เดิมชื่อ พ่ายเล่ห์ซาตานจอมหึงหวง สำนักพิมพ์อินเลิฟ นะคะ
เดิมชื่อ พ่ายเล่ห์ซาตานจอมหึงหวง สำนักพิมพ์อินเลิฟ นะคะ
แนะนำเรื่อง.....
ฟรานซิส เลย์เซล
ชื่อของเขาแปลได้อีกชื่อคือ Black Demon
ชายผู้โหยหาความรักแต่กระนั้นกลับรังเกียจความรัก
เป็นเวลาสามปีแล้วที่ ‘ดาริน’ ต้องทนเป็นช่างภาพประจำบริษัทสื่อมัลติมีเดียยักษ์ใหญ่
ของ ‘ฟรานซิส เลย์เซล’ เฝ้ารอว่าสักวันเจ้านายสุดเซ็กซี่ของเธอจะหันมาสนใจและมองเธอในฐานะผู้หญิงเสียที แทนที่จะเห็นเป็นสาวห้าวไร้เสน่ห์อย่างที่เป็นอยู่
แต่การแปลงโฉมธรรมดาๆ คงไม่สามารถลบภาพเดิมๆ ของเธอในสายตาของเขาได้แน่ๆ มันจึงถึงเวลาแล้วที่ดารินจะต้องปฏิวัติตัวเองและเปลี่ยนวิธีที่จะพิชิตหัวใจเจ้านายของเธอ ถึงแม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้เธอได้รับบทเรียนจากเขาอย่างเร่าร้อนที่สุดก็ตาม
ขณะที่ฟรานซิสได้แต่ยืนมองการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงของลูกน้องสาว แต่ในความเป็นจริง
เขาอยากจะตรงเข้าไปกระชากชุดของเธอออก แล้วลบเครื่องสำอางบนใบหน้านั้นทิ้ง เพราะชอบในสิ่งที่เ ธอเป็นมากกว่า แต่ทันทีที่เห็นหญิงสาวยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน ความตั้งใจแรกของมหาเศรษฐีเพลย์บอยก็สั่นคลอน แล้วตัดสินใจกระโจนลงไปเล่นเกมกับเธอทันที เพื่อสอนให้รู้ว่าในโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่
ใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายล่าหัวใจใคร ระหว่างเขากับเธอ
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาเท้าแขน กักขังร่างบอบบางไว้ในวงล้อมมัดกล้าม
“สาวน้อย... ผมเคยสอนอะไรไว้ทำไมไม่เคยจำ”
............................................................
เรื่อง อ้อนรักเจ้านาย เป็นหนึ่งในซีรีย์ Like a boss นะคะ พระเอกของสามเรื่องจะรู้จักกันค่ะ ^^ ทุกเรื่องมีอีบุ๊คขายที่เว็บ MEB ฝากติดตามด้วยน้าาา
............................................................
ลอสแอนเจลิส, รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
“โอย... อยากมีแฟน”
ดารินตะโกนดังลั่นออฟฟิศพร้อมทั้งโยนแฟ้มงานกระจุยกระจาย จากนั้นเสียงโห่จากเพื่อนร่วมงานก็ตามมาเป็นเกรียว ที่นี่คือเลย์เซลครีเอชั่น บริษัทมัลติมีเดียยักษ์ใหญ่ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วโลก เป็นผู้นำในธุรกิจบันเทิงที่สมบูรณ์แบบ และหนึ่งเดียวที่ครบวงจรให้บริการครอบคลุมทั้งธุรกิจเพลง ธุรกิจสื่อ ธุรกิจภาพยนตร์ ธุรกิจบรอดแคสติ้ง รวมถึงธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องยาวเป็นหางว่าว ส่วนเธอเป็นช่างภาพต๊อกต๋อยอยู่ในหลืบออฟฟิศ มีฉากกั้นรายล้อมสี่ด้านเป็นอาณาจักรเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยรูปถ่ายกับตารางงานแปะติดเต็มไปหมด
“อยากแต่งงาน!”
“งานการไม่ทำ บ่นแบบนี้มาตั้งสามปีแล้ว ไม่เบื่อบ้างรึไงยะ”
ลูคัส หัวหน้าแผนกผู้ซึ่งยืนยันหนักแน่นว่าตนเองชื่อลูซี่ ไม่ใช่ลูคัส หล่อนเดินอาดๆ มาจิ้มหน้าผากดารินรัวๆ จับเธอไปยืนหน้ากระจกเพื่อสับเสื้อผ้าหน้าผมของเธอเสียเละตุ้มเปะไม่มีชิ้นดี “ชะนีอยากมีซัมติง แต่ดูสภาพของตัวเองหน่อยสิคะ ใส่แต่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ หน้าตาก็ไม่แต่ง เผ้าผมฟูชี้โด่เด่ไม่พอแถมยังไม่รู้จักเอาใจผู้ชาย ชีวิตนี้มีแต่กล้องกับแมว ชาตินี้คงจะหาแฟนได้หรอกนะ”
ดารินสะอื้น เถียงไม่ออก ปล่อยให้เพื่อนช่วยสางผมให้พอดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง
“ฮือๆ ลูซี่ไม่แปลกใจบ้างเหรอคะว่าแผนกเรามีแต่ผู้หญิง เกย์ กะเทยไม่ก็พวกลุงลงพุง แล้วแบบนี้รินก็ไม่รู้จะแต่งตัวไปทำไมนี่”
“นั่นมันข้ออ้างของพวกชะนีขี้เกียจ แล้วนี่อะไร?” หัวหน้าหยิบกระปุกออมสินรูปหัวใจที่วางบนโต๊ะขึ้นดู มันเขียนโนตแปะไว้เด่นๆ ว่า ‘สมทบทุนงานแต่งของรินริน’ เมื่อลองเขย่าดูก็มีเศษเหรียญดังก๊องแก๊งๆ “โอยตายแล้วแม่คุณทูนหัว ช่างน่าเวทนา นี่หล่อนอยากแต่งงานขนาดนี้เชียว”
“เตรียมตัวไว้ก็ไม่เสียหายนี่นา อย่างน้อยได้ค่าเช่าชุดเจ้าสาวก็ยังดี” ดารินจะคว้าคืนแต่ตุ๊ดโหดก็ปล่อยก๊ากแบบไม่เกรงใจกัน ลูคัสหัวเราะน้ำตาไหล ยัดเงินใส่ไปร้อยเหรียญก่อนจะโยนกระปุกใบนี้ส่งต่อๆ กันเวียนรอบแผนก เมื่อกระปุกเวียนกลับมาก็มีเงินอัดแน่นจนล้น เวลาจะเผาเธอ ทุกคนในแผนกจะสามัคคีชุมนุมกันมากจริงๆ
“ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว” ลูคัสถาม ดารินจึงนับนิ้วก่อนจะชูให้ดู
“ยี่สิบห้า ไม่สิ หก... มั้งคะ” โทษฐานที่จำอายุตัวเองไม่ได้ ลูคัสจึงเขกไปหนึ่งโป๊ก
“เธอนี่ก็จริงๆ เลย หน้าตาก็สวยหุ่นก็ดี สมองไม่น่าเอ๋อ น่าจะยอมแต่งตัวบ้าง ไม่งั้นฉันจะเป็นแม่ยกดันเธอเป็นนางแบบ ได้ลงนิตยสารรายปักษ์ก็ยังดี” ลูคัสถอนหายใจให้ยัยเพื่อนคนนี้ ดาริน ‘เคย’ เป็นผู้หญิงสวยน่ารัก รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม ผมดำเงางามยาวถึงกลางหลัง ตอนสมัครงานเข้ามาใหม่ๆ จึงมีแต่คนเหลียวมองตามหลัง
แล้วตอนนี้ล่ะ?! ลูคัสอยากจะกรี๊ด สภาพดารินตอนนี้เหมือนชะนีเดนตาย เหมือนกุหลาบก้นร้านดอกไม้ไม่มีผิด ดารินตัวเล็กนิดเดียวแต่ทำงานแบกกล้องโปรใหญ่เท่ากระบอกปืนใหญ่ตุเลงๆ ไปทั่วทั้งวันได้ไม่มีบ่น เสื้อผ้าหน้าผมกระเซอะกระเซิง หนุ่มทั้งหลายเลยเริ่มขยาดไม่กล้าเข้ามาจีบ
“ไหนดูสิ... กรีดตาไม่เท่ากันอีกแล้วนะเรา” ลูคัสเคยพยายามจับดารินแต่งตัวแล้ว เรียกเกรียวกราวกิ๊วก๊าวจนหนุ่มๆ แต่ละแผนกได้แบบถล่มทลาย แต่พอถึงเวลาออกนอกสถานที่ ดารินก็คว้าแจ๊กเกตตัวโคร่งสวมทับ สวมหมวกเบสบอล รองเท้าบูทหนังหุ้มข้อและผ้าปิดปาก ทุกอย่างที่ลูคัสอุตส่าห์เมคอัพให้จึงไร้ความหมาย หนำซ้ำช่างภาพเพื่อนร่วมงานมีแต่พวกถึกเถื่อน หล่อหลอมให้สาวงามเลียนแบบจนติดนิสัยไปด้วย น่าเสียดายจริงๆ
“เฮ้ ลูซี่ ปล่อยแม่สาวทอมคนนี้ไปเถอะ ผู้ชายน่ะถ้าอยากได้ แค่เอาเท้าเขี่ยๆ พื้นก็เจอ” เสียงแซวลอยมาตามลม
“ไม่ได้ย่ะ! ฉันเป็นหัวหน้าก็ห่วงชีวิตส่วนตัวของลูกน้องเหมือนกัน คือปล่อยไปก็เสร็จพวกสับปะรังเคกันพอดี” ลูคัสตะโกนกลับไป ก่อนจะหันมาจ้องหาดาริน “ที่ผ่านมาก็เจอแต่คนโน้นจีบคนนี้ คนนี้เป็นชู้กับคนนั้น คนนั้นจะหย่ากับคนโน้น มีแต่เคสนี้นี่แหละพิเศษ ‘อยากหาแฟน’ เธอไว้ผมสั้นแบบนี้ดูผ่านๆ ยิ่งเหมือนผู้ชายเข้าไปอีก”
“รินหลับตอนวานให้รูมเมทตัดผมให้ ตื่นมาอีกทีมันก็ตัดผมทิ้งไปแล้วอ่ะ แต่จริงๆ แล้วรินเป็นสาวหวานแสนเรียบร้อยนะคะ” ดารินชี้ให้ดูสติ๊กเกอร์รูปแมวคิตตี้ที่ติดบนอุปกรณ์ถ่ายภาพ
“ช่วงบ่ายมีงานที่สตูดิโอสอง เธอรับผิดชอบด้วย งานนี้มีนายแบบมาหลายคน แต่งตัวใส่กระโปรงสวยๆ สิ เผื่อจะได้หิ้วกลับบ้านสักคนสองคน”
“งานช่างภาพถ้ามัวใส่กระโปรงมันก็ไม่คล่องตัวน่ะสิคะ เวลาย่อตัวถ่ายรุปก็หวอออกพอดี”
“ข้อนั้นฉันไม่เถียง แล้ววันหยุดอยู่บ้านใส่อะไร?”
“บะ...บ๊อกเซอร์กับเสื้อกล้าม” ดารินหดคอตอบเสียงอ่อย พอเห็นสีหน้าของลูคัสแล้วเธอก็ยิ่งจ๋อย อธิบายเสียงอ่อยๆ “กะ...ก็มันใส่สบายนี่คะ”
“ถามจริง มีใครที่ชอบที่เล็งไว้บ้างรึเปล่า ฉันจะได้ช่วยดัน”
“มีค่ะ... แต่เท่าที่ดูรินไม่ใช่สเปกของเขา” เสียงอ่อยหนักกว่าเดิม “รินเคยชวนเขาคุย แต่เขาไม่ตอบ”
“ทำตัวแมนเกินไป ทำตัวเก่งล้ำหน้าเกินไป ไม่รู้จักอ้อนขอความช่วยเหลือจากหนุ่มๆ ผู้ชายที่ไหนจะมาสนใจล่ะคะคุณ” ลูคัสถอนหายใจดังเฮ้อ ดารินทำงานเป็นช่างภาพถ่ายแฟชั่น ถ่ายสินค้า ถ่ายภาพกิจกรรมงานข่าวตามที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท เธอเป็นผู้หญิงก็จริงแต่รับผิดชอบหน้าที่สูง ทำงานเร็ว ไม่เรื่องมาก ฝีมือจัดว่าทัดเทียมรุ่นพี่กระดูกแข็งๆ ในแผนกได้สบาย ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าจีบอย่างสมบูรณ์แบบ
“ถือซะว่าเป็นคำสาปจากป๊ะป๋าก็แล้วกันเนอะคุณลูกแหง่ ฮ่าๆ” ลูคัสหัวเราะหลังจากพูดถึงคุณพ่อจอมหวงของดาริน
“รินมาทำงาน ไม่ได้มาทำตัวเหลวไหลอย่างที่พ่อกลัวเสียหน่อย” ดารินอมอากาศจนหน้าป่อง “รินโตแล้วดูแลตัวเองได้ค่ะ”
“งั้นจะให้ฉันรายงานว่าเธอเคยซดวิสกี้ไปสองแก้วแล้วเมาพับเป็นตาแก่ดีไหมหนอ”
“อย่านะลูซี่ ไม่งั้นพ่อลากรินกลับเมืองไทยแน่” ดารินร้อง เธอข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำงานที่ลอสแองเจลิสได้สามปีแล้ว พ่อที่อยู่เมืองไทยเป็นห่วงจนไปหาเบอร์โทรของหัวหน้าลูคัสมาได้จากไหนไม่รู้ พ่อโทรมาฝากให้ช่วยดูแลและอนุญาตให้ลูคัสโทรมารายงานได้ทุกเมื่อ แต่ในสังคมฝรั่งนั้นเรื่องนี้ถือเป็นโจ๊กขบขันในแผนกมาก ทุกคนล้อเธอทุกวันโดยเฉพาะตุ๊ดลูซี่
“ถ้ามีคนมาจีบหล่อนแล้วไม่ผ่านเซ็นเซอร์จากป๊ะป๋า จะทำยังไงล่ะจ๊ะ”
ดารินกำลังจะอ้าปากเถียง แต่ทันทีที่เห็นเงาของใครคนหนึ่งเดินผ่านมา ร่างบางก็รีบหลบมุดกลับเข้าไปหลังฉากกั้น ทำเอาลูคัสเหวอ แพขนตาหนาเหมือนเพิ่งลงมาจากเวทีคาบาเร่ต์กะพริบสองปริบ มองดารินสลับกับคนต้นเหตุที่ทำให้สาวมาดแมนกลายร่างเป็นสาวน้อยเอียงอายได้ขนาดนี้ ใครกัน?
“เธอหลบคุณฟรานซิสทำไม? อยู่ห่างกันตั้งหลายสิบเมตรยังอุตส่าห์หลบ”
ฟรานซิส เลย์เซล ทายาทเพียงคนเดียวของกลุ่มธุรกิจมัลติมีเดียยักษ์ใหญ่ของโลก เขาสวมชุดสูทตัดเย็บอย่างประณีต รูปร่างแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามและพละกำลังอันมีชีวิตชีวา ดวงตาคมกริบจ้องมองตรงไปข้างหน้า ดุดันเฉียบขาด ชักนำให้แก้มใสๆ ของเธอมีสีจัดขึ้น ท่วงท่าของเขาขณะย่างก้าวเข้ามาในแววตาของดาริน ช่างงามสง่าและผึ่งผายราวกับพญาราชสีห์เหลือเกิน
“สวัสดีครับ สวัสดี” เขาทักทายบรรดาพนักงานอย่างเป็นกันเอง ใบหน้าหล่อเหลาทรงอำนาจตามแบบฉบับคนในตระกูลมหาเศรษฐี ฟรานซิสมักจะมีรอยยิ้มละไมเป็นมิตรแต้มริมฝีปากอยู่เสมอ ปัจจุบันเขาเป็นประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่อยู่สิบห้าบริษัท ซึ่งแต่ละบริษัทดำเนินธุรกิจคล้ายๆ กันโดยแยกสื่อแต่ละประเภทอย่างชัดเจน เช่นสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุและอินเตอร์เนต รวมไปถึงธุรกิจต้นน้ำอย่างอุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษ ไปจนถึงสำนักพิมพ์ชั้นนำในเครือครอบคลุมแตกแขนงออกไปกว่าสิบแห่ง ครองตลาดมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์
และที่สำคัญคือเขายังโสด...
มันช่างน่าอับอายขายขี้หน้าจริงๆ ! นี่ฉันต้องมาติดแหง็กอยู่ในห้องทำงานของคนแปลกหน้า ใน 'สภาพเกือบล่อนจ้อน' !!!
จี้ฮันโจวเป็นคนมีฝีมือร้ายกาจและเด็ดขาด แต่กลับเอ็นดูรักใคร่เสิ่นชือมาก เสิ่นชือ ซึ่งเกือบจะเสียชีวิตเนื่องจากการสมรู้ร่วมคิดจากพ่อและแม่เลี้ยงของเธอ และเธอได้ช่วยชีวิตหัวจี้ฮันโจว นายน้อยของตระกูลใหญ่ที่สุดใน เมืองเซิ่นจิน ส่งผลให้ทั้งสองบรรลุความร่วมมือ และสุดท้ายตกหลุมรักกัน คนนอก: "ไหนบอกว่าคุณชายจี้จะไม่ชอบผู้หญิง ไหนบอกว่าไร้ความปรารถนา และไม่แยแสกับผู้หญิงล่ะ!"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
คริสโตเฟอร์ อัศวโยธิน สามีของฉัน คือเพลย์บอยตัวพ่อที่ฉาวที่สุดในกรุงเทพฯ เขามีชื่อเสียงเรื่องการควงเด็กสาวอายุสิบเก้าเป็นฤดูกาล ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ฉันเชื่อมาตลอดว่าฉันคือข้อยกเว้นที่สามารถทำให้เขาหยุดได้ ภาพลวงตานั้นพังทลายลง เมื่อพ่อของฉันต้องการการปลูกถ่ายไขกระดูก ผู้บริจาคที่เข้ากันได้สมบูรณ์แบบคือเด็กสาวอายุสิบเก้าชื่อไอริน ในวันผ่าตัด พ่อของฉันเสียชีวิต เพราะคริสเลือกที่จะนอนอยู่บนเตียงกับเธอ แทนที่จะพาเธอไปโรงพยาบาล การหักหลังของเขายังไม่จบแค่นั้น ตอนที่ลิฟต์ร่วง เขาดึงเธอออกไปก่อนแล้วทิ้งให้ฉันร่วงลงไป ตอนที่โคมระย้าถล่มลงมา เขาใช้ตัวเองบังร่างเธอแล้วก้าวข้ามฉันที่นอนจมกองเลือดไป เขายังขโมยของขวัญชิ้นสุดท้ายที่พ่อผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้ฉันไปให้เธอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเรียกฉันว่าคนเห็นแก่ตัวและไม่รู้จักบุญคุณ โดยไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของฉันจากไปแล้ว ฉันจึงเซ็นใบหย่าเงียบๆ แล้วหายตัวไป วันที่ฉันจากมา เขาส่งข้อความมาหาฉัน "ข่าวดีนะ ผมหาผู้บริจาคคนใหม่ให้พ่อคุณได้แล้ว เราไปนัดวันผ่าตัดกันเถอะ"
... ในวันครบรอบแต่งงาน ฮั่วเยี่ยนสือ สามีผู้มั่งคั่งทิ้งเธอไป แล้วหาคนรักแรกของเขา ผู้ชายที่ไม่รักนวลสงวนตัวก็เหมือนสิ่งไร้ค่า ผู้ชายที่เธอเคยอ่อนข้อให้แต่ก็ไม่สนใจเธอ งั้นเธอไม่ต้องการแล้ว จึงขอหย่าทันที ฮั่วเยี่ยนสือไม่สนใจ ซูหว่านหนิงกลับเข้าสู่วงการบันเทิงและเฉิดฉาย รักแรกในอุดมคติชอบแกล้งอ่อนแองั้นเหรอ งั้นก็ให้เธอเผยธาตุแท้จริงให้ทุกคนได้เห็น อดีตสามีที่เป็นคนปากแข็งที่สุด "เมื่อเธอเบื่อแล้วเธอจะกลับมาหาฉัน" แต่ภรรยาที่เคยเต็มใจทำทุกอย่างให้เขานั้นไม่กลับมาอีกแล้ว ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในอาชีพเท่านั้น แต่ยังมีคนมากมายมาตามจีบเธออีก ดาราระดับโลกแสดงความรักอย่างแรงกล้า ผู้บริหารบริษัทสื่อพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้เธอยิ้ม แม้แต่ทายาทเศรษฐีอันดับหนึ่งก็ต้องการเธอเท่านั้น จากนั้นฮั่วเยี่ยนสือเริ่มตระหนก เปลี่ยนจากคนเย็นชากลายเป็นคนที่คอยติดตามไม่ห่าง ใช้ทุกวิถีทางเพื่อตามจีบภรรยา ซูหว่านหนิงไม่แม้แต่จะมอง "เมื่อก่อนคุณเฉยเมยกับฉัน ตอนนี้คุณไม่คู่ควรกับฉันแล้ว" ฮั่วเยี่ยนสือขอร้องเธออย่างบ้าคลั่ง "หนิงหนิง เราแต่งงานใหม่เถอะ" ซูหว่านหนิงแสดงท่าทางหยิ่ง "คุณฮั่ว ฉันไม่เคยกลับไปหาของที่ทิ้งไปแล้ว"
เจน ไอไออายุยี่สิบปี ถึงเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าแท้จริงแล้วตัวเองคือคุณหนูตระกูลมหาเศรษฐี แต่ยังไม่ทันดีใจได้นาน ก็ได้รู้ว่าพ่อแม่แท้ ๆ จะให้เธอไปแต่งงานแทนคุณหนูตัวปลอมคนนั้น กับผู้ชายพิการ อารมณ์ร้าย แถมครอบครัวก็ใกล้จะล้มละลายอีกต่างหาก? ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการช่วยยายที่ป่วยอยู่ เธอคงไม่ยอมทนแบบนี้หรอก แต่หลังจากแต่งงานไป เจน ไอไอถึงค่อย ๆ รู้ว่าผู้ชายที่ว่าพิการ อารมณ์ร้าย และกำลังจะล้มละลายนั่น แท้จริงแล้วกลับเป็นเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลที่ทั้งหลงและเอาใจภรรยาสุด ๆ ! แย่แล้ว! พวกเขาทำข้อตกลงกันไว้ว่าสองปีหลังจากนี้จะต้องหย่ากัน! ซือเชียนฮานโอบเจน ไอไอไว้แน่น แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสนอ่อนโยนว่า “ที่รัก…เธอตัดใจหย่ากับฉันได้จริงเหรอ?” เจน ไอไอลูบเอวพลางพูดว่า “ไม่หย่า ไม่หย่าแล้วได้ไหม?”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY