"ฝ่าบาท!!ทรงช่วยกระหม่อมด้วยเถอะพะย่ะค่ะ" "เกิดเรื่องร้ายแรงอันใดท่านเซียนเมฆา ที่นี่คือห้องประชุมท่านโปรดรักษากิริยา" "โธ่! ได้โปรดตักเตือนท่านอี๋ซูด้วยเถอะพะย่ะค่ะ เมฆฝนที่กระหม่อมกำลังรวบรวมเอาไว้เพื่อที่เย็นนี้จะต้องทำให้ตกที่โลกมนุษย์บัดนี้ถูกเขาเรียกลมมาปัดเป่าจนกระจัดกระจายหายไปหมดสิ้นแล้ว" "อี๋ซู!!!"เสียงเรียกปานฟ้าผ่ามิได้ทำให้คนผู้นั้นตกใจหรือหวาดกลัว กลับยกสองมือประสานกันหลังศีรษะตนเอง แลบลิ้นปลิ้นตาให้ผู้ที่นั่งอยู่บนตั่งเหนือเซียนอาวุโสทั้งหลายที่กำลังหารือกันเคร่งเครียด แล้วผิวปากเดินจากไป ปล่อยให้เจ้าเหนือภพยกมือขึ้นกุมหน้าผากตัวเองส่ายหน้าไปมา "ท่านเซียนเมฆาเราต้องขอโทษแทนอี๋ซูด้วย หากท่านเริ่มรวบรวมเมฆฝนก้อนใหม่อีกครั้งตอนนี้คงทันเวลาฝนที่ต้องตกลงไปยังโลกมุนษย์ ส่วนอี๋ซูนั้นเราจะตักเตือนเขาเอง อย่างไรท่านก็รีบไปเถิด"หลิงไท่ยามเอ่ยปากน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล เหล่าเซียนเฒ่าทั้งหลายหันหน้ามองไปยังด้านนอกบ้าง ด้านในบ้าง มิสบตากับเจ้าเหนือภพในสมองกลับคิดว่า ท่านเหนือภพมีรึจะกล้าตำหนิติเตียนอี๋ซูผู้นั้น ยังมิทันจะเกินก้านธูปดีเสียงเหล่าเซียนทั้งชายหญิงก็ระเบ็งเซ็งแซ่ ต่างเรียกขานชื่ออี๋ซู!!มิขาดปาก ทุกคนที่ได้ยินถึงกับก้มหน้าปลงกับความซุกซน หนำซ้ำสายตายังเหลือบแลไปยังผู้มีอำนาจสูงสุด ไม่รู้จะกล่าววาจาเช่นไรกับสองคนนี้ดี ด้วยรู้ๆกันอยู่ว่าท่านเหนือภพทั้งรักและตามใจผู้มีนามว่าอี๋ซูมากมายเพียงใด ดุเพียงแค่ปากหากซักแปะยังไม่แตะต้องผิวกายให้ระคายเคือง "ฝ่าบาท..ฝ่าบาท...ฝ่าบาททรงช่วยพวกเราด้วยท่านอี๋ซูเค้า...." "อี๋ซู!!!!เจ้ากลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ อย่าให้เราได้ต้องลงมือไปลากเจ้ากลับมาได้ยินหรือไม่ อี๋ซู!!!"บัดนี้ท่านเหนือภพจากผู้ที่เพียบพร้อมทั้งกายและกริยา กลับโหวกเหวกโวยวายไม่แพ้ผู้ใด แถมยังทำท่าเหมือนวิ่งไล่จับคนผู้หนึ่งไปทั่วสรวงสวรรค์เป็นที่เฮฮาต่อเซียนทั้งหลาย ถึงขั้นเอ่ยพนันขันต่อว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำกันแน่
第1集
ย้อนกล่าวไปถึงตำนานที่ผู้คนเล่าขานกันมาเกี่ยวกับเจ้าแห่งผู้ปกครองทั้งสามภพ ไม่ว่าในนิทานปรัมปราเอาไว้เล่าให้ลูกหลานที่ต้องการความตื่นเต้น และอยากเก่งกาจดั่งผู้ที่เอ่ยนาม ด้วยคำร่ำลือว่าทั้งเก่งกาจ ดุดัน และเป็นเจ้าเหนือเซียน แถมด้วยรูปโฉมดั่งเทพผู้สร้างรังสรรค์ให้เป็นหนึ่งหามีสองไม่ นั่นยิ่งทำให้การเล่าขานสืบต่อมานานยิ่งนาน จวบจนพันปีผ่านไปคำเหล่านี้ก็มิได้จางหายกลับยิ่งมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
"องค์หลิงไท่นั้นกล่าวกันว่าปราบผู้เป็นฝ่ายอธรรมล้างบางจนไม่เหลือซาก"
"เดี๋ยวนะอาจาร์ยผู้เฒ่า หากไม่เหลือซากแล้วเหตุใดพวกเรายังต้องร่ำเรียนวิชาพวกนี้เพื่อปราบอธรรมกันอีกเล่า"เป็นฮุ่ยเหอรัชทายาท ผู้ที่มีข้อโต้แย้งและช่างสงสัยในทุกๆเรื่องขมวดหัวคิ้วถาม เจ้าแมวหน้าบู้ตัวขาวอ้วนพีเงยหน้าขึ้นจากการหลับไหลอยู่ข้างกาย ยื่นขาข้างซ้ายยืดออกมาค่อยๆกางเล็บออกจนเห็นปลายแหลม บรรจงใช้เล็บแหลมคมจิกลงบนต้นขาเล็กที่นั่งซุกอยู่ใต้โต๊ะเรียน
"โอ๊ยยยยย!! ไป๋อวี้เป็นเจ้าแกล้งข้าอีกแล้วนะ"หลังจากนั้นคนและแมวก็สร้างความปั่นป่วนให้กับเหล่าศิษย์ที่มาเล่าเรียนในสำนักและอาจาร์ยเอี้ยอวิ๋นอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนองค์ชายน้อยจะมิยินยอมให้ตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ไล่กวดกวาดต้อนกันจนถึงกองก้อนหินที่ตกแต่สวนเอาไว้ ความวิจิตรหาได้ทำให้หนึ่งคนหนึ่งแมวซาบซึ้งกับความงดงามนั้นไม่ กระทั่งฮุ่ยเหอก้าวกระโดดแล้วเหยียบพลาดร่างร่วงหล่นลงบนพื้น จะว่าสูงก็มิเชิงต่ำเตี้ยก็มิใช่ร่างเล็กถึงกับนอนสลบไสลไม่ได้สติ ร้อนถึงคนที่วิ่งไล่ตามเพื่อรักษาความปลอดภัยหนึ่งในนั้นคือเฟยเหลียงที่มาช้าเพียงครึ่งก้าว
"องค์ชายน้อย!!"ทุกคนเข้ามามุงตัวพลิกร่างกลับมานอนหงาย แต่ร่างเล็กกลับนิ่งเงียบไปเสียแล้ว ทุกคนลืมใส่ใจแมวหน้าบูดที่สายตาเป็นประกาย และจางหายไปอย่างช้าๆ
"อี๋ซู!!!เจ้ากล้าโขมยเปาเซียนอีกแล้ว นั่นจะนำถวายท่านหลิงไท่พรุ่งนี้จะมีพิธีบวงสรวงเจ้ารู้หรือไม่"หญิงร่างอวบใบหน้าเหี่ยวตามวัยโวยวายขึ้นจากห้องครัว ตามติดด้วยเสียงตุ๊บตั๊บจากการวิ่งไล่คนร่างเล็ก เนื้อตัวมอมแมมจากการซุกซนไปทั่ว ยามนี้เด็กน้อยที่คนเอ่ยนามอี๋ซูอายุย่างเข้าหนึ่งหมื่นเจ็ดพันปี หากเทียบกับมุนษย์บนโลกแล้วก็ปาเข้าไปในวัยหนุ่มอายุสิบเจ็ด สามารถออกไปท่องยุทธภพเพื่อเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตตามวิถีผู้กล้าได้แล้ว แต่คนผู้นี้กลับซุกซนราวเด็กน้อย เขาคือนายน้อยอี๋ซูเป็นบุตรที่เกิดจากสนมผู้หนึ่งของเจ้าแห่งผู้ปกครองเผ่าปักษา ด้วยภพที่กล่าวมาผู้ที่ปกครองเหนือทุกเผ่าที่ดำรงค์อยู่คือเผ่าสวรรค์ รวมโลกมุนษย์และโลกเซียน และผู้ที่เป็นเจ้าเหนือภพพระนามว่าหลิงไท่ผู้ที่ยามดีดุจพ่อผู้อ่อนโยนปกป้องบุตรให้พ้นภัย แต่ยามที่กราดเกรี้ยวหาผู้ใดกล้าเข้าใกล้ไฟร้อนที่พร้อมแผดเผาทุกผู้นามที่เผลอเข้าใกล้ให้ดับสูญจนมิเหลือซาก เป็นเพราะอี๋ซูเป็นบุตรเกิดจากเมียปลายแถวที่มิได้รับการโปรดปราณ จึงถูกชุบเลี้ยงโดยบรรดาบ่าวรับใช้ทั้งชายหญิงแทน นางที่ทนการกลั่นแกล้งไม่ไหวจากไปด้วยวัยที่ยังสาวสะพรั่ง ทิ้งบุตรน้อยวัยสามเดือนให้ผู้อื่นคอยดูแล และเป็นเพราะเม่ยกู๋มิได้เป็นที่โปรดปราณ จึงถูกกลั่นแกล้งจากเจิ่งหวาซึ่งเป็นเมียเอกของฮั่วซุน และเหล่าเมียรองอีกสามคน ร่างบางปราดเปรียวมือหนึ่งถือเปาสีขาวลูกโต อีกมือก็ถือลูกท้อสีสดเอาไว้ ปากคาบขนมอีกชิ้นวิ่งหนีเลี้ยวลดไปมากันมิให้เซิ่งหนิงแม่ครัวที่เลี้ยงดูเขาแทนมารดาไล่ตามทัน
"อี๋ซู ถ้าเจ้าไม่หันมาเย็นนี้เจ้าอดข้าวมื้อเย็นแน่"เซิ่งหนิงตวาดเสียงดัง ยืนหอบเพราะแบกน้ำหนักตัวมากเอาไว้ สองมือเท้าเอวใบหน้าถมึงทึง อี๋ซูพอได้ยินดังนั้นก็หยุดเท้าจนหน้าคะมำรีบหันกลับไปทันที
"เดี๋ยวสิ เดี๋ยวก่อนเซิ่งหนิงเจ้าจะใจร้ายกับข้าแบบนี้ไม่ได้นะ"อี๋ซูโวยวายก้าวเข้าไปหยุดตรงหน้าแม่เฒ่าทันที
"เจ้ากล้าต่อรองกับข้าหรืออี๋ซู"
"มิกล้าๆแต่ว่า แค่เปาสองลูกเซิ่งหนิงใยต้องหวงมากขนาดนี้ด้วยล่ะ ข้าหิวนี่นา"น้ำเสียงออดอ้อนเข้าไปคลอเคลียคนตัวโตจึงใจอ่อน น้ำเสียที่ใช้จึงนุ่มลงด้วยเช่นกัน
"เจ้านี่นะ อย่าหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองจะได้หรือไม่ นี่ถ้านายหญิงรู้เข้าละก็ ใช่เพียงแต่งดข้าวเย็นเท่านั้น เจ้ายังต้องไปดูแลโรงนกอีกรู้หรือไม่"เซิ่งหนิงบ่น สองมือใหญ่ปัดสิ่งเปรอะเปื้อนบนเสื้อผ้าอี๋ซูออกให้
"ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้วน่า โอ๊ยเซิ่งหนิงเจ้าเบามือได้หรือไม่"
"ยังจะให้ข้าเบามือ นี่ไปซุกซนที่ใดกันแน่ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้ เศษดินเศษใบไม้ถึงได้มากมายขนาดนี้"เซิงหนิงบ่นเบาๆ
"จุ๊ๆ อย่าเสียงดังไป ข้ามีอะไรจะอวดเจ้าด้วย"อี๋ซูค่อยๆล้วงของบางสิ่งออกจากอกเสื้อตัวเอง จากนั้นก็ยกขึ้นชูอวดต่อสายตา
"ห๋า!!นี่เจ้ากล้าขโมยไข่นกหงส์ไฟเชียวรึ เอาไปเก็บที่เดิมเดี๋ยวนี้ ไม่กลัวตายหรือยังไง"
"ไม่ๆข้าไม่ได้ขโมยนะ ใครจะเข้าไปในเขตหวงห้ามนั่นได้ง่ายๆกันเล่า"อี๋ซูรีบปฎิเสธ
"อย่าริเป็นเด็กพูดปด เจ้าบอกมาว่าไปเอามันมาได้อย่างไร"เซิ่งหนิงไม่ยอมอ่อนข้อให้
"เจ้าดูดีๆสิสีมันเหมือนไข่ของนกหงส์ไฟตรงไหน"อี๋ซูยื่นเข้าไปใกล้ใบหน้าเซิ่งหนิงอีกครั้ง คราวนี้นางถึงกับตาโต เพราะไข่ที่ว่าบางครั้งเป็นสีแดง บางครั้งกลายเป็นสีชมพู ม่วง และขาวสลับกันไป
"เป็นไปไม่ได้!"
"อะไรที่เป็นไปไม่ได้ ข้าแค่เห็นมันตกอยู่ตรงใต้ต้นไม้ตรงทางเข้ามายังเขตของเผ่าเรา อีกอย่างข้าหาดูแล้วหาดูอีกจนมั่นใจว่ามันไม่ได้ตกลงมาจากรังนกแถวนั้นแน่นอน ข้าเลยเก็บมันมา"อี๋ซูครั้งแรกนึกสนุกแต่พอเห็นใบหน้าตกใจบวกกับสีหน้าที่จริงจังนั่นทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าตนเองจะถูกลงโทษหรือไม่ น้ำเสียงที่เอ่ยจึงอ่อนอ่อย
"เจ้าแน่ใจหรือว่าไมไ่ด้ไปลักขโมยมา"
"นี่เซิ่งหนิง ถึงข้าจะเกเร แต่ข้าไม่เคยพูดปดหรือลักขโมยของผู้ใดนะ ข้าเก็บมันได้จริงๆ"เขาเริ่มโมโห เป็นนางที่เลี้ยงดูเขามาแต่เล็กเหตุใดจึงไม่เชื่อในวาจาของเขากันเล่า
"ข้ารู้แล้วเอาเถอะๆ ในเมื่อเจ้าเก็บได้ก็รักษามันเอาไว้ให้ดี แล้วอีกอย่างอย่าให้ผู้ใดเห็นมันเด็ดขาด เจ้าเข้าใจที่ข้าบอกหรือไม่ มิเช่นนั้นมันจะเป็นภัยสำหรับเจ้า"
"ข้าเข้าใจแล้ว"เซิ่งหนิงหมดความสนใจในเปาสองลูกนั่น ดวงตาเลื่อนลอยดุจคนใช้ความคิดเดินจากไป ทิ้งให้อี๋ซูเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ
"เป็นอะไรของเขากันแน่"อี๋ซูบ่นแล้วก้มลงมองไข่อีกครั้ง จากนั้นเขาเก็บมันเข้าอกเสื้อตัวเองอีกครั้ง จับเอาเปาเข้าปากเดินกินไปเต้นไป ยังไม่ทันเอาเข้าปากจนหมดก็ถูกตบหลังเสียงดัง เปาที่กำลังกลืนหลุดลงไปติดอยู่ในลำคอ เจ้าตัวต้องทุบอกตัวเอง
"แค่กๆ อึก แค่กๆ "
"ข้าขอโทษๆ เจ้าคายออกมาสิ คายออกมาเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกตายหรอก"เสียงร้อนอกร้อนใจจากด้านหลัง เป็นเสียงชายหนุ่มรุนคราวเดียวกัน ใบหน้าตอบนิดๆไม่ได้น่าเกลียดจนดูไม่ได้ รีบบอกสองมือลูบหลังบางไปมาด้วยความตกใจ
"อย่าห่วงกินคายออกมาเดี๋ยวนี้"อี๋ซูไม่ยอมคายมันออก ซ้ำยังพยายามกลืนก้อนเปาเข้าไปให้หมด ปาไช่ต้องรีบวิ่งไปเอาน้ำมาส่งให้ถึงปาก คอยลูบหลังให้ทุกอย่างลงท้อง
"เจ้า..เจ้า..เจ้าจะฆ่าข้าหรือยังไง"อี๋ซูตวาดหน้าที่แดงบัดนี้กลับกลายเป็นสีเดิมแล้ว
"ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าไปขโมยอะไรจากในครัวมากินอีกแล้ว"ปาไช่บ่นเบาๆ
"ข้าไม่ได้ขโมย"
"จริงหรือ?ข้าเห็นเวิ่งหนิงวิ่งไล่เจ้าจนพื้นดินสะเทือน"
"ข้าก็แค่ชิมดู"
"เฮ๊อะ!! อย่างเจ้าน่ะหรือจะชิมแล้วนี่มีส่วนแบ่งข้าหรือไม่"อี๋ซูยื่นเปาอีกลูกที่เหลือให้ แต่ปาไช่ทำหน้าแหยเปาในมือมีสีดำด่างไปทั่ว หนำซ้ำยังมีผิวที่เปียกจากน้ำ โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นน้ำลายของอี๋ซูหรือน้ำที่เขาตักมาให้ดื่มกันแน่
"เอ่อ ขอบใจ ข้าว่าข้าอิ่มแล้วจะดีกว่า"อี๋ซูหน้าตึง
"ข้าอุตส่าห์นำมาเผื่อเจ้าแต่เจ้ากลับบอกว่าอิ่ม ไม่นึกเลยใช่หรือไม่ว่าข้าเกือบถูกเซิ่งหนิงตีแล้ว"
"ข้าขอโทษๆ แต่ข้าอิ่มจริงๆ" อี๋ซูถอนหายใจ มองเปาในมือแล้วต้องยิ้มออกมา
"ข้าว่า เป็นข้าก็อิ่ม ฮ่าๆๆๆๆ"ปาไช่หน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งมองเพื่อนที่อ้าปากกว้างหัวเราะ
"เจ้านี่จริงๆเลยให้ตายสิ"สองคนต่างกอดคอกันเดินกลับไปที่พัก เซิ่งหนิงหลังจากปล่อยอี๋ซูจากไปพร้อมเปาแล้วก็เดินใจลอยกลับมาในห้องครัว ในใจเหน็บหนาวยิ่งนัก ภาพไข่ที่อี๋ซูยื่นมาให้ดูยังติดตามิรู้ลืม
"เซิ่งหนิง แม่เฒ่าเซิ่งหนิง"บ่าวในครัวเรียกซ้ำหลายครั้งจนต้องแตะข้อมือให้รู้ตัว
"ว่าอย่างไร"
"เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ"
"ไม่เป็นไร ว่าแต่เรียกข้ามีเรื่องอันใด"
"นายหญิงเรียกเจ้าค่ะ"เซิ่งหนิงรู้ทันทีว่าเรียกนางไปด้วยเรื่องอันใดกันแน่
"ข้ารู้แล้วพวกเจ้าไปเตรียมอาหารเถอะ ดูดีๆอย่าให้ขาดตกบกพร่องไป"
"ข้ารู้แล้ว"เซิ่งหนิงเดินเข้าไปยังตำหนักปักษาด้วยท่าทียังไม่ปรกติมากนัก
"นายหญิง"
"เซิ่งหนิง เจ้าเห็นเจ้าเด็กแสบนั่นหรือไม่"
"มิเห็นเจ้าค่ะ นายน้อยอี๋ซูคงออกไปซุกซนตามประสา"
"ข้าไม่เข้าใจจริงๆเหตุใดนายท่านจึงยังเก็บมันเอาไว้ให้อับอายสกุลอีก"นายตบโต๊ะตบเก้าอี้ด้วยความไม่พอใจ เซิ่งหนิงไม่ได้ต่อคำได้แต่ก้มหน้านิ่ง
"ให้คนไปตามมันมาหาข้าเดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้ข้ากับนายท่านและ เลี่ยงเอ๋อร์จะขึ้นไปถวายพระพรองค์หลิงไท่ ข้าจะให้มันไปจับนกหงส์ไฟมาเพื่อเป็นของถวาย"
"ตะ..แต่ว่ามันอันตรายมากนะเจ้าคะ หากว่าหงส์ไฟโตเต็มวัยจับได้นายน้อยมิต้องเสี่ยงภัยรึเจ้าคะ"เซิ่งหนิงตกใจละล่ำละลัก
"ชีวิตมันใยต้องนับ ไปตามมันมาเดี๋ยวนี้"เซิ่งหนิงน้ำตาคลอเบ้า นึกน้อยใจในโชคชะตาแทนเด็กน้อยที่ตนเองเลี้ยงมา
เรื่องราวของการแก่งแย่งอำนาจและบัลลังก์ ทำให้ต้องโหดเหี้ยม หากแต่ท่ามกลางความโหดร้ายกลับมีไออุ่นจากความรักเช่นกัน
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"