ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / กรงรักราชาทมิฬ
กรงรักราชาทมิฬ

กรงรักราชาทมิฬ

5.0
44 บท
26.7K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

ชีคซาฮิม อัล ฟาร์ฮาน บุรุษจอมอหังการ เขาป่าเถื่อน โหดเหี้ยม และแข็งกระด้าง ‘ไฟแค้น’ ที่ลุกโชนอยู่ในหัวใจของเขา กำลังจะแผดเผาร่างกายของเธอให้มอดไหม้ด้วย ‘ไฟพิศวาส’ เขามันไม่มีหัวใจ ไร้ซึ่งความอ่อนโยน แต่ พรีมรตา หรือ พิตต้า ก็ยังหวั่นไหว ยอมให้คนใจร้ายเข้ามาอยู่ในหัวใจโดยไม่รู้ตัว “ทำไมต้องลงโทษ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรนะ” “ทำไมจะไม่ผิด คนที่โกหกข้าถือว่าทำผิดขั้นร้ายแรง และคนที่บังอาจมาตบหน้าข้าถือว่าต้องโทษประหาร แต่ข้าจะปรานีเจ้าไม่เอาถึงตาย แค่เป็นของข้าสักคืนก็พอ สำหรับความผิดที่เจ้าไม่ได้ตั้งใจ” “ไม่นะ...อย่าทำอะไรฉันนะ ไอ้ชีคบ้า” “หึ ข้ารู้ว่าเจ้าก็คงมีใจให้กับข้าใช่ไหมสาวน้อย แก้มของเจ้าถึงได้แดงระเรื่อแบบนี้ หวังว่าเจ้าคงไม่ได้แค่กลัวข้าหรอกนะ” เขายิ้มร้าย มันทั้งน่ากลัวและเต็มไปด้วยเสน่หาที่ทำเอาหัวใจของหญิงสาวแทบจะหยุดเต้น “อึ๋ย ออกไปนะ” พยายามยันอกแกร่งออกห่างแต่ก็เหมือนดันกำแพง ยิ่งออกแรงป้องกันตัวก็เหมือนยิ่งยั่วให้เขารุกรานเธอหนักขึ้น “ไม่ต้องกลัว ข้าไม่คิดจะข่มขืนเจ้าหรอก เพราะการลงโทษของข้าไม่จำเป็นต้องข่มขืน เพราะข้าจะทำให้เจ้าสมยอมเอง” “ไม่นะ อย่า! ฉันเป็นคนรักของราเชล ท่านไม่รังเกียจรึ” “รังเกียจสิ ข้าถึงได้บอกว่าจะ ‘เอา’ เจ้าแค่คืนเดียวยังไงล่ะ” “ท่านมันเลวที่สุด!” “คนเลวคนนี้จะทำให้เจ้านอนกับผู้ชายคนไหนไม่มีความสุขอีกเลย เพราะข้าจะทำให้เจ้าสำลักความสุข คิดถึงแต่ข้า จนลืมไอ้ราเชลไปเลยทีเดียว” ชีคซาฮิม เขาแค่ตั้งใจจะใช้ “แม่ขนมปังพิตต้า” เป็นเหยื่อล่อศัตรูให้มาติดกับดัก เพราะหลงคิดว่าเธอคือ ‘เมียรักของศัตรู’ แต่พอรู้ว่าเขาคือ ‘สามีคนแรก’ ชีคหนุ่มก็พร้อมจะ ‘แหกกฎ’ ของสุภาพบุรุษมันทุกข้อ ขอให้ได้ครอบครองสมใจ ทว่าเมื่อความแค้นจบสิ้น กลับไม่สิ้นเสน่หา เขาต้องทำเช่นไรจึงจะรั้งหัวใจของเธอไว้กับเขาตลอดกาล

บทที่ 1 นางระบำแสนสวย

ค่ำคืนนี้มีการฉลองชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ในพระราชวัง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของอดีตศัตรูมาก่อน เขารอโอกาสที่จะโค่นล้มบัลลังก์ขององค์ราชากำมะลอ โอมาร์ ราสชิด อัลฟาฮาร์ มานานนับยี่สิบปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เขาสามารถล้างแค้นให้กับคนในครอบครัวและคนในเผ่าได้สำเร็จ แต่ศึกมันยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีอีกคนที่เขาจะต้องจัดการ ‘ทายาทอีกคนของอดีตองค์ราชากำมะลอ’ ที่เกิดจากพระสนมแห่งรัฐบาร์การู

‘ได้ข่าวว่าลูกชายของมัน กำลังศึกษาอยู่ที่ฝรั่งเศส ไม่รู้ว่าจบหรือยัง’

ทายาทคนเล็กของศัตรูที่มีใบหน้าหวานละมุนราวกับผู้หญิง ไม่น่าจะเป็นชายแท้ได้เลย จากคำบอกเล่าของทหารสายสืบรายงานว่า ลูกชายคนเล็กของโอมาร์คนนี้มีรูปร่างสูงโปร่งบอบบางราวกับผู้หญิง หากไม่แต่งกายด้วยชุดนักศึกษาชายก็คงดูไม่ออกว่าเป็น ‘ผู้ชาย’ ชีคซาฮิมมองดูรูปถ่ายในมือด้วยสายตาอำมหิต

‘น่าจะเป็นชายใจหญิงล่ะสิ’

แต่แว่นสายตากรอบใหญ่ที่บดบังครึ่งหน้าของเจ้าของรูปถ่าย ทำให้คิ้วเข้มดุจปีกกาขมวดเข้าหากันด้วยความขัดใจ เมื่อทหารสายสืบของเขามารายงานครั้งล่าสุดว่ายังตามหาตัวราเชลไม่พบ

‘ไม่ว่าลูกชายของแกจะไปซ่อนตัวอยู่มุมไหนของโลก ข้าก็จะตามไปกำจัดมันให้สิ้นซาก ให้เหมือนกับที่แกสั่งให้ทหารมาฆ่าพ่อแม่ของข้าและทำให้น้องชายที่ข้ารักหายสาบสูญไป ข้าจะล้างแค้นให้กับทุกคน รวมทั้งญาติคนอื่นๆ ในเผ่าของข้าด้วย เพราะฉะนั้น สายเลือดของแกเพียงคนเดียวข้าก็จะไม่ละเว้น’

รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมฉายวาบขึ้นมาบนใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยเพลิงแค้น ดวงตาคมแข็งกร้าววาวโรจน์ขึ้นราวกับมีไฟนรกหลายกองสุมอยู่ในนั้นเมื่อมองรูปถ่ายใบเล็กในมือ ไม่ยากหรอกที่เขาจะกำจัดมัน ‘ไอ้ผู้ชายบอบบาง’ คนนี้

‘แต่ว่ามันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนวะ’

“ซาฮิม ข้าว่าเจ้าควรหยุดทำหน้าบึ้งสักวันเถอะนะ วันนี้เป็นวันฉลองชัยชนะของเรา อีกสักครู่จะมีนางระบำจากปันจาร์ที่เขาเล่าลือว่านางสวยงามหยาดฟ้ามาดิน จะมาแสดงโชว์เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับเรา เจ้าตรากตรำการศึกมานาน ควรจะหาความสำราญให้กับตนเองบ้างนะสหายรัก” ไฮซาลทหารคู่ใจเปรยยิ้มๆ

“อาก็เห็นด้วยกับไฮซาลนะหลานรัก เจ้าควรเปิดหูเปิดตามองสิ่งสวยๆ งามๆ เสียบ้าง” ญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของซาฮิมเอ่ยสำทับ แต่ชีคหนุ่มที่หัวใจด้านชาดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับใครทั้งนั้น

“ข้าไม่สนใจพวกนางระบำมานานแล้ว เจ้าก็รู้” ผู้ที่ได้รับฉายาว่า ‘สิงห์แห่งทะเลทราย’ ยิ่งหน้าบึ้งมากกว่าเดิมเมื่อหันไปพูดกับมือขวาคนสนิท ภาพแห่งความหลังที่เจ็บปวดยังไม่เลือนหาย พวกผู้หญิงร้อยเล่ห์มารยา หลอกล่อให้เขาหลงระเริงจนเกิดเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีกแน่

“แต่นางระบำคนนี้ เป็นลูกครึ่งไทย-ซาร์เนเวียร์นะสหายรัก และเพิ่งเรียนจบแฟชั่นดีไซน์จากฝรั่งเศสมาหมาดๆ ด้วย แบบนี้เจ้าไม่คิดจะสนใจนางจริงๆ หรือซาฮิม”

ทหารผู้รู้ใจถามด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ความจริงตัวเขาเองก็สนใจนักท่องเที่ยวสาวลูกครึ่งที่มีความสามารถในการเต้นระบำหน้าท้องคนที่พูดถึงไม่น้อย และอยากจะจัดการซักฟอกนางให้ได้ความก่อนที่จะมาถึงมือของซาฮิม แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว เขาคิดว่าหญิงสาวผู้นี้อาจจะสร้างความสำราญให้กับสหายรักผู้เย็นชาของเขาได้

ดวงตาสีสนิมมีแววครุ่นคิด ก่อนจะหันมามองหน้าสหายรักที่คอยเจ้ากี้เจ้าการหาผู้หญิงมาบรรณาการเขาแทบทุกอาทิตย์คล้ายไม่พอใจ เพราะผู้หญิงทุกคนที่ไฮซาลพามาปรนนิบัติเขา พวกนางมีนิสัยเหมือนกันหมด น่าเบื่อ น่ารำคาญ และเขาก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนเกินหนึ่งครั้ง แล้วผู้หญิงที่ไฮซาลกำลังพูดถึงคนนี้จะน่าสนใจสักแค่ไหนกัน

‘เพราะนางเป็นลูกครึ่งไทย-ซาร์เนเวียร์ ที่เพิ่งจบมาจากฝรั่งเศสอย่างนั้นหรือ เขาถึงต้องสนใจ ก็อาจจะใช่ แต่ว่าการศึกษาของนางก็สูง แล้วทำไมนางถึงมาเป็นนางระบำเต้นยั่วผู้ชายด้วยล่ะ’

“ก็ได้ ข้าจะลองเชื่อเจ้าว่านางน่าสนใจ แต่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะไฮซาลที่เจ้าจะพาผู้หญิงมาบรรณาการข้า เพราะข้าหาผู้หญิงที่ข้าสนใจเองได้”

ทหารมือขวาหนุ่มยิ้มมุมปากนิดๆ มองผู้ที่เป็นทั้งเจ้านายเป็นทั้งสหายรักแล้วก็โคลงศีรษะไปมาอย่างระอา ซาฮิมน่ะหรือจะยอมเสียเวลาไปหาผู้หญิงที่ไหนที่ถูกใจ เวลาว่างก็แทบจะไม่มี หากว่างเมื่อไหร่ถ้าไม่ชวนกันไปแข่งม้า ก็ต้องไปตลาดค้าอูฐ แล้วท่านชีคของเขาซึ่งตอนนี้ก็มีฐานะไม่ต่างกับพระราชาที่ปกครองนครซาร์เนเวียร์แทนราชากำมะลอองค์ก่อนที่ถูกปลงพระชนม์ไปแล้ว จะมีชายาเคียงข้างและจะมีทายาทสืบทอดราชบัลลังก์ต่อไปได้อย่างไรหากชีคหนุ่มไม่คิดจะสนใจผู้หญิง

อายุอานามของชีคซาฮิม อัล ฟาร์ฮาน ก็ไม่น้อยแล้ว หากเป็นรุ่นเดียวกันก็คงแต่งงานมีลูกไปหลายคนแล้วเช่นเดียวกับเขาที่มีภรรยาถึงสามคน มีลูกตั้งครึ่งโหล จึงอดรู้สึกเป็นห่วงสหายรักที่เป็นถึงเจ้าผู้ครองนครไม่ได้ ที่ยังครองความโสด ไม่ยอมเปิดใจรับผู้หญิงคนไหนเข้ามาเป็นชีคคาสักคน อย่าว่าแต่ชีคคาเลย ตั้งแต่คบกันเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งนานเขาก็ยังไม่เคยเห็นซาฮิมทำท่าสนใจผู้หญิงคนไหนเลยสักคน

“ตกลงสหายรัก ตอนนี้เจ้าเป็นถึงเจ้าผู้ครองนคร ข้าจะขัดใจเจ้าได้อย่างไรล่ะ ฟีน่า เจ้าไปบอกให้นางระบำที่ข้าพามา ให้เข้ามาแสดงโชว์ได้” ท้ายประโยคหันไปออกคำสั่งกับสาวใช้เก่าแก่ที่เปลี่ยนมาสวามิภักดิ์ต่อราชาองค์ใหม่ของซาร์เนเวียร์ ซึ่งก็คือนางกำนัลขององค์ราชาองค์ก่อนที่ยังรักตัวกลัวตายและไม่มีที่ซุกหัวนอนนั่นเอง ที่เต็มใจจะเป็นสาวใช้ให้กับเจ้าผู้ครองนครคนใหม่ เพราะนางไม่มีที่ไป

“เจ้าค่ะ”

เมื่อคล้อยหลังสาวใช้วัยสี่สิบต้นๆ ท่านชีคจากรัฐโอลัลนาร์และรัฐบาร์การูและผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็เริ่มทยอยกันมาร่วมงานเลี้ยงฉลองชัยชนะครั้งนี้ด้วย ตามจดหมายเชิญของผู้ครองนครซาร์เนเวียร์คนใหม่ ไม่นานนักในท้องพระโรงก็คึกคักไปด้วยอาคันตุกะคนสำคัญและผู้ติดตามมากมาย รวมถึงคนสนิทที่ร่วมสู้รบกับชีคซาฮิมก็มากันพร้อมหน้า

พรีมรตายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าต่างด้วยสีหน้าหงุดหงิด การเข้ามาเยือนประเทศที่อยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนจัดแบบนี้เธอคิดว่ายุ่งยากใจพอแล้ว แต่การถูกจับมาเป็นเชลยด้วยข้อหางี่เง่า ว่าเธอเป็นพวกของกบฏ มันทำให้เธอปวดหัวและปวดใจเกินจะบรรยายจริงๆ ทั้งที่พ่อของเธอก็สั่งห้ามแล้วว่าไม่ควรมาประเทศนี้ แต่เธอก็ไม่ฟัง เพราะกำลังตามหาคนๆ หนึ่ง ที่ได้ข่าวว่าเขาอาจจะกลับมาที่ประเทศซาร์เนเวียร์ ‘บ้านเกิด’ ของเขา

หญิงสาวไม่คิดเลยว่าประเทศนี้จะมีความป่าเถื่อนซ่อนอยู่ในสถานที่ที่เธอคิดว่ามันน่าจะปลอดภัย ‘ปันจาร์’ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ปู่ของเธอบอกว่าอีกไม่นานก็คงจะขึ้นเป็นรัฐที่สามของประเทศซาร์เนเวียร์เร็วๆ นี้ เพราะที่นี่มีโอเอซิสที่อุดมสมบูรณ์พอสมควร และชาวบ้านมีอาชีพเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพปลูกผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ ทอผ้าจากขนสัตว์ การทำเครื่องปั้นดินเผา มีตลาดนัดเล็กๆ กลางหมู่บ้าน ที่สำคัญปู่ของเธอได้ข่าวแว่วๆ มาว่าสันทรายที่อยู่ไม่ห่างไปจากหมู่บ้านมากนักอาจมีน้ำมันดิบจำนวนมากมายอยู่ใต้ผืนทราย

ในปันจาร์ทุกคนในหมู่บ้านดูเป็นกันเองและอัธยาศัยดีกันทุกคน จนเธอไม่คิดว่าภัยจะมาถึงตัว กระทั่งในวันคล้ายวันเกิดของปู่เธอในคืนที่ผ่านมา เธอได้แสดงโชว์เต้นระบำหน้าท้องเพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับทุกคนในงาน จนกระทั่งงานเลิกเธอจึงขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อพักผ่อน แต่กลับถูกโจรชุดดำจับตัวมาที่นี่เสียก่อน

มันจับเธอมาขังไว้ในบ้านของมันก่อน นอนได้งีบหนึ่งมันก็สั่งให้คนรับใช้พาเธอไปอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณแล้วก็ให้เธอกลับมาใส่ชุดเดิม แล้วสั่งว่าเธอจะต้องใส่ชุดส่าหรีประยุกต์ที่เธอออกแบบเองเต้นระบำหน้าท้องให้เจ้านายของมันดู

‘แล้วเจ้านายของมันเป็นใคร’

ตอนแรกพรีมรตาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี่คือที่ไหน เพราะตอนที่ถูกจับตัวมาเธอถูกพวกโจรเอาผ้าดำมาปิดตาเธอเอาไว้ตลอดทาง เมื่อลืมตาขึ้นมาได้อีกครั้ง เธอก็มาอยู่ในบ้านของมันแล้ว และเมื่อเธออาบน้ำแต่งตัวตามที่มันสั่งแล้วเสร็จ ก่อนที่จะออกจากบ้านของมัน ไอ้หัวหน้าโจรซึ่งเป็นเจ้าของบ้านก็เอาผ้าดำมาปิดตาเธอเอาไว้อีกครั้งก่อนจะพาเธอมาที่วังหลวงแห่งนี้ เธอรู้ว่าที่นี่คือวังก็เพราะมองไปทางไหนมันก็เรียกว่าบ้านไม่ได้

รอบกายมีแต่สาวใช้ที่แต่งกายแบบสาวชาววังคอยเฝ้ามองเธออยู่ มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นทหารในชุดสีน้ำตาลอมเขียวเดินสวนสนามกันไปมาอยู่ด้านล่าง และเมื่อกวาดสายตามองภายในห้องที่เธอถูกขังอยู่ในตอนนี้ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ เตียงที่มีส่วนประกอบของทองคำเหลืองอร่ามแกะสลักลวดลายงดงามตระการตา ภาพวาดที่สวยงามบนฝาผนัง ผ้าม่านที่คลุมตั้งแต่หัวเสาจนถึงพื้น รวมถึงผ้าม่านหน้าต่าง แม้แต่พรมเปอร์เซียที่ปูพื้น ล้วนดูหรูหรามีราคาเกินกว่าที่สามัญชนคนธรรมดาจะใช้เงินซื้อหามาตกแต่งในบ้านของตนเองได้

“แกจับฉันมาที่นี่ทำไม ไอ้โจรชั่ว!”

“ไม่ต้องถาม หากไม่อยากถูกข่มขืนแล้วฆ่า จงทำตามที่ข้าสั่ง”

“แกต้องการให้ฉันทำอะไร”

“เต้นระบำ ทำให้เจ้านายของข้าพอใจ ตอบคำถามในสิ่งที่เจ้านายของข้าต้องการรู้ ชีวิตของเจ้านับจากนี้ จะอยู่ในกำมือของเจ้านายของข้าเท่านั้น”

“แล้วเจ้านายของแกเป็นใคร ชื่ออะไร”

“จะบอกให้เอาบุญก็ได้สาวน้อย เจ้านายของข้าก็คือ ท่านชีคซาฮิม อัล ฟาร์ฮาน ราชาแห่งซาร์เนเวียร์”

“ถ้าที่นี่คือซาร์เนเวียร์ พระราชาของประเทศนี้ก็ต้องเป็นองค์ราชา โอมาร์ มิใช่หรือ มันจะกลายเป็นท่านชีคของเจ้าไปได้อย่างไร”

“ไม่ต้องถามมาก หากเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ก็จงเต้นระบำให้เป็นที่พอใจของเจ้านายข้า หากท่านใจดี ท่านอาจจะปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ”

พรีมรตายังจดจำบทสนทนาระหว่างตนกับไอ้โจรชั่วนั่นได้ มันคงเป็นข้ารับใช้ของชีคซาฮิมจอมทมิฬคนนั้นแน่ คนที่เธอได้ยินข่าวลือมาว่าเขาเป็น ‘ปีศาจทรายที่ป่าเถื่อน ร้ายกาจ!’ เธอเคยถามปู่ของเธอเหมือนกันว่าเรื่องนี้มันเป็นข่าวจริงหรือว่าข่าวลือ ปู่ของเธอบอกว่าถ้ามีเวลาจะเล่าให้ฟัง เพราะเธอเพิ่งเดินทางมาถึงปันจาร์เหนื่อยๆ แล้วพอมาได้ยินชื่อของผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวาดหวั่นในหัวใจไม่น้อย

ป่านนี้ปู่ของเธอจะรู้หรือยังว่าเธอถูกจับตัวมา แต่ภาวนาขออย่าเพิ่งให้พ่อกับแม่ของเธอที่อยู่เมืองไทยรู้เลย เพราะกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่สบายใจเอาได้

‘เอาน่า ทำใจดีสู้เสือเข้าไว้พรีมรตา เธอมาถูกที่แล้วไม่ใช่หรือ แค่เต้นระบำให้เขาพอใจ เขาถามอะไรมาก็ตอบไปตามความจริง แค่นี้ก็จบ’ สาวน้อยปลอบใจตัวเอง และสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามา

ดวงตาดำขลับตวัดมองผู้มาใหม่ หญิงสาวร่างอวบในชุดประจำชาติเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับส่งสายตามาให้เธออย่างเป็นมิตร พรีมรตาจึงรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้วยิ้มตอบกลับไปตามมารยาท

“ท่านไฮซาลบอกให้มาเชิญมิสค่ะ” สาวรับใช้ที่สูงวัยกว่าบอกสั้นๆ ตามคำสั่งที่ได้รับมา พรีมรตาพยักหน้าด้วยความเข้าใจ พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้นแกมหวั่นวิตก เมื่อคิดว่าต้องไปเต้นระบำต่อหน้าชีคผู้เหี้ยมโหด

เธอเคยได้ยินแต่ชื่อของเขาและวีรกรรมอันโหดร้ายของเขาจากปากคนอื่นเท่านั้น แต่ยังไม่เคยเห็นหน้าตาผู้ชายที่มีจิตใจเหี้ยมโหดอำมหิตดังกล่าวตามคำกล่าวขานร่ำลือคนนี้ หน้าตาของเขาคงจะอัปลักษณ์ หนวดเครารกรุงรัง ผิวเข้ม ตัวโต และดวงตาราวกับปีศาจกระมังผู้คนถึงได้ตั้งฉายาให้เขาว่าเป็น ‘ปีศาจทรายที่ป่าเถื่อน ร้ายกาจ!’ และหลายคนที่เอ่ยถึงเขาถึงได้แสดงอาการหวาดกลัวไปตามๆ กัน

แต่เธอจะต้องไม่กลัวเขา เธอไม่ได้เป็นศัตรูกับเขา เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา ตอนเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศสเธอเจอผู้ชายมาหลายรูปแบบ ทั้งดีและก็เลว ผู้ชายที่เป็นเสือผู้หญิงบางคนที่คิดจะลวนลามเธอยังเคยโดนเธอซ้อมมาแล้ว ยังไงเธอก็ต้องเอาตัวรอดได้น่า หากว่าชีคใจโหดนั่นคิดจะล่วงเกินเธอ เธอก็จะขอสู้สุดชีวิตเลยล่ะ

เมื่อประตูบานใหญ่ของท้องพระโรงเปิดออก สาวน้อยรูปร่างอรชรในชุดส่าหรีประยุกต์แปลกตาสีแดงเพลิงประดับด้วยสายสร้อยอัญมณีหลากสี ห้อยระย้าลงมากลางหน้าผากมนเป็นรูปหยดน้ำล้อมกรอบด้วยดอกไม้สีทองสวยงามจับตา แล้วร้อยรัดรูปร่างอรชรลงมาจนถึงช่วงสะโพกกลมมนเน้นส่วนโค้งส่วนเว้าให้ชวนมองมากยิ่งขึ้น สองเท้าเรียวย่างกายก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจนัก จนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชีคหนุ่มที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยท่าทางประหม่าที่ปิดไม่มิด ก่อนจะช้อนสายตามองราชาหนุ่มรูปงามตรงหน้า

‘นี่หรือคือ ชีคซาฮิม อัล ฟาร์ฮาน ปีศาจทรายที่ป่าเถื่อน ร้ายกาจ’

ใบหน้าของนางถูกปิดไว้ด้วยผ้าโปร่งบางสะท้อนแสงสีโทนเดียวกับชุดที่สวมใส่ ดวงตาดำขลับไหวระริกเล็กน้อยเมื่อช้อนขึ้นมาสบตากับเขา ทว่าพอเสียงดนตรีพื้นเมืองที่เร้าใจดังขึ้นเท่านั้น ดวงตาคู่สวยก็ดูเด็ดเดี่ยวน่ามองขึ้นมาทันที พร้อมกับการเต้นระบำที่น่าดูน่าชม

ท่าเต้นพลิ้วไหวที่เร้าใจ เคลื่อนไหวไปตามท่วงทำนองของ ทับบล้า1ทรวงอกที่กระเพื่อมไหว หน้าท้องที่สั่นระริกด้วยความสามารถเฉพาะตัวของผู้เต้น สะกดสายตาชีคหนุ่ม ให้จดจ้องเพียงนางระบำสาวแต่เพียงผู้เดียวอย่างไม่อาจละสายตาไปไหนได้

‘นางมีดวงตาที่สวยซึ้งและรูปร่างดีทีเดียว การเต้นใช้ได้ แต่ก็คงเหมือนนางระบำคนอื่นๆ ที่ยอมขายเรือนร่างเพื่อแลกกับความสุขสบาย จากนั้นก็ใช้มารยาหญิงทำให้เขาพอใจเหมือนกับทุกคนนั่นแหละ’ ชีคหนุ่มส่งเสียง ‘หึ’ ในลำคอด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ความสวยของผู้หญิงอาจมีผลต่อร่างกายส่วนล่างของเขา แต่ไม่มีทางมีผลต่อก้อนเนื้อที่อยู่ใต้อกซ้ายของเขาอย่างแน่นอน

ขณะที่พรีมรตารู้สึกตื่นเต้นจนเกือบจะลืมท่าเต้นของตนเองไปในนาทีแรก แต่ความเป็นมืออาชีพ ก็ทำให้หญิงสาวสามารถควบคุมการแสดง

_______________________________________________________

1ทับบล้า (Tubla) เป็นดนตรีประเภทเครื่องตี ชาวอาหรับนิยมอย่างยิ่ง เพราะราคาย่อมเยา หาซื้อง่าย และสามารถพกพาไปในงานเลี้ยงสังสรรค์ได้สะดวก เป็นเครื่องดนตรีประกอบการละเล่นพื้นเมืองหลายชนิด อาทิ การใช้ทับบล้าตีให้จังหวะระบำหน้าท้อง ซึ่งเป็นการเต้นรำในโลกมุสลิมที่มีชื่อเสียงมาก

โชว์ของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้คนที่มองการเต้นระบำหน้าท้องของเธอราวกับถูกมนต์สะกด ให้จดจ่อเฝ้ามองการแสดงของเธอตั้งแต่ต้นจนจบแบบไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว

เมื่อเสียงทับบล้าเงียบลง พร้อมกับที่ร่างอรชรย่อกายโค้งคำนับอย่างอ่อนช้อยงดงาม เสียงปรบมือจากท่านชีคแห่งซาร์เนเวียร์ก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงปรบมือของทุกคนที่ได้ชมการแสดง

ร่างสูงสง่าน่าเกรงขามเดินเข้ามาใกล้นางระบำสาว นางยังคงก้มหน้าก้มตา กระทั่งได้ยินเสียงกระแอมเบาๆ จากคนที่มายืนอยู่ข้างหน้า ทำให้หญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นมอง

ทันทีที่สบตาคู่คมของราชาคนใหม่ของซาร์เนเวียร์ในระยะใกล้ หัวใจของสาวน้อยก็กระตุกวาบ ความร้อนที่ไม่รู้พัดมาจากทิศไหน พัดวูบมากระทบใบหน้าของเธอเข้าอย่างจัง มันร้อนวูบวาบไปทั่วแก้มนวลทั้งสองข้างแผ่ซ่านไปจนถึงใบหูเล็กอย่างไม่อาจควบคุม

โชคดีเหลือเกินที่ยังมีผ้าบางๆ คลุมหน้าตั้งแต่ปลายจมูกลงมายังปลายคางเรียว ปิดบังความรู้สึกภายในใจให้มิดชิด มิเช่นนั้นเขาคงเห็นหลักฐานความประหม่าเขินอายของเธอจนหมดสิ้น เขาไม่เหมือนภาพที่เธอวาดเอาไว้ในมโนเลย

ทว่าพรีมรตาก็ไม่แน่ใจเลยว่ามันคือความเขินอาย เธอแทบจะลืมหายใจและเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ เขาตัวสูงมากเลยทีเดียวเมื่อยืนเทียบกันแบบนี้ รูปร่างของชายหนุ่มมิได้บอบบางทว่าดูแข็งแกร่ง สูงใหญ่ เต็มไปด้วยมัดกล้าม และดูทรงพลังมีอำนาจ จนยากที่จะมีบุรุษใดจะเสมอเหมือน ยิ่งใบหน้าคมเข้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่หาแห่งชายชาตรี มันยากเหลือเกินที่ผู้หญิงธรรมดาเช่นเธอจะมองข้าม แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจทัดทานได้เลย ก็คือแววตาคมกริบสีสนิมที่เปล่งประกายกล้าวาววับ ยากเกินจะหยั่งรู้ให้ลึกซึ้งถึงก้นบึ้งของหัวใจ

เขาคิดอะไรอยู่ในใจเธอมิอาจรู้ได้เลย ดวงตาคู่สวยหลุบลงต่ำเมื่อไม่อาจสรรหาคำใดมาเอื้อนเอ่ยกับเขาได้ นอกจากจะรอฟังคำสั่งด้วยใจที่เต้นระทึก

“ฟีน่า พานางไปรอที่ห้องของข้า จัดสำรับให้นางด้วย” ออกคำสั่งเสียงเข้ม สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของนางระบำสาวไม่วางตา

“เจ้าค่ะ” สาวใช้เก่าแก่ของวังหลวงวัยค่อนคน รับคำสั่งเสร็จก็เดินมาเรียกพรีมรตาให้ตามนางไป

“เชิญมิส ตามข้ามาเลยค่ะ”

พรีมรตาแอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก หากต้องยืนต่อหน้าท่านชีคหน้าดุเข้มคนนี้นานกว่านี้อีกหน่อย ตัวเธอคงแข็งเป็นหินแน่ หญิงสาวคิดก่อนจะเดินตามสาวใช้สูงวัยออกไปจากท้องพระโรงอย่างเงียบๆ โดยมีสายตาจากชีคแต่ละรัฐและสายตาอีกหลายคู่มองตามร่างอรชรไปจนลับตา

จากนั้นเจ้าบ้านก็เชิญอาคันตุกะทุกคนร่วมรับประทานอาหารและดื่มฉลองด้วยกันอย่างครื้นเครง แล้วเมื่องานเลี้ยงเลิกรา ทุกคนต่างก็พากันแยกย้ายกลับบ้านกลับเมืองของตนเอง เหลือก็เพียงแต่อาเหม็ดกับไฮซาลเท่านั้นที่ยังปรึกษาเรื่องงานกันต่อจนถึงค่ำ

“นี่ก็จวนจะมืดแล้ว อาขอตัวกลับก่อนนะซาฮิม”

“เชิญขอรับ ท่านอา”

คล้อยหลังอาเหม็ดไม่กี่นาที ทหารสายสืบคนสนิทของไฮซาลก็เดินเข้ามารายงานความคืบหน้า พร้อมกับยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้เจ้านาย ไฮซาลยื่นมือออกไปรับซองจดหมายพร้อมส่งสายตาคำถามไปยังสายสืบคนสนิท

“คนของกระผมไปค้นห้องพักของท่านราเชล ก็พบหลักฐานชิ้นนี้ขอรับ”

ฟังรายงานจบไฮซาลก็รีบเปิดซองสีน้ำตาลดู รูปถ่ายหลายใบที่หยิบขึ้นมาพิจารณาทีละแผ่น พร้อมพลิกดูตัวอักษรที่เขียนกำกับไว้ด้านหลัง ทำให้ดวงตาของมือขวาหนุ่มทอประกายวาววับขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความลิงโลด เขายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวจริงๆ ชีคซาฮิมมองหน้าทหารคู่ใจด้วยแววตาสงสัย

ก่อนที่ชีคหนุ่มจะทันได้ถามอะไร คนรู้ใจอย่างไฮซาลก็รีบยื่นรูปถ่ายพร้อมกับซองสีน้ำตาลให้กับสหายรักผู้สูงส่ง

ภาพของหญิงสาวในรูปคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้มันช่างเหมือนมาก เหมือนมากจริงๆ แล้วซาฮิมก็พลิกดูด้านหลังของภาพแต่ละใบก่อนจะยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมาอย่างน่ากลัว แล้วสองสิงห์ทะเลทรายก็สบตากันอย่างรู้ใจ

“เจ้าทำงานได้ดีมาก เทส แล้วข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม ไปได้แล้ว” ไฮซาลสั่งเบาๆ ทว่าเต็มไปด้วยอำนาจ

“ขอรับ นายท่าน”

เทสก้มคำนับเจ้านายตนเองและโค้งคำนับเจ้านายเหนือหัวด้วยท่าทางนอบน้อมมากที่สุด ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

“เจ้าเองก็ทำงานได้ดีมากสมกับเป็นมือขวาของข้าสหายรัก หากงานสำคัญชิ้นนี้สำเร็จข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นรัฐมนตรีเลยดีไหม เจ้าอยากจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไหนก็เลือกเอาเลย”

“ข้าไม่อยากเป็นรัฐมนตรีหรอก ข้าเป็นมือขวาของเจ้าแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่ข้าก็ไม่เคยขัดเจ้าได้อยู่แล้วนี่ ราชาซาฮิม”

คำตอบรับแกมยกย่องให้เกียรติ ที่ออกไปในทางหยอกเย้าของหนุ่มเจ้าสำราญ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่เสียงดัง ก่อนที่ราชาหนุ่มจะเดินไปยังห้องนอนของตน ซึ่งมีนางระบำสาวรออยู่ในนั้น

‘นางไม่ใช่แค่นางระบำธรรมดาเสียแล้วสิ แต่นางคือ คนรักของศัตรู!’

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY