอทำให้เขาแทบคลั่งแบบนี้
เธอถูกจ้างให้แย่งชิงชายคนหนึ่ง ทว่าหญิงคนนั้นเสียใจจนฆ่าตัวตาย เธอจมอยู่กับความเสียใจจนกระทั่งได้พบกับเขา ชายผู้เอื้อมมือมาปลุกปลอบและทำลาย
เพราะความผิดพลาดในค่ำคืนนั้น ทำให้นรีกานต์และกวีวัธน์ต้องแต่งงานกัน ทว่าเขากลับยังคงมีเยื่อใยต่อคนรักเก่าอยู่ เธอจำต้องเดินออกมา เพื่อให้เขาได้สมหวังกับคนรัก แม้กำลังตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม ทว่าเขากลับตามหา เพื่อทวงสิทธิ์ของความเป็นสามีและพ่อของลูกกับเธอ ******************************* ปัง! ประตูปิดลงร่างเธอถูกโยนลงบนเตียง รีบลุกพรวด จ้องมองอีกฝ่ายแววตาตื่นตระหนก “นี่คุณทำบ้าอะไร ไม่ตลกแล้วนะ!” เธอตวาดลั่น “ฉันก็ไม่ตลกเหมือนกัน มาอยู่ที่นี่เพราะต้องการเป็นเมียฉันไม่ใช่หรือไง นี่ไง! กำลังจะทำให้ เธอมาได้จังหวะพอดีเลย ฉันกำลังว่าง กำลังโสด แต่ก่อนแต่ง ฉันขอเช็คของหน่อยก็แล้วกัน ว่ามีดีแค่ไหน!” คนตัวเมากระโจนเข้าหา นรีกานต์รู้ในทันทีว่า ชีวิตตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว กระโจนหนีด้วยความหวาดกลัว วิ่งตรงไปหาประตู ทว่าเรียวแขนกลับถูกคว้าไว้ กระชากร่างบางเข้าหาจนปะทะแผงอก มือยกทุบตีจิกข่วนอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน แต่เหมือนเขาไม่สะเทือนเลยสักนิด “ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!” ไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือต่อ ริมฝีปากถูกปิดอย่างรวดเร็ว “อื้อ!” ร่างถูกตรงบนเตียง เรียวแขนรวบไว้เหนือศีรษะ น้ำตาคนโดนกระทำไหลริน เมื่อรู้ว่าตนเองหมดหนทางรอดในคราวนี้ เขาชะงักจ้องมองใบหน้าของคนใต้ร่าง น้ำตาของผู้หญิงมันไร้ความหมายสิ้นดี มารยาแบบนี้ เห็นมาจนสะอิดสะเอียนแล้ว “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันกลัวแล้ว...” “หยุดพูดให้รำคาญสักที นอนเฉยๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็มีความสุขเอง!”
เธอยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อความรัก แต่คนรักกลับมีคนอื่น เธอเลยตัดสินใจแต่งงานกับเขา เพื่อเอาคืนคนพวกนั้น โดยหวังให้เขาคือเครื่องมือระบายความแค้น ทว่าเป็นเธอเองที่ตกหลุมกับดักที่ตนเองวางไว้ ใครจะรู้ว่าเขาจะนำพาให้เธอตกอยู่ในห้วงอารมณ์พิศวาส จนอยากจะถอนตัว
เพราะวัยเพียงสิบสี่มิลันดาถูกปฏิเสธความรักที่มีให้กับคมฉณัฐอย่างไร้เยื่อใยความเสียใจทำให้เด็กสาวตัดสินใจเรียนต่อเมืองนอก คมฉณัฐจะทำเช่นไรเมื่อกลับมาเด็กสาวกลายเป็นสาวสะพรั่งดีกรีศัลยแพทย์เกียรตินิยม
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"