ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / นิยายวาย / คนอุ่นเตียง
คนอุ่นเตียง

คนอุ่นเตียง

5.0
59 บท
54.6K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

เรื่องราวของการแก่งแย่งอำนาจและบัลลังก์ ทำให้ต้องโหดเหี้ยม หากแต่ท่ามกลางความโหดร้ายกลับมีไออุ่นจากความรักเช่นกัน

บทที่ 1 การปรากฏตัวของชุนหวง

"เจ้าเห็นหรือไม่เขาเป็นบุรุษแท้ๆ แต่กลับงดงามดุจภาพเขียนเทพเซียนของจิตรกรชื่อดัง"

"ใช่ๆ น่าเสียดายยิ่งนัก ผู้คนต่างร่ำลือกันว่าคุณชายชุนหวงท่านนี้เก่งกาจทั้งศาสตร์และศิลป์ล้วนแต่เป็นที่ต้องการของผู้มีอำนาจเงินทอง"

"ก็แค่คำร่ำลืออย่างไรเสียชุนหวงคนนี้เป็นแค่นายคณิกาอยู่ในหอจันทร์ส่องเท่านั้น อย่าไปให้ราคาเลย"สามคนที่นั่งดื่มเหล้าเคล้าหญิงงามต่างถกเถียงกันเมื่อเห็นบุรุษในสุดขาวสะอาดตาไปทั้งตัว นั่งเล่นฉินอยู่ด้านหน้าเวทีที่ยกสูงขึ้นมาไม่มาก รอบบริเวณเต็มไปด้วยโต๊ะรายรอบเสียงอันไพเราะปนเศร้าบรรเลงเพลงล่องลอยไปทั่ว ไม่ว่าชั้นหนึ่งหรือชั้นสองที่ให้สำหรับพ่อค้าวาณิชและเหล่าผู้มีชื่อเสียงเงินทอง มีเบี้ยสูงลิ่วเพียงพอที่จะจ่ายในสถานที่นี้ได้

"ใยเจ้าถึงให้ร้ายผู้อื่นเช่นนี้เล่า หากไม่ชื่นชอบก็มิจำเป็นจะต้องเข้ามานั่งในสถานที่นี้ ท่านก็รู้ว่าคุณชายชุนหวงมีกำหนดเวลาที่จะออกมาบรรเลงฉินให้พวกเราฟัง"หนึ่งในนั้นถึงกับโมโหจนหน้าแดง ทั้งที่มาร่ำสุราด้วยกันกลับขัดแย้งกันเสียแล้ว เพียงเพราะชายหนุ่มที่งามล่มเมืองดูราวหยกเนื้อดี ใบหน้างดงามหมดจดผมดำขลับยาวสยายไปด้านหลังด้านบนมวยเกล้าเพียงครึ่งผูกด้วยผ้าสีขาว มิได้ใส่กวานเฉกเช่นบุรุษอื่น ทั่วตัวสิ่งที่เห็นมีราคาคงจะเป็นแค่หยกสีเขียวเนื้อดีห้อยข้างด้วยพู่สีครามเท่านั้น หากมีนางงามล่มเมืองในฉางอันนี้บุรุษที่งดงามยิ่งกว่าย่อมเป็นผู้ที่ดีดฉินอยู่เบื้องหน้านี่เอง จู่ๆ เสียงฉินที่บรรเลงก็เงียบหายไป เหล่านักร่ำสุรายามราตรีต้องชะงักจอกเหล้าที่กำลังเทเข้าปากหันมามองหน้ากันเลิกลัก

"หากไม่ชอบเสียงดนตรีที่ข้าบรรเลง เช่นนั้นข้าก็ขอตัว"น้ำเสียงกังวานแว่วหวานเยือกเย็นหลุดออกจากปากกระจับสีเรื่อ ชุนหวงขยับกายลุกขึ้นช้าๆ มือข้างหนึ่งอุ้มฉินขึ้นแนบอกก้มหัวลงเล็กน้อย เพียงให้รู้ว่าเคารพจากนั้นก็ถอยหลังหายลับไปกับฉากพับลายนกกระสา ทิ้งให้ผู้คนต่างถอนหายใจด้วยความเสียดายยิ่งเหล่าผู้คนเริ่มถกเถียงกันเองด้วยความโมโห

"เพราะท่านทีเดียวมีตาแต่ไม่รู้จักภูเขาไท่ ทำให้คุณชายชุนหวงถึงขั้นเลิกบรรเลงเพลง"หนึ่งในนั้นถึงขั้นหัวเสีย

"เฮ๊อะ!! "เขาก่นเสียงขึ้นจมูกแล้ววางเงินจำนวนหนึ่งก้วนลงบนโต๊ะโดยแรงแล้วจากไปปล่อยให้มีเสียงเซ็งแซ่ด้วยความไม่พอใจ แต่กลับไม่ได้ทำให้ผู้ที่มีนาม ‘ชุนหวง’ เดินวกกลับมาบรรเลงฉินต่อเลยแม้สักนิด ร้อนถึงแม่เล้าร่างอวบท้วมในสุดสีสดใสเดินเข้ามาพร้อมกับชายร่างกำยำสามสี่นายเพื่อคุมความสงบในหอจันทร์ส่อง

"ใจเย็นๆ ก่อนเถอะเจ้าค่ะคุณชายทั้งหลายวันนี้คนคงไม่สามารถบรรเลงฉินขับกล่อมได้แล้ว อย่างไรเสียข้ายังมีอี้จีที่งดงามบรรเลงฉินและพิณได้ไพเราะไม่ต่างกับชุนหวงเลยนะเจ้าคะ"ฉีเหนียงกวักมือเรียกสตรีร่างอรชรในชุดสีเขียวงดงามเดินกรีดกรายออกมา นางพยักหน้าให้กับคนรับใช้ยกเอาพิณมาวางไว้ให้จากนั้นก็บรรจงนั่งลงบนเก้าอี้ กรีดนิ้วบรรเลงพิณผู้คนในหอย่อมลดความโกรธเกรี้ยวลงในระดับหนึ่งจากนั้นไม่นานต่างก็เพลิดเพลินกับเสียงพิณและเสียงขับร้องจากผู้มาใหม่ นางถึงกับลูบอกตนเองด้วยเห็นว่าเรื่องเหล่านี้กำลังผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

"เกือบไปแล้วๆ เพราะเจ้าชุนหวงแท้ๆ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเรียกแขกได้ละก็ ข้าจะขับไล่ออกไปเสียนานแล้ว"นางตวัดเสียงบ่นกับคนข้างกาย

"เอาน่ายังไงเราก็ได้จากมันเยอะแยะแล้วนี่นา"คาดว่าบุรุษที่เอ่ยปากท้วงคือสามีของนาง

"อย่างนี้จะคุ้มได้อย่างไรกันชื่อเสียงของหอข้ามิป่นปี้ไปแล้วหรือไร เล่นครึ่งๆ กลางๆ นึกจะหยุดก็หยุดไปเสียดื้อๆ หรือถือว่าตนเองเป็นที่นิยม "นางค้อนควัก

"ถ้าอย่างนั้นก็ไปพูดจากันให้รู้เรื่องเลยดีไหมหากมันยังไม่ทำตามกฎ ก็ขับไล่ไปให้พ้นหอนี่ซะ"ฉีเฮ่อเอ่ยปากดักคอผู้เป็นภรรยา ด้วยรู้ว่าสิ่งที่นางงกที่สุดก็คือเงิน ยิ่งชุนหวงเป็นตัวทำเงินให้กับสถานที่นี้ มีหรือนางจะยอมเสียไปโดยง่าย

"ให้แล้วก็แล้วไปเถอะ หากมีคราหน้ามีหรือข้าจะปล่อยปละให้เป็นเช่นนี้ได้อีก"นางโบกมือไปมา ฉีเฮ่อยิ้มอย่างรู้ทัน ชุนหวงเป็นคนที่เขาเก็บมาเลี้ยง เรื่องราวในกลับอดีตผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

.......................................................................

"นายท่านได้โปรดเถิดเจ้าค่ะมิต้องให้ข้าวให้น้ำอันใดแก่ข้า เพียงแค่รับเด็กคนนี้เอาไว้เลี้ยงดูจะให้เขาเป็นทาสหรือเป็นบ่าวรับใช้ ข้ามิขัดขอเพียงได้ให้เขามีชีวิตรอดเท่านั้น"นางที่อุ้มห่อผ้าแพรเนื้อดีสีเขียวด้านในยังมีเด็กน้อยอายุราวสี่ถึงห้าเดือนร้องอ้อแอ้ดิ้นไปมาอยู่ด้านใน กาลก่อนนั้น ฉีเฮ่อยังรุ่นหนุ่มเขาเองมีอาชีพเป็นเพียงผู้ดูแลความสงบหอจันทร์ส่องนี้ สตรีที่ดูขะมุกขะมอมไปทั้งเนื้อตัวยื่นมือที่เปื้อนดำส่งเด็กในอ้อมแขนส่งให้พร้อมกับห่อผ้าสีแดงหนักอึ้ง เขาตาโตเพราะพอจะเดาว่าสิ่งของด้านในคือสิ่งใด

"สิ่งนี้ข้ามอบให้แก่ท่าน สัญญากับข้าให้เด็กคนนี้จะได้ร่ำเรียนวิชา ทั้งดนตรีและหนังสือหากเขาอยากจะเรียนการต่อสู้ท่านจงสนับสนุน ของในห่อนี้ท่านกินจนวันตายก็ไม่มีวันหมด เจียดให้เขาได้ร่ำเรียนด้วยเถิด ส่วนพู่หยกนี้จงมอบแก่เขายามที่เขาเติบโตอายุสิบห้าแล้วได้หรือไม่"น้ำเสียงสั่นๆ ของสตรีผู้นี้เอื้อนเอ่ยพร้อมกับน้ำนองหน้ามอมแมม ตาบวมปูดจากการร่ำไห้จนแยกไม่ได้ว่าใบหน้าแท้จริงเป็นอย่างไร

"ได้หรือไม่"นางถามย้ำส่ายตาก็สอดส่ายราวกับกลัวผู้ใดพบเจอ ฉีเฮ่อยามนั้นละโมบโลภมากเมื่อเปิดพกห่อดูก็ถึงกับตาโต

"ได้ๆ ข้ารับปาก"เขาละล่ำละลักเอ่ยปาก

"ขอบใจท่านมากถ้าเช่นนั้นขอให้รับนายใบ้ผู้นี้ เขาชื่อหลี่เจี๋ย ให้เขาเป็นคนดูแลชุนหวงเถิด ท่านมิต้องมาดูแลด้วยตนเองปล่อยให้หลี่เจี๋ยเป็นผู้ดูแลได้หรือไม่"นางดันเด็กอายุประมาณสิบขวบหน้าตาหมดจดเกลี้ยงเกลาออกมาด้านหน้า

"ได้ย่อมได้มิใช่เรื่องยาก"ฉีเฮ่อพยักหน้าส่ง

"ท่านอย่าคิดว่ารับปากแล้วจะทอดทิ้งชุนหวงกับหลี่เจี๋ยได้ ข้ายังมีคนคอยตามดูแลเขาอยู่ห่างๆ หากวันใดมีเรื่องเกิดขึ้นกับเด็กสองคนนี้ชีวิตท่านย่อมหามีไม่ เข้าใจหรือเปล่า"นางข่มขู่ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"นี่ๆๆ เจ้า...ข้าช่วยพวกเจ้าเอาไว้แล้วแท้ๆ กลับกล้าทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือคนเนรคุณ"เขาโวยวายเสียงดังยังไม่ทันที่จะเป็นจุดสนใจ จู่ๆ คอเขาก็รู้สึกเย็นเฉียบจากคมดาบที่ปรากฏขึ้นยามใดมิรู้เหงื่อกาฬถึงกับแตก

"รู้แล้วใช่ไหมว่าข้าพูดจริง จงดูแลเด็กสองคนนี้ให้ดีมิเช่นนั้นท่านจะไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหล่านั้นอีกเลย"ว่าจบนางและคนที่เอาคมดาบจ่อคอหายไปในพริบตา ปล่อยให้เด็กชายในชุดผ้าฝ้ายสีน้ำตาลยืนอุ้มเด็กที่นอนอยู่ในห่อผ้า

"นี่ข้าคงมิใช่เรื่องหาเหาใส่ตนเองใช่หรือไม่"เขาบ่นกับตัวเองพลางมองเด็กสองคน

"เอาเถอะเรื่องมาถึงขนาดนี้จะให้ทิ้งไปก็ใช่ที่ มาสิเข้ามาข้าจะไปแจ้งนายหญิงเสียก่อน" ครั้งนั้นฉีเฮ่อยังไม่ได้ตกแต่งกับฉีเหนียง พอเขานำเงินทองเข้าไปให้พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่พบเจอมา นางก็ละโมบเอ่ยปากบอกให้ฉีเฮ่อตกแต่งนางเป็นภรรยา แล้วมาดูแลหอจันทร์ส่องนี่พร้อมกัน เขาคิดถ้วนถี่แล้วก็มิเสียหายอันใดจึงตกปากรับคำ ทั้งคู่เลี้ยงดูชุนหวงตามประสามิได้ให้ลำบากตรากตรำ แต่ก็มิได้สะดวกสบายเหมือนลูกหลานคนในตระกูล ทั้งยังส่งเสียเลี้ยงดูพอสมควร หลี่เจี๋ยที่กลายเป็นคนรับใช้และพี่เลี้ยงของชุนหวงเฝ้าทำทุกอย่างให้ไม่น้อย อีกทั้งห่อพกที่จิงฮัวหรือสตรีนางนั้นมอบให้ต่างหากเพื่อเลี้ยงดูชุนหวงก็มากโข หากแต่ที่นี่ย่อมปลอดภัยกว่าที่ใดดังคำที่ว่า 'อยู่ใต้จมูกย่อมปลอดภัยกว่า'

...............................................

"หลี่เจี๋ยข้าจะทนไม่ไหวแล้วนะ"ชุนหวงนั่งหน้าบึ้งกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะเสียงดัง ดวงตาสวยสดหงิกงอปากคว่ำภายในห้องหับมิดชิดกว้างขวาง นี่เป็นที่ส่วนตัวเฉพาะของชุนหวง คนที่จะเข้ามาในนี้ได้มีเพียงสองคนเท่านั้น แม้กระทั้งฉีเฮ่อและฉีเหนียงยังมิอาจล่วงล้ำโดยมิได้บอกกล่าว กลางห้องมีโต๊ะตั้งฉินเอาไว้มองดูก็รู้ว่าเป็นของล้ำค่า อีกทั้งยังมีไน่ยไน่ยที่ทำหน้าที่สาวใช้โดยผ่านการคัดเลือกจากหลี่เจี๋ยให้มาดูแลชุนหวง ม่านขาวพลิ้วไหวตามสายลมที่พัดผ่านหน้าต่างทั้งยังมีระเบียงไม้ด้านนอกให้ชุนหวงได้ออกไปเล่นฉินให้ผู้คนที่สัญจรได้มีโอกาสได้ฟังเป็นบางโอกาสในยามที่เขามีอารมณ์สุนทรี

"ใจเย็นก่อนเถิดขอรับ"

"ข้าอยากออกไปจากที่นี่เต็มทีแล้ว เจ้ารู้หรือไม่เหตุใดพวกเราจึงต้องมาทนอยู่ในสถานที่แบบนี้ทั้งที่เราสามารถออกไปอยู่กันเองได้"น้ำเสียงหงุดหงิดเอ่ยถาม

"มันไม่ปลอดภัย ข้ามิใช่ว่าเล่าเรื่องทุกอย่างให้ท่านฟังแล้วหรือขอรับ"หลี่เจี๋ยปลอบนายของตน

"ข้าทนไม่ไหวแล้วนี่"น้ำเสียงลดอาการเกรี้ยวกราดลงเมื่อได้ฟังคำปลอบ หลี่เจี๋ยถอนใจเฮือกใหญ่ ยามเขาเติบโตมากขึ้นก็มีคนชุดดำมาสอนวิชาการต่อสู้ให้ หลังจากที่นายน้อยชุนหวงหลับสนิทแล้ว พอเขาเอ่ยปากให้ผู้คนเหล่านั้นสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับนายน้อยกลับมิได้รับการตอบสนอง คิดดูเอาเถิดสอนกันมาตั้งแต่เขาอายุสิบเอ็ดจนถึงเขาอายุยี่สิบเจ็ด ครึ่งคำก็มิหลุดออกจากปากคน เขาได้แต่ทำหน้าที่คุ้มกันนายน้อยชุนหวงและเรื่องที่เขาพูดได้ก็ยังคงเป็นความลับอยู่อย่างนั้น

"ข้าอึดอัด"

"ข้าน้อยเข้าใจ แต่เรื่องความปลอดภัยมันสำคัญกว่าเรื่องนี้ ขอท่านจงอดทนเมื่อถึงเวลาพวกเราจะจากไปทันที"

"แต่เรื่องมันผ่านมาสิบเจ็ดปีแล้วทุกอย่างย่อมถูกลืมเลือนใช่หรือไม่"

"กลุ่มคนเหล่านั้นย่อมมิปล่อยให้ท่านผ่านสายตา เห็นแก่พวกเราที่ปกปิดสถานะท่านมาจนถึงป่านนี้ อย่าทำให้มันสูญเปล่าเลยนะขอรับ"

"เฮ้อ! ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าให้ไน่ยไน่ยเตรียมน้ำเถอะ ข้าอยากอาบน้ำแล้ว"ชุนหวงเอ่ยปากลุกขึ้นยืน หลี่เจี๋ยเดินหายไปชั่วครู่ ก็กลับมาตามด้วย สาวใช้ในชุดผ้าฝ้ายสีขาวเดินเข้ามาย่อเข่าคาวรวะ

"นายน้อย"

"ไน่ยไน่ยน้ำร้อนได้ที่หรือยัง"ชุนหวงเอ่ยปากสองมือกางออกกว้าง ให้หลี่เจี๋ยกับไน่ยไน่ยช่วยกันปลดผ้าคลุมและชุดด้านนอกจนเหลือแค่กางเกงสีขาวบางตัวเดียว

"เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะนายน้อย"ไน่ยไน่ยอดหน้าแดงทุกครั้งไม่ได้ที่เตรียมอาบน้ำให้ชุนหวง รูปร่างขาวนวลกระจ่างตามิได้อ่อนช้อยเหมือนเช่นสตรี หากแต่เอวบางคอดเรียวขาขาวเนียนยาวได้ส่วนนิ้วมือเรียวเหมาะแก่การอ่านและเล่นดนดรี งดงามไปเสียทั้งตัว เสียงกระเบื้องบนหลังคาดัง'กร๊อก' หลี่เจี๋ยรีบตวัดผ้าคลุมขาวผืนใหญ่มาห่มให้ชุนหวงเอาไว้ปิดบังเรือนร่าง สบตากับไน่ยไน่ยและกระโจนออกจากระเบียงเพื่อขึ้นไปบนหลังคา น่าเสียดายที่ไม่พบเจอสิ่งผิดปรกติใดๆ ชุนหวงถอนหายใจอีกครา ทำไมเขาถึงไม่มีวรยุทธเฉกเช่นคนอีกสองคนขนาดไน่ยไน่ยเป็นอิสตรียังเก่งกาจกว่าเขาเสียอีก

"นายน้อยท่านปลอดภัยหรือไม่"หลี่เจี๋ยกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมเอ่ยถาม

"จะให้ข้าเป็นอะไรได้พวกเจ้าสองคนออกจะหูไวตาไวปานนี้"

"อย่าได้ประมาทไป เมื่อครู่ย่อมมีคนมาสอดแนมเป็นแน่ แต่ไฉนเราสองคนถึงไม่รู้ตัว ฝีมือช่างเยี่ยมยุทธนักไม่รู้ว่าเป็นคนของฝ่ายไหน"หลี่เจี๋ยยังร้อนใจ

"ข้าจะลองออกไปสืบดูด้านนอก"ไน่ยไน่ยเอ่ยปาก

"ดีเช่นนั้นสืบมาข้าจะดูแลนายน้อยเอง"จากนั้นไน่ยไน่ยก็หายไปจากหน้าต่างอีกครั้ง

"ออกทางประตูกันไม่เป็นใช่หรือไม่"ชุนหวงทั้งแง่งอนทั้งอิจฉา ลองให้มาแข่งกันเรื่องเกี่ยวกับดนตรีสิมีหรือเขาจะสู้ไม่ได้ แต่เรื่องวรยุทธกลับมิเทียบเท่า แม้แต่เรี่ยวแรงปืนป่ายยังไม่ค่อยมีคิดแล้วก็ให้ท้อแท้กับความอ่อนแอของตนเองไม่น้อย

"มีพวกเราท่านจะกลัวอะไรขอรับ การฝึกแบบนี้มิใช่เรื่องน่าสนุกเป็นท่านเองที่จะทานมิไหว"

"นี่เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่าข้าเป็นบุรุษเช่นเดียวกับท่าน"หลี่เจี๋ยกวาดตามองไปทั่วตัวนายน้อยของตนเองพลางนึกในใจ 'เป็นบุรุษแต่กลับงามล่มเมืองยิ่งกว่าสาวงามเสียอีกแล้วอย่างนี้จะให้วางใจได้อย่างไรกันเล่า'

"ขอรับๆ ไม่ลืมขอรับท่านอาบน้ำเถิดน้ำเริ่มจะเย็นแล้ว"

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY